ตอนที่ 12 บุกยึดปราสาทเซเลสเชีย บทที่ 3



-- มุมมองของมายุ --               
                                                        
ช่วงกลางดึกของวันที่ 19 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837

มายุซามะ! ทัตสึยะซามะมีคำสั่งให้มายุซามะกับมิฮารุซามะไปพบที่ห้องนอนของราชินีอัลฟินในทันทีเลยค่ะ

หลังจากที่พวกเรายึดกำแพงปราสาทและประตูทิศเหนือได้สำเร็จ ยูลมิสซัง เมดสาวเผ่าเอล์ฟเข้ามามารายงานคำสั่งโดยตรงจากทัตสึยะซัง ยูลมิสซังนั้นเป็นเมดระดับเอมเมอรัลด์ที่มีความสามารถในการใช้เวทมนต์แห่งป่าและเวทรักษา เธอนั้นยังเป็นเมดส่วนตัวที่คอยช่วยดูแลชั้นเสมอมาอีกด้วย

ไม่ใช่แค่ชั้น แต่มิฮารุซังก็ด้วยงั้นหรือคะ? แล้วแบบนั้นใครจะเป็นคนบัญชาการที่นี่......

ชั้นหันไปมองมิฮารุซังที่กำลังใช้เวทรักษาช่วยรักษาให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยไม่เว้นว่าจะเป็นพวกเดียวกันหรือศัตรู ดังนั้นถ้าหากชั้นและมิฮารุซังไปจากที่นี่ล่ะก็ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องบัญชาการกองทหารเท่านั้น แต่การรักษาชีวิตเหล่าผู้บาดเจ็บเองก็คงจะลำบากไปด้วย

มีคำสั่งให้ท่านหัวหน้ากองอัศวินที่ 3 สเตล่า ออร์ มัลฟราวด์ มาเป็นคนบัญชาการที่นี่แทนแล้วล่ะค่ะ เพราะงั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะนะคะ

ยูลมิสซังตอบกลับมาด้วยท่าทางรีบร้อน ซึ่งถ้าหากสเตล่าซังจะมาคอยบัญชาการที่นี่แทนชั้นก็วางใจได้ เพราะเธอนั้นไม่ใช่แค่เพียงแค่การสู้รบ แต่การบัญชาการกองทหารเองก็มีความสามารถมากกว่าชั้น และลูกน้องของเธอเองก็มีหลายคนที่สามารถใช้เวทรักษาได้เป็นอย่างดี ดังนั้นชั้นจึงคิดว่าการตัดสินใจของทัตสึยะซังนั้นถูกต้องแล้ว

แต่ชั้นก็ยังคงรู้สึกกังวล เพราะโดยปกติแล้วทัตสึยะซังจะวางแผนล่วงหน้าเอาไว้อย่างรอบคอบ และยิ่งการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการในระหว่างการรบนั้นยิ่งไม่เคยมี เพราะมันจะทำให้สายการบังคับบัญชาเกิดความสับสนได้

แต่ถึงยังไงชั้นก็จะทำตามที่ทัตสึยะซังสั่ง เพราะไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่ชั้นก็ได้ให้สัญญาเอาไว้กับตัวเองแล้ว ชั้นจะขอติดตามทัตสึยะซังตลอดไป

เข้าใจแล้วค่ะ

ชั้นตอบรับและรีบวิ่งลงไปหามิฮารุซังที่ด้านล่างของกำแพงปราสาท เนื่องด้วยชุดเกราะที่แข็งแกร่งจึงทำให้จำนวนผู้บาดเจ็บฝ่ายเรานั้นมีไม่มากนัก แต่สำหรับฝ่ายศัตรูนั้นเรียกว่ามากมายมหาศาลจนไม่สามารถนับได้

มิฮารุซัง มีคำสั่งโดยตรงมาจากทัตสึยะซัง พวกเราต้องรีบไปพบกับทัตสึยะซังบนห้องของราชินีอัลฟินในทันที ส่วนทีนี่จะให้สเตล่าซังเป็นคนมาจัดการดูแลแทนนะคะ

