「นี่มัน! เครื่องประดับของพวกราชวงศ์งั้นรึ ?」
ผมเปิดกล่องเครื่องประดับที่ดูหรูหราให้คิวรี่ซังดู
ด้านในนั้นเป็นสร้อยคอที่ทำจากเงินแท้ประดับด้วยจี้ทับทิมขนาดเล็กรูปหัวใจ
มันเป็นสร้อยคอที่ดูเรียบง่ายแต่งสวยงาม เหมาะกับเด็กสาวแรกรุ่นที่ใช้ออกงานราตรี
ราคา 37,000 เยน
จากร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่งในห้าง
นอกจากสร้อยเส้นนั้นแล้วก็ยังมีแหวนและต่างหูอีกหลายแบบ
「ไม่ใช่หรอกครับ มันเป็นเครื่องประดับที่ประเทศของผมสร้างขึ้นสำหรับเด็กสาวทั่วไปที่ต้องไปออกงานราตรีน่ะครับ」
「ในประเทศของทัตสึยะซามะเนี่ย แม้แต่สามัญชนก็มีสิทธิใส่ของเช่นนี้เหมือนกับพวกลูกขุนนางที่ร่ำรวยอย่างนั้นรึ」
「จะพูดอย่างนั้นมันก็ใช่อยู่แหละนะ」
ถึงแม้ในญี่ปุ่นจะมีพวกเชื้อสายขุนนางรุ่นเก่าๆอยู่บ้าง
แต่ข้าวของเครื่องประดับที่คนพวกนั้นใช้ในตอนนี้ก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป
ไม่ใช่แค่คิวรี่ซังเท่านั้น
แม้แต่ยัยโรน่าที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็แสดงท่าทางตื่นเต้นกับความงดงามของเครื่องประดับตรงหน้าเช่นกัน
ตอนที่อยู่ในงานเต้นรำเธอเองก็น่าจะเห็นเด็กสาวหลายคนใส่เครื่องประดับไม่ใช่เหรอ
ทำไมถึงได้มาตกใจเอาตอนนี้กันนะยัยนี่
「หมายความว่าทัตสึยะซามะ
ต้องการหาตัวแทนเพื่อจำหน่ายของพวกนี้ในจักรวรรดิงั้นสินะ」
「คิวรี่ซังเข้าใจถูกแล้วครับ
พวกผมนั้นมาจากต่างประเทศ ถึงแม้จะพอมีคนรู้จักอยู่บ้าง
แต่พวกเค้าก็ไม่ถนัดด้านการค้าขาย
และในอนาคตผมคิดว่าจะเปิดโรงงานสร้างของพวกนี้ขึ้นที่เมืองใหม่
ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมต้องการคนไปทำงานด้วยเป็นจำนวนมาก」
「โฮ่ ช่างเป็นคนหนุ่มที่มองการไกลยิ่งนัก
หากข้าอายุน้อยกว่านี้ซัก 20 ปีล่ะก็ คงจะรับเรื่องนี้ไปทำเองแล้ว」
คิวรี่ซังนั้นน่าจะอายุมากกว่า 60 ไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแววตาแหลมคมและการตัดสินใจที่เฉียบขาด ขนาดเป็นเรื่องธุรกิจการค้าระดับประเทศก็ยังพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
「พวกพ่อค้าที่มีฝีมือส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะประจำอยู่ในเมืองที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้หรอก
เพราะงั้นกว่าจะติดต่อพวกเค้าได้อย่างน้อยก็คงใช้เวลาเกือบเดือน แต่หากทัตสึยะซามะต้องการขายสิ้นค้าในทันทีล่ะก็
ข้าก็พอจะแนะนำพ่อค้าที่มีเงินทุนสูงให้ได้บ้างเอาไหมล่ะ」
มันก็จริงอยู่ที่เมืองแห่งนี้เป็นเพียงเมืองป้อมปราการที่ห่างไกลจากเขตเศรษฐกิจ
แต่การที่ต้องใช้เวลาเป็นเดือนนั้นแสดงให้เห็นว่า โลกใบนี้นั้นขาดความสามารถในการติดต่อสื่อสารทางไกล
