ตอนที่ 33 มื้อกลางวันแสนวุ่นวาย



-- มุมมองของทัตสึยะ --

เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างที่ผมกำลังพูดคุยกับคณะราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซ ที่หัวหน้าราชคณะราชทูตเกิดอาการหน้ามืดอย่างกะทันหัน และยังโชคร้ายสะดุดพรมพลาดหกล้มหัวไปชนเข้ากับกำแพงจนปางตาย

ผมจึงได้ตัดสินใจหยุดการพูดคุยเอาไว้ก่อน และได้ออกคำสั่งให้พวกเมดและราชองค์รักษ์หลายคนพาตัวหัวหน้าราชคณะราชทูตไปทำการรักษา ส่วนพวกคณะราชทูตคนอื่นๆนั้นก็จะถูกพาไปพักผ่อนยังห้องขัง....ผมหมายถึงห้องรับรองที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดเป็นพิเศษน่ะนะ

แน่นอนว่า ผมนั้นรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่คาดฝันในครั้งนี้ แต่กับไอ้ขุนนางน่ารังเกียจที่เห็นชีวิตผู้คนเป็นเพียงเครื่องมือพรรณนั้นน่ะ ผมคิดว่าการที่มันจะถูกสั่งสอนซะบ้างก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว และทางคณะราชทูตคนอื่นๆเองก็ดูจะไม่ติดใจเอาความกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย

เพราะงั้นผมจึงไม่คิดจะไปต่อว่า หรือลงโทษเธอคนนั้นที่ไม่อาจจะอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ และปล่อยให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกนำไปใช้เขียนลงใน บันทึกเรื่องลึกลับในปราสาทเซย์ริเอนเรื่องที่ 13 เพื่อใช้สำหรับเป็นหนังสืออ้างอิงให้กับผู้คนที่เข้ามาทำงานในปราสาทเซย์ริเอนสืบต่อไป

แต่สำหรับเรื่องไร้สาระพวกนั้นคงต้องพักไว้ก่อน เพราะในตอนนี้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละนาทีนั้นเรียกได้ว่าสำคัญมาก

เร่เน่จัง รีบติดต่อไปยังหน่วยข่าวกรอง ให้ เอริจัง มิฮารุจัง และหน่วยข่าวกรองทั้งหมดที่กำลังว่างอยู่เดินทางไปยังเมืองกูสตาฟเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนเธอก็ช่วยไปเอารายงานข้อมูลทั้งหมดที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาให้ผมที่ห้องอาการทีนะ

ชะ ชั้นจะจัดการเด๋วนี้เลยค่ะ!!

หลังจากออกคำสั่งพร้อมกับบีบก้นเร่เน่จังอย่างแรงเพื่อกระตุ้นเธอที่กำลังหวาดวิตก เรเน่จังก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ และเธอก็รีบวิ่งไปพร้อมกับออกคำสั่งไปด้วย

เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด ผมจึงยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรจริงๆจังๆได้ แต่จากสิ่งที่ได้ฟังมาจากหัวหน้าคณะราชทูต หรือก็คือไอ้เจ้าไวส์เคานต์เยรเกอร์นั้น ผมคิดว่ามันคงจะไม่ใช่แค่การขู่

และบางทีพี่ชายของยูฟีน่าและเมืองกูสตาฟในตอนนี้อาจจะกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤต หรือไม่ก็อาจจะตกไปอยู่ใต้การปกครองของขุนนางจักรวรรดิคนอื่นแล้วก็ได้ แต่ถ้าจะให้มารอข้อมูลอยู่เฉยๆก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน

มาเรีย ออกคำสั่งให้ทหารทุกนายของกองพันแวร์วูล์ฟกลับไปรายงานตัวที่ฐานทัพ สำหรับกองอัศวินที่ 3 และ 4 ให้ยกเลิกหน้าที่ทั้งหมดในปัจจุบันและกลับไปรายงานตัวที่กองบัญชาการ

แล้วก็ช่วยเรียกพวกจอมเวททุกคนที่ยังอยู่ในเมืองสเตรเชีย รวมทั้งพวกหัวหน้ากองกำลังทุกฝ่ายมาเข้าประชุมพร้อมกัน เวลาบ่าย 2 ที่ห้องประชุมใหญ่ในปราสาทเซย์ริเอน

รับทราบค่ะ นายท่าน!

ถึงผมจะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องเรียกพวกทหารในกองพันแวร์วูล์ฟกลับมา ทั้งๆที่พวกนั้นพึ่งจะได้เริ่มต้นวันหยุดยาวกันแท้ๆ แต่เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่แค่ผมและพวกหน่วยเมดติดอาวุธจะจัดการเองได้ เพราะงั้นเอาไว้ค่อยให้รางวัลพวกนั้นเพิ่มเติมทีหลังก็แล้วกัน

ส่วนพวกกองอัศวินและพวกจอมเวทนั้น ทุกคนเคยชินกับการถูกเรียกตัวด่วนในช่วงวันหยุดกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะงั้นทุกคนจึงได้เตรียมตัวแทนสำหรับถ่ายโอนงานกันในเวลาฉุกเฉินเอาไว้อยู่แล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรล่ะนะ

หลังจากนั้น ผมและคริสติน่าก็มาถึงยังห้องอาหาร และพวกเราก็เริ่มทานอาหารกันไประหว่างรอรายงานจากเอริจัง แต่ทั้งๆที่มื้อกลางวันในวันนี้มีกุ้งเทมปุระซึ่งอาหารโปรดของคริสติน่า ตัวเธอกลับแทบจะไม่ได้แตะอาหารอะไรเลย

ผมก็เข้าใจนะว่าเธอกำลังกังวล แต่ทำหน้าตาแบบนั้นระหว่างทานอาหารมันเสียมารยาทต่อเชฟที่ตั้งใจทำของโปรดมาให้เธอในวันนี้นะ

แต่ว่า.....ถ้าหากชั้นสามารถเกลี้ยกล่อมท่านเคานต์โรเดริกให้มาอยู่กับพวกเราได้....เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น......

คริสติน่าตอบกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ ก็ตามที่เธอพูด เพราะการเจรจากับเคานต์โรเดริกพี่ชายของยูฟีน่าให้มาเข้ากับเรานั้น เป็นข้อตกลงเพียงข้อเดียวที่ผมมอบให้กับคริสติน่า ทั้งๆแบบนั้น เธอก็ยังไม่สามารถตอบรับในสิ่งที่ผมต้องการได้ แถมในตอนนี้ยังกลายมาเป็นผลเสียให้กับพวกเราอีก

ผมไม่เห็นว่าเรื่องนั้นกับเรื่องของอาหารกลางวัน มันจะมีความเกี่ยวข้องกันยังไงเลยนะ อีกอย่างนะคริสตี้จัง ต่อให้เคานต์โรเดริกและเมืองกูสตาฟมาอยู่กับพวกเรา ไอ้พวกระยำนั่นมันก็แค่เปลี่ยนไปใช้ชาวบ้าน หรือไม่ชาวเมืองอื่นๆมาเป็นเครื่องต่อรองแทนเท่านั้นเอง

เหตุการณ์ในครั้งนี้มันก็แค่จุดเริ่มเท่านั้น ทั้งเคานต์โรเดริกและชาวเมืองกูสตาฟนั้นก็เป็นแค่หมากตัวแรกของไอ้เจ้าจักรพรรดิเลคซิอุส เพราะถ้าหากเจ้านั่นต้องการล่ะก็ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะหาตัวประกันอื่นๆมาแทน

......ทำไม.....ทำไมทัตสึยะซามะถึงได้เข้มแข็งนัก.....อุ๊ป!!

ไม่ปล่อยให้คริสติน่าพูดจบ ผมใช้โอกาสนี้จับกุ้งเทมปุระยัดใส่ปากของเธอ ใบหน้าตกใจและเขินอายของเธอที่มีกุ้งเทมปุระอุดปากอยู่นั้นน่ารักมากทีเดียว

เอาล่ะ ทานเจ้านี่เข้าไปด้วยนะ อ้ามมม

เพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ของคริสติน่า ผมจึงย้ายไปนั่งข้างๆและคอยป้อนอาหารหลายๆอย่างให้กับเธออย่างต่อเนื่อง ในเวลาแบบนี้น่ะ มันต้องกินเข้าไปเยอะๆสมองถึงจะแล่น เพราะต่อให้มานั่งกังวลใจไปมากแค่ไหน พวกเราก็ยังไม่สามารถจะเคลื่อนไหวอะไรในทันทีได้อยู่ดี

โฮ่!! มีแต่ของกินน่าอร่อยอยู่เพียบไปหมดเลยนะเนี่ย ทัตสึ
มีปลาไหลยักษ์ย่างด้วย สุดยอดไปเลยนะคะอากิโอซัง
ตรงนั้นมีกลิ่นของน้ำหวานหายากผสมเหล้าด้วยนะคะ อากิโอะซามะ
นะ นั่นมัน.....เนื้อราชาแห่งท้องทะเล!!

