-- มุมมองของฟลอร่า --
ช่วงเย็นของวันที่ 17 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837
「เอาล่ะค่ะสาวๆ แต่งตัวจัดเต็มกันขนาดนี้
พร้อมกันรึยังคะ!!??」
คาโอริซามะผู้ทำหน้าที่พิธีกรในครั้งนี้กล่าวถามไปทางเหล่าเด็กสาวผู้ร่วมงานเลี้ยงดูตัวผ่านอุปกรณ์เวทกระจายเสียง
「「「「「พร้อมแล้วค่า」 วิ๊ดด!!! โอ้!!!」」」」
เด็กสาวทั้งหมด 342
คนในชุดเดรสหรูหรางดงามที่เข้าร่วมงานตะโกนตอบกลับไปสุดเสียง
ทุกๆคนที่เข้าร่วมงานในคืนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและกำลังใจที่เหลือล้น
ซึ่งเหตุผลก็คงเป็นเพราะในช่วงบ่ายที่ผ่านมา
ในช่วงบ่ายหลังจากที่ชั้นได้พาพวกเธอไปพักผ่อนยังห้องพักกันแล้วนั้น
พวกเธอทุกคนต่างก็ได้สัมผัสชีวิตอันหรูหราที่ไม่เคยได้คิดฝันเป็นครั้งแรก อาหารกลางวันบุฟเฟ่ต์ที่ถูกประดับประดาตกแต่งไปด้วยความงดงามตระการตา
รสชาติเองก็เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งบนโลกใบนี้
หลังอาหารกลางวันพวกเธอก็ถูกพาไปเลือกดูชุดเดรสหรูหราที่จัดเตรียมมาเพื่องานเลี้ยงในคืนนี้โดยเฉพาะ
ภายในห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นั้นไม่ใช่เพียงแค่ชุดแต่ยังมีเครื่องประดับที่เปล่งประกายงดงามน่าดึงดูดสายตาทุกคนเตรียมเอาไว้อย่างมากมาย
นอกจากนั้นแล้วพวกเธอก็ยังมีโอกาสได้เข้าไปใช้งานห้องอาบน้ำขนาดใหญ่โตหรูหราที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตสุดแสนจะงดงามหาใดเปรียบ
เรียกได้ว่าแม้แต่ในปราสาทของพวกขุนนางชั้นสูงหรือราชวังของราชวงศ์เองก็ยังไม่มีห้องอาบน้ำแบบนี้
นอกจากนั้นแล้วพวกเธอยังได้รับสบู่
แชมพูและครีมนวดผมรวมถึงเครื่องสำอางและครีมทาผิวซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อจากอาณาจักรเวทมนต์อีกมากมายหลายอย่าง
เรียกได้ว่าแจกจ่ายสิ่งของมีค่ามากมายซะจนทำให้พวกเธอหลงลืมความประหลาดใจก่อนหน้านี้กันไปเลยทีเดียว
สำหรับพวกเธอแล้วคงจะเรียกได้ว่า
การที่แค่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานในคืนนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้มีชีวิตอยู่มาจนทุกวันนี้
เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้พวกเธอทุกคนต่างตั้งตารอที่จะได้อวดโฉมในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม
ขนาดตัวชั้นเองที่ได้รู้แผนการในครั้งนี้อยู่แล้วยังแทบที่จะอดกั้นความประหลาดใจเอาไว้ไม่ไหว
พวกท่านจอมเวทนั้นให้ความสำคัญกับบรรดาลูกน้องและเหล่าทหารของพวกเค้าเป็นอย่างมากจนไม่มีใครเทียบติด
เรียกได้ว่าสามัญสำนึกของชั้นที่เกิดเป็นเจ้าหญิงได้ถูกทำลายลงจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี
