วันที่ 2
เดือน 1 ศักราชเอลติซปีที่
838
-- มุมมองของยูมิน่า --
ในขณะนี้
ชั้นและพวกเราทุกคนจากคณะราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซกำลังเดินทางด้วยเรือเหาะความเร็วสูง
ไปยังเมืองกูสตาฟเพื่อส่งสารประกาศสงครามให้กับผู้บัญชาการทหารกองทัพจักรวรรดิเอลติซ
และถึงแม้ชั้นจะบอกว่าพวกเราทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ผู้ที่ร่วมเดินทางไปยังเมืองกูสตาฟด้วยกันก็มีเพียงแค่
ชั้น ไอ้หมูสวะโสโครกเยรเกอร์ แล้วก็ เอลจู วอน แอสคัม
บุตรสาวคนรองของท่านบารอนเอลโต้ กับ ยูนิส วอน ลาปิส
บุตรสาวคนที่สามของท่านบารอนไคน์ เด็กสาวที่ถูกส่งตัวมาเพื่อเป็นของขวัญเช่นเดียวกันกับตัวชั้นเพียงเท่านั้น
โดยไอ้หมูสวะโสโครกเยรเกอร์นั้นยังคงสลบอยู่จากฤทธิ์ยาสลบที่ได้รับตอนทำการรักษา
ส่วนพวกลูกน้องของมันนั้นก็ได้ถูกทัตสึยะซามะ
สลับตัวกับพวกทหารและอัศวินจากอาณาจักรออร์ธรอสไปทั้งหมดแล้ว
「ท่านหญิงยูมิน่าคะ พวกเราจะปลอดภัยจริงๆใช่มั๊ยคะ?」
「นะ นั่นสิคะท่านหญิงยูมิน่า! พะ พวกเราจะเชื่อที่ทัตสึยะซามะพูดได้จริงๆงั้นเหรอคะ
?」
เอลจูและยูนิสพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ท่าทางพวกเธอทั้งสองคนจะยังไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว
ยัยพวกนี้นี่ ทำไมถึงได้ไร้เดียงสากันนักนะ
พวกเราจะปลอดภัยมั๊ยงั้นเหรอ ? จะเชื่อใจทัตสึยะซามะได้มั๊ยงั้นเหรอ ?
นี่พวกเธอไม่ได้คิดเลยจริงๆเหรอว่า ฐานะของพวกเราในตอนนี้น่ะมีทางเลือกอื่นๆด้วยงั้นเหรอ
?
แล้วระหว่างไอ้จักรพรรดิสวะเลคซิอุสนั่น
กับไอ้พวกขุนนางสวะที่คอยรับใช้มันแล้วเนี่ย
กับพวกมันที่เห็นพวกเราเป็นเพียงแค่เครื่องมือสำหรับระบายความใคร่นั้น
หากนำมาเปรียบเทียบกับทัตสึยะซามะ ผู้ที่ให้การต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น
ผู้ที่คอยช่วยปลอบโยนความทุกใจพวกเราอย่างอ่อนโยน และยังมอบทางเลือกให้กับพวกเรามากมายแล้ว
ใครจะน่าเชื่อถือมากกว่ากัน ?
