--
มุมมองของทัตสึยะ --
「และจากที่ไล่ไอ้นักบวชลามกพวกนั้นออกไปหมดแล้ว
ประเทศของพวกเราก็ได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าสงบสุขมากที่สุด ในช่วงนั้นพวกเราได้ทำการพัฒนาประเทศในทุกๆด้านไปพร้อมๆกับเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับนานาประเทศในต่างทวีป....」
แต่ที่บอกว่าสงบสุขและไม่มีเรื่องราวใดๆเกิดขึ้นนั้น
จริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่คนภายนอกรับรู้
นั่นก็เพราะในความเป็นจริงแล้วในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่เอริจังซึ่งรับหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังของประเทศได้ตรวจพบพวกสายลับและมือสังหารจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
โดยสำหรับเป้าหมายของพวกสายลับนั้น
ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถทางเวทมนต์หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆของพวกเราแต่ละคน
ประเทศที่ส่งพวกนั้นมาต้องการที่จะหาวิธีรับมือในกรณีที่พวกเราต้องกลายเป็นศัตรูกันในอนาคต
ส่วนเป้าหมายของพวกมือสังหารนั้น
ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมุ่งเป้าไปที่พวกขุนนางหรือราชทูตที่มาจากต่างประเทศ
ซึ่งนั่นก็เพราะหลายๆประเทศในโลกใบนี้ไม่ต้องการจะให้อาณาจักรออร์ธรอสของพวกเราสานสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆเพราะจะทำให้ประเทศของพวกเรามีกำลังอำนาจมากจนเกินไป
「และถึงจะบอกว่ามือสังหารพวกนั้นเป็นส่วนใหญ่
แต่ในความจริงแล้วพวกมือสังหารสาวสวยที่ถูกส่งมาเพื่อลอบสังหารทัตสึยะซามะโดยตรงนั้นก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
อย่างเช่นเจ้าหญิงคริสติน่าเองก็เกือบจะสามารถลอบสังหารทัตสึยะซามะได้สำเร็จแล้วด้วยนะคะ อุฟุฟุ」
「ยัยเจ้าหญิงลามกนั่นมีทักษะในการลอบสังหารมากถึงขนาดนั้นเลยเหรอ…..เด๋วสิ
ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็
คำสั่งลอบสังหารที่เจ้าหญิงคริสติน่าได้รับมามันน่าจะเป็นยูฟีน่า...」
พอผมลองนึกย้อนกลับไปแล้ว
ในช่วงเวลานั้นเจ้าหญิงคริสติน่าได้ถูกหน่วยข่าวกรองของพวกเราจับกุมตัวได้ที่เมืองหลวงของอาณาจักรยูฟีน่า
และตัวเธอที่ถูกสอบสวนด้วยเวทมนต์ความมืดของนานามิจังนั้นก็ทำให้พวกเราทราบว่าเป้าหมายของเธอนั้นคือการลอบสังหารยูฟีน่าซึ่งเป็นราชินีของอาณาจักรออร์ฟีน่า
「ที่เป้าหมายของเจ้าหญิงคริสติน่าได้เปลี่ยนไปเป็นยูฟีน่าซามะนั้นก็เป็นเพราะชั้นสั่งให้เด็กคนนั้นแอบไปเปลี่ยนแปลงชื่อเป้าหมายในจดหมายคำสั่งน่ะค่ะ
