ตอนที่ 36 ภารกิจของยูมิน่า



วันที่ 2 เดือน 1 ศักราชเอลติซปีที่ 838

-- มุมมองของยูมิน่า --                         

ในขณะนี้ ชั้นและพวกเราทุกคนจากคณะราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซกำลังเดินทางด้วยเรือเหาะความเร็วสูง ไปยังเมืองกูสตาฟเพื่อส่งสารประกาศสงครามให้กับผู้บัญชาการทหารกองทัพจักรวรรดิเอลติซ

และถึงแม้ชั้นจะบอกว่าพวกเราทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ผู้ที่ร่วมเดินทางไปยังเมืองกูสตาฟด้วยกันก็มีเพียงแค่ ชั้น ไอ้หมูสวะโสโครกเยรเกอร์ แล้วก็ เอลจู วอน แอสคัม บุตรสาวคนรองของท่านบารอนเอลโต้ กับ ยูนิส วอน ลาปิส บุตรสาวคนที่สามของท่านบารอนไคน์ เด็กสาวที่ถูกส่งตัวมาเพื่อเป็นของขวัญเช่นเดียวกันกับตัวชั้นเพียงเท่านั้น

โดยไอ้หมูสวะโสโครกเยรเกอร์นั้นยังคงสลบอยู่จากฤทธิ์ยาสลบที่ได้รับตอนทำการรักษา ส่วนพวกลูกน้องของมันนั้นก็ได้ถูกทัตสึยะซามะ สลับตัวกับพวกทหารและอัศวินจากอาณาจักรออร์ธรอสไปทั้งหมดแล้ว

ท่านหญิงยูมิน่าคะ พวกเราจะปลอดภัยจริงๆใช่มั๊ยคะ?

นะ นั่นสิคะท่านหญิงยูมิน่า! พะ พวกเราจะเชื่อที่ทัตสึยะซามะพูดได้จริงๆงั้นเหรอคะ ?

เอลจูและยูนิสพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ท่าทางพวกเธอทั้งสองคนจะยังไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว

ยัยพวกนี้นี่ ทำไมถึงได้ไร้เดียงสากันนักนะ พวกเราจะปลอดภัยมั๊ยงั้นเหรอ ? จะเชื่อใจทัตสึยะซามะได้มั๊ยงั้นเหรอ ? นี่พวกเธอไม่ได้คิดเลยจริงๆเหรอว่า ฐานะของพวกเราในตอนนี้น่ะมีทางเลือกอื่นๆด้วยงั้นเหรอ ?

แล้วระหว่างไอ้จักรพรรดิสวะเลคซิอุสนั่น กับไอ้พวกขุนนางสวะที่คอยรับใช้มันแล้วเนี่ย กับพวกมันที่เห็นพวกเราเป็นเพียงแค่เครื่องมือสำหรับระบายความใคร่นั้น

หากนำมาเปรียบเทียบกับทัตสึยะซามะ ผู้ที่ให้การต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น ผู้ที่คอยช่วยปลอบโยนความทุกใจพวกเราอย่างอ่อนโยน และยังมอบทางเลือกให้กับพวกเรามากมายแล้ว ใครจะน่าเชื่อถือมากกว่ากัน ?

ช่างเสียทีที่พวกเธอทั้งสองคนได้เกิดมาในตระกูลขุนนางจริงๆ สำหรับพวกเธอทั้งสองแล้วนั้น ชั้นไม่คิดว่าพวกเธอจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับความรักจากทัตสึยะซามะ ผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวที่ได้มอบความสุขมากมายให้กับชั้นคนนั้น

อุฟุฟุ เพียงแค่คิดถึงใบหน้าที่เร่าร้อนของทัตสึยะซามะในตอนนั้นแล้ว หัวใจของชั้นมันก็รู้สึกเบิกบานจนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่.....อ่าส์.....ชั้นล่ะอยากจะรีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จสิ้น แล้วจะได้กลับไปยังอ้อมกอดของทัตสึยะซามะอย่างเร็วที่สุดจริงๆ