ช่างเสียทีที่พวกเธอทั้งสองคนได้เกิดมาในตระกูลขุนนางจริงๆ สำหรับพวกเธอทั้งสองแล้วนั้น
ชั้นไม่คิดว่าพวกเธอจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับความรักจากทัตสึยะซามะ ผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวที่ได้มอบความสุขมากมายให้กับชั้นคนนั้น
อุฟุฟุ เพียงแค่คิดถึงใบหน้าที่เร่าร้อนของทัตสึยะซามะในตอนนั้นแล้ว
หัวใจของชั้นมันก็รู้สึกเบิกบานจนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่.....อ่าส์.....ชั้นล่ะอยากจะรีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จสิ้น
แล้วจะได้กลับไปยังอ้อมกอดของทัตสึยะซามะอย่างเร็วที่สุดจริงๆ
แต่ถึงแม้จะพูดไปแบบนั้น ตัวตนของพวกเธอนั้นก็ยังถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับภารกิจในครั้งนี้
เพราะงั้นตัวชั้นเองที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้านั้นก็คงจำเป็นที่จะต้องอ่อนโยนกับพวกเธอสักเล็กน้อยล่ะนะ
「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยูนิสซัง เอลจูซัง
ทัตสึยะซามะนั้นเป็นผู้ชายที่รักษาคำพูดของตัวเอง ดังนั้นหากพวกคุณทั้งสองคนทำตามคำสั่งที่ทัตสึยะซามะมอบให้อย่างเคร่งครัดโดยไม่คิดที่จะทรยศแล้วล่ะก็
ทัตสึยะซามะจะต้องทำตามสำคัญที่ได้มอบให้กับพวกเธออย่างแน่นอนค่ะ」
เมื่อได้ยินคำพูดของชั้นแล้ว
เด็กสาวไม่ได้เรื่องทั้งสองก็แสดงสีหน้าโล่งใจออกมา กับทัตสึยะซามะแล้ว
เค้าจะต้องรักษาคำพูดเค้าจะต้องรักษาสำคัญที่ให้ไว้กับพวกเราอย่างแน่นอน
ดังนั้นชั้นจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้
「ท่านหญิงยูมิน่า พวกเราใกล้จะถึงปราสาทกูสตาฟแล้ว
เตรียมตัวได้แล้วนะคะ」
เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งในชุดอัศวินของจักรวรรดิเอลติซเข้ามาแจ้งให้กับพวกเราที่กำลังรออยู่ภายในห้องรับรองของเรือเหาะความเร็วสูง
จากเมืองสเตรเชียมาถึงเมืองกูสตาฟนั้น
หากใช้เจลโล่ความเร็วสูงก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 5 วัน
หากเป็นเรือเหาะของจักรวรรดิเอลติซก็คงต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวัน
แต่สำหรับเรือเหาะความเร็วสูงของอาณาจักรออร์ธรอสนั้น
กลับใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า
เทคโนโลยีเวทมนต์ของจักรวรรดิเอลติซนั้นเทียบไม่ติดแม้แต่นิดเดียวเดียว
「ยินดีต้อนรับราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซทุกท่านสู่ปราสาทกูสตาฟ
ผมต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมาควิสไม่สะดวกที่จะออกมาต้อนรับทุกท่านด้วยตัวเอง」
เมื่อเรือเหาะของพวกเราลงจอดที่ลานกว้างหน้าปราสาทกูสตาฟ
ชายชราคนหนึ่งในชุดพ่อบ้านก็ออกมาให้การต้อนรับพวกเรา
โดยที่ด้านหลังนั้นมีกองอัศวินเกราะม่วง ซึ่งเป็นกองอัศวินเกราะหนัก ที่ขึ้นตรงต่อจักรพรรดิเลคซิอุสจำนวนทั้งหมด
20 นายติดตามมาด้วย
แต่เนื่องจากหิมะที่โปรยปรายลงมาเล็กน้อย มันจึงทำให้ชุดเกราะของเหล่าอัศวินพวกนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยละอองหิมะ
จนทำให้ความงดงามของชุดเกราะเหล่านั้นได้หายไปจนหมด
