ตอนที่ 34 ประชุมสภาจอมเวท



ช่วงหลังมื้อเที่ยงของวันที่ 1 เดือน 1 ศักราชเอลติซปีที่ 838

-- มุมมองของอเดล --                         

ชั้นอเดล ออร์ เมลริส บุตรสาวคนรองของตระกูลเมลริสซึ่งเป็นตระกูลขุนนางใหญ่อันดับที่ 1 แห่งอาณาจักรออร์ธรอส และเพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงและเกียรติยศให้ตระกูลเมลริส ชั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะเป็นจอมเวทแห่งอาณาจักรออร์ธรอส

เพราะเหตุนั้นเอง ชั้นจึงได้ทุ่มเทให้กับการฝึกฝนการใช้เวทมนต์มาตลอด ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีเลยแม้แต่เพียงวันเดียวที่ชั้นจะละเลยการฝึกฝน ดังนั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ แต่อย่างน้อยๆชั้นก็จะพกพาอุปกรณ์เวทสำหรับฝึกฝนการควบคุมมานาในร่างกายติดตัวเอาไว้ตลอด

แม้จะเป็นช่วงที่ก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการเตรียมงานเทศกาล หรือแม้แต่ช่วงที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับพวกบุตรชายของขุนนางจากหลายประเทศที่พยายามจะเข้าใกล้ ในช่วงเวลาแบบนั้นชั้นก็ยังคอยฝึกฝนการควบคุมมานาไปพร้อมๆกันด้วย

พี่เขยสุดแสนเจ้าชู้ของชั้นได้เคยพูดกับชั้นเอาไว้ว่าถึงแม้ว่าเธอนั้นจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านเวทมนต์มากสักแค่ไหน แต่หากขาดความพยายามและความตั้งใจที่จะฝึกฝนอยู่เสมอล่ะก็ เธอจะไม่มีทางที่จะไปถึงยังจุดสูงสุด ที่ผู้คนให้การยอมรับว่าเป็นจอมเวทแน่

และถึงแม้มันจะเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้าพี่เขยในระหว่างแอบทำเรื่องลามกกับพี่สาวของชั้นใต้โต๊ะในระหว่างทานอาหาร แต่ชั้นก็ต้องยอมรับ นั่นก็เพราะทัตสึยะซามะ พี่เขยของชั้นนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเรียกว่า จอมเวท

เด็กคนนั้นคือท่านหญิงอเดลแห่งสาขาเวทมนต์สินะคะ เธอกำลังฝึกฝนการควบคุมอสูรรับใช้เหรอคะนั่น ? น่าอิจฉาจังเลยค่ะ!! ชั้นเองก็อยากจะได้อสูรรับใช้บ้างเหมือนกันนะคะ
ดูเหมือนว่าจะใช่นะคะ แต่ก่อนหน้านั้น ท่านหญิงเอลวีร่าควรจะรีบฝึกฝน เพราะต้องผ่านการสอบเข้าสาขาเวทมนต์ของโรงเรียนหลวงสเตรเชียให้ได้ก่อนจะถึงเดือน 4 นี้นะคะ
น่าอิจฉาจังเลยนะคะ การที่ได้มีพรสวรรค์ทางเวทมนต์สูงเนี่ย อย่างตัวชั้นเนี่ย ถึงแม้จะอยากใช้เวทมนต์สักแค่ไหน แต่แค่จะขอเข้าไปลองทดสอบก็ยังไม่มีโอกาสเลยล่ะค่ะ

ท่านหญิงเอลวีร่าและพวกเพื่อนๆของเธอพูดขึ้นมาด้วยแววตาระยิบระยับ เนื่องจากสวนหลังคฤหาสน์ที่ชั้นกำลังใช้เป็นที่ฝึกฝนการควบคุมอสูรรับใช้แห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนที่ท่านหญิงมากมายชื่นชอบ ดังนั้นจึงมีพวกท่านหญิงทั้งหลายมาจัดปาร์ตี้น้ำชาหลังอาหารกลางวันกันไม่เคยขาด