แค่เพียงคิดถึงว่าพวกเค้ามีเงินทุนมากมายมหาศาลขนาดไหนถึงจะสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่แบบนี้ได้ง่ายๆชั้นก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
นั่นก็เพราะงานเลี้ยงในครั้งนี้ที่น่าจะใช้ทุนมากกว่างานเลี้ยงต้อนรับราชทูตจากประเทศใหญ่ๆ
หรืองานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของบรรดาคนในราชวงศ์ของจักรวรรดิหลายเท่า
แถมพวกเค้ายังใช้มันให้กับงานเลี้ยงดูตัวของพวกทหารโดยไม่ลังเลอีก
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้เลยจริงๆ
「แล้วหนุ่มๆทุกคนล่ะคะ พร้อมจะมีคู่ครองกันรึยังค๊า!!??」
มายุซามะผู้ช่วยพิธีกรกล่าวถามทางฝั่งทหารหนุ่มผ่านทางผ่านอุปกรณ์เวทกระจายเสียงไปเช่นเดียวกัน
「「「「「รออยู่นานแล้วครับ!!」 โอ้!!!」」」」
เหล่าทหารหนุ่มโสดส่งเสียงตอบรับกลับมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เหล่าทหารหนุ่มโสดในค่ำคืนนี้แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบทหารสีดำตัดกับลวดลายสีทอง
โดยชุดที่พวกเค้าใส่นั้นเป็นชุดเครื่องแบบสำหรับพิธีการซึ่งไม่มีการติดชุดเกราะ
การออกแบบตกแต่งนั้นถูกทำมาให้ดูสง่าและน่าเกรงขามซึ่งเรียกได้ว่าสมกับที่พวกเค้าเป็นดั่งดาบที่ทำหน้าที่กำจัดเหล่าศัตรูของอาณาจักรออร์ธรอส
โดยเหล่าทหารหนุ่มโสดที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้เองก็มีจำนวน
342 เท่ากันกับสาวๆ ดูเหมือนในช่วงบ่ายที่ผ่านมานั้นจะมีการประลองอาวุธ
และยังมีการแข่งขันอีกหลายอย่างเพื่อแย่งชิงสิทธิในการเข้าร่วมงานเลี้ยง
ชั้นได้ยินมาว่าผู้ที่พลาดโอกาสเข้าร่วมงานนั้นถึงกับจิตตกกันไปเลยทีเดียว......
แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ นั่นก็เพราะจำนวนของเด็กสาวที่เข้าร่วมนั้นมีไม่พอต่อจำนวนของพวกทหารหนุ่มที่ยังโสดอยู่
แต่พวกท่านจอมเวทนั้นก็ไม่ได้ละทิ้งพวกเค้าและได้มอบเงินชดเชยให้เพื่อไปดื่มเหล้าหรือไปท่องเที่ยวตามสถานบริการภายในตัวเมืองป้อมปราการมินิทาริสแทน
「ถ้างั้นพวกเราก็มาเริ่มงานเลี้ยงดูตัวครั้งที่
1 แห่งกองพันแวร์วูล์ฟ กันเลยค่ะ!!!」
「「「「「โอ้!!!」」」」」
หลังสิ้นเสียงประกาศเริ่มงานจากคาโอริซามะ
เหล่าผู้ร่วมงานต่างก็ส่งเสียงตะโกนและเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงจัดงาน แม้แต่พวกเมดที่ประจำบูธทำอาหารข้างๆชั้นเองก็ส่งเสียงกริ๊ดเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงานไปกับเค้าด้วย
「ถ้างั้นก่อนอื่นเพื่อให้ทุกคนได้สนิทกันมากขึ้น
พวกเราก็มาจับคู่เต้นรำกันดีกว่า เอาล่ะหนุ่มๆ
พร้อมแล้วก็รีบไปขอสาวๆที่อยู่ใกล้ๆคุณเป็นคู่เต้นรำเลยนะคะ