เข้าใจแล้วค่ะ คงจะมีเรื่องสำคัญมากเลยสินะคะ

มิฮารุซังตอบรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามิฮารุซังจะใช้มานาไปมากกับการรักษาผู้บาดเจ็บในครั้งนี้

หลังจากสั่งการพวกลูกน้องเรียบร้อยแล้ว ชั้น มิฮารุซังและยูลมิสซังก็ขึ้นขี่หลังนกเกรูโด้และบินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของปราสาท เพื่อไปยังห้องของราชินีอัลฟิน และเมื่อพวกเราบินเข้าไปทางด้านระเบียง เราก็พบกับเหล่าบุตรสาวขุนนาง ราชวงองค์รักษ์และพวกเมดอีกจำนวนมาก

พวกเธอทุกคนดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่ถึงงั้นทุกคนก็ยังถูกควบคุมตัวเอาไว้ด้วยกุญแจมือเวท เพราะเหตุนั้นจึงทำให้พวกเธอทุกคนแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีนักออกมา

ทัตสึยะซัง มีเรื่องอะไรงั้นหรือคะ

ชั้นเดินเข้าไปหาทัตสึยะซังที่กำลังพูดคุยกับเหล่าเมดหลายคนบนโต๊ะประชุมอเนกประสงค์ด้วยสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียด

มายุจัง มิฮารุจัง ขอโทษที่เรียกพวกเธอมาทั้งๆที่กำลังยุ่งนะ

ไม่เป็นไรหรอกค่ะทัตสึยะซัง ว่าแต่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือคะ

ทัตสึยะซังขอโทษออกมา ส่วนมิฮารุซังตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ก็ไอ้เจ้าจักรพรรดิงี่เง่านั่นน่ะสิ มันดันเอาตัวเผ่าโลลิเทียไปซ่อนเอาไว้ในทางลับใต้ดิน เพราะงั้นพวกเราคงจะไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงก็คงต้องตามลงไปค้นหาเจ้านั่นในทางลับใต้ดิน แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะ เอริจังยังได้ข้อมูลมาอีกว่า ที่ข้างใต้นั่นอาจจะมีอาวุธเวททำลายล้างขนาดใหญ่อยู่อีก

ทัตสึยะซังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากข้อมูลที่ทัตสึยะซังได้มาจากราชินีอัลฟินนั้น ดูเหมือนว่าจักรพรรดิอเลคเต้จะชื่นชอบเหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาขโมยตัวพวกเธอไป เค้าจึงได้นำพวกเธอไปซ่อนเอาไว้ยังทางลับใต้ดิน

ส่วนอาวุธเวทขนาดใหญ่นั้นเป็นความลับสุดยอดของจักรวรรดิเลเรียสที่แม้แต่คนในราชวงศ์เองก็ยังไม่รู้ ทั้งๆแบบนั้นแต่หน่วยข่าวกรองของเอริจังกับสามารถไปหาข้อมูลมาได้ ฝีมือในด้านการขุดค้นข้อมูลของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ในโลกนี้ก็ว่าได้

โดยทั้งอาวุธเวทขนาดใหญ่และทางลับใต้ดินที่อยู่ใต้ปราสาทเซเลสเทียนั้นได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนด้วยฝีมือของอดีตผู้กล้าผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเลเรียส

จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรอง ตัวอาวุธเวทขนาดใหญ่นั้นดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นไพ่ตายในเวลาที่จักรวรรดิเลเรียสเข้าตาจนหรือกำลังจะล่มสลาย และจากข้อมูลก็มีบอกเอาไว้ด้วยว่ามันจะไม่รับคำสั่งของใครนอกจากทายาทผู้แท้จริงเพียงเท่านั้น

ส่วนทางลับใต้ดินนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องสายเลือดของราชวงศ์เลเรียส ภายในจะเต็มไปด้วยกลไกลและกับดักอันตรายมากมาย ทางเดินต่างๆเองก็จะมีการปรับเปลี่ยนไปในทุกๆวันจึงไม่สามารถทำแผนที่ได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีโกเลมสำหรับต่อสู้อีกจำนวนมากคอยคุ้มกันอยู่ทั่วบริเวณ