ส่วนเหตุผลที่ต้องทำลงไปแบบนั้นก็เป็นเพราะว่า……ชั้นไม่อยากจะให้ทัตสึยะซามะต้องมาเสี่ยงอันตราย
ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้อยู่แล้วใช่มั๊ยล่ะคะ
? ก็เจ้าหญิงคริสติน่าน่ะเป็นเจ้าหญิงแสนสวยที่ทำให้ทัตสึยะซามะตกหลุมรักได้ตั้งแต่แรกพบ
เพราะงั้นถ้าปล่อยให้เธอมีโอกาสล่ะก็ ชั้นไม่รู้เลยว่าเธอจะวางแผนหรือคิดจะทำเรื่องอะไรบ้าง....」
เอริจังพูดถึงเจ้าหญิงคริสติน่าออกมาด้วยน้ำเสียงและใบหน้างอนๆแบบน่ารักๆ
ดูเหมือนว่าสำหรับเอริจังแล้ว
เจ้าหญิงคริสติน่านั้นจะเป็นคู่แข่งด้านความรักคนสำคัญที่สามารถรับมือได้ยาก
「แต่จะว่าไปแล้วก็นั่นสินะ
เพราะถ้าหากเจ้าหญิงคริสติน่าต้องการลอบสังหารผมอย่างจริงจังแล้วล่ะก็
เธอคงจะหาโอกาสจัดการกับผมได้ไม่ยากเลยล่ะ...」
ผมพูดพร้อมกับนึกไปถึงใบหน้าแสนงดงามและรูปร่างแสนเย้ายวนของเจ้าหญิงคริสติน่า
โดยเฉพาะไอ้เจ้าเรือนผมสีม่วงอ่อนแสนนุ่มนวลเร้าอารมณ์นั่นอีก
กับเจ้าหญิงที่เกิดมาเพื่อทำเรื่องลามกแบบนั้นแล้วน่ะ
หากได้มีโอกาสไปลองสัมผัสเธอเข้าแล้วล่ะก็
ต่อให้รู้ตัวว่าเธอเป็นมือสังหารยังไงก็ตาม ผมก็คงจะไม่สามารถอดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อเธอได้แน่ๆ
「ใช่แล้วล่ะค่ะ
ในตอนนั้นเธอถึงกับยอมสละความบริสุทธิ์เพื่อเข้าหาทัตสึยะซามะ
แต่ก็เป็นโชคดีที่ชั้นรู้สึกอิจฉา….เป็นห่วงและแอบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ
ไม่งั้นทัตสึยะซามะคงได้เสียชีวิตให้กับเข็มอาบยาพิษ ที่เจ้าหญิงคริสติน่าแอบซ่อนเอาไว้ในคืนแรกที่ได้มีความสุขกับเธอแล้วล่ะค่ะ」
「ที่เธอคอยช่วยปกป้องชีวิตของผมอยู่ตลอดเวลาโดยที่ผมไม่เคยรับรู้
ต้องขอบใจมากเลยนะ เอริจัง」
ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับเข้าไปประทับริมฝีปากลงที่แก้มข้างหนึ่งของเอริจังอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าเธอคอยช่วยเหลือและปกป้องผมอยู่ตลอด
แต่การจะไปกล่าวโทษตัวเองในอดีตนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะงั้นผมจึงได้ตัดสินใจที่จะเริ่มตอบแทนเธอหลังจากนี้ไป
「ไม่ต้องขอบคุณหรือตอบแทนอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ เพราะแค่ทัตสึยะซามะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขชั้นก็รู้สึกดีใจมากแล้วล่ะค่ะ
อุฟุฟุ」
เอริจังพูดออกมาโดยที่พยายามจะหันหน้าหลบไปทางอื่น
ดูเหมือนเธอจะรู้สึกเขินอายมากๆกับเรื่องนี้ นี่เธอจะทำตัวน่ารักมากเกินไปแล้วนะ
นี่คิดจะทำให้ผมอดใจไม่ไหวและจับกดเธอลงไปบนเตียงตอนนี้เลยหรือยังไงกันนะ ?
「หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่สำคัญอะไรเกิดขึ้นมากมายนัก....」
「เด๋วสิ!!
