-- มุมมองของทัตสึยะ --
「สำหรับระบบการซื้อขายนี้ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็อยากจะขอเก็บเอาไว้อธิบายทีหลัง
แต่จะว่าไปแล้วก็นั่นสินะคะ
เพราะทัตสึยะซามะก็คงอยากจะได้จอภาพเอาไว้สำหรับแอบดูพวกเด็กสาวน่ารักๆด้วย....」
เอริจังเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆพูดออกมาด้วยรอยยิ้มน่ารักซุกซน
และถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เข้าใจถึงระบบซื้อขายหรือการทำงานของจอภาพที่ว่านั่นสักเท่าไหร่
แต่ถ้ามันสามารถเอามาใช้แอบดูพวกเด็กสาวน่ารักๆได้ล่ะก็
มันก็เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ผมจะอยากได้มาครอบครองอย่างแน่นอน
「ถึงผมจะยังไม่เข้าใจรายละเอียดเท่าไหร่ก็เถอะ
แต่ถ้าค่าใช้จ่ายมันไม่มากเกินไปล่ะก็....」
「ถ้าทัตสึยะซามะอยากได้จอภาพมากถึงขนาดนี้ก็ช่วยไม่ได้นะคะ....คงจะต้องขายเดรสชุดสุดท้ายตัวนี้แล้วล่ะค่ะ....」
เอริจังพูดพร้อมกับหยิบชุดเดรสสีขาวที่เธอใส่ก่อนหน้านี้ขึ้นมาลูบคลำอย่างอ่อนโยนด้วยใบหน้าเหงาๆ....เธอบอกว่าเป็นเดรสชุดสุดท้ายงั้นเหรอ
? นี่ก็หมายความว่าถ้าขายมันไปเอริจังก็จะต้องใส่เพียงแค่ชุดชั้นในตลอดเวลา....พอลองนึกภาพดูแล้วก็ถือได้ว่าเป็นพระเจ้าที่เย้ายวนน่าดู
แต่ถึงแบบนั้นก็....
「ถึงจะฟังดูน่าสนใจมากก็เถอะ แต่ถ้าจะต้องให้เธอถึงขนาดลงทุนขายชุดเดรสที่มีเหลืออยู่เป็นตัวสุดท้ายล่ะก็
ถ้าเป็นแบบนั้นผมขอยกเลิกเรื่องที่อยากได้จอภาพไปดีกว่า」
ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามันเป็นเพียงแค่การกลั่นแกล้งเล่นของเด็กสาวแสนซนที่อยู่ตรงหน้า
「ทัตสึยะซามะเนี่ย...ช่างใจดีจริงๆเลยนะคะ...แต่ว่าถูกหลอกแล้วล่ะค่ะ
อุฟุฟุ!!!...ความจริงแล้วชั้นก็แค่อยากจะแกล้งทัตสึยะซามะเล่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าชุดเดรสตัวนี้จะเป็นชุดสุดท้ายที่มีอยู่จริง แต่ถ้าแค่จอภาพขนาดเล็กล่ะก็
ต่อให้ไม่ต้องขายชุดนี้ชั้นก็มีพลังงานเทพเหลืออยู่มากพอ
เพราะงั้นก็มาเลือกดูแบบที่ชอบกันดีกว่านะคะ อุฟุฟุ!!」
เอริจังโน้มตัวเข้ามาแนบกับร่างกายของผมพร้อมกับส่งเสียงกระซิบเบาๆเข้าที่ข้างหูของผม
แต่ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การแกล้งกันเล่นเท่านั้นจริงๆงั้นเหรอ ? กับเด็กสาวแสนสวยที่แสดงรอยยิ้มซุกซนตรงหน้าของผมคนนี้แล้ว
ผมไม่อาจจะรับรู้ได้เลยว่าจริงๆแล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่แบบไหนกันแน่
「เป็นจอภาพสมาร์ทสกรีน
LGD ขนาด 10 นิ้วก็คงจะพอสินะคะ」
「แค่สามารถมองเห็นภาพได้ชัดๆก็พอแล้วล่ะ」
หลังจากที่ได้เห็นรูปตัวอย่างของจอภาพรูปร่างคล้ายแท็บเล็ตที่ได้แสดงอยู่บนระบบซื้อขายสิ่งของที่เอริจังเปิดขึ้นมาให้ดูเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ตัดสินใจตอบตกลงกลับไป และก็เป็นในตอนนั้นเองที่มีกล่องของขวัญลวดลายน่ารักติดปีกสีชมพูค่อยๆบินลงมายังจุดที่พวกเราอยู่อย่างช้าๆ
「ไอ้ระบบส่งของถึงมือในทันทีแบบนี้มันสุดยอดไปเลยนะ....」