แต่ถึงแม้จะพูดไปแบบนั้น ตัวตนของพวกเธอนั้นก็ยังถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับภารกิจในครั้งนี้ เพราะงั้นตัวชั้นเองที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้านั้นก็คงจำเป็นที่จะต้องอ่อนโยนกับพวกเธอสักเล็กน้อยล่ะนะ

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยูนิสซัง เอลจูซัง ทัตสึยะซามะนั้นเป็นผู้ชายที่รักษาคำพูดของตัวเอง ดังนั้นหากพวกคุณทั้งสองคนทำตามคำสั่งที่ทัตสึยะซามะมอบให้อย่างเคร่งครัดโดยไม่คิดที่จะทรยศแล้วล่ะก็ ทัตสึยะซามะจะต้องทำตามสำคัญที่ได้มอบให้กับพวกเธออย่างแน่นอนค่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดของชั้นแล้ว เด็กสาวไม่ได้เรื่องทั้งสองก็แสดงสีหน้าโล่งใจออกมา กับทัตสึยะซามะแล้ว เค้าจะต้องรักษาคำพูดเค้าจะต้องรักษาสำคัญที่ให้ไว้กับพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้นชั้นจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้

ท่านหญิงยูมิน่า พวกเราใกล้จะถึงปราสาทกูสตาฟแล้ว เตรียมตัวได้แล้วนะคะ

เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งในชุดอัศวินของจักรวรรดิเอลติซเข้ามาแจ้งให้กับพวกเราที่กำลังรออยู่ภายในห้องรับรองของเรือเหาะความเร็วสูง

จากเมืองสเตรเชียมาถึงเมืองกูสตาฟนั้น หากใช้เจลโล่ความเร็วสูงก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 5 วัน หากเป็นเรือเหาะของจักรวรรดิเอลติซก็คงต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวัน แต่สำหรับเรือเหาะความเร็วสูงของอาณาจักรออร์ธรอสนั้น กลับใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีเวทมนต์ของจักรวรรดิเอลติซนั้นเทียบไม่ติดแม้แต่นิดเดียวเดียว

ยินดีต้อนรับราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซทุกท่านสู่ปราสาทกูสตาฟ ผมต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมาควิสไม่สะดวกที่จะออกมาต้อนรับทุกท่านด้วยตัวเอง

เมื่อเรือเหาะของพวกเราลงจอดที่ลานกว้างหน้าปราสาทกูสตาฟ ชายชราคนหนึ่งในชุดพ่อบ้านก็ออกมาให้การต้อนรับพวกเรา โดยที่ด้านหลังนั้นมีกองอัศวินเกราะม่วง ซึ่งเป็นกองอัศวินเกราะหนัก ที่ขึ้นตรงต่อจักรพรรดิเลคซิอุสจำนวนทั้งหมด 20 นายติดตามมาด้วย

แต่เนื่องจากหิมะที่โปรยปรายลงมาเล็กน้อย มันจึงทำให้ชุดเกราะของเหล่าอัศวินพวกนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยละอองหิมะ จนทำให้ความงดงามของชุดเกราะเหล่านั้นได้หายไปจนหมด

อะร๊า! เป็นทางนี้เองที่มาเยือนในยามดึกเช่นนี้โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวเอาไว้ล่วงหน้า ดังนั้นสำหรับทุกท่านที่อุส่าออกมาต้อนรับพวกเราในครั้งนี้

ดิชั้น ยูมิน่า วอน การ์เซียส ในฐานะตัวแทนหัวหน้าคณะราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซ ดิชั้นรู้สึกทราบซึ้งในความห่วงใย และต้องขออภัยกับทุกท่านที่ลำบากด้วยจริงๆนะคะ