หากใครช้าหาคู่ไม่ได้ต้องโดนเกมลงโทษด้วยน๊า!!!」
「「「「「เอ๋!!!」」」」」
ด้วยความตกใจที่ถูกสั่งให้จับคู่เต้นรำอย่างกะทันหัน
แถมคนที่หาคู่ไม่ได้ยังจะถูกทำโทษเสียอีก
เหล่าหนุ่มสาวต่างตื่นตระหนกแล้วรีบมองหาผู้ที่ยังว่างไม่มีคู่
และรีบเข้าไปพูดคุยเพื่อขอจับคู่เต้นรำในทันที
บรรยากาศงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความตื่นเต้นสนุกสนานแบบนี้ชั้นเองพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
กับความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมของอาณาจักรออร์ธรอสและจักรวรรดิเอลติซที่ชั้นไม่เคยเจอมาก่อน
มันทำให้หัวใจของชั้นเริ่มที่เต้นแรงตามบรรยากาศของงานร่วมกับทุกคนไปด้วย
「เอาล่ะเมื่อได้คู่กันแล้วก็มาเต้นรำกันเลย พวกเราเองก็มาเต้นด้วยกันนะคะ
คาโอริซัง!!」
「ถึงแม้เรื่องเต้นรำไม่ค่อยได้เรื่องนัก
แต่คืนนี้ก็ต้องขอรบกวนด้วยนะจ๊ะมายุจัง」
แม้แต่ท่านจอมเวทสาวสวยทั้งสองผู้เป็นพิธีกรในงานเองก็ดูจะจับคู่กันเต้นรำด้วยเช่นเดียวกัน
และแล้วงานเต้นรำเปิดตัวก็ดำเนินไปได้ด้วยดี
หนุ่มสาวมากมายที่ไม่เคยรู้จักกันมากก่อนต่างก็พาคู่เต้นรำของตัวเองเต้นไปรอบๆอย่างสนุกสนาน
ถึงแม้จะมีหลายๆคู่ที่เต้นรำไม่ค่อยเป็นแต่ก็ดูเหมือนจะสร้างความสนุกสนานและความสนิทสนมได้เป็นอย่างดี
และยิ่งบางคู่ที่ไวไฟหน่อยนั้น พอเพลงจบลงพวกเค้าก็รีบพากันแอบหลบออกไปยังบริเวณสวนดอกไม้ด้านนอกอาคารเพื่อเริ่มสานความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกันแล้วซะด้วย
โดยสำหรับเรื่องนี้เองก็ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของอาณาจักรออร์ธรอส
เพราะแม้แต่ทัตสึยะซามะเองก็ชอบพาเด็กสาวออกไปทำเรื่องลามกตามสวนสาธารณหรือตามตรอกซอกซอยต่างๆอยู่เป็นประจำ
เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้บรรดาเหล่าทหารใต้การปกครองของทัตสึยะซามะได้นำเรื่องนี้มายึดถือและปฏิบัติตาม
「ในเมื่อจบเพลงแล้วก็ตามสัญญา พวกเรามาดูโฉมหน้าของเหล่าหนุ่มสาวผู้โชคร้ายที่จะต้องถูกลงโทษกันดีกว่านะคะมายุจัง」
「มาแล้วๆ เหล่าหนุ่มสาวผู้โชคร้ายของเรา
ทำยังไงถึงหาคู่ได้ไม่ทันกันล่ะคะเนี่ย」
จากการประกาศของสองพิธีกรสาว
เหล่าเมดก็ได้พาตัวหนุ่มสาวผู้ที่ไม่สามารถหาคู่ได้ขึ้นไปบนเวที
คาโอริซามะและมายุซามะก็เริ่มที่จะทำการสัมภาษณ์พวกเค้า ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะพยายามวิ่งหาไปทั่วแล้วแต่ก็ถูกเพื่อนๆตัดหน้าไปซะก่อน
มีคนหนึ่งที่สายตาไม่ดีนักและดันทำอุปกรณ์ช่วยมองอย่างแว่นสายตาหล่นหาย
และก็สองคู่ที่ดูเหมือนจะตกลงจับคู่กันได้แล้วแต่เพาะมัวแต่แนะนำตัวกันอยู่จึงทำให้เพลงจบเสียก่อน....