เมื่อผมใช้มือแตะไปที่กล่องของขวัญที่หยุดอยู่ตรงหน้า
กล่องของขวัญก็ค่อยๆเปล่งประกายเรืองแสงวูบวาบขึ้นและจางหายไป จากนั้นจอภาพขนาด 10 นิ้วที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับของตัวอย่างในภาพก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือของผมทันที
「สำหรับวิธีการใช้งานนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากพวกระบบค้นหาบนเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ตที่ทัตสึยะรู้จักมากนักหรอกนะคะ
ถ้างั้นก็....จะลองแอบส่องดูเด็กสาวคนไหนกันก่อนดีล่ะคะ ?」
「นั่นสินะ ก่อนอื่นก็อยากจะลองแอบดูเทพธิดาผู้ทรยศที่เธอพึ่งจะเล่าถึงเมื่อครู่ก่อนแล้วกัน」
ถึงแม้การแอบส่องดูพวกเด็กสาวน่ารักๆนั้นจะเป็นสิ่งที่น่าเย้ายวนใจเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่กำลังติดอยู่ในใจของผมตอนนี้มากที่สุดนั้นก็ยังเป็นเรื่องราวของเทพธิดาผู้ทรยศ
ผมอยากจะรู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปีนี้ทางเทพธิดาผู้ทรยศซึ่งเป็นศัตรูคนสำคัญของพวกเราได้วางแผนทำอะไรลงไปบ้าง
「เรื่องนั้นชั้นเองก็อยากรู้เหมือนกัน
แต่ก็ต้องเสียใจด้วยนะคะ เพราะเทพธิดาผู้ทรยศนั้นได้ทำการสร้างเขตอาคมขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งขึ้นมาขัดขวางการแอบส่องดูเอาไว้
และเขตอาคมที่ว่านั้นก็ปกคลุมไปทั่วอาณาเขตที่เธออาศัยอยู่ทั้งหมดแล้วน่ะค่ะ」
「เป็นแบบนั้นงั้นเหรอ ? ยัยเทพธิดาผู้ทรยศที่ว่านั่นเองก็เป็นคนที่เจ้าเล่ห์ไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย」
「ถึงแม้ว่าเป้าหมายหลักของเธอนั้นจะคือการกำจัดและยึดครองตำแหน่งพระเจ้า
แต่ชั้นก็คิดว่าเธอไม่ใช่พวกที่คิดจะขึ้นมาท้าทายอำนาจของเลโลเชียซึ่งๆหน้าบนอาณาเขตแห่งพระเจ้าด้วยตัวคนเดียว
เพราะงั้นทางเลือกของเธอก็ควรจะเป็นการตัดทอนกำลังและแทรกแซงการทำงานของเลโลเชีย
นอกจากนั้นก็คงจะเป็นการหาทางล่อให้เลโลเชียลงไปหาเธอที่โลกเองในสักวันหนึ่งน่ะค่ะ」
นอกจากการพยายามตัดกำลังของพระเจ้าเลโลเชียไปอย่างช้าๆด้วยการแย่งชิงเหล่าสาวกและผู้คนที่มีศรัทธาต่อเลโลเชียไปแล้ว
สิ่งที่เทพธิดาผู้ทรยศได้ทำมาตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานั้นก็น่าจะเป็นการออกค้นหาตัวเผ่าวาลาร์ดและพวกผู้รอดชีวิตจากเผ่าอื่นๆที่สองเทพธิดาได้พาไปซ่อนเอาไว้
เพราะถ้าหากสามารถจับกุมตัวเผ่าวาลาร์ดและพวกผู้รอดชีวิตจากเผ่าอื่นๆที่ได้ล่ะก็
เลโลเชียซึ่งต้องการจะปกป้องคนเหล่านั้นก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นและจะต้องลงมายังโลกลอสตาเซียเพื่อทำการเจรจาด้วยแน่ๆ
และในตอนนั้นก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่เธอจะวางกับดักเพื่อทำการลอบสังหารเลโลเชีย
และหากผมคาดการณ์ไม่ผิดล่ะก็
แผนการในตอนนี้ของเทพธิดาผู้ทรยศนั้นก็จะต้องมีเป้าหมายหลักอยู่ที่เผ่าปีศาจของพวกเราซึ่งได้ทำการติดต่อกับเผ่าวาลาร์ดและเผ่าอื่นๆโดยตรง
