-- มุมมองของทัตสึยะ --
ต่อหน้าโกเลมมังกรสามหัวสีส้มเงินขนาดยักษ์ที่มีความสูงใหญ่มากกว่า
10 เมตร ทั้งตัวผม มาเรียจัง มัลต้าจังและมายุจัง ได้พุ่งเข้าโจมตีใส่มันโดยไม่ลังเล
「เกร๊งงงงง!!!」
เสียงกระทบของค้อนมิธริลในมือผมที่ฟาดเข้าใส่บริเวณข้อต่อบริเวณเท้าของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์ดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
แต่ทั้งๆที่ฟาดไปอย่างสุดแรงเจ้าโกเลมมังกรยักษ์กลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
กลับกันตัวผมกลับถูกแรงสะท้อนที่รุนแรงสวนกลับมาจนทำให้ชาไปทั้งตัว
「ไอ้เจ้านี่มันแข็งมากเลยนะเนี่ย ขนาดบริเวณข้อต่อเองก็ยังไม่มีท่าว่าจะสะเทือนเลย」
มาเรียจังที่เปลี่ยนอาวุธมายาให้เป็นลูกตุ้มขนาดยักษ์แล้วเหวี่ยงเข้าโจมตีบริเวณส่วนหางของมันเองก็ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ได้มากนักเช่นเดียวกัน
「เจ้านี่มันยังแรงเยอะมากด้วยนะคะนายท่าน
แค่พยายามจะหยุดการเคลื่อนไหวของมันยังทำไมได้เลยค่ะ」
มาเรียจังพูดออกมาในขณะที่กระโดดกลับหลังเพื่อหลบการโจมตีจากหางของโกเลมมังกรยักษ์และยังสวนกลับไปด้วยการเหวี่ยงลูกตุ้มเหล็กเข้าใส่
หากเป็นพวกมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ทั่วไปล่ะก็ มันคงจะถูกเธอตรึงการเคลื่อนไหวด้วยโซ่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่กับเจ้าโกเลมมังกรยักษ์นี่มันกลับสามารถที่จะสลัดการผูกมัดของโซ่มายาได้อย่างสมบูรณ์
「นั่นสินะคะ ทั้งแรงเยอะทั้งทนทานและยังจะตัวใหญ่อีก
ขนาดดาบเวทมนต์ที่ตัดเหล็กได้ราวกับเนยเองก็ยังฟันมันไม่เข้าเลยล่ะค่ะ」
มัลต้าที่ใช้ดาบเวทมนต์คู่คอยช่วยปกป้องและช่วยการโจมตีสนับสนุนให้กับมาเรียจังเองก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เช่นเดียวกัน
「เจ้านี่มันแข็งแกร่งมากจริงๆค่ะ
แม้แต่หอกเสริมพลังสายฟ้า LV9 หรือเวทมนต์ของนู๋เองก็ยังสร้างรอยขีดข่วนไม่ได้เลยเหมือนกันค่ะ」
มายุจังพูดออกมาด้วยท่าทางกังวล
ตัวเธอที่รับหน้าที่หลอกล่อโกเลมมังกรยักษ์จากทางด้านหน้านั้นสามารถป้องกันและหลบการโจมตีทั้ง
3 หัวของมันได้อย่างง่ายดาย
แต่ถึงงั้นก็ยังไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายให้กับมันได้เลย
「กระสุนเจาะเกราะจาก Beater เองก็ยิงไม่เข้าซะด้วยสิ....!!!」
「โกร๊ววววว!!!!!!」
ผมเหวี่ยงค้อนเพื่อสกัดการโจมตีจากกระสุนหนามแหลมที่พุ่งออกมาจากร่างกายของมัน
ก่อนจะกระโดดหลบการโจมตีจากกรงเล็บที่ฟาดใส่ผมไปพร้อมกัน และในจังหวะนั้นเองผมก็ได้หันไปมองบริเวณเพดานที่อยู่ด้านบน
เดลฟีเน่จากเผ่าวิหคขาวสยายปีกสีขาวแสนงดงามของเธอออกและโบยบินไปรอบๆห้อง
เธอพยายามโจมตีด้วยกระสุนเจาะเกราะของ BeaterAP700
จากมุมสูงหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าเธอจะยิงไปบริเวณไหน
ลูกกระสุนเจาะเกราะก็ไม่สามารถที่จะเจาะทะลวงผ่านผิวโลหะสีส้มเงินของมันได้เลย
พวกคนจากกองอัศวินที่ 3
ที่คอยยิงสนับสนุนพวกเราจากทางด้านหลังเองก็แทบจะเรียกได้ว่าไร้ความหมายไปเลยเช่นเดียวกัน
「ทัตสึยะซามะ!!! มายุซามะ!!! ทุกคนรีบถอยออกมาเร็วค่ะ!!!」
และในตอนนั้นเอง เมดสาวเผ่าเอล์ฟที่เตรียมการอยู่ด้านหลังก็ตะโกนให้สัญญาณกับพวกเรา
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เวทมนต์ขนาดใหญ่ได้ร่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
「จงจอบรับคำวิงวอนและทำลายเหล่าศัตรูของข้า
ราชันแห่งวิหคเพลิงผู้แผดเผาโลกา Fire Magic: Hell Phoenix!! 」
เมื่อคำร่ายของมิฮารุจังสิ้นสุดลง
นกฟินิกซ์สีแดงดำที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้มขนาดพอๆกับเจ้าโกเลมมังกรยักษ์ก็ปรากฏขึ้น
