ตอนที่ 16 เรื่องราวในช่วงเวลานั้น


8 เดือนหลังจากวันที่ทัตสึยะหลับไป วันที่ 15 เดือน 9 ศักราชเอลติซปีที่ 838

-- มุมมองของเอลิเซ่ --

เนื่องจากในวันนี้เป็นวันที่พวกเพื่อนๆทุกคนที่เดินทางไปเข้าร่วมสงครามที่ทวีปเอโลเนียได้กลับมาถึงยังคฤหาสน์ ชั้นและพวกเพื่อนๆหลายคนที่ไม่มีโอกาสได้ไปเข้าร่วมสงครามเพราะหน้าที่การงานจึงได้มาจัดงานเลี้ยงน้ำชาขนาดเล็กเพื่อต้อนรับและฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น

แล้วก็ในตอนนั้นนะคะ!! ไอ้เจ้าหมูต้องสาปนั่นมันก็เอาหัวพุ่งเข้าไปกระแทกใส่กำแพงเมืองฮอร์รันพังเป็นรูใหญ่ เสร็จแล้วพวกมันก็บุกเข้าไปในเมืองกันทั้งแก๊งเลยล่ะค่ะ!!!

พูดเหมือนกับเป็นเรื่องสนุกเลยนะคะ ถ้าหากตอนนั้นยัยอัศวินซุ่มซ่ามนี่ไม่ทำพลาดล่ะก็ พวกเราคงจะสามารถถ่วงเวลาให้ผู้คนอพยพหนีไปจากเมืองฮอร์รันได้โดยไม่มีความเสียหายแล้วล่ะค่ะ

ทำไมถึงได้พูดอะไรใจร้ายแบบนั้นกันล่ะคะ เวลน่าซัง!!! ชะ ชั้นกับพวกลูกน้องทุกคนในกองอัศวินของชั้นตั้งใจทำอย่างเต็มที่แล้วนะคะ!!!

ถึงแม้จะพยายามทำเต็มที่มากแค่ไหน ความผิดพลาดมันก็คือความผิดพลาดนั่นล่ะค่ะ!!! ไอ้การที่คุณไปลื่นล้มในตอนกำลังจะสั่งเริ่มยิงพอดีแบบนั้นน่ะ!! คิดจะอ้างว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดพลาดงั้นหรือคะ!!!

ถึงแม้ว่าทั้งคู่นั้นจะไปเข้าร่วมทำสงครามด้วยกันมาตลอดช่วงเวลา 8 เดือน แต่โรน่าซังและเวลน่าซังนั้นก็ยังคงทะเลาะกันไม่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน ภาพการทะเลาะกันของทั้งสองที่ชวนให้หวนหานั้นช่างเป็นภาพที่แสนจะอบอุ่น ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งตัวชั้นและเพื่อนทุกคนต่างสามารถยิ้มออกมาได้ แม้จะเป็นในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างก็กังวลกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

ตอนที่กองทัพของพวกเราสามารถยึดเอาเมืองท่าการ์เซียสมาได้ ในตอนนั้นชั้นคิดว่าพวกเราน่าจะสามารถจบสงครามลงได้แน่นอนแล้วเสียอีก แต่สุดท้ายกลับต้องถอนกำลังกลับประเทศมาแบบนี้ น่าเสียดายมากเลยนะคะ ยูมิน่าซังเองก็อุส่าได้บ้านเกิดกลับคืนมาแล้วด้วย....

ชั้นพูดพร้อมกับหันไปมองทางยูมิน่าซังด้วยความเป็นห่วง กับยูมิน่าซังที่สามารถช่วยปลดปล่อยครอบครัวที่ได้ถูกจับเป็นทาส และยังสามารถยึดเอาเมืองท่าการ์เซียสซึ่งเป็นเมืองใต้การปกครองที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งจักรวรรดินั้น เธอคงจะต้องเสียใจมากแน่ๆที่ต้องสูญเสียมันไปอีกครั้ง เซฟฟรานซามะ ช่วยปกป้องเมืองบ้านเกิดของยูมิน่าซังด้วยนะคะ....