การให้ความช่วยเหลือทุกเผ่าพันธุ์อย่างเท่าเทียมกันนั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับยัยเทพธิดาผู้ทรยศนั่นแน่ๆ
「แต่ว่าผู้ที่เป็นพระเจ้าหรือก็คือเลโลเชียในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่าแล้วแต่เป็นเธอไม่ใช่เหรอเอริจัง
?」
「ใช่แล้วล่ะค่ะ
เพราะงั้นถ้าหากทัตสึยะซามะไม่คอยดูแลปกป้องให้ดีล่ะก็ ชั้นคงจะต้องถูกเทพธิดาผู้ทรยศนั่นจับตัวไปทรมาน
แล้วชั้นก็คงจะต้องถูกเธอทำแบบนั้นแล้วก็ทำแบบนี้จนกว่าจะขาดใจตายแน่ๆเลยนะคะ
อุฟุฟุ」
ถึงแม้ว่าเนื้อหานั้นจะเป็นเรื่องจริงจัง
แต่พอได้มาฟังเอริจังพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักกับพร้อมด้วยใบหน้าแสนซุกซนแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้ผมไม่รู้สึกว่าเอริจังในตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายเลยสักนิด
นอกจากนั้นแล้วหากฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าที่จะบุกเข้ามาในอาณาเขตแห่งพระเจ้าโดยตรงล่ะก็
ถ้างั้นแค่เอริจังไม่ออกไปจากที่นี่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วด้วย…
「อ๊ะร่ะ
หน้าตาแบบนั้น
ทัตสึยะซามะคิดจะขังชั้นเอาไว้ที่นี่ตลอดเวลาเพื่อที่ชั้นจะได้ไม่มีโอกาสไปพบกับผู้ชายคนอื่นสินะคะ
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นผู้ชายที่สุดแสนจะเจ้าชู้หาใครเทียบได้แท้ๆ
ช่างไม่มีความยุติธรรมจริงๆเลยนะคะ อุฟุฟุ」
「กว่าผมจะได้มาสัมผัสเด็กสาวแสนสวยที่หาใครเทียบไม่ได้อย่างเธอแล้วเนี่ย
ผมต้องผ่านการต่อสู้เสี่ยงชีวิตที่ยากลำบากสุดๆมากมายเลยนะ
เพราะงั้นถ้ามันจะทำให้ผู้ชายอย่างผมต้องกลายเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวหรือไม่มีความยุติธรรมแบบนั้นมันก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อยู่แล้ว
เธอไม่คิดแบบนั้นเหรอ เอริจัง?」
「อ๊ะร่ะ
ช่างเป็นเหตุผลที่ขี้โกงสุดๆเลยนะคะ
ทั้งๆที่ตัวชั้นเองก็ต่อสู้อย่างยากลำบากสุดๆไม่ต่างไปจากทัตสึยะซามะแท้ๆ
แต่ชั้นจะยอมถูกขังอยู่ที่นี่และเป็นของทัตสึยะซามะคนเดียวก็ได้ค่ะ
เพราะงั้นก็ช่วยรักษาสัญญาที่พูดเอาไว้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ」
「ผมจะรักษาสัญญาที่ให้เอาไว้แน่นอน
เพราะงั้นเธอก็ต้องยอมให้ผมทำทุกอย่างที่ผมต้องการกับเธอได้ตลอดเวลาด้วยนะ.....!!」
「อ๊ะร่ะ
ทั้งๆที่พวกเรากำลังพูดคุยเรื่องสำคัญอยู่แท้ๆ
อาการลามกไม่เลือกที่ของทัตสึยะซามะนี่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงจะรักษาไม่หายจริงๆแล้วนะคะ....อุฟุฟุ!!」
หลังจากนั้น
พวกเราก็พูดจาหยอกล้อพร้อมกับแลกเปลี่ยนริมฝีปากและสัมผัสร่างกายของกันและกันด้วยความรักอันเร่าร้อนจนพวกเราทั้งคู่รู้สึกพอใจ
แล้วจากนั้นเอริจังก็เริ่มเล่าเรื่องราวของสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เกิดขึ้นในโลกของเธอต่อจากที่ได้เล่าค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้