และในระหว่างที่ผมกำลังสนุกสนานกับการป้อนคริสติน่าอยู่นั้น เจ้าอากิโอะก็บุกรุกเข้ามาทางหน้าต่างห้องอาหารพร้อมกับริกะจัง เรเชียจังและยูเอล่า เหล่าสาวๆในฮาเร็มด้วยท่าทางร่าเริง

ดูเหมือนว่าเจ้าอากิโอะมันจะขี้เกียจรอให้ถึงเวลาประชุมจึงได้รีบเข้ามาถามข้อมูลจากตัวผมโดยตรง......หรือไม่เจ้านี่มันก็แค่อยากมากินฟรีเทานั้นเองล่ะมั้ง ?

เฮ้อากิ!! อย่างน้อยนายก็ควรจะทักทายภรรยาสุดที่รักที่นั่งอยู่ข้างๆชั้นก่อนจะเริ่มหยิบอะไรไปกินนะเห้ย!!

โทษทีๆ งุบงับๆ....สาวสวยผมสีม่วง...เธอก็คือ...งุบงับๆ...คริสตี้จังสินะ....งุบงับๆ......คราวที่แล้วตอนที่เธอเมาแล้วโชว์เต้นเปลื้องผ้า....กับตอนที่เธอโชว์ลีลาลามกกับเจ้าทัตสึต่อหน้าผมนั่นสุดยอดไปเลยนะ

เจ้าอากิโอะทักทาย คริสติน่าด้วยคำพูดเป็นกันเองสุดๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ท่าทีกังวลใจของคริสติน่าก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง.....

อะ อา กิโอะซามะ!! ชะ ช่วย ลืม!! ช่วยลืม ระ เรื่องในคืนนั้นไปให้หมดด้วยนะคะ!!!

คริสติน่าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าของคริสติน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไปจนถึงใบหู แต่ถึงแม้เธอจะพูดอะไรออกมาก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ เพราะคริสติน่าในคืนนั้นน่ะสุดยอดจริงๆ ผมไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนยอมลืมภาพอันแสนเย้ายวนของเธอในคืนนั้นไปแน่ๆล่ะ

เออนี่ทัตสึ นายรู้ชื่อโรงเรียนของคุณหนูรูริโกะรึเปล่า ?

ชื่อโรงเรียนงั้นเหรอ ? โทษทีนะ แต่ชั้นไม่เคยคิดจะถามเธอเรื่องนี้เลยน่ะ ตอนนี้รูริโกะก็กำลังอยู่ในโลกแห่งฝันซะด้วยสิ มีอะไรรึ ?

หลังจากที่คริสติน่าสงบลงแล้วเจ้าอากิโอะก็พูดขึ้นมา ซึ่งผมก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางสงสัย ทำไมเจ้าอากิโอะถึงได้มาพูดถึงโรงเรียนของรูริโกะในเวลาแบบนี้กันด้วยนะ

ชั้นมีของบางอย่างอยากจะให้ดู ลูกน้องของชั้นคนหนึ่งไปได้เจ้านี่มาจากพวกพ่อค้าในทวีปยูลูฟน่ะ

ริกะจังหยิบเอาเสื้อตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเวทมนต์ของเธอและส่งมาให้ผม ซึ่งพอผมได้เห็นตราโรงเรียนที่ปักอยู่บนเสื้อตัวนี้แล้ว ผมก็จำมันได้ในทันที เพราะมันคือตราโรงเรียนของ โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนทาคาคุระ ซึ่งมันก็คือโรงเรียนของมากิจัง อดีตแฟนของผมสมัยที่อยู่โลกเก่า....

นี่มัน..เด๋วสิ!! นี่จะบอกว่ารูริโกะอยู่โรงเรียนเดียวกันกับมากิจังงั้นเหรอเห้ย!!