ชั้นจับชายกระโปรงขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง ไขว้เท้าซ้ายไปด้านหลัง ย่อตัวลงพร้อมกับกล่าวคำทักทายและคำขอโทษออกไป ยูนิสและเอลจูที่อยู่ด้านหลังของชั้นเองก็ทำตามเช่นเดียวกัน

แตกต่างจากชายชราในชุดพ่อบ้านและเหล่าอัศวินเกราะม่วงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยละอองหิมะ ชุดเดรสที่พวกเราสวมใส่อยู่นั้นถูกปกป้องเอาไว้ด้วยเครื่องประดับเวทที่ทัตสึยะซามะมอบให้ ดังนั้นพวกเราทั้ง 3 คน จึงสามารถรักษาความงดงามเอาไว้ได้แม้จะเป็นในสภาพแบบนี้ก็ตาม

ถึงแม้จะเป็นการเสียมารยาทไปสักนิด แต่ไม่ทราบว่าท่านไวส์เคานต์เยรเกอร์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะราชทูตอย่างเป็นทางการนั้นทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วยหรือครับ

แต่ดูเหมือนว่าชายชราในชุดพ่อบ้านตรงหน้าของชั้นคนนี้จะไม่ได้ทันสังเกตถึงความแต่งต่างของพวกเราในเรื่องนี้ และได้ถามถึงไอ้เจ้าหมูสวะโสโครกนั่นแทน

อะร๊า! ต้องขออภัยจริงๆค่ะ พอดีว่าท่านไวส์เคานต์เยรเกอร์นั้นได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างการเข้าเฝ้า ทัตสึยะซามะ ผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอส ในตอนนี้จึงอยู่ในสภาพพักฟื้นและไม่อาจจะลุกขึ้นมากล่าวทักทายทุกท่านได้น่ะค่ะ

หลังพูดจบ ชั้นก็ส่งสัญญาณให้กับพวกทหารจากอาณาจักรออร์ธรอสที่ปลอมตัวมา ซึ่งก็หลังจากนั้นเพียงไม่นาน อุปกรณ์เวทรูปร่างคล้ายเตียงนอนที่บรรทุกร่างของไวส์เคานต์เยรเกอร์ก็ถูกนำลงมาจากเรือเหาะอย่างช้าๆ ซึ่งนั่นทำให้ชายชราในชุดพ่อบ้าน และเหล่าอัศวินเกราะม่วงต่างตกใจไปตามๆกัน

นะ!! กะเกิดอะไรขึ้นในระหว่างการเข้าพบท่านผู้ปกครองแห่งอาณาจักรออร์ธรอสงั้นรึคะ ครับ !!?

ก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอกค่ะ อุฟุฟุ พอดีท่านไวส์เคานต์เยรเกอร์ทนที่จะรับฟังคำพูดอันน่าเกรงขามของทัตสึยะซามะไม่ไหว ท่านก็เลยสะดุดล้มหัวฟาดกับเสาหินเพียงเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะคะ เพราะได้พวกท่านจอมเวทช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้แล้ว คาดว่าคงจะฟื้นคืนสติกลับมาในอีกไม่กี่วันนี้ล่ะค่ะ...

นะ!! นั่นก็หมายความว่าการเจรจากับอาณาจักรออร์ธรอส....

ไม่มีการเจรจาอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ เพราะทัตสึยะซามะนั้นได้ตัดสินใจที่จะประกาศสงครามกับจักรวรรดิเอลติซเรียบร้อยแล้ว และดิชั้นก็ได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนมามอบสารประกาศสงครามครั้งนี้ ให้กับท่านมาควิส ผู้ซึ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิเอลติซ ในอาณาเขตทวีปอากัสเตรียแห่งนี้น่ะค่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดของชั้น ทั้งชายชราในชุดพ่อบ้าน รวมทั้งเหล่าอัศวินเกราะม่วงต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมากันอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะยังไม่พร้อมที่จะเริ่มทำสงครามในตอนนี้ มันคงจะแบบนั้นสินะคะ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ชั้นจะต้องไปใส่ใจ

