ตอนที่ 41 สงครามยึดเมืองกูสตาฟ บทที่ 2


 -- มุมมองของอเดล --                            


จงหยุดยั้งกาลเวลาของทุกสรรพสิ่ง Time magic: Time Stop!!!

หลังจากบทร่ายของคาโอริซามะสิ้นสุดลง เวทมนต์หยุดเวลาซึ่งเป็นเวทมนต์ระดับ A ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเวทมนต์สายกาลเวลาและยังถือเป็นหนึ่งในเวทมนต์ระดับเทพธิดาก็ถูกสั่งให้แสดงผลออกมา

และก็เป็นในขณะนั้นเองที่ภาพทิวทัศน์รอบๆรวมถึงภาพของสิ่งมีชีวิตต่างๆที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่จนถึงเมื่อสักครู่ได้หยุดลงในทันที และก็ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายศัตรูแต่เวทมนต์นี้ยังส่งผลให้กับพวกเราด้วย ฝั่งกองทัพของอาณาจักรออร์ธรอสและพวกเงาดำทั้งหลายที่กำลังต่อสู้กันจนถึงเมื่อสักครู่ได้หยุดนิ่งสนิทลงไป

แม้แต่พี่เขยของชั้นทัตสึยะซามะ หรืออากิโอะซามะเองก็หยุดนิ่งลงพร้อมกับอาวุธในมือทั้งสองข้าง แต่ถึงแม้จะหยุดนิ่งลงไปแล้ว ทั้งสองคนก็ยังคงยืนอยู่ในท่าทางที่ไร้ช่องโหว่ ภาพของทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าของชั้นในตอนนี้ช่างดูงดงามและแข็งแกร่งจนยากที่จะหลบเลี่ยงสายตาไปจริงๆ

และมันก็ไม่ใช่เพียงเพียงผู้คนเท่านั้นที่หยุดลง เพราะละอองของเม็ดเลือดที่กระเซ็นออกมาจากบาดแผลของพวกทหารเองก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ กระสุนเวทมนต์ที่ออกมาจากบีทเตอร์ แสงวูบวาบจากการปะทะกันของคมดาบ หรือแสงจากเปลวไฟที่ออกมาจากคบเพลิงเองก็หยุดนิ่งลงไปเช่นเดียวกัน

อเดลจัง นี่ไม่ใช่เวลามาประทับใจกับเวทมนต์หรอกนะจ๊ะ!

ค ค่ะ ขอโทษค่ะ คาโอริซามะ!

คาโอริซามะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน น้ำเสียงแสนไพเราะของเธอเองก็ชวนให้รู้สึกน่าหลงใหล และชั้นก็ถูกคาโอริซามะจูงมือเดินออกไปยังบริเวณที่พวกผู้กล้ายืนอยู่ ซึ่งก็แน่นอนว่าชั้นเข้าใจความหมายในคำพูดของคาโอริซามะเป็นอย่างดี นั่นก็เพราะในตอนนี้พวกเรามีภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จ

แต่ถึงแม้ว่าชั้นจะรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว มันก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะให้เมินเฉยต่อเวทมนต์ตรงหน้าไปแบบนี้ เพราะกับการที่ชั้นได้มาเห็นและสัมผัสเวทมนต์ระดับเทพธิดากับตัวเองแบบนี้เนี่ย มันก็แน่นอนอยู่แล้วใช่มั๊ยล่ะคะ?

และหากพูดถึงชีวิตของคนคนหนึ่งที่ไม่ยืนยาวแล้วเนี่ย การที่ชั้นได้มาเห็นเวทมนต์ระดับเทพธิดาถึงสองครั้งในคืนเดียวเนี่ย ชั้นคิดว่าเรื่องนี้คงจะทำให้เพื่อนๆทุกคนในสาขาเวทมนต์อิจฉามากแน่ๆ

นี่ถ้าได้กลับไปถึงเมืองสเตรเชียเมื่อไหร่ล่ะก็ พวกเพื่อนๆทั้งหลายคงจะต้องเข้ามารุมล้อมและบังคับให้ชั้นเล่าให้ฟังอย่างละเอียดจนไม่รู้จบแน่ๆ ไม่แน่ว่าบางทีชั้นอาจจะถูกทุกคนจับไปสอบสวนอย่างหนักเลยก็เป็นไปได้

แล้วทำไมมันถึงต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆงั้นหรือคะ ? นั่นก็เพราะพวกเพื่อนๆของชั้นทุกคนในสาขาเวทมนต์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นแฟนคลับของพวกท่านจอมเวทกันทั้งนั้น ทุกคนๆนั้นมีเป้าหมายและความฝันที่จะได้เป็นเช่นเดียวกันกับพวกท่านจอมเวท เพราะงั้นคงไม่มีใครยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่ๆ