ผมขึ้นเสียงมาโดยไม่รู้ตัวเพราะความตกใจ รูริโกะเองก็อายุเท่ากันกับมากิซะด้วย แล้วโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนทาคาคุระก็ไม่ได้มีแบ่งห้องเรียนมากนักด้วย....ใช่แล้ว!! จะว่าไปตอนที่ผมไปยังโรงเรียนสเตรเชีย ในตอนนั้นผมได้เจอกับเด็กสาวคนหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับมากิจังมากๆ

แต่ในตอนนั้นผมคิดว่า เธอคนนั้นคงจะเป็นแค่คนที่มีหน้าคล้ายคลึงกัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะผมคิดถึงมากิจังมากเกินไปเลยทำให้ตาฝาด แต่ถ้ารูริโกะอยู่โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนทาคาคุระจริงๆล่ะก็ นั่นก็หมายความว่า เธอคนนั้นอาจจะเป็นมากิจังตัวจริง ?

ชั้นเองก็ไม่รู้ว่ามีประเทศอื่นที่สามารถอัญเชิญผู้กล้าได้บ้างหรือเปล่าก็เลยยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ หลังจากนี้นายก็ลองถามคุณหนูรูริโกะดูเองก็แล้วกัน

และในตอนที่ผมกำลังสับสนและใช้ความคิดเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดอยู่นั้น เด็กสาวโลลิผมสีบรอนซ์ทองคนหนึ่งก็บุกรุกเข้ามาทางหน้าต่างพร้อมกับถุงผ้าใบใหญ่ขยับได้....



ให้ตายสิ ทำไมทุกคนถึงได้ชอบบุกเข้ามาทางหน้าต่างกันจังเลยนะ....

ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะคะ ทัตสึยะซามะ

เอลจัง......ไม่สิเอลิซาเบธซัง นี่เธอเองก็ได้ทราบข่าวแล้วงั้นเหรอ ยังหูไวไม่เปลี่ยนเลยนะ พวกสายลับจากเผ่าวาลาร์ดเนี่ย

และผู้บุกรุกที่โผล่เข้ามาในครั้งนี้ก็คือ ราชินีแห่งเผ่าวาลาร์ดที่ได้มาสร้างอาณาจักรของเผ่าวาลาร์ดอยู่ในเขตทุ่งน้ำแข็งทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอากัสเตรียแห่งนี้ เอลจังเอลิซาเบธ จากเผ่าแวมไพร์

เพราะพวกเรายุ่งกับการตามหาเผ่าวาลาร์ดที่กระจัดกระจายกันไปก็เลยไม่ได้เข้าร่วมสงครามกับจักรวรรดิเลเรียสเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ในครั้งนี้พอพวกเราได้ยินข่าวเรื่องสงคราม พวกเราเผ่าแวมไพร์ก็รีบพากันเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือทัตสึยะซามะกันในทันทีเลยล่ะค่ะ

และพอเจ้าอากิโอะได้ยินว่าเธอเป็นแวมไพร์โลลิ แววตาของเจ้าอากิโอะก็เปลี่ยนไปเลยทีเดียว และถึงแม้ผมจะรู้ว่าเจ้าอากิโอะมันหลงใหลแวมไพร์โลลิมากสักแค่ไหนก็เถอะ

แต่กับราชินีแวมไพร์ที่มีพลังเวทมากมายมหาศาลอย่างเอลจังแล้ว ถ้าเธอเอาจริงล่ะก็ เจ้าอากิโอะอาจจะถูกเธอฆ่าตายก็ได้ เพราะงั้นหลังจากนี้ผมคงจะต้องเตือนเจ้าอากิโอะมันสักหน่อยล่ะนะ

ขอบคุณมากเลยนะ เอลิซาเบธซัง แล้วในถุงนั่น ของขวัญของผมงั้นเหรอ

ผมพูดพร้อมกับมองไปยังถุงผ้าขนาดใหญ่ที่กำลังดุ๊กดิ๊กไปมาอยู่ที่ข้างๆเอลจัง

อะร๊า ยังคงจมูกไวเหมือนเดิมเลยนะคะทัตสึยะซามะ ที่อยู่ในถุงเลือดใบนี้ก็คือเจ้าหญิงชาร์เทีย คอสต้า ลู เวลเดียส เจ้าหญิงอันดับที่ 3 แห่งอาณาจักรเวลเดียส หนึ่งในประเทศอาณานิคมของจักรวรรดิเอลติซ เธอเป็นหัวหน้าคณะราชทูตที่เดินทางมายังอาณาจักรของพวกเรา

เพื่อขอให้พวกเราร่วมมือหักหลังทัตสึยะซามะ และเป็นกองหน้าให้กับจักรวรรดิเอลติซ ในการทำสงครามกับอาณาจักรออร์ธรอส เจ้าพวกนั้นคิดว่าพวกเราเป็นพวกกินเลือดกินเนื้อมนุษย์ พวกมันก็เลยเสนอชีวิตของพวกกบฏมากมายให้น่ะค่ะ