「อะร๊า! เป็นทางนี้เองที่มาเยือนในยามดึกเช่นนี้โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวเอาไว้ล่วงหน้า
ดังนั้นสำหรับทุกท่านที่อุส่าออกมาต้อนรับพวกเราในครั้งนี้
ดิชั้น ยูมิน่า วอน การ์เซียส ในฐานะตัวแทนหัวหน้าคณะราชทูตแห่งจักรวรรดิเอลติซ
ดิชั้นรู้สึกทราบซึ้งในความห่วงใย และต้องขออภัยกับทุกท่านที่ลำบากด้วยจริงๆนะคะ」
ชั้นจับชายกระโปรงขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง ไขว้เท้าซ้ายไปด้านหลัง ย่อตัวลงพร้อมกับกล่าวคำทักทายและคำขอโทษออกไป
ยูนิสและเอลจูที่อยู่ด้านหลังของชั้นเองก็ทำตามเช่นเดียวกัน
แตกต่างจากชายชราในชุดพ่อบ้านและเหล่าอัศวินเกราะม่วงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยละอองหิมะ
ชุดเดรสที่พวกเราสวมใส่อยู่นั้นถูกปกป้องเอาไว้ด้วยเครื่องประดับเวทที่ทัตสึยะซามะมอบให้
ดังนั้นพวกเราทั้ง 3 คน
จึงสามารถรักษาความงดงามเอาไว้ได้แม้จะเป็นในสภาพแบบนี้ก็ตาม
「ถึงแม้จะเป็นการเสียมารยาทไปสักนิด
แต่ไม่ทราบว่าท่านไวส์เคานต์เยรเกอร์
ผู้เป็นหัวหน้าคณะราชทูตอย่างเป็นทางการนั้นทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วยหรือครับ」
แต่ดูเหมือนว่าชายชราในชุดพ่อบ้านตรงหน้าของชั้นคนนี้จะไม่ได้ทันสังเกตถึงความแต่งต่างของพวกเราในเรื่องนี้
และได้ถามถึงไอ้เจ้าหมูสวะโสโครกนั่นแทน
「อะร๊า! ต้องขออภัยจริงๆค่ะ
พอดีว่าท่านไวส์เคานต์เยรเกอร์นั้นได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างการเข้าเฝ้า
ทัตสึยะซามะ ผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอส
ในตอนนี้จึงอยู่ในสภาพพักฟื้นและไม่อาจจะลุกขึ้นมากล่าวทักทายทุกท่านได้น่ะค่ะ」
หลังพูดจบ
ชั้นก็ส่งสัญญาณให้กับพวกทหารจากอาณาจักรออร์ธรอสที่ปลอมตัวมา ซึ่งก็หลังจากนั้นเพียงไม่นาน
อุปกรณ์เวทรูปร่างคล้ายเตียงนอนที่บรรทุกร่างของไวส์เคานต์เยรเกอร์ก็ถูกนำลงมาจากเรือเหาะอย่างช้าๆ
ซึ่งนั่นทำให้ชายชราในชุดพ่อบ้าน และเหล่าอัศวินเกราะม่วงต่างตกใจไปตามๆกัน
「นะ!! กะเกิดอะไรขึ้นในระหว่างการเข้าพบท่านผู้ปกครองแห่งอาณาจักรออร์ธรอสงั้นรึคะ
ครับ !!?」
「ก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอกค่ะ อุฟุฟุ
พอดีท่านไวส์เคานต์เยรเกอร์ทนที่จะรับฟังคำพูดอันน่าเกรงขามของทัตสึยะซามะไม่ไหว
ท่านก็เลยสะดุดล้มหัวฟาดกับเสาหินเพียงเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะคะ เพราะได้พวกท่านจอมเวทช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้แล้ว
คาดว่าคงจะฟื้นคืนสติกลับมาในอีกไม่กี่วันนี้ล่ะค่ะ...」
「นะ!! นั่นก็หมายความว่าการเจรจากับอาณาจักรออร์ธรอส....」
「ไม่มีการเจรจาอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ
เพราะทัตสึยะซามะนั้นได้ตัดสินใจที่จะประกาศสงครามกับจักรวรรดิเอลติซเรียบร้อยแล้ว
และดิชั้นก็ได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนมามอบสารประกาศสงครามครั้งนี้ ให้กับท่านมาควิส
ผู้ซึ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิเอลติซ ในอาณาเขตทวีปอากัสเตรียแห่งนี้น่ะค่ะ」
เมื่อได้ยินคำพูดของชั้น ทั้งชายชราในชุดพ่อบ้าน