ก่อนอื่นก็ถอดเสื้อผ้าพวกเธอออกให้หมด จากนั้นก็ใช้หมึกเวทมนต์สลักวงเวทคำสาปปิดกั้นการไหลเวียนของมานาภายในร่างกายลงไปตามจุดสำคัญต่างๆทั่วทั้งร่างกาย สำหรับอเดลจังที่เป็นนักเรียนดีเด่นจากสาขาจอมเวทแล้ว แค่นี้คงจะไม่มีปัญหาสินะคะ ?

คาโอริซามะถามย้ำออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาของเธอในครั้งนี้แสดงออกถึงความกดดันที่จริงจังเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นก็เพราะการสลักวงเวทคำสาปลงบนร่างกายของมนุษย์นั้นมันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ถ้าหากผิดพลาดล่ะก็ พวกเธออาจจะพิการหรือไม่ก็เสียชีวิตลงไปเลยก็เป็นได้

ค ค่ะ ชั้นจะลงมือทำอย่างละเอียดรอบคอบ จะไม่ปล่อยให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเลยค่ะ!!

ชั้นตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะในเมื่อคาโอริซามะเชื่อใจและเลือกให้ชั้นเป็นคนทำภารกิจในครั้งนี้ ชั้นก็จะต้องทำมันให้สำเร็จ ชั้นจะไม่ทำให้คาโอริซามะที่เชื่อมั่นในตัวชั้นต้องผิดหวัง นั่นคือสิ่งที่ชั้นตั้งใจเอาไว้

ถ้าพร้อมแล้วก็มาลงมือได้เลยนะคะ

คาโอริซามะตอบกลับชั้นโดยไม่หันมามอง เธอรีบเดินเข้าไปด้านหลังของผู้กล้าสาวที่กำลังถูกคำสาปครอบงำคนหนึ่ง และเริ่มปลดเปลื้องชุดเกราะและเสื้อผ้าของเธอออกไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว

ชั้นเองก็รีบวิ่งเข้าไปที่ด้านหลังของผู้กล้าสาวอีกคนหนึ่งและเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ซึ่งพอได้มามองดูใกล้ๆแบบนี้แล้ว ชั้นก็สามารถมองเห็นออร่าสีดำที่ปลกคลุมร่างกายของเธออย่างได้ชัดเจน แล้วมันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะทั่วร่างกายของเธอนั้นยังมีรอยอักขระเลือดแปลกๆทั่วร่างกายอีกด้วย

และสำหรับกับอาการที่แสดงออกมาแบบนี้ มันก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่ชั้นได้เคยเรียนรู้มาในสาขาเวทมนต์ และนั่นทำให้ชั้นนึกย้อนไปถึงตอนที่ได้เข้าเรียนวิชาคำสาปกับอาจารย์เอเลนดร้าซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษที่พี่เขยได้ไปเชิญมาจากเผ่าแวมไพร์หนึ่งในเผ่าวาลาร์ด

อาจารย์เอเลนดร้านั้นได้เคยแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้เลือดเขียนอักขระคำสาปเพื่อเข้าควมคุมความคิดของสัตว์ทดลอง ด้วยเลือดของเผ่าแวมไพร์ที่มีคุณสมบัติพิเศษนั้น หากนำไปเขียนเป็นอักขระคำสาปลงบนร่างกายของเป้าหมายซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตล่ะก็

มันก็จะส่งผลให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปแทรกแซงกระบวนการคิดของเป้าหมาย และล่อลวงให้เป้าหมายเข้าใจผิดหรือมองเห็นมิตรเป็นศัตรูได้ไม่ยากนัก ดังนั้นหากนำไปเทียบกับสิ่งที่ชั้นได้เรียนรู้มาแล้ว ผู้กล้าสาวที่อยู่ตรงหน้าของชั้นคนนี้เองก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกคำสาปที่มีลักษณะคล้ายกัน

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นคำสาปรูปแบบเดียวกับที่ชั้นได้เรียนรู้มาหรือไม่ สิ่งที่ชั้นทำได้ในตอนนี้ก็คือการใช้วงเวทคำสาปหยุดยั้งการไหลเวียนของมานาภายในร่างกายของเธอตามที่คาโอริซามะสั่ง

ซึ่งเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะการถอนคำสาปนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่เพียงแค่มีเวลาและความรู้จากตำราเรียนจะสามารถแก้ไขได้