ถ้าท่านหญิงเบลนิเด้อยากจะใช้เวทมนต์ขนาดนั้นล่ะก็ ทำไมถึงไม่ลองไปสมัครเป็นนักบวชหญิงฝึกหัดที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ดูล่ะคะ เพราะถ้าเป็นที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ไม่มีพรสวรรค์ทางเวทมนต์ แต่ก็ยังสามารถฝึกฝนการใช้เวทมนต์รักษาได้นะคะ
อุฟุฟุ ทุกท่านเนี่ยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ ความลับของการที่จะสามารถใช้เวทมนต์ได้อย่างรวดเร็วที่สุดนั้นน่ะ คือการมอบร่างกายให้กับทัตสึยะซามะ เพื่อรับพลังมานาอันแสนบริสุทธิ์เข้ามาในร่างกายต่างหากล่ะคะ
อุว๊า!! ท่านหญิงมาริเอลนี่ใจกล้าจังเลยนะคะ แล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะคะ ชั้นได้ข่าวมาว่า ทัตสึยะซามะสามารถทำให้เด็กสาวทุกคนกลายเป็นทาสรักได้จากการทำเรื่องลามกเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?

พวกท่านหญิงทั้งหลายก็ยังคงพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับเวทมนต์และเรื่องของเจ้าพี่เขยสุดแสนเจ้าชู้นั่นอย่างสนุกสนาน ส่วนตัวชั้นก็คอยควบคุมอสูรรับใช้พร้อมกับฟังคำสนทนาเหล่านั้นไปพร้อมกันด้วย นั่นก็เพราะว่า การกระทำแบบนี้เองก็เป็นรูปแบบการฝึกอย่างหนึ่ง

ขอบใจนะ เอรานทีน

ชั้นพูดขอบคุณออกไปขณะใช้มือทั้งสองข้างประคองเอรานทีน อสูรรับใช้เพียงหนึ่งเดียวของชั้น ก่อนจะค่อยๆตัดการเชื่อมต่อ และส่งเธอกลับไปยังโลกของอสูรรับใช้ซึ่งอยู่คนละมิติกับโลกของพวกเรา

สำหรับเมนูในการฝึกฝนในวันนี้ของชั้นก็คือ การควบคุมให้ เอรานทีนบินวนไปรอบๆเมือง พร้อมๆกับทดลองการเชื่อมต่อประสาทสัมผัสกันเป็นระยะ เพื่อมองดูผู้คนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆผ่านทางสายตาของเธอ และผลของการฝึกในวันนี้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จในระดับสูงทีเดียว

โดย เอรานทีน อสูรรับใช้ของชั้นนั้น เธอเป็น นกมายาที่ถูกเรียกว่า แฟนท่อมฮัมมิ่ง ซึ่งพี่เขยสุดแสนลามกของชั้นไปเจอตัวเข้าโดยบังเอิญ และจับตัวกลับมาเพื่อมอบให้กับชั้นเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว

ซึ่งมันก็ถือเป็นโชคดีที่ชั้นสามารถทำสัญญากับ เอรานทีน ได้สำเร็จอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องให้พี่เขยยื่นมือเข้ามายุ่ง เพราะหากชั้นต้องไปพึ่งพาเจ้าพี่เขยสุดแสนเจ้าชู้คนนั้นมากๆจนไม่อาจจะขาดได้แล้วล่ะก็ ชั้นคงไม่สามารถที่จะไปปฏิเสธการกระทำอันแสนน่าอายกับพี่เขยได้ง่ายๆอีกแน่

ทะ ท่านหญิงอเดลคะ อะ อาเรียซามะเรียกให้ไปพบที่ปราสาทเซย์ริเอนด่วนเลยค่ะ

และในตอนนั้นเอง รูริน่าซังเมดส่วนตัวของชั้นก็เข้ามาเรียกด้วยใบหน้าและท่าทางที่ดูร้อนรน เธอมีเหงื่อออกตามใบหน้าและร่างกายมากมายอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเธอจะรีบวิ่งมาจากที่ไหนสักแห่ง

ที่เรียกตัวชั้นด่วนเนี่ย มีเรื่องอะไรงั้นหรือคะ ท่านพี่อาเรีย

เมื่อมาถึงยังห้องรับรองของท่านพี่อาเรียภายในปราสาทเซย์ริเอน ชั้นก็ถามออกไปในทันที เพราะการที่ท่านพี่อาเรียเรียกตัวด่วนแบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก ชั้นจึงสามารถรับรู้ได้ว่า มันจะต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ

พี่ก็ยังไม่ทราบรายละเอียดเลยนะ แต่ทัตสึยะซามะได้ออกคำสั่งเรียกประชุมสภาจอมเวท แถมยังเป็นการเรียกประชุมด่วนซะด้วยสิ ไม่แน่ว่าบางที อาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเข้าพบของพวกคณะราชทูตของจักรวรรดิเอลติซก็ได้ล่ะมั้งจ๊ะ

ท่านพี่อาเรียเอียงคอและใช้นิ้วข้างหนึ่งแตะที่แก้มขวา เนื่องจากในช่วงสายของวันนี้ ทัตสึยะซามะพี่เขยของชั้นได้พบกับคณะราชทูตของจักรวรรดิเอลติซ ดังนั้นจึงอาจจะมีเรื่องอะไรที่สำคัญมากก็เป็นได้

ชั้นได้ยินพวกเมดในปราสาทพูดกันว่า ทัตสึยะซามะได้ตัดสินใจที่จะประกาศสงครามแล้วน่ะค่ะ

หัวหน้ากองอัศวินลิลลี่ขาวซิซิลี่ซัง ผู้ที่เป็นมือขวาของท่านพี่อาเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก

ประกาศสงคราม....กับจักรวรรดิเอลติซงั้นเหรอคะ....

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่หน้าที่ของพวกเราก็คือการเข้าร่วมประชุมสภาจอมเวท และหาทางช่วยสนับสนุนพวกท่านจอมเวทให้มากที่สุด น้องสาวของพี่เองก็คงจะเข้าใจดีใช่มั๊ยจ๊ะ อเดลจัง

เข้าใจแล้วค่ะ

ชั้นตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านพี่อาเรียพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หน้าที่ของพวกเราก็คือการสนับสนุนพวกท่านจอมเวท การที่ชั้นตั้งใจศึกษาเรียนรู้เวทมนต์มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อการนั้น

พวกเรา 3 คนพร้อมทั้งเมดส่วนตัวออกจากห้องรับรองและตรงไปยังห้องประชุมขนาดใหญ่ของปราสาท สถานที่สำหรับจัดประชุมสภาจอมเวทในวันนี้ โดยห้องประชุมแห่งนี้นั้นมีการจัดวางที่นั่งล้อมรอบห้องทรงกลมเป็นรูปโดนัท และยังมีการจัดที่นั่งซ้อนกันสูงขึ้นตามขั้นบันใด เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าร่วมประชุมพร้อมกันได้มากกว่า 300 คน

อาร๊า โนเอลซามะ ไม่ได้พบกันเสียนาน ยังคงน่ารักเหมือนเคยเลยนะคะ

อุฟุฟุ อาเรียซามะ ตั้งแต่งานแต่งของดิชั้นในวันนั้น ก็ไม่คิดจะมาเยี่ยมเยียนกันเลยนะคะ

ในระหว่างการเดินไปยังที่นั่ง พวกเราก็ได้พบกับท่านไวส์เคาน์หญิงโนเอลและท่านลอร์ดกัสต้า แห่ง ตระกูลเนอราเชีย ท่านพี่อาเรียจึงได้กล่าวทักทายออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตัวชั้นเองและซิซิลี่ซังเองก็ย่อตัวเพื่อทักทาย ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ตอบรับกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน

รูซคุง!!?

แต่ที่หน้าตกใจก็คือ เด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยที่ติดตามท่านหญิงโนเอลมาด้วย และเมื่อเด็กหนุ่มเห็นหน้าชั้น เค้าก็เดินออกมาตรงหน้าชั้น นำมือซ้ายขึ้นมาแนบอกและได้โค้งคำนับออกมาอย่างสง่างาม

ตัวชั้นเองจึงรีบจับชายกระโปรงทั้งสองข้างขึ้น และย่อตัวลงเพื่อทักทายกลับไปตามมารยาท แต่ทำไมกันล่ะ ทำไม รูซคุง หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นจากสาขาเวทมนต์ ทำไมถึงได้กลายมาเป็นผู้ติดตามของท่านหญิงโนเอลได้กันล่ะ....