รวมทั้งเหล่าอัศวินเกราะม่วงต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมากันอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะยังไม่พร้อมที่จะเริ่มทำสงครามในตอนนี้ มันคงจะแบบนั้นสินะคะ
แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ชั้นจะต้องไปใส่ใจ
แต่ต้องขอบอกเลยว่า
ความรู้สึกที่ได้เห็นพวกอัศวินเกราะม่วงตกใจจนหน้าซีดเนี่ย มันเป็นความรู้สึกที่ดีสุดๆจนทำให้ช่วงล่างของชั้นเริ่มมีอารมณ์เลยนะคะ
อุว๊า!! แล้วนี่ถ้าชั้นได้เห็นสีหน้าของเจ้าอัศวินเกราะม่วงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีพวกนี้มาคุกเข่าเพื่อขอชีวิตล่ะก็
ชั้นอาจจะรู้สึกดีจนถึงจุดสุดยอดไปเลยก็เป็นได้เหมือนกันนะคะ อุฟุฟุ
หลังจากนั้น ชายชราในชุดพ่อบ้านก็ตดสินใจที่จะพาไปพบกับท่านมาควิสที่ห้องนอนเป็นการเร่งด่วน
ซึ่งการที่บอกว่าไม่สะดวกก่อนหน้านี้นั้น ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะท่านมาควิสผู้นี้กำลังสนุกสนานกับพวกเด็กสาวน่ารักๆ
ที่ไปบังคับเอาตัวมาจากพวกชาวเมืองกูสตาฟ
「โฮ่ๆ!! ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ท่านหญิงยูมิน่าผู้งดงามนี่เอง」
หลังจากเข้าไปภายในห้องชายวันกลางคนด้านในก็กล่าวทักทายชั้นออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาสุดเจ้าเล่ห์
อุฟุฟุ ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะได้มาเจอเหยื่อชิ้นโตในที่แบบนี้
ดูเหมือนว่าภารกิจครั้งนี้จะทำให้ชั้นได้สนุกกว่าที่เอาไว้แล้วนะคะเนี่ย....
「อะร๊า!! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะท่านมาควิส ตอนแรกดิชั้นก็นึกไปเองว่าจะเป็นมาควิสท่านอื่นเสียอีก
แต่การที่องค์จักรพรรดิส่งท่านมาควิส ออเดลเล่ วอน ไลออนฮาท ผู้บัญชาการทหารที่โด่งดังมาเนี่ย
ก็แสดงว่าได้เตรียมพร้อมที่จะทำสงครามจริงๆจังๆแล้วสินะ」
สำหรับเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ผู้นี้นั้นเป็นขุนนางที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคนหนึ่งของจักรวรรดิเอลติซ
โดยผลงานของเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่นั้นส่วนใหญ่ล้วนแล้วจะเป็นชัยชนะในด้านการสงคราม
แต่ผู้คนมากมายต่างรู้กันดีว่าเป็นชัยชนะที่ได้รับมาด้วยวิธีสกปรกแทบทั้งนั้น
「ต้องขออภัยที่ผมต้องจอขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองท่าน
เนื่องจากท่านหญิงยูมิน่าได้นำสารประกาศสงครามมาจากอาณาจักรออร์ธรอส
ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอให้ท่านมาควิสรีบตรวจสอบสารดังกล่าวดู และตัดสินใจออกคำสั่งด่วนในทันทีเลยครับ」
เมื่อพูดจบ ชายชราในชุดพ่อบ้านยื่นสารประกาศสงครามมาจากอาณาจักรออร์ธรอสให้กับเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ในทันที
และเมื่อเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ได้เปิดอ่านข้อความภายในเรียบร้อยแล้ว เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ก็รีบออกคำสั่งในทันที
「เซโอฟีรัส รีบนำสารประกาศสงครามฉบับนี้ไปคัดลอก
เฮกเตอร์ รีบไปสั่งให้หน่วยเจลโล่ความเร็วสูงเตรียมตัวเพื่อนำสารประกาศสงสับไปส่งยังทุกเมืองของจักรวรรดิโดยด่วนที่สุด