ถึงแม้คนดูที่มองอยู่จะรู้สึกสนุกสนานไปกับความผิดพลาดของพวกเค้า
แต่ชั้นรู้สึกว่าพวกเค้าที่อยู่บนเวทีคงจะรู้สึกอายสุดๆเป็นแน่ นี่ถ้าชั้นต้องไปอยู่บนนั้นคงจะรู้สึกเขินอายจนไม่กล้ามองหน้าใครอย่างแน่นอน
「ถ้างั้นก็มาเริ่มเกมลงโทษกันเลยดีกว่า
จะลงโทษพวกเค้าทั้ง 10 คนยังไงกันดีล่ะคะ คาโอริซัง」
「สำหรับเกมลงโทษในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยชิซึกุเจ้าหญิงสุดสวยของเรา
ซึ่งเกมที่ว่านั่นก็คือ 『เกมป้อนป๊อกกี้ด้วยปาก』นั่นเองค่ะ!!!」
「เอ๋!! เล่นงี้แตกแรกเลย...」「ว๊าววว น่าอายสุดๆเลยค่า!!」「กริ๊ดดด!!!」「อุว๊า!!」「ฮะฮะ
ดูเหมือนว่าชิซึกุซามะจะจัดหนักเลยนะเนี่ย」
พวกเมดที่อยู่ใกล้ๆต่างส่งเสียงกริ๊ดกร๊าดออกมาด้วยความสนุกสนาน
ถึงชั้นจะไม่เข้าใจว่ามันเป็นเกมแบบไหน
แต่ดูจากการแสดงออกของพวกเธอแล้วก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นอะไรที่น่าอายสุดๆแน่นอน
「เอาล่ะในระหว่างรอเตรียมเกมลงโทษ
สำหรับทุกท่านที่รู้สึกหิวแล้วสามารถรับอาหารได้ตามบูธต่างๆที่บรรดาน้องเมดสุดสวยของเราประจำอยู่นะคะ
เพียงแต่ในคืนนี้เรามีกฎอยู่ว่า จะแจกอาหารให้สำหรับผู้ที่มาเป็นคู่หนุ่มสาวเท่านั้นค่ะ!! 」
「แน่นอนว่าไม่ได้มีบังคับให้ไปกับคู่เดิมนะคะ
เพราะงั้นแหละค่ะเหล่าหนุ่มๆทั้งหลาย อย่าปล่อยให้สาวๆต้องมัวแต่ยืนเขินอย่างเดียวดาย
รีบเข้าไปชวนพวกเธอไปรับประทานอาหารด้วยกันได้เลยค่า」
และเกมลงโทษก็เริ่มขึ้น
เหล่านายทหารหนุ่มถูกจับมัดเอาไว้กับเก้าอี้อย่างแน่นหนา ส่วนพวกสาวๆทั้ง 5 คนนั้นถูกมัดมือเอาไว้ที่ด้านหลัง
และพวกเธอก็ได้สิทธิในการเลือกว่าต้องการป้อนป๊อกกี้ให้กับชายหนุ่มคนไหน
「ดูเหมือนว่าทุกคนจะพร้อมกันแล้วนะคะคาโอริซัง」
「ถ้างั้นก็มาฟังกติกากันเลยค่ะ
เกมลงโทษนี้จะมีเวลาให้ทั้งหมด 3 นาที โดยสาวๆจะต้องคาบป๊อกกี้จากโต๊ะทางด้านนี้ไปป้อนให้กับคู่ของตัวเอง