แต่เนื่องจากพวกเราไม่มีเวลามากนักที่จะมายืนพูดคุยกัน ดังนั้นเรื่องนี้คงจะต้องเอาไว้พูดคุยกันทีหลัง ชั้นรีบเดินตามท่านพี่อาเรียไปยังที่นั่งของตระกูลเมลริส และเริ่มอ่านเอกสารการประชุมที่ถูกจัดวางเอาไว้ให้ในทันที

....เป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะราชทูตของจักรวรรดิเอลติซจริงๆสินะ....

ชั้นพึมพำออกมาเบาๆ ในส่วนต้นของเอกสารการประชุมนั้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการที่คณะราชทูตของจักรวรรดิเอลติซได้ทำการยื่นเสนอเงื่อนไขทั้งหมด 3 ข้อให้กับอาณาจักรออร์ธรอส แน่นอนว่าเงื่อนไขที่ว่านั้น แม้แต่ตัวชั้นเองก็สามารถบอกได้ทันทีว่าทัตสึยะซามะไม่มีทางยอมรับมันอย่างแน่นอน

แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่เหตุผลสำคัญที่ทำให้พี่เขยสุดแสนเจ้าชู้ของชั้นเลือกที่จะประกาศสงครามแทนที่จะทำการเจรจาต่อรอง และในตอนนั้นเองที่ชั้นรู้สึกได้ว่า บรรยากาศรอบๆตัว รวมทั้งท่านพี่อาเรียและซิซิลี่ซังเริ่มที่จะเปลี่ยนไป ทั้งสองคนแสดงอารมณ์โมโหออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ไอ้เจ้าขุนนางชั่วพวกนั้น คิดว่าชีวิตผู้คนคืออะไรกัน....
ใจเย็นก่อนซิซิลี่ ก็เป็นเพราะเรื่องนี้พวกเราถึงได้ถูกเรียกให้มาร่วมประชุมไม่ใช่หรือไง

เนื่องจากสงสัยในสิ่งที่พวกท่านพี่อาเรียพูด ชั้นจึงรีบอ่านรายละเอียดในเอกสารต่อในทันที ซึ่งนั่นทำให้ชั้นพบว่า หัวหน้าคณะราชทูตได้ทำการข่มขู่อาณาจักรออร์ธรอสด้วยชีวิตของชาวเมืองทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเมืองกูสตาฟ

และยังรวมไปถึงชีวิตของท่านเคานต์โรเดริก วอน โรเซนเบิร์ก ซึ่งเป็นพี่สาวขององค์ราชินี ยูฟีเนส ผู้ปกครอง อาณาจักรออร์ฟีน่า หนึ่งในภรรยาคนสำคัญของทัตสึยะซามะ

โดยพวกชาวเมืองดังกล่าวรวมถึงท่านเคานต์โรเดริกนั้นได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ซึ่งเหตุผลนั้นก็เนื่องจากในช่วงตลอดปีที่ผ่านมานั้น ท่านเคานต์โรเดริกและทางเมืองกูสตาฟ ได้ปล่อยให้อาณาจักรออร์ธรอสขยายอำนาจโดยที่ไม่มีมาตรการใดๆมารองรับเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด ชั้นเริ่มอ่านหัวข้อต่อไปในเอกสาร ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเมืองกูสตาฟที่ทางหน่วยข่าวกรองได้ลักลอบเข้าไปตรวจสอบมาในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

ก่อนอื่นคือการเปลี่ยนแปลงของพลเมืองของเมืองกูสตาฟ จากการสำรวจในช่วงปลายปีก่อนนั้น พลเมืองของของเมืองกูสตาฟ รวมทั้งขุนนาง อัศวินและทหารนั้นมีจำนวนทั้งหมด 10,866 คน แต่จำนวนในวันนี้คือ 32,612 คน

โดยในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้น ทางหน่วยข่าวกรองได้มีการสรุปข้อมูลเอาไว้ว่า มีเหล่านักผจญภัยและกองทหารรับจ้างประมาณเกือบ 20,000 คน เข้ามาปะปนอยู่ ซึ่งหลังจากตรวจสอบข้อมูลการเดินทางการแล้วก็พบว่า ผู้คนเหล่านั้นได้มีการเดินทางมายังเมืองสเตรเชียเพื่อเข้าร่วมในช่วงงานเทศกาล ก่อนจะมุ่งตรงไปยังเมืองกูสตาฟเพื่อทำภารกิจอื่นๆ