แล้วเรื่องของเจ้าหญิงคริสติน่าหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อกันล่ะ ?」
ก่อนที่เอริจังจะเปลี่ยนไปเล่าเรื่องอื่นต่อ
ผมก็รีบพูดขัดขึ้นมาเพื่อหยุดเธอเอาไว้ก่อน ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วใช่มั๊ยล่ะ เพราะไหนๆก็ฟังมาถึงขนาดนี้แล้ว
ยังไงผมก็อยากจะรู้เรื่องราวของเจ้าหญิงคริสติน่าไปให้จบ
「อ๊ะร่ะ ถ้าอยากจะรู้ถึงขนาดนั้นก็ช่วยไม่ได้นะคะ....สำหรับเจ้าหญิงคริสติน่านั้น
ถึงแม้เธอจะมีความผิดร้ายแรงที่คิดจะทำการลอบสังหารทัตสึยะซามะ แต่เนื่องจากทัตสึยะซามะชื่นชอบเธอเป็นอย่างมาก
ชั้นก็เลยยอมไว้ชีวิตเธอ แต่ก็แน่นอนว่าจะปล่อยเจ้าหญิงแสนอันตรายเอาไว้เฉยๆแบบนั้นไม่ได้
ชั้นก็เลยจับเธอเปลื้องผ้าแล้วก็ใส่ปลอกคอทาส
หลังจากนั้นเธอก็ได้กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดของทัตสึยะซามะ
ในตอนนั้นรู้สึกว่าทัตสึยะจะทำเรื่องลามกกับเธอต่อเนื่องไม่หยุดพักไปราว 3 วัน
จนในท้ายที่สุดเธอก็ยอมกลับใจและหันมาเข้าข้างทัตสึยะซามะและคอยช่วยเหลืองานของพวกเราแทน
จะว่ายังไงดีล่ะค่ะ คงต้องพูดว่าสมกับเป็นทัตสึยะซามะเลยล่ะค่ะ อุฟุฟุ!!」
พอได้ยินว่าเอริจังยอมยกโทษให้กับเจ้าหญิงคริสติน่า
มันก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้คนอื่นจะว่าอันตรายยังไงก็เถอะ แต่การที่จะต้องมาสูญเสียเจ้าหญิงแสนงดงามแบบนั้นไปมันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งกว่า
จะพูดว่ายังไงดีล่ะ
ก็ผมน่ะมันเป็นพวกรักและหวงเด็กสาวทุกคนที่เป็นของผมมากด้วยสิ เพราะงั้นถึงแม้ว่าในหมู่เด็กสาวเหล่านั้นจะมีบางคนที่อาจจะอันตรายไปบ้าง
แต่แทนที่จะต้องมาสูญเสียพวกเธอไปอย่างถาวรแล้ว ผมก็พร้อมที่จะยอมรับความเสี่ยงบ้างดีกว่า
แต่ไอ้การที่ใช้เวลาทำเรื่องลามกกับเธอต่อเนื่องเพียงแค่
3 วันก็ทำให้เจ้าหญิงสุดแสนจะใจแข็งอย่างคริสติน่ากลับใจมารักและให้ความสำคัญกับพวกเรามากกว่าประเทศของเธอได้เนี่ย
คงจะต้องเรียกว่าสมกับที่เป็นตัวผมเองแล้วล่ะนะ
「เข้าใจละ แล้วเรื่องราวต่อจากนั้นล่ะ เป็นยังไง
?」
「หลังจากนั้นก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุขน่ะค่ะ
แต่ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของอาณาจักรออร์ธรอสนั้นก็ได้จบลงไปในวันนั้น ในวันที่ 888 หลังจากที่พวกเราได้ถูกอัญเชิญมายังโลกลอสตาเซีย
ในวันนั้นทางศาสนจักรได้ออกมาประกาศต่อหน้าเหล่าผู้ศรัทธาและตัวแทนจากประเทศต่างๆที่มารวมตัวกันที่มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ว่าพวกเรานั้นเป็นปีศาจชั่วร้ายที่หลอกลวงผู้คน
และก็ในวันเดียวกันนั้น
เพื่อกำจัดพวกเราที่เป็นปีศาจชั่วร้ายและเผ่าพันธุ์แห่งความมืดที่เข้ามาร่วมมือเป็นพันธมิตรกับพวกเรา
ศาสนจักร จักรวรรดิเอลติซ จักรวรรดิเลเรียส และเหล่าประเทศพันมิตรขนาดใหญ่อีกกว่า 10 ประเทศได้ลงนามเข้าร่วมในสนธิสัญญาสงครามศักดิ์สิทธิ์
เจ้าพวกนักบวชชั่วช้าลามกป่าเถื่อนพวกนั้นได้สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมากล่าวหาพวกเราอย่างไร้เหตุผล
เหล่าประเทศพันมิตรทั้งหลายที่ได้รับรู้ถึงความสามารถของพวกเราแต่ละคนเองนั้นต่างก็รู้สึกเกรงกลัวในพลังของพวกเราที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
พวกนั้นจึงได้ร่วมมือกันนำกองทัพทหารขนาดใหญ่เข้ามาบุกโจมตี
กองทหารของเจ้าพวกนั้นปล้นฆ่าข่มขืนและทำร้ายทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรออร์ธรอสของพวกเราโดยไม่สนใจว่าจะเป็นทหารหรือประชาชน