และนั่นทำให้ผมคิดว่าในอนาคตพวกเราคงจะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อความสะดวกในการติดต่อ
ด้วยเทคโนโลยีที่พวกเรามีบวกกับเวทมนต์ในโลกนี้
บางทีเราอาจจะสามารถติดตั้งเสาสื่อสารทางไกล
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในโลกนี้ได้
ถ้าหากแต่ละเมืองที่อยู่ห่างกันสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็วล่ะก็
บางทีการเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บป่วย หรือเข้าช่วยเหลือเมืองที่ถูกพวกโจรป่าหรือมอนสเตอร์โจมตีคงจะทำได้รวดเร็วขึ้นอีกมาก
อย่างน้อยก็เริ่มจากเมืองของพวกเราและเมืองเวลล่า
ผมคิดว่าหลังจากกลับไปถึงห้างคงจะมีงานให้ทำเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
「เอาแบบนั้นก่อนก็ได้ครับ
ถึงผมจะไม่ได้ร้อนเงิน แต่ก็อยากจะเริ่มทำความรู้จักพวกพ่อค้าเอาไว้น่ะ」
「โฮ่ โฮ่
ถ้างั้นข้าจะเขียนจดหมายแนะนำให้ก็แล้วกัน
เจ้านั่นน่ะถึงจะขี้งกมากไปซักหน่อยแต่ก็พอจะไว้ใจได้
หากมีจดหมายแนะนำกับตราประจำตระกูลโรเซนเบิร์กล่ะก็ อย่างน้อยเจ้านั่นก็คงจะไม่กดราคาจนเกินไปล่ะนะ」
พ่อค้าที่คิวรี่แนะนำว่ามีเงินทุนสูงนั้นมีชื่อว่าโอเว่น
ในเมืองนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เปิดร้านค้าทาสแล้วยังอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
เป็นคนที่เขี้ยวลากดินเป็นที่สุด
แต่กับพ่อค้าที่มีประสบการณ์แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ
จะว่าไปพวกเราเองก็มีธุระที่จะต้องไปทำที่ร้านค้าทาสด้วยอยู่แล้วนี่นะ
พอเป็นแบบนี้ก็ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยทีเดียว
「ถ้าเช่นนั้น
หลังจากนี้ก็ต้องขอฝากตัวด้วยนะครับ」
「ข้าเองก็เช่นกัน」
ผมโค้งให้กับคิวรี่ซังเป็นการขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ
จากนั้นพวกเราก็เดินออกมาจากห้องรับรอง
เมื่อออกมาถึงบริเวณห้องโถงด้านนอกนั้น
ภาพที่ผมเห็นในตอนนี้นั้นแตกต่างจากตอนที่พวกเรามาถึงอย่างมาก
ในตอนแรกนั้นบริเวณเคาน์เตอร์มีผู้คนที่เข้าแถวอยู่มากก็จริง
แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นมากกว่าหลายเท่า แต่พอผมมองไปรอบๆก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นบ้าง
บริเวณบอร์ดประกาศรับสมัครงานในตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากกำลังแอดอัดกัน
ดูเหมือนว่าจะกำลังสอบถามข้อมูลของงานที่พึ่งติดประกาศใหม่
คงจะเป็นเพราะมีงานด่วนหรืองานที่ทำรายได้ดีมากเข้ามา
ผู้คนจึงดูตื่นเต้นกันถึงขนาดนั้น
「เอาเถอะมันคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรับสมัครคนของพวกเราหรอกมั้ง」
「นั่นสินะคะ」