และหนุ่มๆจะต้องทานป๊อกกี้ในระหว่างที่สาวๆคาบมันอยู่จนถึงบริเวณด้าม หากทำหักก่อนจะถึงบริเวณด้ามหรือทำหล่นไปแม้แต่นิดเดียวก็จะถือว่าฟาวล์
และไม่นับเป็นคะแนนเพราะงั้นก็ช่วยระวังกันด้วยนะคะ」
สาวเหล่าๆบนเวทีที่ได้ยินกติกาของเกมต่างก็หันไปมองเจ้าป๊อกกี้หลากสีสันที่ถูกวางอยู่ภายในภาชนะทำจากแก้วใสแสนงดงาม
แล้วพอรู้ว่าตัวด้ามมันสั้นมากพวกเธอก็หน้าแดงไปตามๆกัน
แม้แต่ตัวชั้นเองที่ไม่ได้เป็นคนเล่นเองก็ยังรู้สึกเขินอายเช่นเดียวกัน
「สุดๆเลย สุดๆไปเลยนะคะเนี่ย!!」「กริ๊ดดด!!! กริ๊ดดด!!!」「อุว๊า!! กติกาน่าอายสุดๆเลย」「แต่ทหารหนุ่มๆพวกนั้นก็หล่อดีนะคะ
พวกเธอน่าจะดีใจนะคะ」
เหล่าเมดพูดออกมาโดยที่มือของพวกเธอไม่หยุดทำอาหาร
แม้พวกเธอจะตื่นเต้นกับงานแต่ก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม
สมแล้วที่พวกเธอนั้นเป็นเมดมืออาชีพ เป็นความภาคภูมิใจแห่งอาณาจักรออร์ธรอส
ตัวชั้นเองก็ไม่ยอมแพ้
แต่เพราะความตื่นเต้นจึงกดเจลาโต้ออกมาไม่ค่อยสวยนัก
ทั้งๆที่ตอนฝึกทำออกมาได้ดีแล้วเชียว
เห็นทีว่าหลังจากนี้ชั้นคงจะต้องพยายามฝึกฝนให้มากขึ้นไปอีก
「กติกาก็ตามที่คาโอริซังบอกไปนะคะ และสำหรับ
2 สาวที่ทำคะแนนได้น้อยที่สุดจะต้องถูกโดนเกมลงโทษซ้ำอีกรอบ เพราะงั้นก็พยายามอย่าแพ้กันนะค่า!!」
「ถ้างั้นก็มานับถอยหลังพร้อมๆกันเลยนะคะทุกคน」
「「「「「「10!! 9!! 8!!
7!! 6!! 5!! 4!! 3!! 2!! 1!!」」」」 เริ่มเกมได้เลยค่า!!」」
เกมป้อนป๊อกกี้ด้วยปากดำเนินไปด้วยความตื่นเต้น
เด็กสาว 4 คนพยายามอย่างมากเพื่อที่จะป้อนป๊อกกี้โดยไม่ให้โดนริมฝีปากของพวกเธอ แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใส่ใจและประทับริมฝีปากกับนายทหารหนุ่มอยู่หลายครั้ง
เหล่าสาวๆผู้ร่วมงานต่างส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน
ส่วนหนุ่มๆต่างก็ส่งเสียงล้อเลียนพวกพ้องที่กำลังถูกลงโทษกันโดยไม่มีความปราณี
「「「「5!! 4!! 3!!
