-- มุมมองของมายุ --
ช่วงกลางดึกของวันที่ 19 เดือน 8
ศักราชเอลติซปีที่ 837
「มายุซามะ! ทัตสึยะซามะมีคำสั่งให้มายุซามะกับมิฮารุซามะไปพบที่ห้องนอนของราชินีอัลฟินในทันทีเลยค่ะ」
หลังจากที่พวกเรายึดกำแพงปราสาทและประตูทิศเหนือได้สำเร็จ
ยูลมิสซัง เมดสาวเผ่าเอล์ฟเข้ามามารายงานคำสั่งโดยตรงจากทัตสึยะซัง
ยูลมิสซังนั้นเป็นเมดระดับเอมเมอรัลด์ที่มีความสามารถในการใช้เวทมนต์แห่งป่าและเวทรักษา
เธอนั้นยังเป็นเมดส่วนตัวที่คอยช่วยดูแลชั้นเสมอมาอีกด้วย
「ไม่ใช่แค่ชั้น
แต่มิฮารุซังก็ด้วยงั้นหรือคะ? แล้วแบบนั้นใครจะเป็นคนบัญชาการที่นี่......」
ชั้นหันไปมองมิฮารุซังที่กำลังใช้เวทรักษาช่วยรักษาให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
โดยไม่เว้นว่าจะเป็นพวกเดียวกันหรือศัตรู
ดังนั้นถ้าหากชั้นและมิฮารุซังไปจากที่นี่ล่ะก็
ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องบัญชาการกองทหารเท่านั้น
แต่การรักษาชีวิตเหล่าผู้บาดเจ็บเองก็คงจะลำบากไปด้วย
「มีคำสั่งให้ท่านหัวหน้ากองอัศวินที่ 3
สเตล่า ออร์ มัลฟราวด์ มาเป็นคนบัญชาการที่นี่แทนแล้วล่ะค่ะ
เพราะงั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะนะคะ」
ยูลมิสซังตอบกลับมาด้วยท่าทางรีบร้อน
ซึ่งถ้าหากสเตล่าซังจะมาคอยบัญชาการที่นี่แทนชั้นก็วางใจได้
เพราะเธอนั้นไม่ใช่แค่เพียงแค่การสู้รบ
แต่การบัญชาการกองทหารเองก็มีความสามารถมากกว่าชั้น และลูกน้องของเธอเองก็มีหลายคนที่สามารถใช้เวทรักษาได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นชั้นจึงคิดว่าการตัดสินใจของทัตสึยะซังนั้นถูกต้องแล้ว
แต่ชั้นก็ยังคงรู้สึกกังวล
เพราะโดยปกติแล้วทัตสึยะซังจะวางแผนล่วงหน้าเอาไว้อย่างรอบคอบ
และยิ่งการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการในระหว่างการรบนั้นยิ่งไม่เคยมี
เพราะมันจะทำให้สายการบังคับบัญชาเกิดความสับสนได้
แต่ถึงยังไงชั้นก็จะทำตามที่ทัตสึยะซังสั่ง
เพราะไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่ชั้นก็ได้ให้สัญญาเอาไว้กับตัวเองแล้ว
ชั้นจะขอติดตามทัตสึยะซังตลอดไป
「เข้าใจแล้วค่ะ」
ชั้นตอบรับและรีบวิ่งลงไปหามิฮารุซังที่ด้านล่างของกำแพงปราสาท
เนื่องด้วยชุดเกราะที่แข็งแกร่งจึงทำให้จำนวนผู้บาดเจ็บฝ่ายเรานั้นมีไม่มากนัก
แต่สำหรับฝ่ายศัตรูนั้นเรียกว่ามากมายมหาศาลจนไม่สามารถนับได้
「มิฮารุซัง
มีคำสั่งโดยตรงมาจากทัตสึยะซัง พวกเราต้องรีบไปพบกับทัตสึยะซังบนห้องของราชินีอัลฟินในทันที
ส่วนทีนี่จะให้สเตล่าซังเป็นคนมาจัดการดูแลแทนนะคะ」
「เข้าใจแล้วค่ะ
คงจะมีเรื่องสำคัญมากเลยสินะคะ」
มิฮารุซังตอบรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเล็กน้อย
ดูเหมือนว่ามิฮารุซังจะใช้มานาไปมากกับการรักษาผู้บาดเจ็บในครั้งนี้
หลังจากสั่งการพวกลูกน้องเรียบร้อยแล้ว
ชั้น
มิฮารุซังและยูลมิสซังก็ขึ้นขี่หลังนกเกรูโด้และบินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของปราสาท
เพื่อไปยังห้องของราชินีอัลฟิน และเมื่อพวกเราบินเข้าไปทางด้านระเบียง
เราก็พบกับเหล่าบุตรสาวขุนนาง ราชวงองค์รักษ์และพวกเมดอีกจำนวนมาก
พวกเธอทุกคนดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บมากนัก
แต่ถึงงั้นทุกคนก็ยังถูกควบคุมตัวเอาไว้ด้วยกุญแจมือเวท
เพราะเหตุนั้นจึงทำให้พวกเธอทุกคนแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีนักออกมา
「ทัตสึยะซัง มีเรื่องอะไรงั้นหรือคะ」
ชั้นเดินเข้าไปหาทัตสึยะซังที่กำลังพูดคุยกับเหล่าเมดหลายคนบนโต๊ะประชุมอเนกประสงค์ด้วยสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียด
「มายุจัง มิฮารุจัง
ขอโทษที่เรียกพวกเธอมาทั้งๆที่กำลังยุ่งนะ」
「ไม่เป็นไรหรอกค่ะทัตสึยะซัง
ว่าแต่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือคะ」
ทัตสึยะซังขอโทษออกมา
ส่วนมิฮารุซังตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
「ก็ไอ้เจ้าจักรพรรดิงี่เง่านั่นน่ะสิ
มันดันเอาตัวเผ่าโลลิเทียไปซ่อนเอาไว้ในทางลับใต้ดิน
เพราะงั้นพวกเราคงจะไม่มีทางเลือกอื่น
ยังไงก็คงต้องตามลงไปค้นหาเจ้านั่นในทางลับใต้ดิน แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะ
เอริจังยังได้ข้อมูลมาอีกว่า
ที่ข้างใต้นั่นอาจจะมีอาวุธเวททำลายล้างขนาดใหญ่อยู่อีก」
ทัตสึยะซังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จากข้อมูลที่ทัตสึยะซังได้มาจากราชินีอัลฟินนั้น
ดูเหมือนว่าจักรพรรดิอเลคเต้จะชื่นชอบเหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาขโมยตัวพวกเธอไป
เค้าจึงได้นำพวกเธอไปซ่อนเอาไว้ยังทางลับใต้ดิน
ส่วนอาวุธเวทขนาดใหญ่นั้นเป็นความลับสุดยอดของจักรวรรดิเลเรียสที่แม้แต่คนในราชวงศ์เองก็ยังไม่รู้
ทั้งๆแบบนั้นแต่หน่วยข่าวกรองของเอริจังกับสามารถไปหาข้อมูลมาได้
ฝีมือในด้านการขุดค้นข้อมูลของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ในโลกนี้ก็ว่าได้
โดยทั้งอาวุธเวทขนาดใหญ่และทางลับใต้ดินที่อยู่ใต้ปราสาทเซเลสเทียนั้นได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนด้วยฝีมือของอดีตผู้กล้าผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเลเรียส
จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรอง
ตัวอาวุธเวทขนาดใหญ่นั้นดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นไพ่ตายในเวลาที่จักรวรรดิเลเรียสเข้าตาจนหรือกำลังจะล่มสลาย
และจากข้อมูลก็มีบอกเอาไว้ด้วยว่ามันจะไม่รับคำสั่งของใครนอกจากทายาทผู้แท้จริงเพียงเท่านั้น
ส่วนทางลับใต้ดินนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องสายเลือดของราชวงศ์เลเรียส
ภายในจะเต็มไปด้วยกลไกลและกับดักอันตรายมากมาย
ทางเดินต่างๆเองก็จะมีการปรับเปลี่ยนไปในทุกๆวันจึงไม่สามารถทำแผนที่ได้
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีโกเลมสำหรับต่อสู้อีกจำนวนมากคอยคุ้มกันอยู่ทั่วบริเวณ
ดังนั้นหากไม่ใช่ผู้ถือครองอุปกรณ์เวทแผนที่
ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับผู้สืบทอดราชวงศ์เลเรียสแล้วล่ะก็
การจะติดตามลงไปยังทางลับใต้ดินนั้นโดยปกติแล้วจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่หากมีสกิล Search ของมิฮารุซังและสกิล
Anti-Trap ของชั้นล่ะก็
พวกเราก็น่าจะจัดการปัญหาปัญหาเหล่านั้นได้
และนั่นก็คงเป็นเหตุผลหลักที่ทัตสึยะซังเรียกให้พวกเราสองคนมาช่วย
「ถึงมันจะเป็นเรื่องที่อันตราย
แต่ผมก็ได้ให้สัญญากับโอลิเวียและเผ่าโลลิเทียเอาไว้แล้วว่าจะช่วยพาพวกเธอกลับมา
ผมไม่อยากจะทอดทิ้งเผ่าโลลิเทียพวกนั้น มายุจัง มิฮารุจัง
พวกเธอจะช่วยไปกับผมได้รึเปล่า」
「เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ
มิฮารุซังเองก็ด้วยใช่มั๊ยคะ」
ชั้นตอบกลับไปทันทีก่อนจะหันไปมองทางมิฮารุซัง
「ชั้นเองก็ได้ให้สัญญากับเพื่อนๆในเผ่าโลลิเทียเอาไว้เหมือนกัน
ดังนั้นถึงแม้มันจะอันตรายก็ตาม แต่ชั้นเองก็จะไปด้วยค่ะ」
มิฮารุซังเองก็ตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พวกเราที่คอยเฝ้าติดตามแผ่นหลังของทัตสึยะซังมาตลอดนั้น
ไม่มีทางที่จะเลือกคิดถึงแต่ตัวเอง
แล้วละทิ้งเหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียที่เป็นพวกพ้องต่อสู้ร่วมกันมาอยู่แล้ว
ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ชั้นคิดและชั้นก็คิดว่ามิฮารุซังเองก็คงจะมีความคิดเดียวกัน
「เอาล่ะ
ถ้าทุกคนพร้อมแล้วก็ลงไปกันเถอะ」
หลังจากที่พวกเมดและอัศวินทุกคนเตรียมอาวุธ
กล้องส่องกลางคืน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว
ราชินีอัลฟินก็ได้เปิดทางลับที่เชื่อมต่อไปยังทางลับใต้ดินให้กับพวกเราโดยไม่มีการลังเลใดๆ
ซึ่งหากดูจากท่าทางของเธอแล้ว
ชั้นคิดว่าราชินีอัลฟินคงจะเชื่อใจทัตสึยะซังเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับตัวชั้น
แต่ไอ้การที่สามารถทำให้สาวๆหันมาเชื่อใจได้ทั้งๆที่พึ่งจะพบกันไม่นานเนี่ย
คงจะเรียกได้ว่าสมกับที่เป็นทัตสึยะซังแล้วสินะ....