ไม่เป็นไรหรอกค่ะเอลิเซ่ซัง ตัวชั้นเองก็ไม่ได้มีความรักอะไรต่อเมืองท่าการ์เซียสมากนักหรอกค่ะ คุณแม่และพวกน้องๆเองก็ดีใจมากที่ถูกปลดปล่อยจากการเป็นทาสและไม่ต้องการอะไรมากกว่านั้น นอกจากนั้นแล้วที่นี่ก็ยังมีอะไรสนุกๆที่รอให้ชั้นได้ทำอีกเยอะเลยด้วยนะคะ อุฟุฟุ

ป เป็นแบบนั้นหรอกหรือคะ....ถ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว....ล่ะค่ะ….

ยูมิน่าซังตอบชั้นกลับมาด้วยรอยยิ้มของนักล่าที่กำลังจดจ้องเหยื่อ ใบหน้าของเธอที่เผยยิ้มเล็กๆไปพร้อมกับเลียริมปีปากเล็กน้อยนั่นก็ทำให้ชั้นรู้สึกหนาววูบไปทั้งตัว ยิ่งชั้นพอย้อนนึกไปถึงคืนนั้น ในคืนที่ยูมิน่าซังแอบเข้ามาที่ห้องของชั้นตอนหลับนั้นก็ยิ่งทำให้ชั้นรู้สึกสยิวมากขึ้นไปอีก

ถึงแม้ว่าชั้นจะเข้าใจดีว่าเธอนั้นเพียงแค่อยากจะช่วยให้ชั้นรู้สึกดีเพราะช่วงนี้ทัตสึยะซามะยังไม่ได้สติกลับคืนมา แต่ชั้นก็ยังหวังว่าเธอจะอ่อนโยนกว่านั้นสักหน่อย...นะ นี่ชั้นกำลังคิดเรื่องไร้สาระอะไรกันล่ะเนี่ย!!! นะ นี่ถ้าทัตสึยะซามะมารู้เรื่องเข้าล่ะก็ มีหวังได้ถูกลงโทษให้อายจนมองหน้าใครไม่ได้อีกแน่ๆเลยล่ะค่ะ!!! เซฟฟรานซามะ ช่วยปกป้องความลับของชั้นด้วยนะคะ!!!

เอ่อ....เวลน่าซัง ช่วยเล่ารายละเอียดในช่วงที่ชิซึกุซามะและคริสติน่าซามะตัดสินใจถอนกำลังให้ฟังหน่อยได้มั๊ยคะ

ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ ชั้นอยากจะฟังเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ชิซึกุซามะร้องขอกำลังเสริมจากที่ต่างๆน่ะค่ะ

และในขณะที่ชั้นกำลังคิดแต่เรื่องไร้สาระอยู่นั้น อาเรียซังและอเดลจังก็ถามถึงรายละเอียดในเรื่องที่พวกเธอต้องการจะรู้ออกมา และก็เป็นเพราะเพื่อนคนอื่นรวมทั้งตัวชั้นเองก็สนใจอยากรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงไม่มีใครที่คิดจะพูดขัดออกไป ทุกคนนั้นต่างก็ตั้งใจฟังกันด้วยแววตาตื่นเต้น

อ่ะ ในตอนที่เริ่มเกิดเรื่องพวกต้องสาปขึ้นนั้นสินะคะ ถ้างั้นก็ต้อง......อิ อิเต๊ะ!!! ทำไมถึงได้หยิกแก้มกันล่ะคะ เวลน่าซัง!!!

ให้เธอเป็นเล่าก็ไม่รู้เรื่องกันพอดีน่ะสิคะ เพราะงั้นชั้นจะเป็นคนเล่าเรื่องตั้งแต่แรกให้ทุกคนฟังเองค่ะ

ในขณะที่โรน่าซังกำลังจะเริ่มเล่าเรื่อง เวลน่าซังก็รีบเข้าไปหยิกแก้มของโรน่าซังอย่างแรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นเวลน่าซังก็หันไปมองทุกคนที่อยู่รอบๆและเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างจริงจัง

ถ้างั้นชั้นก็จะขอเล่าย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อนนะคะ ในตอนนั้นน่ะ เป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงวิกฤตสุดๆของกองทัพเราเลยล่ะค่ะ....