แต่มันยังต้องการทั้งโชคและสภาพร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็งมาก ดังนั้นตัวชั้นที่เป็นเพียงนักเรียนสาขาจอมเวทนั้นจึงไม่มีทางเลยที่จะช่วยถอนคำสาปให้กับผู้กล้าสาวตรงหน้าคนนี้ได้

ดังนั้นสิ่งที่ชั้นทำได้ในตอนนี้จึงมีเพียงการช่วยยับยั้งผลคำสาปเอาไว้ชั่วคราว ด้วยวงเวทคำสาปที่จะหยุดยั้งการไหลเวียนของมานา ด้วยยาสลบตัวยาอื่นๆที่ช่วยสลายของเข้มข้นของมานา รวมทั้งอุปกรณ์เวทมนต์อีกหลายชิ้นที่พี่เขยได้มอบให้กับชั้นก่อนที่จะเริ่มสงคราม

ด้วยทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ต่อให้ชั้นไม่สามารถถอนคำสาปได้ แต่ชั้นก็จะต้องช่วยยับยั้งมันเอาไว้ชั่วคราวให้ได้ แล้วหลังจากนั้นพวกพี่เขยและท่านจอมเวทคนอื่นๆก็จะต้องหาวิธีมาช่วยเหลือพวกเธอได้แน่ๆ

ขอโทษด้วยนะคะ...

ชั้นพูดขอโทษออกไปก่อนจะเริ่มปลดเปลื้องชุดชั้นในของผู้กล้าสาวตรงหน้าออก จากนั้นชั้นก็นำผ้าสะอาดออกมาจากกระเป๋าเวทมนต์และปูลงไปบนพื้นและนำร่างกายของเธอวางทับลงไปช้าๆ

พวกท่านจอมเวทต้องช่วยคุณได้แน่ๆ เพราะงั้นก็ช่วยอดทนทรมานสักหน่อยนะคะ

ชั้นเริ่มเขียนวงเวทคำสาปลงไปบนร่างกายของผู้กล้าสาวคนนี้ด้วยหมึกเวทมนต์ระดับสูงสุด ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเลือดกลั่นบริสุทธิ์ของชั้นผสมกับวัตถุดิบเวทมนต์หายากหลากหลายชนิด

เริ่มจากบริเวณต้นคอ หน้าอก หน้าท้อง ต้นขาทั้งสองข้าง ต้นแขนทั้งสองข้าง ชั้นสลักวงเวทคำสาปลงไปโดยเทียบกับสมุดบันทึกเวทคำสาปที่ชั้นจดมาจากในคาบเรียน หลังจากด้านหน้าเสร็จก็พลิกตัวเธอกลับและเริ่มทำเหมือนเดิมอีกครั้งที่ด้านหลัง

ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ สมกับที่เป็นนักเรียนดีเด่นจากสาขาจอมเวท

และในขณะที่ชั้นกำลังเขียนวงเวทคำสาปลงที่บริเวณสะโพกของผู้กล้าสาวอยู่นั้น คาโอริซามะก็พูดชื่นชมขึ้นมา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคาโอริซามะจัดการกับผู้กล้าสาวอีกคนหนึ่งเสร็จแล้วสินะ

คะ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

ชั้นตอบคาโอริซามะพร้อมกับหันไปมองดูผู้กล้าสาวอีกคนครู่หนึ่ง เธอคนนั้นในตอนนี้มีวงเวทคำสาปเรืองแสงสีแดงดำขึ้นมาอย่างชัดเจน และนอกจากวงเวทคำสาปแล้วเธอก็ยังถูกอุปกรณ์เวทสำหรับจับกุมมัดเอาไว้ถึง 6 จุดทั่วทั้งตัว

ด้วยสภาพแบบนั้นต่อให้เป็นผู้กล้าที่มีพลังมหาศาลแค่ไหนก็คงจะไม่มีทางลุกขึ้นมาสู้ต่อได้อีกแน่ๆ

เสร็จแล้วสินะจ๊ะ ถ้างั้นก่อนอื่นก็ดื่มยาฟื้นฟูมานาระดับสูง จากนั้นก็เริ่มถ่ายหลังเวทลงไปบนวงเวทคำสาปช้าๆแต่คงที่จนกว่าวงเวทคำสาปจะทำงานอย่างสมบูรณ์ ตั้งสมาธิและคอยคำนวณมานาให้ดี ถ้าหากไม่แน่ใจก็ให้ดื่มยาฟื้นฟูมานาก่อนจะเริ่มถ่ายพลังเวทลงบนวงเวทอันต่อไปนะคะ

ค ค่ะ!!