ดังนั้นหากไม่ใช่ผู้ถือครองอุปกรณ์เวทแผนที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับผู้สืบทอดราชวงศ์เลเรียสแล้วล่ะก็ การจะติดตามลงไปยังทางลับใต้ดินนั้นโดยปกติแล้วจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่หากมีสกิล Search ของมิฮารุซังและสกิล Anti-Trap ของชั้นล่ะก็ พวกเราก็น่าจะจัดการปัญหาปัญหาเหล่านั้นได้ และนั่นก็คงเป็นเหตุผลหลักที่ทัตสึยะซังเรียกให้พวกเราสองคนมาช่วย

ถึงมันจะเป็นเรื่องที่อันตราย แต่ผมก็ได้ให้สัญญากับโอลิเวียและเผ่าโลลิเทียเอาไว้แล้วว่าจะช่วยพาพวกเธอกลับมา ผมไม่อยากจะทอดทิ้งเผ่าโลลิเทียพวกนั้น มายุจัง มิฮารุจัง พวกเธอจะช่วยไปกับผมได้รึเปล่า

เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ มิฮารุซังเองก็ด้วยใช่มั๊ยคะ

ชั้นตอบกลับไปทันทีก่อนจะหันไปมองทางมิฮารุซัง

ชั้นเองก็ได้ให้สัญญากับเพื่อนๆในเผ่าโลลิเทียเอาไว้เหมือนกัน ดังนั้นถึงแม้มันจะอันตรายก็ตาม แต่ชั้นเองก็จะไปด้วยค่ะ

มิฮารุซังเองก็ตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พวกเราที่คอยเฝ้าติดตามแผ่นหลังของทัตสึยะซังมาตลอดนั้น ไม่มีทางที่จะเลือกคิดถึงแต่ตัวเอง แล้วละทิ้งเหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียที่เป็นพวกพ้องต่อสู้ร่วมกันมาอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ชั้นคิดและชั้นก็คิดว่ามิฮารุซังเองก็คงจะมีความคิดเดียวกัน

เอาล่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วก็ลงไปกันเถอะ

หลังจากที่พวกเมดและอัศวินทุกคนเตรียมอาวุธ กล้องส่องกลางคืน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว ราชินีอัลฟินก็ได้เปิดทางลับที่เชื่อมต่อไปยังทางลับใต้ดินให้กับพวกเราโดยไม่มีการลังเลใดๆ

ซึ่งหากดูจากท่าทางของเธอแล้ว ชั้นคิดว่าราชินีอัลฟินคงจะเชื่อใจทัตสึยะซังเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับตัวชั้น แต่ไอ้การที่สามารถทำให้สาวๆหันมาเชื่อใจได้ทั้งๆที่พึ่งจะพบกันไม่นานเนี่ย คงจะเรียกได้ว่าสมกับที่เป็นทัตสึยะซังแล้วสินะ....

สมาชิกที่จะลงไปในทางลับใต้ดินเพื่อช่วยเหลือเผ่าโลลิเทียในครั้งนี้ก็มี ตัวชั้น ทัตสึยะซัง มิฮารุซัง มาเรียจัง มัลต้าจัง เมดของชั้นยูลมิสซัง เมดจากเผ่าวิหคขาวเดลฟิเน่ซัง รองหัวหน้าจากกองอัศวินที่ 3 เมรินซัง และยังมีลูกน้องฝีมือดีของเธออีก 4 คน รวมทั้งหมดก็ 12 คน

ทางลับใต้ดินนี่มันใหญ่มากจริงๆเลยนะคะ

ชั้นเดินนำหน้าทุกคนลงไปตามบันใดวนโดยคอยมองดูหน้าจอแผนที่จากสกิล Search ของมิฮารุซังไปพร้อมกันด้วย ตำแหน่งของเผ่าโลลิเทียที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นมีทั้งหมดสามคน โดยทั้งสามคนนั้นถูกขังรวมกันอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดินกว่า 100 เมตร

นั่นสินะคะ.......แถมเส้นทางซับซ้อนขนาดนี้เนี่ย คงต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงแน่ๆกว่าจะฝ่าไปได้ถึงตรงนั้น....