อลัน รีบไปออกคำสั่งให้กับพวกกองอัศวินเกราะม่วง ให้ส่งหน่วยสอดแนมออกไปตรวจดูความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆอาณาเจตของเมืองกูสตาฟในทันที」
「「「รับทราบครับ!!」」」
เมื่อได้รับคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ชายชราในชุดพ่อบ้านที่ชื่อเซโอฟีรัสและคนสนิทอื่นๆของเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ก็โค้งคำนับ
และคนพวกนั้นก็รีบออกจากห้องเพื่อไปดำเนินการตามคำสั่งในทันที
อะร๊า เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่นี่ถึงกับกล้าปล่อยให้ชั้นอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีคนคอยคุ้มกัน
เจ้านี่มันคงไม่คิดว่าเด็กสาวบอบบางอย่างชั้นจะสามารถทำอะไรมันได้งั้นสินะ ช่างเป็นพวกที่ประมาทเสียจริง
เห็นทีคงจะต้องสอนถึงความน่ากลัวของเด็กสาวอย่างพวกเราให้ได้รู้กันเสียหน่อยแล้วสินะ
อุฟุฟุ
「อะร๊า แล้วท่านมาควิสไม่คิดที่จะออกไปเตรียมพร้อมทำสงครามบ้างงั้นหรือคะ?」
ชั้นพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ช้าๆอย่างสง่างาม และเมื่อเข้าไปใกล้พอที่พวกเราจะสัมผัสตัวกันได้
ชั้นก็ค่อยๆดึงชายกระโปรงขึ้นสูงเพื่อเผยให้เห็นต้นขาขาวๆ ก่อนที่ชั้นจะนั่งลงบนขาข้างหนึ่งของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่
「ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! ก่อนหน้านี้ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเป็นเพียงบุตรสาวขุนนางซื่อๆทั่วไป
แต่ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าเยรเกอร์นั่นจะฝึกฝนเจ้ามาอย่างดีเลยนี่!! แล้วเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ? คิดว่าในเวลาแบบนี้ข้าควรจะรีบไปเตรียมตัวเพื่อทำสงคราม
แล้วปล่อยให้สาวงามเช่นเจ้าต้องอยู่อย่างเหงาๆเพียงลำพังรึ?」
「นั่นสินะคะ....สำหรับเด็กสาวโง่เขลาที่ไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการทำสงครามอย่างดิชั้นแล้วเนี่ย
การออกปากเป็นห่วงท่านผู้บัญชาการทหารที่โด่งดังอย่างท่านมาควิสนั้น คงจะเป็นคำพูดที่ดูยะโสมากเลยสินะคะ」
ชั้นพูดพร้อมใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามร่างกายของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ช้าๆเพื่อให้มันคิดว่าชั้นต้องการที่จะเป็นผู้หญิงของมัน
「ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! เจ้านี่สุดยอดไปเลยนะ ยูมิน่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!
เอาแบบนี้เป็นไง ถ้าเจ้าทำให้ข้ารู้สึกเสียวจนติดใจได้ล่ะก็ ข้าจะให้เจ้าได้มาอยู่เคียงข้างข้าเอง
การปล่อยสาวงามเช่นเจ้าไปอยู่กับไอ้เจ้าเยรเกอร์นั่น มันน่าเสียดายจะตายไปใช่มั๊ยล่ะ!!」
「อะร๊า! ถ้างั้นชั้นจะช่วยทำให้ท่านมาควิสรู้สึกเสียวจนอยากจะตายก็ตายไม่ได้เลยดีมั๊ยคะ」
หลังจากพูดจบ ชั้นก็ใส่มานาลงไปที่แหวนวงหนึ่งบนมือที่กำลังลูบไล้ใบหน้าของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่
เพื่อเปิดการทำงานของอุปกรณ์เวทช็อตไฟฟ้าในรูปแบบเครื่องประดับขนาดเล็ก
「อ๊ากกก!!! อ๊ากกก!!!!!!! นะ นี่เจ้า อ๊ากกก!!!!!!!
