-- มุมมองของทัตสึยะ --
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างที่ผมกำลังพูดคุยกับคณะราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซ
ที่หัวหน้าราชคณะราชทูตเกิดอาการหน้ามืดอย่างกะทันหัน และยังโชคร้ายสะดุดพรมพลาดหกล้มหัวไปชนเข้ากับกำแพงจนปางตาย
ผมจึงได้ตัดสินใจหยุดการพูดคุยเอาไว้ก่อน
และได้ออกคำสั่งให้พวกเมดและราชองค์รักษ์หลายคนพาตัวหัวหน้าราชคณะราชทูตไปทำการรักษา ส่วนพวกคณะราชทูตคนอื่นๆนั้นก็จะถูกพาไปพักผ่อนยังห้องขัง....ผมหมายถึงห้องรับรองที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดเป็นพิเศษน่ะนะ
แน่นอนว่า ผมนั้นรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่คาดฝันในครั้งนี้
แต่กับไอ้ขุนนางน่ารังเกียจที่เห็นชีวิตผู้คนเป็นเพียงเครื่องมือพรรณนั้นน่ะ
ผมคิดว่าการที่มันจะถูกสั่งสอนซะบ้างก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว และทางคณะราชทูตคนอื่นๆเองก็ดูจะไม่ติดใจเอาความกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย
เพราะงั้นผมจึงไม่คิดจะไปต่อว่า
หรือลงโทษเธอคนนั้นที่ไม่อาจจะอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ และปล่อยให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกนำไปใช้เขียนลงใน
บันทึกเรื่องลึกลับในปราสาทเซย์ริเอนเรื่องที่ 13
เพื่อใช้สำหรับเป็นหนังสืออ้างอิงให้กับผู้คนที่เข้ามาทำงานในปราสาทเซย์ริเอนสืบต่อไป
แต่สำหรับเรื่องไร้สาระพวกนั้นคงต้องพักไว้ก่อน
เพราะในตอนนี้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละนาทีนั้นเรียกได้ว่าสำคัญมาก
「เร่เน่จัง รีบติดต่อไปยังหน่วยข่าวกรอง ให้
เอริจัง มิฮารุจัง
และหน่วยข่าวกรองทั้งหมดที่กำลังว่างอยู่เดินทางไปยังเมืองกูสตาฟเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในปัจจุบัน
ส่วนเธอก็ช่วยไปเอารายงานข้อมูลทั้งหมดที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาให้ผมที่ห้องอาการทีนะ」
「ชะ ชั้นจะจัดการเด๋วนี้เลยค่ะ!!」
หลังจากออกคำสั่งพร้อมกับบีบก้นเร่เน่จังอย่างแรงเพื่อกระตุ้นเธอที่กำลังหวาดวิตก
เรเน่จังก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
และเธอก็รีบวิ่งไปพร้อมกับออกคำสั่งไปด้วย
เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด
ผมจึงยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรจริงๆจังๆได้ แต่จากสิ่งที่ได้ฟังมาจากหัวหน้าคณะราชทูต
หรือก็คือไอ้เจ้าไวส์เคานต์เยรเกอร์นั้น ผมคิดว่ามันคงจะไม่ใช่แค่การขู่
และบางทีพี่ชายของยูฟีน่าและเมืองกูสตาฟในตอนนี้อาจจะกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤต
หรือไม่ก็อาจจะตกไปอยู่ใต้การปกครองของขุนนางจักรวรรดิคนอื่นแล้วก็ได้ แต่ถ้าจะให้มารอข้อมูลอยู่เฉยๆก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน
「มาเรีย
ออกคำสั่งให้ทหารทุกนายของกองพันแวร์วูล์ฟกลับไปรายงานตัวที่ฐานทัพ สำหรับกองอัศวินที่
3 และ 4 ให้ยกเลิกหน้าที่ทั้งหมดในปัจจุบันและกลับไปรายงานตัวที่กองบัญชาการ
แล้วก็ช่วยเรียกพวกจอมเวททุกคนที่ยังอยู่ในเมืองสเตรเชีย
รวมทั้งพวกหัวหน้ากองกำลังทุกฝ่ายมาเข้าประชุมพร้อมกัน เวลาบ่าย 2 ที่ห้องประชุมใหญ่ในปราสาทเซย์ริเอน」
「รับทราบค่ะ นายท่าน!」
ถึงผมจะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องเรียกพวกทหารในกองพันแวร์วูล์ฟกลับมา