เมื่อเดินลงบันใดมาจนสุด ตรงหน้าของพวกเราก็คือประตูขนาดใหญ่ที่มีการสลักลวดลายแปลกๆเอาไว้ และก่อนที่จะเปิดประตูชั้นก็ได้ทำการเปิดใช้สกิล Anti-Trap เอาไว้และหันไปหันทัตสึยะซังเพื่อรอการอนุมัติ

ฝากด้วยนะ มายุจัง

เข้าใจแล้วค่ะ เชื่อมือนู๋ได้เลย!!

หลังจากทัตสึยะตอบรับ ชั้นก็เปิดประตูและเดินนำหน้าเข้าไปด้านใน ให้คอยเดินนำหน้าทุกคนเพื่อทำลายกับดักทั้งหมดอย่างช้าๆและระมัดระวัง โดยกับดักส่วนใหญ่ที่ถูกติดตั้งเอาไว้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นแบบคลาสสิค

มีลูกธนูอาบยาพิษพุ่งออกบ้าง หลุมพรางที่มีหนามด้านล่างบ้าง ใบมีดที่โผล่มาจากซอกกำแพงบ้าง และบางครั้งก็ยังมีก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาตามทางเดิน แต่ด้วยสกิล Anti-Trap LV7 ชั้นจึงสามารถมองเห็นทั้งรูปแบบการทำงาน ทั้งสวิตซ์สั่งการทำงาน ทั้งตำแหน่งที่ติดตั้งเอาไว้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะปิดการทำงานหรือทำลายทิ้ง

ทัตสึยะซังที่อยู่ข้างๆชั้นกำค้อนในมือเอาไว้แน่นพร้อมทั้งคอยสอดส่องและระวังรอบข้างให้กับทุกคนอย่างเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา ชั้นรู้สึกได้เลยว่า ทัตสึยะซังในวันนี้ดูจริงจังและแตกต่างกับทุกวันเป็นอย่างมาก

ตามปกติแล้วไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ทัตสึยะซังก็มักที่จะมีสีหน้าสนุกสนานหรือมักคอยลวนลามชั้นอยู่บ่อยๆ แต่ในวันนี้ทัตสึยะซังไม่มีการลูบไล้หรือจับก้นชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้คงจะอันตรายเป็นอย่างมาก

ทึมมม!! ทึมมม!! ทึมมม!! ทึมมม!!

หลังจากเดินมาจนถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง พวกเราก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของพวกโกเลมผู้พิทักษ์ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ พวกมันเป็นโกเลมรูปแบบมนุษย์ที่มีขนาดตัวที่สูงใหญ่กว่า 4 เมตร ดูจากสีของพวกมันแล้วคาดว่าทุกตัวคงถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินผสมกับเหล็กกล้า

ปึงงง!!!

และคนที่ออกตัวโจมตีก่อนโดยไม่ถามสิ่งใดก็คือทัตสึยะซัง ทัตสึยะซังฟาดค้อนสีดำขนาดใหญ่ในมือเข้าใส่ขาข้างหนึ่งโกเลมตัวหน้าสุดอย่างเต็มกำลังจึงทำให้มันหัวทิ่มลงกับพื้น

ปึงงง!!!」「ตูมมมมม!!!」「ปึงงง!!!」「ปึงงง!!!」「ตูมมมมม!!!

แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทัตสึยะซังยังเข้าโจมตีโกเลมตัวอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างต่อเนื่องไร้ปราณี ตัวชั้นเองที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปสนับสนุน ชั้นตวัดหอกกวาดขาของพวกมันให้ล้มลงกับพื้น และก็ไม่ใช่เพียงแค่ชั้นเท่านั้น แต่ทั้งมาเรียจัง มัลต้าจัง และแนวหน้าทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปจัดการเหล่าโกเลมที่กระโดดออกมาจากด้านบนของกำแพงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนพวกแนวหลังอย่างมิอารุซังเองก็ไม่รอช้าและรีบนำน้ำยาเควาลีนซึ่งมีผลในการลบล้างวงเวทและหยุดการทำงานของของโกเลมออกมา พวกเธอรีบกระโดดขึ้นไปบนโกเลมทั้งหลายที่ล้มลง ใช้คีมเหล็กขนาดใหญ่ง้างเกราะส่วนหัวของพวกมันออกก่อนจะหยดน้ำยาลงไปบนวงเวทของพวกมัน