ในช่วงเวลานั้น กองทัพเรือและกองทหารของพวกเราได้บุกเข้ายึดเมืองท่าการ์เซียสมาใช้เป็นศูนย์กลางในการบัญชาการ ซึ่งเหตุผลที่พวกเราเลือกเมืองท่าการ์เซียสนั้นก็เพราะเป็นเมืองท่าที่มีพื้นที่ภายในตัวเมือที่งกว้างขวาง ท่าเรือของเมืองเองก็สามารถรองรับกองเรือขนาดใหญ่ได้เยอะที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังเป็นเมืองที่มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับทวีปอากัสเตรียของพวกเรามากที่สุดอีกด้วย

และก็เนื่องจากชาวเมืองในช่วงเวลานั้นได้ถูกกดขี่ข่มเหงโดยผู้ปกครองคนใหม่ เพราะงั้นการที่พวกเราบุกเข้าไปยึดครองและช่วยปลดปล่อยผู้คนที่ถูกจับไปเป็นทาสจึงทำให้พวกชาวเมืองรู้สึกดีกับฝั่งของพวกเรามากกว่า และนั่นก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนจากหมู่บ้านและชาวเมืองตามเมืองต่างๆรอบๆเริ่มที่จะรวมตัวกันและลุกขึ้นมาต่อสู้

ในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากอาณาเขตไหนก็ล้วนแล้วแต่อดอยากและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้ผู้คนได้เสี่ยงชีวิตและลุกขึ้นมาต่อต้านเหล่าผู้ปกครอง ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้คนที่ไม่มีอาวุธนั้นเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้ เพราะงั้นจึงมีคำร้องขอให้พวกเราช่วยส่งกองทหารเข้าช่วยไปสนับสนุนส่งเข้ามาถึงเมืองท่าการ์เซียสอย่างต่อเนื่องไม่เว้นวัน

ซึ่งก็แน่นอนว่าชิซึกุซามะนั้นได้ยอมรับคำร้อง เธอได้รีบแบ่งกองทหารหลายหน่วยให้กระจายออกไปเพื่อทำการช่วยเหลือตามอาณาเขตต่างๆ โดยในช่วงแรกนั้นก็ถือว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจกลับมา แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายจักรวรรดิก็เริ่มทำการตอบโต้พวกเรากลับมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งก็เป็นในตอนนั้นเองที่พวกเราได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกสิ่งมีชีวิตต้องสาป

จากความสับสนวุ่นวายในช่วงเวลานั้น บวกกับการที่พวกเรายังไม่สามารถหาวิธีมารับมือกับพวกสิ่งมีชีวิตต้องสาป ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในผู้คนกับภายในเมืองได้นั้น ชิซึกุซามะจึงได้ตัดสินใจออกคำสั่งให้กองทหารของเรารีบถอนกำลังพร้อมกับพาผู้คนอพยพกลับมายังเมืองท่าการ์เซียส ในตอนนั้น เหล่าทหารที่ถอนกำลังกลับมาล้วนแต่อยู่สภาพย่ำแย่ในระดับที่ไม่สามารถนึกภาพออกได้เลย

พวกพืชหรือสัตว์นั้นยังพอว่านะคะ แต่พวกคนที่ถูกหมอกสีดำเปลี่ยนให้เป็นสิ่งมีชีวิตต้องสาปนั้นมีหลายคนที่เป็นครอบครัวหรือมีความข้องเกี่ยวกับเหล่าผู้อพยพ เพราะงั้นจึงเกิดปัญหาตามมามากมายเลยล่ะค่ะ

ในตอนนั้นถึงแม้ผู้คนเหล่านั้นจะพยายามข้อร้องยังไงให้พวกเราช่วยหาวิธีแก้ไขยังไง สุดท้ายพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากการทำลายล้างพวกสิ่งมีชีวิตต้องสาปทั้งหมดไป และก็เป็นในตอนนั้นเองที่ทำให้พวกเราเริ่มมีปัญหาขัดแย้งกับเหล่าผู้อพยพ