ไม่ว่าจะเป็นพวกเด็กๆหรือคนชราก็ถูกพวกมันไล่ล่าสังหารอย่างไร้ความปราณี
และก็เพราะเหตุนั้นจึงทำให้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำการตอบโต้กลับไปด้วยวิธีที่รุนแรงที่สุด
พวกเราได้ทำลายล้างกองทหารของประเทศพันมิตรด้วยเวทมนต์ทำลายล้างขนาดใหญ่
ซึ่งนั่นก็ทำให้สงครามศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสงครามระดับเดียวกันกับสงคราม
10 เผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อนได้เลยล่ะค่ะ」
「เธอพูดว่าสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้งั้นเหรอ ? นี่ก็หมายความว่าสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว
?」
ผมถามเอริจังกลับไปด้วยความสงสัย
นั่นก็เพราะในช่วงที่พวกเราทำสงครามกับทางจักรวรรดิเอลติซก่อนหน้าที่จะมายังอาณาเขตแห่งพระเจ้านั้น
ในตอนนั้นผมได้ยินพวกนักบวชที่ถูกพวกเราจับตัวมาสอบสวนได้พูดถึงเรื่องที่สงครามศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเกิดขึ้นมาก่อน
ในตอนแรกผมไม่ได้สงสัยอะไรมากและคิดว่ามันเป็นเพียงแค่คำพูดที่พวกนักบวชงี่เง่าของศาสนจักรคิดกันขึ้นมาเองเพื่อให้ดูสวยหรูและแสดงถึงความถูกต้องในการทำสงคราม
แต่พอได้มาฟังเรื่องราวที่เอริจังเล่าแล้วก็ทำให้ผมคิดว่าความคิดก่อนหน้านี้ของผมนั้นดูจะตื้นเกินไป
「ถ้าทัตสึยะซามะอยากจะทราบถึงเรื่องนั้นล่ะก็
ก่อนอื่นชั้นคงจำเป็นจะต้องอธิบายถึงความหมายและที่มาของสงครามศักดิ์สิทธิ์ก่อน โดยสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านั้นก็คือหนึ่งในคำสอนสูงสุดของทางศาสนจักรยุคปัจจุบัน
ชื่อเรียกของมันก็คือบัญญัติคำสอนของเทพธิดาสีครามแห่งความโลภเธโอเนีย
ส่วนความหมายนั้นก็หมายถึงสงครามทำลายล้างเผ่าพันธุ์แห่งความมืดที่ชั่วร้าย
โดยจะมีการประกาศออกไปถึงเหล่านักบวชและตัวแทนระดับสูงของประเทศต่างๆ ในคราวที่ทางศาสนจักรได้มีการตรวจพบผู้ให้ความร่วมมือ หรือเมื่อได้รับรู้ถึงการคุกคามของเผ่าพันธุ์แห่งความมืดที่ชั่วร้ายน่ะค่ะ」
เอริจังเริ่มอธิบายถึงความหมายของสงครามศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาจริงจัง
และถึงแม้เธอจะพยายามเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากที่สุด แต่ผมก็สามารถที่จะรับรู้ถึงแรงกดดันจากความรู้สึกโกรธแค้นที่อยู่ลึกเข้าไปภายในจิตใจของเอริจังในทุกๆประโยคที่เธอพูดออกมาได้เป็นอย่างดี
「เอริจัง ถ้าหากไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังหรอกนะ」
ผมพูดพร้อมกับโอบกอดเอริจังและลูบไล้ไปตามเรือนผมของเธออย่างอ่อนโยน
สำหรับผมแล้วน่ะ ถ้ามันเป็นเรื่องราวที่ต้องทำให้เอริจังรู้สึกเจ็บปวดที่จะเล่าออกมาล่ะก็
ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยินดีที่ปล่อยมันผ่านไป เพราะถึงแม้ผมจะอยากรู้เรื่องราวมากสักแค่ไหน
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คิดว่าความรู้สึกของเอริจังนั้นสำคัญมากกว่าอยู่แล้ว
「ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะทัตสึยะซามะ เพราะเรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทัตสึยะซามะควรจะรับรู้เอาไว้ด้วย
นอกจากนั้นแล้วการได้เล่าให้ทัตสึยะซามะฟังก็น่าจะเป็นการช่วยคลายความรู้สึกหงุดหงิดที่ชั้นอดกลั้นเอาไว้ภายในจิตใจได้ดีด้วยล่ะนะคะ」
หลังจากสงบใจไปครู่หนึ่ง
บรรยากาศรอบๆตัวเอริจังก็กลับมาเป็นบรรยากาศอบอุ่นเหมือนกับก่อนหน้านี้ รอยยิ้มแสนอ่อนโยนของเธอนั้นทำให้ผมรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น