Hell Phoenix
เวทไฟระดับ 9 นั้นเป็นเวทมนต์ที่รุนแรงที่สุดของมิฮารุจัง
เนื่องจากจำเป็นต้องมีการร่ายเวทมนต์ที่ยาวนาน ดังนั้นพวกผมที่เป็นแนวหน้าจึงจำเป็นที่จะต้องคอยถ่วงเวลาเอาไว้ให้
「กร๊าววววว!!!!!!」
Hell Phoenix กรีดร้องและพุ่งเข้าใส่เหยื่อของมันด้วยแววตาที่คมกริบ
「ซูมมมมมมมม!!!!!!」
เสียงของเปลวไฟที่แผดเผาดังก้องไปทั่ว
เจ้าโกเลมมังกรยักษ์ถูกห่อหุ้นไปด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มไปทั่วทั้งตัว จากความร้อนที่ละลายได้แม้กระทั่งภูเขาหินนั้นทำเอาอุณหภูมิหายในห้องตอนนี้สูงขึ้นจนผมและคนอื่นๆที่ใส่ชุดป้องกันอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลาถึงกับมีเหงื่อไหลรินลงพื้น
「โดนเวทไฟระดับ 9 เข้าไปจังๆแบบนี้ ถึงแม้จะไม่ตายแต่ก็คงจะต้องสร้างความเสียหายได้เยอะแน่ๆเลยนะคะ」
มายุจังที่กำลังร่ายเวท Wind Shield เพื่อช่วยป้องกันเปลวเพลิงให้กับผมจากด้านหน้าพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
ไม่บ่อยนักที่พวกเราจะได้เห็นการใช้เวทมนต์ระดับสูงแบบนี้ เพราะงั้นแม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกชื่นชมกับความสวยงามและพลังทำลายอันเหลือล้นของเวทไฟระดับ
9 อย่าง Hell Phoenix เช่นเดียวกัน
แต่แล้วสิ่งพวกเราไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็เกิดขึ้น.....
「โกหกน่า!! นะ นะ นั่นเวทไฟระดับ 9 เลยนะ!!!」
มัลต้าเป็นคนแรกที่พูดออกมาด้วยสีหน้าหวาดวิตก
หลังจากนั้นพวกอัศวินและคนอื่นๆที่อยู่แนวหลังก็เริ่มที่จะแสดงอาการสิ้นหวังออกมา
ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพราะเจ้าโกเลมมังกรสามหัวขนาดยักษ์ตัวนี้มันไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว
「ถึงจะยังไม่แน่ใจนักเพราะเคยเห็นแต่ในบันทึกเก่าๆก็เถอะ
แต่ชั้นคิดว่าเจ้านี่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยโลหะในตำนาน『โอริฮารูก้อน Oriharukon』แน่ๆเลยล่ะค่ะ」
มิฮารุจังที่อยู่ด้านหลังของผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
นั่นสินะ
หากดูจากสีและความสามารถในการป้องกันทั้งอาวุธและเวทมนต์อย่างสมบูรณ์แบบแล้วล่ะก็
มันคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยแร่ในตำนานอย่างโอริฮารูก้อน
เจ้าโกเลมมังกรยักษ์
ค่อยๆก้าวเท้าออกมาจากเปลวเพลิงร้อนระอุที่กำลังค่อยๆดับลงอย่างช้าๆ จากนั้นมันก็หันมาทางพวกเราและส่งเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่นดังก้องไปทั่วบริเวณ
「โกร๊วววววร๊าวววววว!!!!!!」
จากเสียงคำรามที่ดังก้องของมันทำให้สาวๆหลายๆคนถึงกับทรุดลงไปเพราะความกดดันอย่างรุนแรงที่ได้รับเข้าไป
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่สามารถอดทนเอาไว้ได้ แน่นอนว่าตัวผมเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

「อุฟุฟุ ไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว
ดูเหมือนเจ้าจิ้งเหลนสามหัวนี่จะควรค่าให้เอาจริงนะคะ」
「นั่นสินะคะมายุซามะ การที่มาเสียมารยาทไม่ยอมก้มหัวให้กับนายท่านแบบนี้
เห็นทีชั้นคงจะต้องอบรมให้สักหน่อยแล้วล่ะค่ะ」
มายุจังและมาเรียจังที่รู้ว่าเจ้าโกเลมมังกรยักษ์กำลังรวบรวมมานาเพื่อที่จะพ่นลมหายใจเวทออกมานั้น
พวกเธอก็ตัดสินใจพุ่งเข้าไปโจมตีเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของมันในทันที
มายุจังออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว
เธอกระโดดเหยียบเท้าและวิ่งไต่ไปตามเกล็ดของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์อย่างชำนาญ