2!! 1!! 」」」 หมดเวลา ช่วยหยุดด้วยนะค่า!!!」
เมื่อเกมหยุดลงก็เริ่มทำการนับคะแนน
โดย 3 สาวที่ทำคะแนนได้สูงสุดนั้นได้รับตุ๊กตาหมีนุ่มนิ่มขนาดใหญ่เป็นรางวัล ส่วนหนุ่มๆผู้ที่เป็นคู่ของทั้ง
3 สาวก็ดูจะได้รับความสนิทสนมจากพวกเธอเป็นอย่างมาก
หลังจากรับรางวัลเสร็จทั้ง
6 คนที่ชนะก็ถูกปลดปล่อยและควงคู่กันลงไปจากเวทีพร้อมทั้งตุ๊กตาหมีตัวใหญ่
จากนั้นพวกเค้าก็พากันไปยังบูธอาหารเพื่อรับอาหารไปรับประทาน โดยตอนที่กลับไปถึงโต๊ะดูเหมือนเพื่อนๆของพวกเธอจะเข้ามารุมแย่งกันกอดเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กันอย่างสนุกสนานด้วย
「เอาล่ะค่ะของรางวัลก็แจกกันไปแล้ว
ทีนี้ก็มาถึงเกมลงโทษรอบที่ 2 กันแล้ว ในรอบนี้จะลงโทษกันแบบไหนงั้นเหรอคะ
คาโอริซัง」
「เนื่องจากทัตสึยะซามะเป็นห่วงและคิดว่าพวกเค้าน่าจะหิวกันแล้ว
และทัตสึยะซามะก็อยากจะให้พวกเค้าได้กลับไปสนุกสนานร่วมกับพวกเพื่อนๆ
ดังนั้นเกมลงโทษในรอบนี้จึงเป็น『เกมแต่งตัวเป็นสัตว์』ซึ่งเป็นเกมที่ทัตสึยะซามะโปรดปรานมากนั่นเองค่ะ!!」
「อุว๊า!! พวกเธอจะโดนจับแต่งตัวน่าอายแบบไหนกันล่ะเนี่ย」「กริ๊ดดด!!! กริ๊ดดด!!!」「ฮะ ฮะ ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีเกมนี้」「อาเนียจัง
เธอเองก็เคยถูกลงโทษให้แต่งชุดสัตว์โชว์ไปรอบเมืองนี่นะ」「วะ ว๊า ว๊า!! อย่าพูดถึงมันสิไรล่า
เรื่องของวันนั้นยังทำให้ชั้นอับอายไม่หายเลยนะ ตอนออกไปเดินเล่นในเมืองครั้งล่าสุดถูกพวกเด็กๆเรียกคุณกระต่ายๆด้วย
น่าอายสุดๆไปเลยอ่ะ」
และแล้วสองสาวผู้แพ้ในเกมป้อนป๊อกี้บนเวทีก็ถูกลงโทษ
ผู้เธอทั้งสองคนถูกบังคับให้ใส่ชุดกระต่ายสุดวาบหวิวที่มีการผ่าด้านหลังลึกไปจนถึงบริเวณสะโพก
บริเวณเนินอกและไหล่ถูกเผยให้เห็นทั้งหมด
เรียวขาขาวๆของพวกเธอเองก็ด้วยเช่นเดียวกัน
และเพื่อก็แสดงความรับผิดชอบ
สองหนุ่มที่พวกเธอได้เลือกเป็นคู่จึงได้คอยติดตามดูแลพวกเธออยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้พวกเธอจะตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายสักแค่ไหน แต่การที่พวกเธอถูกดูแลห่วงใยโดยสุภาพบุรุษที่แสนอ่อนโยนก็เป็นภาพที่ทำให้เกิดความความรู้สึกที่อบอุ่น
「ฟลอร่าซามะ นู๋ขอเจลาโต้ทูโทนด้วยค่า!!」
เด็กสาวหน้าตาน่ารักผู้ที่มีผมสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับพูดขึ้นมา

「แอเรียสจังเองก็มาร่วมงานด้วยเหรอจ๊ะเนี่ย」
ชั้นตอบแอเรียสจังกลับไปพร้อมกับกดเจลาโต้ทูโทนใส่โคนวาฟเฟิลให้
สำหรับแขกรับเชิญพิเศษอย่างเธอนั้นไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นคู่เพื่อรับอาหาร
โดยนอกจากแอเรียสจังแล้วก็ยังมีบุตรสาวขุนนางอีกหลายคนที่พวกท่านจอมเวทได้เชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้
「ค่ะ งานเลี้ยงแบบนี้สนุกมากเลยค่ะ!! ขนมหวานอร่อยๆเพียบเลยด้วย
นู๋ไม่เคยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสนุกๆแบบนี้มาก่อนเลยล่ะค่ะ!!」
แอเรียสจังพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นสนุกสนาน
ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอมีความสุขมากแค่ไหนในค่ำคืนนี้
และแล้วงานเลี้ยงดูตัวครั้งที่ 1
ของกองพันแวร์วูล์ฟก็จบลงด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะของเหล่าหนุ่มสาวผู้ร่วมงานทุกคน
โดยผู้ที่สามารถเลือกคู่ครองและตกลงใจที่จะแต่งงานกันนั้นมีมากกว่า
200 คน จึงเรียกได้ว่างานเลี้ยงในคืนนี้ประสบความเสร็จไปได้ตามเป้าหมาย
-- Extra --
หัวใจของมหาปราชญ์เฒ่าที่ได้รับรู้ความจริงจากเด็กสาวผมสีเงินและหลานสาวเลทีเชียกำลังเต็มไปด้วยความเคียดแค้น.....