แต่ต้องขอบอกเลยว่า ความรู้สึกที่ได้เห็นพวกอัศวินเกราะม่วงตกใจจนหน้าซีดเนี่ย มันเป็นความรู้สึกที่ดีสุดๆจนทำให้ช่วงล่างของชั้นเริ่มมีอารมณ์เลยนะคะ อุว๊า!! แล้วนี่ถ้าชั้นได้เห็นสีหน้าของเจ้าอัศวินเกราะม่วงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีพวกนี้มาคุกเข่าเพื่อขอชีวิตล่ะก็ ชั้นอาจจะรู้สึกดีจนถึงจุดสุดยอดไปเลยก็เป็นได้เหมือนกันนะคะ อุฟุฟุ

หลังจากนั้น ชายชราในชุดพ่อบ้านก็ตดสินใจที่จะพาไปพบกับท่านมาควิสที่ห้องนอนเป็นการเร่งด่วน ซึ่งการที่บอกว่าไม่สะดวกก่อนหน้านี้นั้น ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะท่านมาควิสผู้นี้กำลังสนุกสนานกับพวกเด็กสาวน่ารักๆ ที่ไปบังคับเอาตัวมาจากพวกชาวเมืองกูสตาฟ

โฮ่ๆ!! ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ท่านหญิงยูมิน่าผู้งดงามนี่เอง

หลังจากเข้าไปภายในห้องชายวันกลางคนด้านในก็กล่าวทักทายชั้นออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาสุดเจ้าเล่ห์ อุฟุฟุ ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะได้มาเจอเหยื่อชิ้นโตในที่แบบนี้ ดูเหมือนว่าภารกิจครั้งนี้จะทำให้ชั้นได้สนุกกว่าที่เอาไว้แล้วนะคะเนี่ย....

อะร๊า!! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะท่านมาควิส ตอนแรกดิชั้นก็นึกไปเองว่าจะเป็นมาควิสท่านอื่นเสียอีก แต่การที่องค์จักรพรรดิส่งท่านมาควิส ออเดลเล่ วอน ไลออนฮาท ผู้บัญชาการทหารที่โด่งดังมาเนี่ย ก็แสดงว่าได้เตรียมพร้อมที่จะทำสงครามจริงๆจังๆแล้วสินะ

สำหรับเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ผู้นี้นั้นเป็นขุนนางที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคนหนึ่งของจักรวรรดิเอลติซ โดยผลงานของเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่นั้นส่วนใหญ่ล้วนแล้วจะเป็นชัยชนะในด้านการสงคราม แต่ผู้คนมากมายต่างรู้กันดีว่าเป็นชัยชนะที่ได้รับมาด้วยวิธีสกปรกแทบทั้งนั้น

ต้องขออภัยที่ผมต้องจอขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองท่าน เนื่องจากท่านหญิงยูมิน่าได้นำสารประกาศสงครามมาจากอาณาจักรออร์ธรอส ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอให้ท่านมาควิสรีบตรวจสอบสารดังกล่าวดู และตัดสินใจออกคำสั่งด่วนในทันทีเลยครับ

เมื่อพูดจบ ชายชราในชุดพ่อบ้านยื่นสารประกาศสงครามมาจากอาณาจักรออร์ธรอสให้กับเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ในทันที และเมื่อเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ได้เปิดอ่านข้อความภายในเรียบร้อยแล้ว เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ก็รีบออกคำสั่งในทันที