ชั้นรีบทำตามที่คาโอริซามะบอก นำยาฟื้นฟูมานาระดับสูงที่ช่วยฟื้นฟูพลังมานาอย่างรวดเร็วออกมาดื่ม เพราะถึงแม้ในปัจจุบันชั้นจะได้รับการช่วยฟื้นฟูมานาจากราชาแห่งพฤกษา แต่นั่นก็ไม่รวดเร็วพอกับเวลาที่มีอยู่จำกัด

หลังจากมานาฟื้นฟูมาจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ชั้นก็เริ่มถ่ายพลังเวทลงไปบนวงเวทคำสาปอย่างต่อเนื่องช้าๆ ซึ่งกว่าชั้นจะทำให้วงเวทคำสาปทั้งหมดทำงานได้ครบสมบูณร์ทุกวงก็ต้องดื่มยาฟื้นฟูพลังมานาระดับสูงเข้าไปถึง 8 ขวด

เอาล่ะที่เหลือก็ฉีดยาสลบกับยาลดความเข้มข้นของมานาเข้าไปทางเส้นเลือด ถึงมันจะไม่ยากอะไรแต่ก็ระมัดระวังด้วยนะคะ

เข้าใจแล้วค่ะ!!

ชั้นตอบกลับไปและเริ่มทำตามคำสั่งในทันที เริ่มจากใช้เข็มฉีดยาดูดเอายาสลบขึ้นตามปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นจึงฉีดเข้าไปยังเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขา แล้วก็ทำแบบเดิมกับยาสลายความเข้มข้นของมานา

จากนั้นก็เป็นขั้นตอนสุดท้ายคือการผนึกการเคลื่อนไหวด้วยอุปกรณ์เวทสำหรับจับกุม 6 ชิ้น ไล่ลงมาตั้งแต่ข้อมือ ดวงตา คอ หน้าอก ต้นขา และข้อเท้า

ฮ่า.....ที่สุดก็เรียบร้อยแล้วสินะคะ

ชั้นพูดพร้อมกับมองไปทางคาโอริซามะเพื่อขอคำตอบ

ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ เท่านี้อเดลจังก็เข้าใกล้การเป็นจอมเวทไปอีกขั้นหนึ่งแล้วนะคะ

คาโอริซามะพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินไปยังร่างกายของผู้กล้าหนุ่มซึ่งเป็นคนสุดท้าย แต่แทนที่คาโอริซามะจะถอดชุดของเขาออกเหมือนกันกับที่ทำกับพวกเธอทั้งสองคนก่อนหน้านี้ สิ่งที่คาโอริซามะทำนั้น....

เอ เอ๋!!? ทำไมถึงได้ดึงมีดออกมาเหรอคะ ?

ชั้นถามออกไปด้วยความประหลาดใจ เพราะแทนที่คาโอริซามะจะรีบเข้าไปช่วยเหลือผู้กล้าหนุ่มคนนั้น แต่ท่าทางของคาโอริซามะในตอนนี้กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป แววตาที่เคยอ่อนโยนของคาโอริซามะก่อนหน้านี้ได้แปรเปลี่ยนกลายไปเป็นแววตาที่เคียดแค้น

ทัตสึยะซามะได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ต้องการจะช่วยพวกเค้าหากมันไม่เกินกำลังและไม่ทำให้ชั้นและพวกทหารของอาณาจักรออร์ธรอสต้องมาเสี่ยงชีวิต เพราะงั้นสำหรับผู้ชายที่จะมาสร้างความเสี่ยงให้กับพวกเราอย่างผู้ชายที่ชื่อ ฮิโรมิ ยูตะ แล้วเนี่ย สิ่งเดียวที่ชั้นพอจะช่วยเค้าได้นั้นจึงมีเพียงแค่ความตายที่ไม่ทรมานเท่านั้นแหละค่ะ

หลังจากพูดจบ คาโอริซามะก็ใช้มีดในมือฟาดฟันและตัดร่างกายของผู้กล้าหนุ่มที่ชื่อว่า ฮิโรมิ ยูตะ ออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นจึงใช้นำยาเวทมนต์มาเผาทำลายชิ้นส่วนร่างกายจนสลายไปทั้งหมด

ในเมื่อมันจบลงแบบนี้ ชั้นก็จะขอลืมทุกสิ่งที่ตระกูลของคุณเคยทำไว้กับตระกูลของชั้นในในอดีตไปพร้อมกับชีวิตของคุณแล้วกันนะคะ

หลังจากคำพูดที่ชั้นไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายเท่าไหร่นักของคาโอริซามะ ภาพทิวทัศน์รอบๆตัวของชั้นก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น