ครู่หนึ่งผมคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าอาจจะเป็นเพราะมีคนสนใจงานที่ผมรับสมัครค่อนข้างเยอะ
แต่เนื่องจากพวกเราพึ่งจะลงทะเบียนเอกสารกันเสร็จไปไม่นาน ดังนั้นคงไม่น่าจะใช่
พวกเราทั้งสามคนพยายามฝ่าฝูงชนจนออกมายังด้านนอกกิลด์ได้ในที่สุด
「ถ้างั้นก็ ร้านค้าทาสสินะ」
พอพูดถึงร้านค้าทาสแล้ว ทำให้ผมนึกไปถึงไลท์โนเวลหลายๆเรื่อง
การผจญภัยร่วมกับทาสสาวหลายๆคนงั้นรึ หากผมถูกวาปมายังโลกนี้เพียงคนเดียวล่ะก็ ผมจะใช้เงินทั้งหมดที่มีมาซื้อทาสสาวน่ารักๆเก็บไว้เยอะๆ
แต่ผมในตอนนี้คงจะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ พวกเรายังมีความจำเป็นต้องใช้เงินทำอะไรอีกหลายอย่าง
แต่ถ้าหากในอนาคตมีเงินเหลือเยอะล่ะก็ บางทีผมอาจจะลองทำแบบนั้นดูซักครั้ง
「ถ้าทัตสึยะซังชอบล่ะก็ จะให้ชั้นใส่ปลอกคอตอนทำเรื่องอย่างว่าก็ได้นะคะ」
มายุจังที่เกาะแขนผมอยู่พูดขึ้นมา นี่ความคิดผมของมันแสดงออกไปทางสีหน้าหรือยังไงนะ
「นั่นสินะ
ถ้าเป็นมายุจังล่ะก็คงทำให้ผมสนุกได้มากเลยล่ะ」
ผมกับมายุจังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานระหว่างเดินไปยังร้านค้าทาส
แต่ยัยโรน่าที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย กลับมีสีหน้าแดงก่ำไปด้วยความเขินอาย
และในที่สุดพวกเราก็มาถึงยังร้านค้าทาสโอเว่น
ร้านค้าทาสเรนโนนั้นเป็นอาคาร 2 ชั้นที่สร้างจากหิน ที่หน้าต่างชั้น
2 มีการใส่กรงเหล็กครอบเอาไว้ คงจะทำเอาไว้เพื่อป้องกันทาสหลบหนี
ภายในนั้นแตกต่างจากที่ผมคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง
ที่ชั้นหนึ่งนั้นเป็นห้องโถงที่มีตกแต่งหรูหราคล้ายกับห้องรับรองในปราสาท
มีโต๊ะเก้าอี้หรูหราหลายชุดถูกวางเอาไว้เป็นส่วนๆสำหรับลูกค้า
มีพนักงานสาวที่ใส่ปลอกคอหลายคนกำลังเดินเสริฟเครื่องดื่มให้กับบรรดาลูกค้าอยู่
เครื่องแต่งกายของพวกเธอนั้นค่อนข้างเปิดเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าเป็นอย่างมาก
และนั่นก็ทำให้ผมพอจะเข้าใจถึงเรื่องที่ ร้านนี้เป็นเพียงร้านเดียวในเมืองที่อยู่รอดได้แล้ว
แทนที่จะจับทาสขังเอาไว้ในกรงและให้ลูกค้าไปเลือกดู
แต่ที่นี่กลับใช้วิธีให้ลูกค้านั่งจิบชาพร้อมกับคอยดูเหล่าทาสสาวที่ถูกใจทำงานแทน
หากทำแบบนี้ล่ะก็ถึงแม้จะขายทาสออกน้อย
แต่ก็ยังสามารถเก็บเงินจากลูกค้าในแต่ละวันได้มากอยู่ดี
「นายท่านและคุณหนูพึ่งจะเคยมาที่นี่ครั้งแรกสินะครับ
ถ้ายังไงให้ผมเป็นคนพาชมดีมั๊ยครับ」
พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเราในทันที
「เอ่อ...นี่ค่ะ」
โรน่านำเหรียญตราประจำตระกูลโรเซนเบิร์กและจดหมายที่เขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับการเสียภาษีทาสของพวกเอาไว้ให้กับพนักงาน