ทั้งๆที่พวกนั้นพึ่งจะได้เริ่มต้นวันหยุดยาวกันแท้ๆ
แต่เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่แค่ผมและพวกหน่วยเมดติดอาวุธจะจัดการเองได้
เพราะงั้นเอาไว้ค่อยให้รางวัลพวกนั้นเพิ่มเติมทีหลังก็แล้วกัน
ส่วนพวกกองอัศวินและพวกจอมเวทนั้น
ทุกคนเคยชินกับการถูกเรียกตัวด่วนในช่วงวันหยุดกันเป็นประจำอยู่แล้ว
เพราะงั้นทุกคนจึงได้เตรียมตัวแทนสำหรับถ่ายโอนงานกันในเวลาฉุกเฉินเอาไว้อยู่แล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรล่ะนะ
หลังจากนั้น
ผมและคริสติน่าก็มาถึงยังห้องอาหาร
และพวกเราก็เริ่มทานอาหารกันไประหว่างรอรายงานจากเอริจัง แต่ทั้งๆที่มื้อกลางวันในวันนี้มีกุ้งเทมปุระซึ่งอาหารโปรดของคริสติน่า
ตัวเธอกลับแทบจะไม่ได้แตะอาหารอะไรเลย
「ผมก็เข้าใจนะว่าเธอกำลังกังวล
แต่ทำหน้าตาแบบนั้นระหว่างทานอาหารมันเสียมารยาทต่อเชฟที่ตั้งใจทำของโปรดมาให้เธอในวันนี้นะ」
「แต่ว่า.....ถ้าหากชั้นสามารถเกลี้ยกล่อมท่านเคานต์โรเดริกให้มาอยู่กับพวกเราได้....เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น......」
คริสติน่าตอบกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
ก็ตามที่เธอพูด เพราะการเจรจากับเคานต์โรเดริกพี่ชายของยูฟีน่าให้มาเข้ากับเรานั้น เป็นข้อตกลงเพียงข้อเดียวที่ผมมอบให้กับคริสติน่า
ทั้งๆแบบนั้น เธอก็ยังไม่สามารถตอบรับในสิ่งที่ผมต้องการได้
แถมในตอนนี้ยังกลายมาเป็นผลเสียให้กับพวกเราอีก
「ผมไม่เห็นว่าเรื่องนั้นกับเรื่องของอาหารกลางวัน
มันจะมีความเกี่ยวข้องกันยังไงเลยนะ อีกอย่างนะคริสตี้จัง ต่อให้เคานต์โรเดริกและเมืองกูสตาฟมาอยู่กับพวกเรา
ไอ้พวกระยำนั่นมันก็แค่เปลี่ยนไปใช้ชาวบ้าน
หรือไม่ชาวเมืองอื่นๆมาเป็นเครื่องต่อรองแทนเท่านั้นเอง」
เหตุการณ์ในครั้งนี้มันก็แค่จุดเริ่มเท่านั้น ทั้งเคานต์โรเดริกและชาวเมืองกูสตาฟนั้นก็เป็นแค่หมากตัวแรกของไอ้เจ้าจักรพรรดิเลคซิอุส
เพราะถ้าหากเจ้านั่นต้องการล่ะก็ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะหาตัวประกันอื่นๆมาแทน
「......ทำไม.....ทำไมทัตสึยะซามะถึงได้เข้มแข็งนัก.....อุ๊ป!!」
ไม่ปล่อยให้คริสติน่าพูดจบ
ผมใช้โอกาสนี้จับกุ้งเทมปุระยัดใส่ปากของเธอ ใบหน้าตกใจและเขินอายของเธอที่มีกุ้งเทมปุระอุดปากอยู่นั้นน่ารักมากทีเดียว
「เอาล่ะ ทานเจ้านี่เข้าไปด้วยนะ อ้ามมม」
เพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ของคริสติน่า
ผมจึงย้ายไปนั่งข้างๆและคอยป้อนอาหารหลายๆอย่างให้กับเธออย่างต่อเนื่อง
ในเวลาแบบนี้น่ะ มันต้องกินเข้าไปเยอะๆสมองถึงจะแล่น เพราะต่อให้มานั่งกังวลใจไปมากแค่ไหน
พวกเราก็ยังไม่สามารถจะเคลื่อนไหวอะไรในทันทีได้อยู่ดี
「โฮ่!! มีแต่ของกินน่าอร่อยอยู่เพียบไปหมดเลยนะเนี่ย ทัตสึ」
「มีปลาไหลยักษ์ย่างด้วย สุดยอดไปเลยนะคะอากิโอซัง」
「ตรงนั้นมีกลิ่นของน้ำหวานหายากผสมเหล้าด้วยนะคะ
อากิโอะซามะ」
「นะ นั่นมัน.....เนื้อราชาแห่งท้องทะเล!!」
และในระหว่างที่ผมกำลังสนุกสนานกับการป้อนคริสติน่าอยู่นั้น
เจ้าอากิโอะก็บุกรุกเข้ามาทางหน้าต่างห้องอาหารพร้อมกับริกะจัง
เรเชียจังและยูเอล่า เหล่าสาวๆในฮาเร็มด้วยท่าทางร่าเริง
ดูเหมือนว่าเจ้าอากิโอะมันจะขี้เกียจรอให้ถึงเวลาประชุมจึงได้รีบเข้ามาถามข้อมูลจากตัวผมโดยตรง......หรือไม่เจ้านี่มันก็แค่อยากมากินฟรีเทานั้นเองล่ะมั้ง
?