เซโอฟีรัส รีบนำสารประกาศสงครามฉบับนี้ไปคัดลอก เฮกเตอร์ รีบไปสั่งให้หน่วยเจลโล่ความเร็วสูงเตรียมตัวเพื่อนำสารประกาศสงสับไปส่งยังทุกเมืองของจักรวรรดิโดยด่วนที่สุด อลัน รีบไปออกคำสั่งให้กับพวกกองอัศวินเกราะม่วง ให้ส่งหน่วยสอดแนมออกไปตรวจดูความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆอาณาเจตของเมืองกูสตาฟในทันที

「「「รับทราบครับ!!」」」

เมื่อได้รับคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ชายชราในชุดพ่อบ้านที่ชื่อเซโอฟีรัสและคนสนิทอื่นๆของเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ก็โค้งคำนับ และคนพวกนั้นก็รีบออกจากห้องเพื่อไปดำเนินการตามคำสั่งในทันที

อะร๊า เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่นี่ถึงกับกล้าปล่อยให้ชั้นอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีคนคอยคุ้มกัน เจ้านี่มันคงไม่คิดว่าเด็กสาวบอบบางอย่างชั้นจะสามารถทำอะไรมันได้งั้นสินะ ช่างเป็นพวกที่ประมาทเสียจริง เห็นทีคงจะต้องสอนถึงความน่ากลัวของเด็กสาวอย่างพวกเราให้ได้รู้กันเสียหน่อยแล้วสินะ อุฟุฟุ

อะร๊า แล้วท่านมาควิสไม่คิดที่จะออกไปเตรียมพร้อมทำสงครามบ้างงั้นหรือคะ?

ชั้นพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ช้าๆอย่างสง่างาม และเมื่อเข้าไปใกล้พอที่พวกเราจะสัมผัสตัวกันได้ ชั้นก็ค่อยๆดึงชายกระโปรงขึ้นสูงเพื่อเผยให้เห็นต้นขาขาวๆ ก่อนที่ชั้นจะนั่งลงบนขาข้างหนึ่งของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่

ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! ก่อนหน้านี้ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเป็นเพียงบุตรสาวขุนนางซื่อๆทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าเยรเกอร์นั่นจะฝึกฝนเจ้ามาอย่างดีเลยนี่!! แล้วเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ? คิดว่าในเวลาแบบนี้ข้าควรจะรีบไปเตรียมตัวเพื่อทำสงคราม แล้วปล่อยให้สาวงามเช่นเจ้าต้องอยู่อย่างเหงาๆเพียงลำพังรึ?

นั่นสินะคะ....สำหรับเด็กสาวโง่เขลาที่ไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการทำสงครามอย่างดิชั้นแล้วเนี่ย การออกปากเป็นห่วงท่านผู้บัญชาการทหารที่โด่งดังอย่างท่านมาควิสนั้น คงจะเป็นคำพูดที่ดูยะโสมากเลยสินะคะ

ชั้นพูดพร้อมใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามร่างกายของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ช้าๆเพื่อให้มันคิดว่าชั้นต้องการที่จะเป็นผู้หญิงของมัน

ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! เจ้านี่สุดยอดไปเลยนะ ยูมิน่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! เอาแบบนี้เป็นไง ถ้าเจ้าทำให้ข้ารู้สึกเสียวจนติดใจได้ล่ะก็ ข้าจะให้เจ้าได้มาอยู่เคียงข้างข้าเอง การปล่อยสาวงามเช่นเจ้าไปอยู่กับไอ้เจ้าเยรเกอร์นั่น มันน่าเสียดายจะตายไปใช่มั๊ยล่ะ!!

อะร๊า! ถ้างั้นชั้นจะช่วยทำให้ท่านมาควิสรู้สึกเสียวจนอยากจะตายก็ตายไม่ได้เลยดีมั๊ยคะ

หลังจากพูดจบ ชั้นก็ใส่มานาลงไปที่แหวนวงหนึ่งบนมือที่กำลังลูบไล้ใบหน้าของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ เพื่อเปิดการทำงานของอุปกรณ์เวทช็อตไฟฟ้าในรูปแบบเครื่องประดับขนาดเล็ก

อ๊ากกก!!! อ๊ากกก!!!!!!! นะ นี่เจ้า อ๊ากกก!!!!!!! อ๊ากกก!!!!!!!