พนักงานที่เห็นเหรียญตรานั้นแสดงท่าทีตกใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับไปดูสุขุมเช่นเดิม
ดูท่าว่าที่นี่จะต้องคอยรับมือกับขุนนางชั้นสูงบ่อยๆจึงไม่ตื่นเต้นมากนัก
「เชิญตามผมมาด้านนี้ได้เลยครับ」
พนักงานพาพวกเราเข้าไปยังห้องรับรองที่อยู่ด้านใน
「กรุณารอที่นี่ก่อนซักครู่นะครับ」
จากนั้นพนักงานหนุ่มก็เดินออกไปจากห้องรับรองพร้อมกับนำจดหมายของพวกเราไปด้วย
ก็คงจะเอาไปให้เจ้าของร้านดูนั่นแหละนะ
หลังจากนั้นก็มีพนักงานสาวที่เป็นทาส 2 คนเคาะประตูห้อง และค่อยๆเปิดประตูเข้ามาเพื่อเสริฟน้ำชาและของหวาน
คนหนึ่งเป็นเด็กสาวเผ่ามนุษย์สัตว์ที่มีหางฟูฟ่องเหมือนกระรอก
ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาวเผ่ามนุษย์ที่มีผมสีแดงเป็นประกาย
ขอบคุณครับ ว่าแต่เอาของจากในห้างมาขายงั้นเหรอ จะดีรึ เพราะถ้าพวกราชวงศ์หรือขุนนางที่มีความโลภแล้วอยากจะได้มาครอบครองทั้งหมด จะไม่เกิดสงครามงั้นเหรอ เพราะคนพวกนี้ถ้าอยากได้สิ่งใดแล้วมักจะมาทำสงครามที่ชื่อว่า "การแย่งชิง" ยังไงล่ะ
ตอบลบผมว่าฝ่ายราชวงศ์คงต้องคิดล่ะครับ ว่า ประเทศที่ผลิตของแบบนี้ได้ต้องมีเงินทุนสูง + กำลังทหารมาก ยิ่งถ้าเกิดทำสงครามกับประเทศนั้นแล้ว มีโอกาสที่อีกประเทศจะมาตลบหลังได้นะครับ ต่อให้ร่วมมือกันก็คงไม่คุ้มกับกำลังทหารที่เสีย น่ะครับ ดูจากทีมตัวเอกแล้ว แค่คนเดียวก็มีพลังเท่ากับจอมเวทย์ในตำนานละมั้งครับ
ลบแต่ถ้ามาทำสงครามจริงๆก็คงต้องโต้กลับเท่านั้น อย่างคำที่ว่า "คนที่ยิงได้หน่ะ คือคนที่เตรียมใจว่าจะถูกยิงกลับเท่านั้น"
ลบสักวันหนึ่งสงครามก็ต้องเกิดแหละครับเป็นเรื่องธรรมดา
ลบถึงแม้จะไม่ได้ขายของแต่แค่เรื่องราวหลุดไปก็เสี่ยงแล้วครับ
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ทัตสึยะและอากิโอะรู้
และเริ่มวางแผนการเตรียมเอาไว้แล้ว
อากิโอะเตรียมกำลังรบ
ทัตสึยะเตรียมการเงิน
เพราะงั้นทัตสึยะถึงพยายามซื้อใจตระกูลของเซลฟีน่า + ชาวเมืองให้เยอะไว้ก่อน
ส่วนพวกพ่อค้าย่อมเข้าข้างฝ่ายที่ตัวเองได้กำไร
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ครับ
ตอบลบจะได้ฮาเร็มเพิ่มแล้วสินะครับ
เอาของห้างมาขายจิงๆด้วยแต่ยังคิดจะเพิ่มฮาเร็มอีกเรอะ!!แค่นี้ผมก็จำชื่อตัวละครแทบไม่หมดแล้วครับ 5555555 ขอบคุณครับ
ตอบลบไม่ต้องซีเรียสครับ จำตัวละครหลักได้ก็พอแล้ว
ลบเรื่องนี้ตัวละครมันเยอะจริงๆครับ
ทันสึยะนี้ป๋าจริงวางแผนจะติดอุปกรณ์สื่อสารให้ทุกเมืองด้วยแบบนี้ก็เท่ากับประกาศตัวอย่างเป็นทางการสิแล้วความได้เปรียบในการส่งสารทางปาตี้กันก็จะหายไปการเป็นการดวลตัวๆละ
ตอบลบทัตสึยะไม่ได้คิดจะยึดครองโลกนะครับ คิดจะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นต่างหาก....
ลบแต่ใครที่คิดจะมาโจมตีก็ต้องสวนกลับเท่านั้นเอง