「เฮ้อากิ!! อย่างน้อยนายก็ควรจะทักทายภรรยาสุดที่รักที่นั่งอยู่ข้างๆชั้นก่อนจะเริ่มหยิบอะไรไปกินนะเห้ย!!」
「โทษทีๆ งุบงับๆ....สาวสวยผมสีม่วง...เธอก็คือ...งุบงับๆ...คริสตี้จังสินะ....งุบงับๆ......คราวที่แล้วตอนที่เธอเมาแล้วโชว์เต้นเปลื้องผ้า....กับตอนที่เธอโชว์ลีลาลามกกับเจ้าทัตสึต่อหน้าผมนั่นสุดยอดไปเลยนะ」
เจ้าอากิโอะทักทาย
คริสติน่าด้วยคำพูดเป็นกันเองสุดๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ท่าทีกังวลใจของคริสติน่าก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง.....
「อะ อา กิโอะซามะ!! ชะ ช่วย ลืม!! ช่วยลืม ระ เรื่องในคืนนั้นไปให้หมดด้วยนะคะ!!!」
คริสติน่าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ใบหน้าของคริสติน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไปจนถึงใบหู แต่ถึงแม้เธอจะพูดอะไรออกมาก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ
เพราะคริสติน่าในคืนนั้นน่ะสุดยอดจริงๆ ผมไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนยอมลืมภาพอันแสนเย้ายวนของเธอในคืนนั้นไปแน่ๆล่ะ
「เออนี่ทัตสึ นายรู้ชื่อโรงเรียนของคุณหนูรูริโกะรึเปล่า
? 」
「ชื่อโรงเรียนงั้นเหรอ ? โทษทีนะ แต่ชั้นไม่เคยคิดจะถามเธอเรื่องนี้เลยน่ะ
ตอนนี้รูริโกะก็กำลังอยู่ในโลกแห่งฝันซะด้วยสิ มีอะไรรึ ?」
หลังจากที่คริสติน่าสงบลงแล้วเจ้าอากิโอะก็พูดขึ้นมา ซึ่งผมก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางสงสัย
ทำไมเจ้าอากิโอะถึงได้มาพูดถึงโรงเรียนของรูริโกะในเวลาแบบนี้กันด้วยนะ
「ชั้นมีของบางอย่างอยากจะให้ดู ลูกน้องของชั้นคนหนึ่งไปได้เจ้านี่มาจากพวกพ่อค้าในทวีปยูลูฟน่ะ」
ริกะจังหยิบเอาเสื้อตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเวทมนต์ของเธอและส่งมาให้ผม
ซึ่งพอผมได้เห็นตราโรงเรียนที่ปักอยู่บนเสื้อตัวนี้แล้ว ผมก็จำมันได้ในทันที
เพราะมันคือตราโรงเรียนของ โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนทาคาคุระ ซึ่งมันก็คือโรงเรียนของมากิจัง
อดีตแฟนของผมสมัยที่อยู่โลกเก่า....
「นี่มัน..เด๋วสิ!! นี่จะบอกว่ารูริโกะอยู่โรงเรียนเดียวกันกับมากิจังงั้นเหรอเห้ย!!」
ผมขึ้นเสียงมาโดยไม่รู้ตัวเพราะความตกใจ
รูริโกะเองก็อายุเท่ากันกับมากิซะด้วย แล้วโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนทาคาคุระก็ไม่ได้มีแบ่งห้องเรียนมากนักด้วย....ใช่แล้ว!! จะว่าไปตอนที่ผมไปยังโรงเรียนสเตรเชีย
ในตอนนั้นผมได้เจอกับเด็กสาวคนหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับมากิจังมากๆ
แต่ในตอนนั้นผมคิดว่า เธอคนนั้นคงจะเป็นแค่คนที่มีหน้าคล้ายคลึงกัน
หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะผมคิดถึงมากิจังมากเกินไปเลยทำให้ตาฝาด แต่ถ้ารูริโกะอยู่โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนทาคาคุระจริงๆล่ะก็
นั่นก็หมายความว่า เธอคนนั้นอาจจะเป็นมากิจังตัวจริง ?