ด้วยการเตรียมการที่ลอบคอบรวมถึงการประสานงานที่ยอดเยี่ยมจึงทำให้พวกเราสามารถกำจัดโกเลมกว่า 20 ตัวได้ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

ผมไม่คิดว่าพวกมันจะมีกันแค่นี้ เพราะงั้นก็อย่าพึ่งประมาทกันล่ะ

รับทราบ!!

หลังจัดการพวกโกเลมเสร็จพวกเราก็พักกันเล็กน้อย จากนั้นก็ปรับรูปขบวนกลับเป็นแบบในตอนแรกและเริ่มเดินทางกันต่ออย่างระมัดระวัง

ยิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ พวกกับดักและโกเลมก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะพวกโกเลมนั้นมีหลายตัวที่มีการติดตั้งอาวุธทันสมัยอย่างดาบหรือปืนเลเซอร์อยู่ด้วย บางตัวก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทองคำเปล่งประกายระยิบระยับและยังมีการออกแบบให้ดูเท่แตกต่างจากโกเลมตัวอื่นๆ

เจ้าโกเลมสีทองตัวนี้ชั้นรู้สึกว่ามันเหมือนกับในอนิเมะหุ่นยนต์ชื่อดังเลยนะคะ คนสร้างจะต้องเป็นแฟนกันด้อมแน่ๆเลยค่ะ

มิฮารุซังยืนมองดูโกเลมสีทองที่พึ่งหยุดทำงานและพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสนใจก่อนจะเก็บซากของมันเข้าไปในกระเป๋าเวทมนต์ของเธอ

จะว่าไปแล้วมันก็....นั่นสินะคะ....ชั้นเองก็รู้สึกว่าเจ้าโกเลมรูปแบบมนุษย์พวกนี้มันดูคุ้นหน้าคุ้นตา....นี่ก็หมายความว่าผู้กล้าที่ก่อตั้งจักรวรรดิเลเรียสแห่งนี้อาจจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือแฟนอนิเมะญี่ปุ่นก็เป็นไปได้.....

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงยังจุดหมายซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ที่เหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียได้ถูกคุมขังเอาไว้ แต่ก่อนที่พวกเราจะเปิดประตูบานใหญ่ตรงหน้าเพื่อเข้าไปยังด้านในห้องนั้น สิ่งที่พวกเราได้พบนั้นกลับเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้คาดคิดเอาไว้

ศพของพวกราชองค์รักษ์.....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่......หรือว่า.....

ทัตสึยะซังพึมพำออกมาระหว่างตรวจดูศพของเหล่าราชองค์รักษ์จำนวนมากที่ถูกทิ้งเอาไว้เกลื่อนกลาดตามทางเดินที่จะเชื่อมต่อไปยังห้องอื่นๆ สภาพศพนั้นบ้างก็ถูกบดจนแหลกละเอียด บ้างก็กระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ บ้างก็ถูกเผาจนไหม้เกรียม บ้างก็ถูกแช่แข็ง

มิฮารุจัง!!  มายุจัง!!  ทุกคน!! เวทป้องกันเต็มกำลัง!!!!!

โกร๊ววววว!!!!! กร๊าววววว!!!!!

Wind Shield!!!!」「Fire Magic: Flame Shield!!!!」「Illusion Magic: Illusion Wall!!!!」「ข้าขอวิงวอนต่อจิตวิญญาณแห่งสายลมอันศักดิ์สิทธิ จงก่อเกิดกำแพงแห่งวายุที่แข็งแกร่ง จงปกป้องพวกพ้องของข้า Wind Magic: Tornado Barrier!!!