เมื่อ
6
ปีก่อนนั้นอดีตจักรพรรดิที่ร่างกายเริ่มอ่อนแอได้ล้มป่วยลงและต้องนอนอยู่แต่ภายในห้องเท่านั้น
ในเวลานั้นเองก็ได้เกิดการแก่งแย่งชิงอำนาจของขุนนางฝ่ายที่สนับสนุนอดีตราชินีเซริสเต้ เอเลน ลา เลเรียส(แม่ของเจ้าหญิงเอลรีสเต้) และฝ่ายที่สนับสนุนอดีตราชินีโซฟีเลส รีสเบน ลา
เลเรียส(แม่ของเจ้าหญิงโซฟีเนีย)
ในเหตุการณ์ครั้งนั้น
อดีตราชินีโซฟีเลส เจ้าชายเรริค
และเจ้าหญิงโซฟีเนียได้ถูกลอบสังหารและถูกวางยาพิษจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครั้ง
เนื่องจากไม่สามรถไว้ใจพวกเมดในปราสาทได้อีก อดีตราชินีโซฟีเลสจึงได้ตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองหลวงเซเลสเชียกลับไปยังตระกูลของตัวเองเพื่อสะสมกำลัง
ในระหว่างทาง อดีตราชินีโซฟีเลส
เจ้าชายและเจ้าหญิง ได้เข้าพักในบ้านไวส์เคานต์ดาโกเรียส ขุนนางผู้หนึ่งที่เป็นฝ่ายของตัวเอง
แต่แล้วเธอและลูกๆกลับถูกทรยศ ไวส์เคานต์ดาโกเรียสได้นำทหารมาปิดล้อมเรือนรับรองและเข่นฆ่าเหล่าราชองค์ที่ติดตามมาคุ้มกันอดีตราชินีโซฟีเลสอย่างเหี้ยมโหด
แต่ก่อนที่จะถูกสังหาร
อดีตราชินีโซฟีเลสได้ใช้อุปกรณ์เวทสร้างตุ๊กตาตัวแทนของลูกทั้งสองคนขึ้นมา
และก็ได้ใช้อุปกรณ์เวทเคลื่อนย้ายที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวส่งตัวลูกทั้งสองให้หนีไป จากนั้นอดีตราชินีโซฟีเลสจึงได้ฆ่าตัวตายด้วยการเผาเรือนรับรองนั้นทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน
เหล่าทหารของไวส์เคานต์ดาโกเรียสได้เห็นอดีตราชินีโซฟีเลสถูกเผาตายและยังพบศพของเจ้าชายและเจ้าหญิงจึงเชื่อว่าพวกเค้าได้เสียชีวิตไปแล้ว
หลังจากนั้นทั้งตระกูลของอดีตราชินีโซฟีเลสและขุนนางที่เข้าข้างต่างก็ถูกกำจัดไปหลายต่อหลายราย
เจ้าหญิงโซฟีเนียในตอนนั้นมีอายุเพียง 10 ปี เจ้าหญิงที่ไร้ที่พึ่งได้ตัดสินใจพาเจ้าชายเรริคน้องชายผู้ที่มีอายุเพียง 6 ปีหนีออกไปจากจักรวรรดิเลเรียส
เธอตัดสินใจที่จะลืมเรื่องราวทุกๆอย่างและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับน้องชายอย่างสามัญชน