「ชั้นเองก็ไม่รู้ว่ามีประเทศอื่นที่สามารถอัญเชิญผู้กล้าได้บ้างหรือเปล่าก็เลยยังไม่แน่ใจเท่าไหร่
หลังจากนี้นายก็ลองถามคุณหนูรูริโกะดูเองก็แล้วกัน」
และในตอนที่ผมกำลังสับสนและใช้ความคิดเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดอยู่นั้น
เด็กสาวโลลิผมสีบรอนซ์ทองคนหนึ่งก็บุกรุกเข้ามาทางหน้าต่างพร้อมกับถุงผ้าใบใหญ่ขยับได้....

ให้ตายสิ ทำไมทุกคนถึงได้ชอบบุกเข้ามาทางหน้าต่างกันจังเลยนะ....
「ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะคะ ทัตสึยะซามะ」
「เอลจัง......ไม่สิเอลิซาเบธซัง นี่เธอเองก็ได้ทราบข่าวแล้วงั้นเหรอ
ยังหูไวไม่เปลี่ยนเลยนะ พวกสายลับจากเผ่าวาลาร์ดเนี่ย」
และผู้บุกรุกที่โผล่เข้ามาในครั้งนี้ก็คือ
ราชินีแห่งเผ่าวาลาร์ดที่ได้มาสร้างอาณาจักรของเผ่าวาลาร์ดอยู่ในเขตทุ่งน้ำแข็งทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอากัสเตรียแห่งนี้
เอลจัง…เอลิซาเบธ
จากเผ่าแวมไพร์
「เพราะพวกเรายุ่งกับการตามหาเผ่าวาลาร์ดที่กระจัดกระจายกันไปก็เลยไม่ได้เข้าร่วมสงครามกับจักรวรรดิเลเรียสเมื่อหลายเดือนก่อน
แต่ในครั้งนี้พอพวกเราได้ยินข่าวเรื่องสงคราม พวกเราเผ่าแวมไพร์ก็รีบพากันเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือทัตสึยะซามะกันในทันทีเลยล่ะค่ะ」
และพอเจ้าอากิโอะได้ยินว่าเธอเป็นแวมไพร์โลลิ
แววตาของเจ้าอากิโอะก็เปลี่ยนไปเลยทีเดียว และถึงแม้ผมจะรู้ว่าเจ้าอากิโอะมันหลงใหลแวมไพร์โลลิมากสักแค่ไหนก็เถอะ
แต่กับราชินีแวมไพร์ที่มีพลังเวทมากมายมหาศาลอย่างเอลจังแล้ว
ถ้าเธอเอาจริงล่ะก็ เจ้าอากิโอะอาจจะถูกเธอฆ่าตายก็ได้ เพราะงั้นหลังจากนี้ผมคงจะต้องเตือนเจ้าอากิโอะมันสักหน่อยล่ะนะ
「ขอบคุณมากเลยนะ เอลิซาเบธซัง แล้วในถุงนั่น
ของขวัญของผมงั้นเหรอ」
ผมพูดพร้อมกับมองไปยังถุงผ้าขนาดใหญ่ที่กำลังดุ๊กดิ๊กไปมาอยู่ที่ข้างๆเอลจัง
「อะร๊า
ยังคงจมูกไวเหมือนเดิมเลยนะคะทัตสึยะซามะ ที่อยู่ในถุงเลือดใบนี้ก็คือเจ้าหญิงชาร์เทีย
คอสต้า ลู เวลเดียส เจ้าหญิงอันดับที่ 3 แห่งอาณาจักรเวลเดียส
หนึ่งในประเทศอาณานิคมของจักรวรรดิเอลติซ เธอเป็นหัวหน้าคณะราชทูตที่เดินทางมายังอาณาจักรของพวกเรา
เพื่อขอให้พวกเราร่วมมือหักหลังทัตสึยะซามะ และเป็นกองหน้าให้กับจักรวรรดิเอลติซ
ในการทำสงครามกับอาณาจักรออร์ธรอส เจ้าพวกนั้นคิดว่าพวกเราเป็นพวกกินเลือดกินเนื้อมนุษย์
พวกมันก็เลยเสนอชีวิตของพวกกบฏมากมายให้น่ะค่ะ」
พอเอลจังพูดจบ เธอก็ตวัดมือข้างหนึ่ง
แล้วถุงผ้าก็สลายกลายเป็นละอองสีแดงสดซึมกลับเข้าไปในร่างกายของเอลจัง
ซึ่งภายในถุงนั้นก็มีเด็กสาวผมสีชมพูอ่อนยาวสลวย หน้าตาของเธอก็เรียกได้ว่าน่ารักมาก
ร่างกายที่ไร้สิ่งใดปกคลุมนั้นก็เผยให้เห็นว่าผิวพรรณของเธอนั้นขาวเนียนงดงามผุดผ่อง