พอเอลจังพูดจบ เธอก็ตวัดมือข้างหนึ่ง แล้วถุงผ้าก็สลายกลายเป็นละอองสีแดงสดซึมกลับเข้าไปในร่างกายของเอลจัง ซึ่งภายในถุงนั้นก็มีเด็กสาวผมสีชมพูอ่อนยาวสลวย หน้าตาของเธอก็เรียกได้ว่าน่ารักมาก

ร่างกายที่ไร้สิ่งใดปกคลุมนั้นก็เผยให้เห็นว่าผิวพรรณของเธอนั้นขาวเนียนงดงามผุดผ่อง และที่เอวของเธอนั้นมีริบบิ้นสีแดงอันใหญ่พันเอาไว้เป็นโบว์เหมือนกับของขวัญด้วย

อู อือออ!! อู!! อออย อืออออ่า!!

ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงเปลือยจากอาณาจักรเวลเดียคนนี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากเธอถูกอุปกรณ์เวทควบคุมเอาไว้เธอจึงไม่พูดออกมาได้ แน่นอนว่าภายในห้องอาหารตอนนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเข้าไปช่วยเธอ

ว๊าวว!! กุ้งเทมปุระ กับปลาไหลย่างนี่นา น่าทานมากๆเลยนะคะ

เอลจังที่มอบของขวัญให้ผมเรียบร้อยแล้ว เธอก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆกับเจ้าอากิโอะ แล้วเธอก็สั่งให้พวกเมดช่วยเตรียมจานชามและอุปกรณ์สำหรับทานอาหาร เนื่องจากเผ่าแวมไพร์นั้นค่อนข้างเคร่งในเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร เธอจึงไม่ได้ใช้มือเหมือนกับเจ้าอากิที่หยิบกินในทันที

...โมชิ...โมชิ....ทัตสึยะซัง.....อ่ะ....ทัตสึยะซัง...ชั้นใช้สกิล search เข้าตรวจสอบเมืองกูสตาฟอย่างละเอียดแล้วนะคะ....

และในตอนนั้นเองที่ภาพของมิฮารุจังปรากฏขึ้นมาบนจอ LED ขนาดยักษ์ภายในห้องอาหาร มิฮารุจังได้ค้นหาและตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันของเคานต์โรเดริกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็พบว่าโรเดริก พี่ชายของยูฟีน่านั้นได้ถูกคุมขังอยู่ที่คุกใต้ดินของปราสาทกูสตาฟ แต่ที่ถูกคุมขังนั้นไม่ได้มีแค่แค่โรเดริกเท่านั้น

พวกมัน จับเด็กสาวเผ่าโลลิเทียไปขังเอาไว้ พวกมันคิดจะใช้พวกเธอเป็นตัวประกันรึ ?

ชั้นเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดหรอกนะคะ แต่เอริจังที่ลอบเข้าไปในคุกบอกว่าพวกเธอสภาพร่างกายของพวกเธอนั้นไม่ได้แย่อะไรนัก คิดว่าอาจจะเอาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกเราก็ได้น่ะค่ะ

แค่เรื่องที่มันทำให้คริสติน่าของผมต้องเศร้าใจก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเอามากๆแล้ว และยังมีเรื่องพวกเพื่อนร่วมห้องของรูริโกะกับเรื่องที่มากิจังเองก็อาจจะถูกเจ้าจักรพรรดินั่นล้างสมองอีก

นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องที่พวกมันคิดจะหลอกใช้งานเอลจังและพวกเผ่าวาลาร์ดเป็นเครื่องมืออีก แล้วนี่พวกมันยังคิดจะใช้เหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาพวกนั้นมาทำอะไรก็ไม่รู้อีกเนี่ยนะ

มาเรีย ช่วยไปเตรียมเอกสารประกาศสงครามกับจักรวรรดิเอลติซให้ผมทีนะ

เห็นทีว่าเรื่องนี้คงจะให้จบลงแค่การช่วยเหลือโรเดริกและพวกชาวเมืองกูสตาฟไม่ได้ซะแล้ว....ถ้าหากเจ้าจักรพรรดิโลภมากนั่นมันอยากจะได้สงครามนองเลือดมากมายขนาดนั้นล่ะก็ ผมก็จะตอบรับมันเอง!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น