สมาชิกที่จะลงไปในทางลับใต้ดินเพื่อช่วยเหลือเผ่าโลลิเทียในครั้งนี้ก็มี
ตัวชั้น ทัตสึยะซัง มิฮารุซัง มาเรียจัง มัลต้าจัง เมดของชั้นยูลมิสซัง
เมดจากเผ่าวิหคขาวเดลฟิเน่ซัง รองหัวหน้าจากกองอัศวินที่ 3 เมรินซัง
และยังมีลูกน้องฝีมือดีของเธออีก 4 คน รวมทั้งหมดก็ 12 คน
「ทางลับใต้ดินนี่มันใหญ่มากจริงๆเลยนะคะ」
ชั้นเดินนำหน้าทุกคนลงไปตามบันใดวนโดยคอยมองดูหน้าจอแผนที่จากสกิล
Search ของมิฮารุซังไปพร้อมกันด้วย
ตำแหน่งของเผ่าโลลิเทียที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นมีทั้งหมดสามคน โดยทั้งสามคนนั้นถูกขังรวมกันอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดินกว่า
100 เมตร
「นั่นสินะคะ.......แถมเส้นทางซับซ้อนขนาดนี้เนี่ย
คงต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงแน่ๆกว่าจะฝ่าไปได้ถึงตรงนั้น....」
เมื่อเดินลงบันใดมาจนสุด
ตรงหน้าของพวกเราก็คือประตูขนาดใหญ่ที่มีการสลักลวดลายแปลกๆเอาไว้
และก่อนที่จะเปิดประตูชั้นก็ได้ทำการเปิดใช้สกิล Anti-Trap
เอาไว้และหันไปหันทัตสึยะซังเพื่อรอการอนุมัติ
「ฝากด้วยนะ มายุจัง」
「เข้าใจแล้วค่ะ เชื่อมือนู๋ได้เลย!!」
หลังจากทัตสึยะตอบรับ
ชั้นก็เปิดประตูและเดินนำหน้าเข้าไปด้านใน
ให้คอยเดินนำหน้าทุกคนเพื่อทำลายกับดักทั้งหมดอย่างช้าๆและระมัดระวัง
โดยกับดักส่วนใหญ่ที่ถูกติดตั้งเอาไว้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นแบบคลาสสิค
มีลูกธนูอาบยาพิษพุ่งออกบ้าง
หลุมพรางที่มีหนามด้านล่างบ้าง ใบมีดที่โผล่มาจากซอกกำแพงบ้าง
และบางครั้งก็ยังมีก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาตามทางเดิน แต่ด้วยสกิล Anti-Trap LV7 ชั้นจึงสามารถมองเห็นทั้งรูปแบบการทำงาน
ทั้งสวิตซ์สั่งการทำงาน ทั้งตำแหน่งที่ติดตั้งเอาไว้
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะปิดการทำงานหรือทำลายทิ้ง
ทัตสึยะซังที่อยู่ข้างๆชั้นกำค้อนในมือเอาไว้แน่นพร้อมทั้งคอยสอดส่องและระวังรอบข้างให้กับทุกคนอย่างเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา
ชั้นรู้สึกได้เลยว่า ทัตสึยะซังในวันนี้ดูจริงจังและแตกต่างกับทุกวันเป็นอย่างมาก
ตามปกติแล้วไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
ทัตสึยะซังก็มักที่จะมีสีหน้าสนุกสนานหรือมักคอยลวนลามชั้นอยู่บ่อยๆ
แต่ในวันนี้ทัตสึยะซังไม่มีการลูบไล้หรือจับก้นชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้คงจะอันตรายเป็นอย่างมาก
「ทึมมม!!
ทึมมม!! ทึมมม!! ทึมมม!!」
หลังจากเดินมาจนถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง
พวกเราก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของพวกโกเลมผู้พิทักษ์ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
พวกมันเป็นโกเลมรูปแบบมนุษย์ที่มีขนาดตัวที่สูงใหญ่กว่า 4 เมตร
ดูจากสีของพวกมันแล้วคาดว่าทุกตัวคงถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินผสมกับเหล็กกล้า
「ปึงงง!!!」
และคนที่ออกตัวโจมตีก่อนโดยไม่ถามสิ่งใดก็คือทัตสึยะซัง
ทัตสึยะซังฟาดค้อนสีดำขนาดใหญ่ในมือเข้าใส่ขาข้างหนึ่งโกเลมตัวหน้าสุดอย่างเต็มกำลังจึงทำให้มันหัวทิ่มลงกับพื้น
「ปึงงง!!!」「ตูมมมมม!!!」「ปึงงง!!!」「ปึงงง!!!」「ตูมมมมม!!!」
แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทัตสึยะซังยังเข้าโจมตีโกเลมตัวอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างต่อเนื่องไร้ปราณี
ตัวชั้นเองที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปสนับสนุน
ชั้นตวัดหอกกวาดขาของพวกมันให้ล้มลงกับพื้น และก็ไม่ใช่เพียงแค่ชั้นเท่านั้น
แต่ทั้งมาเรียจัง มัลต้าจัง และแนวหน้าทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปจัดการเหล่าโกเลมที่กระโดดออกมาจากด้านบนของกำแพงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนพวกแนวหลังอย่างมิอารุซังเองก็ไม่รอช้าและรีบนำ『น้ำยาเควาลีน』ซึ่งมีผลในการลบล้างวงเวทและหยุดการทำงานของของโกเลมออกมา
พวกเธอรีบกระโดดขึ้นไปบนโกเลมทั้งหลายที่ล้มลง
ใช้คีมเหล็กขนาดใหญ่ง้างเกราะส่วนหัวของพวกมันออกก่อนจะหยดน้ำยาลงไปบนวงเวทของพวกมัน
ด้วยการเตรียมการที่ลอบคอบรวมถึงการประสานงานที่ยอดเยี่ยมจึงทำให้พวกเราสามารถกำจัดโกเลมกว่า
20
ตัวได้ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
「ผมไม่คิดว่าพวกมันจะมีกันแค่นี้
เพราะงั้นก็อย่าพึ่งประมาทกันล่ะ」
「รับทราบ!!」
หลังจัดการพวกโกเลมเสร็จพวกเราก็พักกันเล็กน้อย
จากนั้นก็ปรับรูปขบวนกลับเป็นแบบในตอนแรกและเริ่มเดินทางกันต่ออย่างระมัดระวัง
ยิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่
พวกกับดักและโกเลมก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้น
โดยเฉพาะพวกโกเลมนั้นมีหลายตัวที่มีการติดตั้งอาวุธทันสมัยอย่างดาบหรือปืนเลเซอร์อยู่ด้วย
บางตัวก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทองคำเปล่งประกายระยิบระยับและยังมีการออกแบบให้ดูเท่แตกต่างจากโกเลมตัวอื่นๆ
「เจ้าโกเลมสีทองตัวนี้ชั้นรู้สึกว่ามันเหมือนกับในอนิเมะหุ่นยนต์ชื่อดังเลยนะคะ
คนสร้างจะต้องเป็นแฟนกันด้อมแน่ๆเลยค่ะ」
มิฮารุซังยืนมองดูโกเลมสีทองที่พึ่งหยุดทำงานและพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสนใจก่อนจะเก็บซากของมันเข้าไปในกระเป๋าเวทมนต์ของเธอ
จะว่าไปแล้วมันก็....นั่นสินะคะ....ชั้นเองก็รู้สึกว่าเจ้าโกเลมรูปแบบมนุษย์พวกนี้มันดูคุ้นหน้าคุ้นตา....นี่ก็หมายความว่าผู้กล้าที่ก่อตั้งจักรวรรดิเลเรียสแห่งนี้อาจจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือแฟนอนิเมะญี่ปุ่นก็เป็นไปได้.....
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงยังจุดหมายซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ที่เหล่าเด็กสาวเผ่าโลลิเทียได้ถูกคุมขังเอาไว้
แต่ก่อนที่พวกเราจะเปิดประตูบานใหญ่ตรงหน้าเพื่อเข้าไปยังด้านในห้องนั้น
สิ่งที่พวกเราได้พบนั้นกลับเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้คาดคิดเอาไว้
「ศพของพวกราชองค์รักษ์.....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่......หรือว่า.....」
ทัตสึยะซังพึมพำออกมาระหว่างตรวจดูศพของเหล่าราชองค์รักษ์จำนวนมากที่ถูกทิ้งเอาไว้เกลื่อนกลาดตามทางเดินที่จะเชื่อมต่อไปยังห้องอื่นๆ
สภาพศพนั้นบ้างก็ถูกบดจนแหลกละเอียด บ้างก็กระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ
บ้างก็ถูกเผาจนไหม้เกรียม บ้างก็ถูกแช่แข็ง
「มิฮารุจัง!! มายุจัง!! ทุกคน!!