และที่เอวของเธอนั้นมีริบบิ้นสีแดงอันใหญ่พันเอาไว้เป็นโบว์เหมือนกับของขวัญด้วย
「อู อือออ!! อู!! อออย อืออออ่า!!」
ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงเปลือยจากอาณาจักรเวลเดียคนนี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่เนื่องจากเธอถูกอุปกรณ์เวทควบคุมเอาไว้เธอจึงไม่พูดออกมาได้
แน่นอนว่าภายในห้องอาหารตอนนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเข้าไปช่วยเธอ
「ว๊าวว!! กุ้งเทมปุระ กับปลาไหลย่างนี่นา น่าทานมากๆเลยนะคะ」
เอลจังที่มอบของขวัญให้ผมเรียบร้อยแล้ว
เธอก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆกับเจ้าอากิโอะ แล้วเธอก็สั่งให้พวกเมดช่วยเตรียมจานชามและอุปกรณ์สำหรับทานอาหาร
เนื่องจากเผ่าแวมไพร์นั้นค่อนข้างเคร่งในเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร เธอจึงไม่ได้ใช้มือเหมือนกับเจ้าอากิที่หยิบกินในทันที
『...โมชิ...โมชิ....ทัตสึยะซัง.....อ่ะ....ทัตสึยะซัง...ชั้นใช้สกิล
search เข้าตรวจสอบเมืองกูสตาฟอย่างละเอียดแล้วนะคะ....』
และในตอนนั้นเองที่ภาพของมิฮารุจังปรากฏขึ้นมาบนจอ
LED ขนาดยักษ์ภายในห้องอาหาร
มิฮารุจังได้ค้นหาและตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันของเคานต์โรเดริกมาเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งก็พบว่าโรเดริก พี่ชายของยูฟีน่านั้นได้ถูกคุมขังอยู่ที่คุกใต้ดินของปราสาทกูสตาฟ
แต่ที่ถูกคุมขังนั้นไม่ได้มีแค่แค่โรเดริกเท่านั้น
「พวกมัน จับเด็กสาวเผ่าโลลิเทียไปขังเอาไว้ พวกมันคิดจะใช้พวกเธอเป็นตัวประกันรึ
?」
『ชั้นเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดหรอกนะคะ แต่เอริจังที่ลอบเข้าไปในคุกบอกว่าพวกเธอสภาพร่างกายของพวกเธอนั้นไม่ได้แย่อะไรนัก
คิดว่าอาจจะเอาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกเราก็ได้น่ะค่ะ』
แค่เรื่องที่มันทำให้คริสติน่าของผมต้องเศร้าใจก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเอามากๆแล้ว
และยังมีเรื่องพวกเพื่อนร่วมห้องของรูริโกะกับเรื่องที่มากิจังเองก็อาจจะถูกเจ้าจักรพรรดินั่นล้างสมองอีก
นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องที่พวกมันคิดจะหลอกใช้งานเอลจังและพวกเผ่าวาลาร์ดเป็นเครื่องมืออีก
แล้วนี่พวกมันยังคิดจะใช้เหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาพวกนั้นมาทำอะไรก็ไม่รู้อีกเนี่ยนะ
「มาเรีย ช่วยไปเตรียมเอกสารประกาศสงครามกับจักรวรรดิเอลติซให้ผมทีนะ」
เห็นทีว่าเรื่องนี้คงจะให้จบลงแค่การช่วยเหลือโรเดริกและพวกชาวเมืองกูสตาฟไม่ได้ซะแล้ว....ถ้าหากเจ้าจักรพรรดิโลภมากนั่นมันอยากจะได้สงครามนองเลือดมากมายขนาดนั้นล่ะก็
ผมก็จะตอบรับมันเอง!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น