การตายของอดีตราชินีโซฟีเลสในครั้งนี้สร้างความโศกเศร้าให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
ครอบครัวของลาติน่าบุตรสาวของมหามหาปราชญ์เฒ่าเลฮาร์ทซึ่งเป็นหัวหน้าราชองค์รักษ์คุ้มกันอดีตราชินีโซฟีเลสได้ถูกลงโทษทั้งหมด
เลทีเชีย เลควอร์ด หลานสาวเพียงคนเดียวของมหาปราชญ์เฒ่าเลฮาร์ท
ในขณะนั้นเธอซึ่งเป็นเพียงเด็กสาวอายุ
12 ปี ได้ถูกตัดสินโทษให้กลายเป็นทาสความใคร่
ดังนั้นเพื่อปกป้องหลานสาว มหาปราชญ์เฒ่าเลฮาร์ทได้ตัดสินใจเข้าเฝ้าอดีตราชินีเซริสเต้เพื่อทำการต่อรอง
ขอเพียงแค่หลานสาวคนเดียวของเขา ขอเพียงแค่ให้เลทีเชียไม่ต้องถูกลงโทษ
มหาปราชญ์เฒ่าได้ถูกส่งเข้าไปอยู่ในคุกใต้ดินเพื่อทำการวิจัยอุปกรณ์เวท
เขาได้ของเชื่อฟังคำสั่งอดีตราชินีเซริสเต้ทุกอย่างไม่ว่าจะการกระทำนั้นจะเป็นการทรยศต่ออดีตราชินีโซฟีเลสผู้เป็นเจ้านายจริงๆก็ตาม
แต่อดีตราชินีเซริสเต้นั้นกลับผิดสัญญา
เลทีเชียที่ควรจะถูกช่วยเหลือนั้นได้ถูกขายไปเป็นทาสความใคร่ให้กับขุนนางโรคจิตผู้หนึ่งแถบชายแดน
เธอถูกข่มขืนถูกทรมาน เธอถูกใช้เป็นเครื่องมือระบายความใคร่
เป็นของเล่นสำหรับสร้างความสนุกสนานให้กับขุนนางโรคจิตและพักพวกของมันยาวนานเกือบ
6 ปี
และในตอนที่กำลังสิ้นหวังอยู่นั้น
เด็กสาวผู้มีผมสีเงินเป็นประกายงดงามก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เด็กสาวผมสีเงินเข้าสังหารขุนนางโรคจิตและพักพวกของมันทุกคนอย่างไร้ปราณี
และเลทีเชียก็ได้ถูกช่วยออกมาพร้อมกับเด็กสาวอีกมากมายที่ตกเป็นทาสอยู่พร้อมกันนั้น.....
「อดีตราชินีเซริสเต้ จักรพรรดิเอเลคเต้ และดยุคคราดิส ดิชั้นขอมอบชีวิตของทั้งสามคนนี้ให้กับท่านมหาปราชญ์เลฮาร์ท
ส่วนเจ้าหญิงเอลรีสเต้นั้นคงต้องขอให้ยกเว้น เพราะเธอเป็นผู้ถูกเลือกให้สืบทอดจักรวรรดิเลเรียสต่อไปร่วมกับเอลวิน
ลา เมอร์เรียส บุตรชายของดยุคแอลรอส」
เด็กสาวผมสีเงินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนจะงดงาม.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น