โดยในครั้งนี้เอริจังได้พูดไปพร้อมๆกับเปิดภาพวีดีโอที่ได้ถูกบันทึกเก็บเอาไว้ในความทรงจำของเธอเองให้ผมได้ดูด้วย
「หลังจากที่พวกเราสามารถทำลายล้างกองทัพพันธมิตรหลักของจักรวรรดิเอลติซและพวกศาสนจักรลงได้ พวกเราก็ได้ถูกกำลังเสริมที่เรียกได้ว่าน่ากลัวสุดๆของฝ่ายนั้นลอบโจมตี อุเดดะ เมล เธอคนนั้นได้เข้าร่วมกับเทพธิดาผู้ทรยศและได้รับพรผู้กล้าที่แข็งแกร่ง เพียงแค่เวทมนต์บทแรกของเธอได้คร่าชีวิตชิซึกุซามะและพวกอัศวินของเราไปมากมาย」
「ชิซึกุปกป้องผมงั้นเหรอ....」
ภาพของน้องสาวสุดที่รักที่ได้ทุ่มพลังเวททั้งหมดเพื่อปกป้องผมเอาไว้จากการถูกลอบโจมตีนั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด ทั้งๆที่หน้าที่ปกป้องนั้นควรจะเป็นของผมซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ
ภาพของน้องสาวสุดที่รักที่ได้ทุ่มพลังเวททั้งหมดเพื่อปกป้องผมเอาไว้จากการถูกลอบโจมตีนั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด ทั้งๆที่หน้าที่ปกป้องนั้นควรจะเป็นของผมซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ
「กำลังเสริมที่
อุเดดะ เมล
พามาด้วยนั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักรบต้องสาปผู้ถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง『Sword master นักดาบอัฉริยะสเตล่า』『Flame of Destruction
เพลิงหายนะชาร์ล็อตเต้』『Crimson Song ทำนองสีเลือดซิสติน่า』『Gale
blast Princess เจ้าหญิงวายุกัมปนาทเอลริสเต้』『Colorless Curse คำสาปไร้สีทูรี่』」
ด้วยการลอบโจมตีจากเหล่านักรบต้องสาปที่ถูกเทพธิดาผู้ทรยศล้างสมองจนกลายเป็นเพียงเครื่องจักรสังหารไร้ความคิด
เจ้าอากิโอะ คาโอริจัง
ชิโฮะจังและพวกเพื่อนๆหลายคนที่เข้าไปต่อสู้กับพวกนั้นได้เสียชีวิตลงไปกันทีละคน
「คาโอริจัง ชิโฮะจัง แม้แต่เจ้าอากิโอะที่หนังเหนียวตายยากแบบนั้นก็ยังแพ้ให้กับสเตล่าอย่างงั้นเหรอ....」
เมื่อได้เห็นภาพของพวกเพื่อนๆและเด็กสาวหลายคนที่ผมรักได้ถูกสังหารไปอย่างเหี้ยมโหด
ผมก็ไม่สามารถที่จะอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดได้และค่อยๆหลั่งน้ำตาออกมาช้าๆ และก็เป็นในตอนนั้นเองที่เอริจังได้หยุดเล่าเรื่องและเข้ามาโอบกอดผมอย่างอ่อนโยน
「เรื่องร้ายๆที่เคยเกิดขึ้นในโลกของชั้นจะต้องไม่มาเกิดขึ้นซ้ำในโลกของทัตสึยะซามะอีกแน่นอนค่ะ
และถึงแม้ว่าจะมีเรื่องอะไรร้ายๆเกิดขึ้น
แต่ชั้นก็ขอสัญญาว่าจะปกป้องเหล่าคนสำคัญของทัตสึยะซามะเอาไว้ให้ได้อย่างแน่นอน
เชื่อชั้นนะคะ」
น้ำเสียงที่แสนจะอ่อนโยนรวมกับไออุ่นที่ผมได้รับจากร่างกายของเอริจังนั้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่นั่นก็ได้ทำให้ผมรับรู้ถึงความยากลำบากที่เอริจังเคยได้เผชิญมาในโลกของเธอด้วย นี่ขนาดเป็นเพียงแค่เป็นภาพในความทรงจำยังทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากมายถึงขนาดนี้
แล้วตัวเธอซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้นจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากสักแค่ไหนกันนะ.....