เมื่ออุปกรณ์เวทเริ่มทำงาน เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ก็เริ่มชักดิ้นชักงอด้วยความทรมาน มือทั้งสองข้างของมันที่ลูบไล้ไปตามต้นขาของชั้นก่อนหน้านี้แสดงอาการหงิกงอแบบประหลาดๆออกมาในทันที แน่นอนว่าถึงเจ้านี่จะเป็นอมพาตไปแล้ว ชั้นก็ยังไม่คิดที่จะหยุดแต่เพียงแค่นี้หรอกนะคะ

อะร๊า! นี่ก็แค่พึ่งจะเริ่มต้นเองนะคะ เป็นยังไงล่ะคะเริ่มจะเสียวบ้างรึเปล่า

หยุดนะ!! อ๊ากกก!!! นะ นี่แก เป็นใคร อ๊ากกก!!!!!!! แกกกก!! อ๊ากกก!!!!!!!

อุว๊า!! ใบหน้าแสนน่ารังเกียจของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่นี่เริ่มดูดีขึ้นนิดหน่อยแล้วนะคะเนี่ย จากนี้เองมันจะทำหน้าแบบไหนให้ชั้นได้เห็นอีกกันนะ ? ช่างน่าสนใจจริงๆเลยนะคะ ชั้นใส่มานาลงไปในแหวนอย่างต่อเนื่องอีกหลายต่อหลายครั้ง การเล่นเสียวของพวกเราน่ะ มันยังพึ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองนะคะ อุฟุฟุ


ดิชั้นเป็นใครงั้นหรือคะ? ดิชั้นน่ะ ก็เป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งในฮาเร็มของท่านจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ ทัตสึยะซามะ เท่านั้นล่ะคะ อุฟุฟุ

ใช่แล้วล่ะค่ะ ชั้นน่ะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งของทัตสึยะซามะ ดังนั้นกับผู้ชายชั่วๆอย่างเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ที่ใช้มือสกปรกของมันมาสัมผัสไปตามร่างกายของชั้นแล้วเนี่ย มันก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการลงโทษไปตลอดทั้งชีวิต

และนั่นก็คือหนึ่งในของตอบแทนสำหรับภารกิจในครั้งนี้ ที่ทัตสึยะซามะตกลงมอบให้กับชั้น อุฟุฟุ หลังจากนี้จะมีอีกสักกี่คนที่ทัตสึยะซามะจะมอบให้ชั้นกันนะคะ เล่นเอาชั้นแทบจะรออดทนรอไม่ไหวเลยล่ะค่ะ อุฟุฟุ




ในเวลาเดียวกันกับที่ยูมิน่ากำลังทรมาน มาควิส ออเดลเล่

-- มุมมองของทัตสึยะ --

ผมและทุกๆคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังเมืองกูสตาฟด้วยเรือเหาะ ในเวลานี้ผมคิดว่ายูมิน่าคงจะนำสารไปส่งถึงมือของผู้บัญชาการของฝ่ายศัตรูเรียบร้อยแล้วล่ะนะ

ฟิลิเน่จัง ไฮ อ้ามมมม!!
อ้ามมมม!! อุมุ อร่อยมากเลยค่ะ ฟิลิเน่รักทัตสึยะซามะมากเลยนะคะ!!