อ๊ากกก!!!!!!!」
เมื่ออุปกรณ์เวทเริ่มทำงาน เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ก็เริ่มชักดิ้นชักงอด้วยความทรมาน
มือทั้งสองข้างของมันที่ลูบไล้ไปตามต้นขาของชั้นก่อนหน้านี้แสดงอาการหงิกงอแบบประหลาดๆออกมาในทันที
แน่นอนว่าถึงเจ้านี่จะเป็นอมพาตไปแล้ว ชั้นก็ยังไม่คิดที่จะหยุดแต่เพียงแค่นี้หรอกนะคะ
「อะร๊า! นี่ก็แค่พึ่งจะเริ่มต้นเองนะคะ เป็นยังไงล่ะคะเริ่มจะเสียวบ้างรึเปล่า」
「หยุดนะ!! อ๊ากกก!!! นะ นี่แก เป็นใคร อ๊ากกก!!!!!!!
แกกกก!! อ๊ากกก!!!!!!!」
อุว๊า!! ใบหน้าแสนน่ารังเกียจของไอ้เจ้าจิ้งจอกออเดลเล่นี่เริ่มดูดีขึ้นนิดหน่อยแล้วนะคะเนี่ย
จากนี้เองมันจะทำหน้าแบบไหนให้ชั้นได้เห็นอีกกันนะ ?
ช่างน่าสนใจจริงๆเลยนะคะ ชั้นใส่มานาลงไปในแหวนอย่างต่อเนื่องอีกหลายต่อหลายครั้ง การเล่นเสียวของพวกเราน่ะ
มันยังพึ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองนะคะ อุฟุฟุ

「ดิชั้นเป็นใครงั้นหรือคะ? ดิชั้นน่ะ ก็เป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งในฮาเร็มของท่านจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ ทัตสึยะซามะ เท่านั้นล่ะคะ อุฟุฟุ」
ใช่แล้วล่ะค่ะ ชั้นน่ะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งของทัตสึยะซามะ
ดังนั้นกับผู้ชายชั่วๆอย่างเจ้าจิ้งจอกออเดลเล่ที่ใช้มือสกปรกของมันมาสัมผัสไปตามร่างกายของชั้นแล้วเนี่ย
มันก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการลงโทษไปตลอดทั้งชีวิต
และนั่นก็คือหนึ่งในของตอบแทนสำหรับภารกิจในครั้งนี้ ที่ทัตสึยะซามะตกลงมอบให้กับชั้น
อุฟุฟุ หลังจากนี้จะมีอีกสักกี่คนที่ทัตสึยะซามะจะมอบให้ชั้นกันนะคะ เล่นเอาชั้นแทบจะรออดทนรอไม่ไหวเลยล่ะค่ะ
อุฟุฟุ
ในเวลาเดียวกันกับที่ยูมิน่ากำลังทรมาน
มาควิส ออเดลเล่
-- มุมมองของทัตสึยะ --
ผมและทุกๆคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังเมืองกูสตาฟด้วยเรือเหาะ
ในเวลานี้ผมคิดว่ายูมิน่าคงจะนำสารไปส่งถึงมือของผู้บัญชาการของฝ่ายศัตรูเรียบร้อยแล้วล่ะนะ
「ฟิลิเน่จัง ไฮ อ้ามมมม!!」
「อ้ามมมม!! อุมุ อร่อยมากเลยค่ะ
ฟิลิเน่รักทัตสึยะซามะมากเลยนะคะ!!」
และในระหว่างที่รอรายงานจากทีมแทรกซึมของยูมิน่าและเจ้าอากิโอะ ผมในตอนนี้ก็กำลังป้อนขนมให้กับฟิลิเน่จัง
เมดโลลิสุดน่ารัก ยิ่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ฟิลิเน่จังนั้นก็ค่อยๆเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวที่งดงามมาก
ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะให้รางวัลกับพวกเมดในหอพักเมล่อนโรล ที่คอยช่วยกันดูแลฟิลิเน่จังเป็นอย่างดีเป็นการตอบแทนเยอะๆเลยล่ะ
「ผมเองก็รักฟิลิเน่จัง มากเลยนะ ผมจะไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมาแย่งเอาหัวใจของเธอไปอย่างแน่นอนเลยล่ะ」
ผมพูดออกไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบหัวฟิลิเน่จังอย่างอ่อนโยนไปด้วย
ฟิลิเน่จังเองก็ดูจะชอบให้ผมลูบหัวมาก เธอยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเบิกบานตลอดเวลา
และรอยยิ้มของฟิลิเน่จังนั้นก็ทำให้ผมแทบจะรอวันที่เธอเติบโตขึ้นมาจนพร้อมที่จะเป็นของผมไม่ไหวเลยล่ะ
「ทัตสึยะซามะ ทัตสึยะซามะ ด้านนอกหน้าต่างมีหิมะตกลงเยอะแยะเลยนะคะ!!」
ฟิลิเน่จังมองออกไปด้านนอกหน้าต่างแล้วก็พูดขึ้นมา
จะว่าไปแล้วก็นั่นสินะ เพราะภายในเมืองสเตรเชียของพวกเรานั้นมีบาเรียปรับสภาพอากาศ
มันจึงทำให้ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าช่วงเวลานี้มันยังเป็นช่วงกลางฤดูหนาว
ซึ่งการที่มีหิมะตกลงมานั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้การทำสงครามนั้นลำบากมากขึ้น
เพราะถึงแม้การยิงถล่มลงไปจากเรือเหาะจะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่สำหรับพวกทหารทั่วไปที่ต้องเข้าไปต่อสู้กันภายในตัวเมืองนั้นคงจะทำให้ลำบากขึ้นมาก
แต่เรื่องนี้เองก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เพียงข้อเสียเท่านั้น เพราะข้อดีของสงครามในฤดูหนาวนั้นก็คือมันเป็นช่วงที่ผู้คนกำลังลำบากมากที่สุดเพราะขาดแคลนเสบียงอาหาร
ดังนั้นมันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการที่พวกเราจะซื้อใจผู้คน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคริสติน่าที่กำลังจะขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของผู้คนที่นี่ด้วยแล้ว...
「นั่นสินะ
ผมเองก็ไม่ได้เล่นหิมะมานานแล้วด้วย ถ้างั้นเอาไว้หลังจากยึดเมืองกูสตาฟได้แล้ว
พวกเรามาปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยกันนะ ฟิลิเน่จัง」
「คุณตุ๊กตาหิมะเหมือนกับในอนิเมะสินะคะ!! เข้าใจแล้วค่ะ!! ฟิลิเน่จะปั้นคุณตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ๆเลยล่ะค่ะ!!」
ฟิลิเน่จังพูดขึ้นมาด้วยแววตาเปล่งประกาย
น่ารักจริงๆเลยนะเนี่ยเด็กคนนี้....ทำเอาผมอดใจที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเธอไม่ได้เลย
「อะร๊า สุดท้ายก็ยอมแพ้กันทุกคนแล้วสินะคะ ถ้างั้นชั้นก็ขอรับตำแหน่งคู่หูของทัตสึยะซังในครั้งนี้ไปเลยนะคะ
อุฟุฟุ」
และในตอนที่ผมกำลังสนุกกับการลูบหัวฟิลิเน่จังอยู่นั้นเอง คาโอริจังก็ได้ลุกขึ้นยืนและประกาศออกมาด้วยสีหน้าของผู้ชนะ
หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานของพวกสาวๆ ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเธอก็สามารถกำหนดตัวสมาชิกของแต่ละปาร์ตี้
ที่จะแบ่งกันไปทำหน้าที่ตามจุดต่างๆในสงครามยึดเมืองกูสตาฟครั้งนี้ได้แล้ว....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น