「แต่จะว่าไปแล้วพวกนักรบต้องสาปเนี่ย......น่าจะเป็นพวกเพื่อนร่วมห้องของมากิจังซึ่งเป็นผู้กล้าจากต่างโลก…」
พอพูดถึงนักรบต้องสาปที่ถูกล้างสมองแล้ว
มันก็ทำให้ผมรู้สึกถึงเรื่องราวที่แตกต่างไปจากโลกของผมอย่างสิ้นเชิง เพราะในโลกของผมนั้น
พวกนักรบต้องสาปเกือบทุกคนที่เอริจังพูดชื่อขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นพวกพ้องที่เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้างพวกเรา
....ส่วนพวกที่เป็นฝ่ายศัตรูและได้เข้ามาโจมตีพวกเรานั้น
ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นพวกเพื่อนร่วมห้องของมากิจังที่ถูกคำสาปควบคุม พวกนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ถูกจักรวรรดิเอลติซอัญเชิญมาในฐานะผู้กล้าต่างโลก....
「ในโลกของชั้น....มากิซามะไม่ได้ถูกอัญเชิญมาน่ะค่ะ
ไม่ใช่เพียงแค่มากิซามะเท่านั้นแต่การอัญเชิญผู้กล้านั้นไม่ได้เกิดขึ้น
ซึ่งเหตุผลนั้นก็คงจะเป็นเพราะในโลกของชั้นเทพธิดาผู้ทรยศมีกำลังรบมากพออยู่แล้ว....เพราะแบบนั้น....การที่มากิซามะและพวกเพื่อนๆได้ถูกอัญเชิญมานั้นจะเรียกว่ามันเป็นความผิดของชั้นที่พายามขัดขวางเธอก็ได้ค่ะ....」
「เรื่องแบบนี้จะเรียกว่าเป็นความผิดของเธอไม่ได้หรอกนะ เอริจัง」
ผมพูดพร้อมโอบกอดและลูบไล้เส้นผมนุ่มๆของเอริจังอย่างอ่อนโยน
จากคำพูดของเอริจังนั้น ผมสามารถเข้าใจถึงเหตุผลได้ในทันที เพราะเอริจังได้ใช้พลังของพระเจ้าเลโลเชียที่เธอได้รับมาในการเข้าไปขัดขวางไม่ให้เทพธิดาผู้ทรยศได้ตัวผู้คนที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงๆไป
ดังนั้นเทพธิดาผู้ทรยศจึงได้เลือกหนทางอื่นในการเสริมกำลังซึ่งนั่นก็คือการอัญเชิญผู้กล้า
....แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็หมายความว่า
หลังจากนี้ยัยเทพธิดาผู้ทรยศคงจะต้องทำอะไรที่ยุ่งยากมากขึ้นอีกแน่นอน.....เพียงแค่ลองคิดดูก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีกับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกของผมหลังจากนี้แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น