เวทป้องกันเต็มกำลัง!!!!!」
「โกร๊ววววว!!!!! กร๊าววววว!!!!!」
「Wind Shield!!!!」「Fire Magic: Flame Shield!!!!」「Illusion
Magic: Illusion Wall!!!!」「ข้าขอวิงวอนต่อจิตวิญญาณแห่งสายลมอันศักดิ์สิทธิ
จงก่อเกิดกำแพงแห่งวายุที่แข็งแกร่ง จงปกป้องพวกพ้องของข้า Wind Magic: Tornado Barrier!!!」
ด้วยเสียงตะโกนของทัตสึยะและเสียงคำรามของบางสิ่ง
พวกเราทุกคนที่สามารถใช้เวทป้องกันได้ก็ร่ายเวทป้องกันออกมาครอบคลุมทุกคนเอาไว้พร้อมๆกัน
และในเวลาเดียวกันนั้น
พวกเราก็ถูกโจมตีด้วยลมหายใจเพลิง ลมหายใจน้ำแข็ง และลมหายใจสายฟ้า
ที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆกันจากปากทั้งสามปากของมังกรสามหัวที่มีสีส้มอมทองขนาดสูงใหญ่
ตัวมันที่โผล่ออกมาจากกำแพงลับด้านบนห้องของโถงแห่งนี้แม้แต่สกิล Search ของมิฮารุซังก็ไม่สามารถจับสัญญาณของมันได้....และชื่อของเจ้านี่คือ....Tiamat.....
ไม่สิ.....เจ้านี่น่ะมันไม่ใช่ Tiamat
แต่มันน่าจะเป็นหนึ่งในโกเลมผู้พิทักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของมังกรสามหัว........เพราะงั้นจึงทำให้สกิล
Search ของมิฮารุซังไม่สามารถที่จะจับสัญญาณชีวิตของมันได้.......
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร
สิ่งที่เดียวพวกเราต้องทำก็คือการต่อสู้และเอาชนะมันให้ได้เพียงเท่านั้น......
-- Extra
--
「นี่พวกเราจำเป็นที่จะต้องปลุกอาวุธเวทโบราณของอดีตผู้กล้าขึ้นมาเพียงเพื่อฆ่าจักรพรรดิเอเลคเต้คนเดียวด้วยงั้นหรือคะ」
เด็กสาวผู้มีผมสีเงินเป็นประกายงดงามกำลังถามใครคนหนึ่งด้วยท่าทางไม่ค่อยเข้าใจนัก
「ไม่ต้องห่วงไปหรอก
เจ้านี่น่ะมันไม่ได้มีพลังมากพอที่จะไปเอาชนะราชาของเผ่าปีศาจอย่างทัตสึยะซามะและเด็กสาวพวกนั้นได้หรอกค่ะ」
เสียงอันไพเราะตอบเด็กสาวกลับมาก่อนที่จะเริ่มอธิบายว่าทำไมถึงจำเป็นที่จะต้องปลุกอาวุธโบราณที่อดีตผู้กล้าสร้างเอาไว้ขึ้นมาแบบนี้ด้วย
「วัตถุดิบที่ใช้สร้างเจ้านั่นน่ะเป็นแร่ในตำนานไม่อาจจะไปขุดหาเพิ่มได้อีกแล้วในยุคสมัยนี้
และการจะไปแยกชิ้นส่วนเจ้านั่นเพื่อนำแร่มาใช้งานก็ไม่สามารถทำได้หากไม่ได้เอาชนะมันเสียก่อน
ดังนั้นนี่จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับพวกเราที่สุดแล้ว」
「แร่นั่นคงจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างอาวุธของเทพธิดาทั้ง
6 สินะคะ」
เด็กสาวผมสีเงินได้รับรู้ถึงแผนในการสร้างอาวุธของเทพธิดาทั้ง
6 ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการของพวกเธอเอาไว้อยู่แล้ว
แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจำเป็นที่จะต้องใช้วัตถุดิบสำคัญอย่างแร่โบราณและสิ่งของอื่นๆที่หายากอีกมากมาย
「ทุกคน ขอให้ปลอดภัยด้วยนะคะ......」
เด็กสาวผมสีเงินภาวนาในใจ เธอคอยเฝ้ามองเพื่อนๆของเธอที่กำลังเข้าต่อสู้กับอาวุธเวทโบราณอยู่ไม่ห่างไกลนัก
ผมไม่อยู่ 2 อาทิตย์ เพราะงั้นตอนต่อไปคงอีกนานหน่อยนะครับ ฮา
ตอบลบรับทราบครับ ขอให้โชคดีในการเดินทางไปทำงานนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ด้วยนะครับ
ตอบลบขอบคุณที่ติดตามนะครับ -0-//
ลบรอรอรอ
ตอบลบ