ด้วยเสียงตะโกนของทัตสึยะและเสียงคำรามของบางสิ่ง พวกเราทุกคนที่สามารถใช้เวทป้องกันได้ก็ร่ายเวทป้องกันออกมาครอบคลุมทุกคนเอาไว้พร้อมๆกัน

และในเวลาเดียวกันนั้น พวกเราก็ถูกโจมตีด้วยลมหายใจเพลิง ลมหายใจน้ำแข็ง และลมหายใจสายฟ้า ที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆกันจากปากทั้งสามปากของมังกรสามหัวที่มีสีส้มอมทองขนาดสูงใหญ่ ตัวมันที่โผล่ออกมาจากกำแพงลับด้านบนห้องของโถงแห่งนี้แม้แต่สกิล Search ของมิฮารุซังก็ไม่สามารถจับสัญญาณของมันได้....และชื่อของเจ้านี่คือ....Tiamat.....

ไม่สิ.....เจ้านี่น่ะมันไม่ใช่ Tiamat แต่มันน่าจะเป็นหนึ่งในโกเลมผู้พิทักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของมังกรสามหัว........เพราะงั้นจึงทำให้สกิล Search ของมิฮารุซังไม่สามารถที่จะจับสัญญาณชีวิตของมันได้.......

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร สิ่งที่เดียวพวกเราต้องทำก็คือการต่อสู้และเอาชนะมันให้ได้เพียงเท่านั้น......



-- Extra --

นี่พวกเราจำเป็นที่จะต้องปลุกอาวุธเวทโบราณของอดีตผู้กล้าขึ้นมาเพียงเพื่อฆ่าจักรพรรดิเอเลคเต้คนเดียวด้วยงั้นหรือคะ

เด็กสาวผู้มีผมสีเงินเป็นประกายงดงามกำลังถามใครคนหนึ่งด้วยท่าทางไม่ค่อยเข้าใจนัก

ไม่ต้องห่วงไปหรอก เจ้านี่น่ะมันไม่ได้มีพลังมากพอที่จะไปเอาชนะราชาของเผ่าปีศาจอย่างทัตสึยะซามะและเด็กสาวพวกนั้นได้หรอกค่ะ

เสียงอันไพเราะตอบเด็กสาวกลับมาก่อนที่จะเริ่มอธิบายว่าทำไมถึงจำเป็นที่จะต้องปลุกอาวุธโบราณที่อดีตผู้กล้าสร้างเอาไว้ขึ้นมาแบบนี้ด้วย

วัตถุดิบที่ใช้สร้างเจ้านั่นน่ะเป็นแร่ในตำนานไม่อาจจะไปขุดหาเพิ่มได้อีกแล้วในยุคสมัยนี้ และการจะไปแยกชิ้นส่วนเจ้านั่นเพื่อนำแร่มาใช้งานก็ไม่สามารถทำได้หากไม่ได้เอาชนะมันเสียก่อน ดังนั้นนี่จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับพวกเราที่สุดแล้ว

แร่นั่นคงจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างอาวุธของเทพธิดาทั้ง 6 สินะคะ

เด็กสาวผมสีเงินได้รับรู้ถึงแผนในการสร้างอาวุธของเทพธิดาทั้ง 6 ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการของพวกเธอเอาไว้อยู่แล้ว แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจำเป็นที่จะต้องใช้วัตถุดิบสำคัญอย่างแร่โบราณและสิ่งของอื่นๆที่หายากอีกมากมาย

ทุกคน ขอให้ปลอดภัยด้วยนะคะ......

เด็กสาวผมสีเงินภาวนาในใจ เธอคอยเฝ้ามองเพื่อนๆของเธอที่กำลังเข้าต่อสู้กับอาวุธเวทโบราณอยู่ไม่ห่างไกลนัก


4 ความคิดเห็น:

  1. ผมไม่อยู่ 2 อาทิตย์ เพราะงั้นตอนต่อไปคงอีกนานหน่อยนะครับ ฮา

    ตอบลบ
  2. รับทราบครับ ขอให้โชคดีในการเดินทางไปทำงานนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ด้วยนะครับ

    ตอบลบ