ดูเหมือนว่า พวกนั้นจะใช้เรือเหาะโดยสารและเรือโดยสารความเร็วสูงขนาดใหญ่ของอาณาจักรออร์ธรอส ที่ได้มีเปิดให้ใช้เดินทางมายังเมืองสเตรเชียได้ฟรีในช่วงงานเทศกาลที่ผ่านมา ในการขนส่งนักผจญภัยและพวกทหารรับจ้างจำนวนมากเข้าไปในเมืองกูสตาฟ

ถึงแม้จะฟังดูเป็นแผนการที่เลวร้าย แต่ก็เรียกได้ว่าชาญฉลาด เพราะแทนที่จะทำการเคลื่อนย้ายกองทหารของจักรวรรดิมาตรงๆซึ่งจะทำให้พวกเราสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวได้ชัดเจน พวกนั้นกลับเลือกที่จะใช้ นักผจญภัยและทหารรับจ้าง ที่สามารถสั่งงานได้เพียงแค่มีเงินเพียงพอในการจ้างเท่านั้น

ดูเหมือนพี่เขยจะประมาทพวกจักรวรรดิมากเกินไปหน่อยงั้นสินะ....

หลังจากนั้นก็เป็นรายงานเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในเวลาปัจจุบันของพวกชาวเมืองกูสตาฟ ด้วยผู้คนจำนวนมากที่เข้ามา จึงทำให้พวกชาวเมืองเกิดความหวาดระแวง ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้พวกชาวเมืองสร้างปัญหาขึ้นมา ขุนนางที่รับผิดชอบในเรื่องนี้จึงได้ทำการจับตัวลูกๆของพวกชาวเมืองไปขังเอาไว้ที่เขตขุนนาง โดยอ้างว่านำตัวไปเพื่อปรับทัศนคติ

และจากการแอบลักลอบเข้าไปในเขตที่มีพวกเด็กๆอยู่นั่น หน่วยข่าวกรองก็พบว่าความเป็นอยู่ของเด็กๆในตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่มาก ยิ่งพวกเด็กสาวทั้งหลายนั้นก็ยิ่งแย่

พวกเธอได้ถูกบังคับให้ไปคอยรับใช้และคอยบรรเทาความใคร่ให้กับพวกขุนนาง อัศวิน และเหล่าทหารทั้งหลายที่ทางจักรพรรดิเลคซิอุสได้คัดเลือกและส่งมาเพื่อควบคุมเมืองกูสตาฟ โดยจำนวนนั้นมีทั้งหมดประมาณ 2,000 คน

และเมื่อชั้นอ่านข้อมูลในเอกสารมาถึงตรงนี้ บรรยากาศภายในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้ก็เริ่มตรึงเครียดมากขึ้นไปอีก พวกท่านจอมเวทหลายคนเริ่มที่จะปล่อยรังสีฆ่าฟันรุนแรงออกมา

และนี่ก็ยังเป็นเพียงแค่ข้อมูลคร่าวๆที่ถูกส่งมาล่วงหน้าเท่านั้นด้วย ถ้าหากหลังจากนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมส่งเข้ามาอีกล่ะก็ ท่าทางการประชุมสภาจอมเวทครั้งนี้คงจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกมากแน่ๆ

ผมได้ตัดสินใจอย่างเด็จขาดแล้ว!! อาณาจักรออร์ธรอสจะประกาศสงครามกับจักรวรรดิเอลติซ!! ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยและปล่อยให้พวกชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ต้องมาคอยรับเคราะห์แทนอีกต่อไปแล้ว ผมจะล้มล้างระบบแย่ๆทั้งหมดที่ไอ้เจ้าจักรพรรดิงี่เง่านั่นสร้างขึ้นมาด้วยมือของผมเอง!!

ทัตสึยะซามะ พี่เขยของชั้นประกาศออกมาเสียงดังก้องด้วยน้ำเสียงจริงจังต่างจากเวลาปกติเป็นอย่างมาก ใบหน้าของพี่เขยที่ดูจริงจังในขณะนี้ทำให้ชั้นรู้สึกว่า พี่เขยของชั้นคนนี้เองก็เป็นคนที่ดูเท่ได้เหมือนกันนะคะ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น