แล้วก็เป็นเพราะความสันสนวุ่นวายที่มากขึ้นจนในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะควบคุมเอาไว้ได้นั้นเอง ที่ทำให้สุดท้ายชิซึกุซามะจึงได้ตัดสินใจร้องขอกำลังเสริม ชิซึกุซามะได้คิดเรื่องที่จะทำการช่วยเหลือชีวิตผู้คนของทวีปเอโลเนียให้มากที่สุดแทนที่จะเป็นชัยชนะในสงครามน่ะค่ะ

แต่พวกจักรวรรดิก็ช่างโหดร้ายมากเลยนะคะ ถึงขนาดใช้คำสาปกับผู้คนของประเทศตัวเองแทนอาวุธในการต่อสู้แบบนี้....

โซเฟียซังที่ตั้งใจฟังมาตลอดพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แน่นอนว่าทั้งตัวชั้นและพวกเพื่อนๆคนอื่นเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน เพราะไม่ว่าสถานการณ์สงครามจะเลวร้ายสักแค่ไหน แต่การไม่เห็นคุณค่าของชีวิตผู้คนในประเทศตัวเอง และยังนำมาใช้แทนอาวุธสงครามแบบนี้น่ะ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะยอมรับได้ เซฟฟรานซามะ ช่วยลงโทษเจ้าพวกชั่วร้ายนั่นให้สิ้นซากไปเลยนะคะ!!

การกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้จะต้องทำให้พวกเทพธิดารู้สึกโกรธมากแน่ๆเลยล่ะค่ะ เพราะทั้งเซฟฟรานซามะและเทพธิดาองค์อื่นๆต่างก็มีความรักต่อชีวิตมนุษย์อย่างพวกเรามากแท้ๆ เพราะงั้นหลังจากนี้ทั้งจักรพรรดิและพวกขุนนางที่มีส่วนรู้เห็นจะต้องถูกลงโทษแน่นอนเลยค่ะ

ชั้นใช้มือข้างหนึ่งตบหน้าอกและพูดออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งออร์ธรอสแล้ว ความจริงชั้นก็อยากจะที่ไปเข้าร่วมสงครามและจัดการลงโทษเจ้าพวกชั่วร้ายเหล่านั้นด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ชั้นได้รับมาจากเซฟฟรานซามะนั้นมีไว้สำหรับรักษาบาดแผลและอาการเจ็บป่วยเพียงเท่านั้น เพราะงั้นชั้นจึงได้แต่เพียงภาวนาให้เซฟฟรานซามะและเหล่าเทพธิดาช่วยเป็นฝ่ายลงโทษพวกนั้นให้แทน

นอกจากนั้นแล้ว อีกผลเหตุผลหนึ่งที่ชั้นไม่สามารถไปเข้าร่วมสงครามได้นั้นก็เป็นเพราะตัวชั้นยังมีงานของศาสนจักรที่ต้องไปจัดการอยู่อีกมาก ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็เป็นเพราะการล่มสลายของศาสนจักรเก่า หลังจากที่โป๊ปและพวกนักบวชระดับได้พ่ายแพ้และถูกสำเร็จโทษด้วยการประหารไปทั้งหมด ศาสนจักรในตอนนี้จึงเกิดความระส่ำระสายเพราะไม่มีใครคอยกำกับดูแล

เพราะเหตุนั้นเองที่ทำให้ตัวชั้นซึ่งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ และตัวแทนของเซฟฟรานซามะต้องออกเดินทางไปจัดการแก้ไขปัญหาของศาสนจักรที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกด้วยตัวเอง แต่ถึงแม้ว่างานของชั้นจะเพิ่มขึ้นมากจนทำให้แทบจะไม่มีเวลา ชั้นก็ยังรู้สึกดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นก็เพราะมันทำให้ชั้นสามารถเป็นกำลังสนับสนุนให้กับอาณาจักรออร์ธรอสที่ชั้นรักแห่งนี้ได้มากขึ้นตามไปด้วย

เมื่อคริสติน่าซามะและกำลังเสริมจากประเทศพันธมิตรของเราเดินทางมาถึง สิ่งแรกที่ชิซึกุซามะและคริสติน่าซามะตัดสินใจตรงกันนั้นก็คือการอพยพผู้คนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ออกจากทวีปเอโลเนีย.....