และในระหว่างที่รอรายงานจากทีมแทรกซึมของยูมิน่าและเจ้าอากิโอะ ผมในตอนนี้ก็กำลังป้อนขนมให้กับฟิลิเน่จัง เมดโลลิสุดน่ารัก ยิ่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ฟิลิเน่จังนั้นก็ค่อยๆเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวที่งดงามมาก ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะให้รางวัลกับพวกเมดในหอพักเมล่อนโรล ที่คอยช่วยกันดูแลฟิลิเน่จังเป็นอย่างดีเป็นการตอบแทนเยอะๆเลยล่ะ

ผมเองก็รักฟิลิเน่จัง มากเลยนะ ผมจะไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมาแย่งเอาหัวใจของเธอไปอย่างแน่นอนเลยล่ะ

ผมพูดออกไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบหัวฟิลิเน่จังอย่างอ่อนโยนไปด้วย ฟิลิเน่จังเองก็ดูจะชอบให้ผมลูบหัวมาก เธอยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเบิกบานตลอดเวลา และรอยยิ้มของฟิลิเน่จังนั้นก็ทำให้ผมแทบจะรอวันที่เธอเติบโตขึ้นมาจนพร้อมที่จะเป็นของผมไม่ไหวเลยล่ะ

ทัตสึยะซามะ ทัตสึยะซามะ ด้านนอกหน้าต่างมีหิมะตกลงเยอะแยะเลยนะคะ!!

ฟิลิเน่จังมองออกไปด้านนอกหน้าต่างแล้วก็พูดขึ้นมา จะว่าไปแล้วก็นั่นสินะ เพราะภายในเมืองสเตรเชียของพวกเรานั้นมีบาเรียปรับสภาพอากาศ มันจึงทำให้ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าช่วงเวลานี้มันยังเป็นช่วงกลางฤดูหนาว

ซึ่งการที่มีหิมะตกลงมานั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้การทำสงครามนั้นลำบากมากขึ้น เพราะถึงแม้การยิงถล่มลงไปจากเรือเหาะจะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่สำหรับพวกทหารทั่วไปที่ต้องเข้าไปต่อสู้กันภายในตัวเมืองนั้นคงจะทำให้ลำบากขึ้นมาก

แต่เรื่องนี้เองก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เพียงข้อเสียเท่านั้น เพราะข้อดีของสงครามในฤดูหนาวนั้นก็คือมันเป็นช่วงที่ผู้คนกำลังลำบากมากที่สุดเพราะขาดแคลนเสบียงอาหาร ดังนั้นมันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการที่พวกเราจะซื้อใจผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคริสติน่าที่กำลังจะขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของผู้คนที่นี่ด้วยแล้ว...

นั่นสินะ ผมเองก็ไม่ได้เล่นหิมะมานานแล้วด้วย ถ้างั้นเอาไว้หลังจากยึดเมืองกูสตาฟได้แล้ว พวกเรามาปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยกันนะ ฟิลิเน่จัง

คุณตุ๊กตาหิมะเหมือนกับในอนิเมะสินะคะ!! เข้าใจแล้วค่ะ!! ฟิลิเน่จะปั้นคุณตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ๆเลยล่ะค่ะ!!

ฟิลิเน่จังพูดขึ้นมาด้วยแววตาเปล่งประกาย น่ารักจริงๆเลยนะเนี่ยเด็กคนนี้....ทำเอาผมอดใจที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเธอไม่ได้เลย

อะร๊า สุดท้ายก็ยอมแพ้กันทุกคนแล้วสินะคะ ถ้างั้นชั้นก็ขอรับตำแหน่งคู่หูของทัตสึยะซังในครั้งนี้ไปเลยนะคะ อุฟุฟุ

และในตอนที่ผมกำลังสนุกกับการลูบหัวฟิลิเน่จังอยู่นั้นเอง คาโอริจังก็ได้ลุกขึ้นยืนและประกาศออกมาด้วยสีหน้าของผู้ชนะ หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานของพวกสาวๆ ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเธอก็สามารถกำหนดตัวสมาชิกของแต่ละปาร์ตี้ ที่จะแบ่งกันไปทำหน้าที่ตามจุดต่างๆในสงครามยึดเมืองกูสตาฟครั้งนี้ได้แล้ว....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น