ถึงแม้ว่าจะมีกำลังทหารมาเพิ่มขึ้น แต่การที่จะต่อสู้พร้อมกับคอยปกป้องผู้คนไปด้วยนั้นก็เป็นเรื่องยาก ดังนั้นชิซึกุซามะและคริสติน่าซามะจึงได้ตัดสินใจอพยพผู้คนหลายแสนที่อพยพหนีมายังเมืองท่าการ์เซียสออกไปอย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากผู้อพยพนั้นมีจำนวนมาก แถมยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ดังนั้นจึงทำให้ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการอพยพยาวนานมากขึ้นตามไปด้วย

ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดยาวนานติดต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง สภาพร่างกายและจิตใจของกองทหารและพวกท่านจอมเวทก็เหนื่อยล้ามากขึ้นทุกวัน และเมื่อความเหนื่อยล้านั้นเพิ่มไปจนถึงขีดสุด แนวป้องกันสุดท้ายที่ล้อมรอบเมืองท่าการ์เซียสจึงได้ถูกทำลายลงไป

ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ในภาวะกดดันและรู้สึกเหนื่อยล้ามากแค่ไหน กองทหารของอาณาจักรออร์ธรอสก็ยังคงยืนอยู่ในแนวหน้าเพื่อปกป้องและช่วยเหลือผู้คนที่พยายามหนีเอาตัวรอดให้มากที่สุดจนถึงวินาทีสุดท้าย ถึงมันจะเป็นความจริงที่แสนเจ็บปวด แต่พวกเราก็ได้ยอมรับถึงความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนั้น พวกท่านจอมเวทได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งชีวิตผู้คนที่ไม่รู้ว่าจะยังมีเหลือรอดอยู่ในทวีปเอโลเนียอีกไหม และถอนกำลังกลับมายังทวีปอากัสเตรีย

การตัดสินใจละทิ้งชีวิตผู้คนนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสำหรับพวกท่านจอมเวทที่อ่อนโยนต่อผู้คนที่กำลังเดือดร้อน แต่การปล่อยให้กองทัพของอาณาจักรออร์ธรอสถูกทำลายนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมให้เกิดขึ้นได้ ตัวชั้นเองก็คิดว่าพวกท่านจอมเวทนั้นตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว เซฟฟรานซามะ ได้โปรดยกโทษให้กับพวกท่านจอมเวทที่มีกำลังไม่มากพอด้วยเถอะค่ะ

หลังจากนั้น โรน่าซังและเวลน่าซังก็ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับหลายๆส่วนตามที่เพื่อนๆอยากรู้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นก็ได้กินเวลายาวต่อเนื่องไปจนถึงช่วงก่อนเวลาอาหารเย็น ในตอนนั้นเองที่ชั้นได้ถือโอกาสขอแยกตัวออกมาเพื่อไปส่งมอบคำอธิษฐานให้กับเซฟฟรานซามะ


ในช่วงเวลาก่อนอาหารเย็น ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในห้องหนึ่งสงบเงียบที่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ทัตสึยะซามะ ตัวชั้นจะมาที่นี่เป็นประจำทุกวันเพื่อส่งมอบคำอธิษฐานพร้อมกับรับฟังคำทำนายจากเซฟฟรานซามะ และคำทำนายในวันนี้มันก็ทำให้หัวใจของชั้นเต้นแรงจนเกือบจะระเบิดออกมา

 ทัตสึยะซามะกำลังจะฟื้นกลับมาภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน 

ทัตสึยะซามะ!! ในที่สุด!! ในที่สุดก็จะฟื้นขึ้นมาแล้วสินะคะ!! ในที่สุด ในที่สุดทัตสึยะซามะก็จะกลับมาช่วยนำทาง และเป็นที่พึ่งพาให้กับชั้นและพวกเราทุกคนอีกครั้งแล้วสินะคะ!! ชั้นอยากจะพบคุณที่สุดเลยค่ะ!! ทัตสึยะซามะ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น