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเธอก็สามารถขึ้นไปยังส่วนหัวของมัน พร้อมทั้งแทงหอกที่ได้เสริมพลังสายฟ้าอย่างเต็มที่เข้าไปที่ตาของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์เข้าไปสุดแรง
มาเรียจังกระโดดกลับตัวกลางอากาศเพื่อหลบกระสุนหนามที่พุ่งออกมาก่อนจะหมุนตัวอีกครั้งเพื่อเหวี่ยงลูกตุ้มมายาขนาดยักษ์เข้าใส่อีกปากหนึ่งของเจ้ามังกรยักษ์
ผมเองก็ขว้างค้อนในมือเข้าใส่อีกหัวหนึ่งอีกสุดแรงเช่นเดียวกัน
จากการกระทำของพวกเรานั้นทำให้สามารถหยุดการรวบรวมมานาเพื่อพ่นลมหายใจเวทของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์เอาไว้ได้
แต่ถึงงั้นพวกเราก็ยังไม่มีวิธีที่จะเอาชนะมันอยู่ดี
「มาเรียจัง มายุจัง ช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ให้ทีนะ」
ถึงแม้การโจมตีจากภายนอกจะไม่ได้ผลเพราะเกราะของมันถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะในตำนานอย่างโอริฮารูก้อน
แต่ยังไงเจ้านี่ก็เป็นโกเลม
ดังนั้นภายในตัวมันก็จำเป็นจะต้องมีวงเวทสำหรับใช้ควบคุมการทำงานอยู่อย่างแน่นอน
「Skill: Clairvoyance!!」
ผมเปิดใช้หนึ่งในสกิลใหม่ที่ชื่อว่า Clairvoyance
โดยสกิลนี้ทำให้ผมสามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่างไม่ว่าจะจำเป็นกำแพงที่หนาแค่ไหน
แต่การใช้สกิลนี้อย่างต่อเนื่องมันก็ต้องแลกกับการใช้มานาจำนวนมากเช่นเดียวกัน
ในเวลาปกติผมจะใช้แค่เวลาที่ต้องการจะแอบดูพวกสาวๆอาบน้ำหรือเวลาที่พวกกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงเท่านั้น
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆว่าสกิลที่ผมใช้ถ้ำมองมาตลอดจะมามีประโยชน์ในเวลาแบบนี้
หลังจากมองหาไปจนทั่วทั้งร่างกายของมันโดยที่คอยหลบเลี่ยงการโจมตีจากกรงเล็บและกระสุนหนามแหลมของมันไปด้วย
ผมก็พบกับวงเวทที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์ถึง 3 จุดด้วยกัน
「มาเรียจัง มายุจัง ผมเจอวงเวทที่อยู่ในร่างกายของเจ้านี่แล้ว
ผมจะส่งคุโรโกะเข้าไปทำลายวงเวทของมันจากทางปากของมัน
พวกเธอช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ทีนะ」
「รับทราบค่ะนายท่าน」「ให้เป็นหน้าที่ของนู๋เองค่ะ ทัตสึยะซัง」
มาเรียจังและมายุจังตอบรับผมกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
「เมริน
เธอพาพวกที่ไม่ไหวแล้วถอยออกไปด้านนอกก่อน มิฮารุ มัลต้า ยูลมิส เดลฟีเน่
ช่วยคุ้มกันผมที」
「รับทราบค่ะ!!」「ไว้ใจได้เลยค่ะ ทัตสึยะซัง」「ชั้นเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่เลยค่ะ」「ชั้นจะคอยปกป้องทัตสึยะซามะด้วยชีวิตเองค่ะ」
「Dark Summon: Dark Phoenix!!」
ผมรวบรวมมานาและเปลี่ยนเป็นพลังเวทเพื่อเรียกคุโรโกะออกมา
โดยในครั้งนี้ผมใช้มานาน้อยที่สุดเพียงเพื่อคงร่างของคุโรโกะเอาไว้ในขนาดที่เล็กที่สุด
「ฝากด้วยนะ คุโรโกะ!!」
「ฟิฟิฟี่!!」
ผมนำขวดน้ำยาเควาลีนออกมาจากกระเป๋าเวทและให้คุโรโกะคาบเอาไว้
คุโรโกะก็ตอบรับด้วยการกระพือปีกเบาๆก่อนที่มันจะบินหลบหลีกกระสุนหนามอย่างคล่องแคล่ว
และขึ้นไปยังส่วนหัวของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์
เมื่อเห็นดังนั้น มายุจังที่อยู่ด้านบนก็ใช้หอกง้างปากของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์ในทันทีเพื่อส่งคุโรโกะเข้าไปด้านใน
โครงสร้างภายในของเจ้าโกเลมมังกรยักษ์นั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงทำให้การควบคุมจำเป็นต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก
เพราะเหตุนั้นผมจึงต้องให้มิฮารุจังและคนอื่นๆคอยช่วยคุ้มกันผมจากการโจมตีต่างๆด้วยโล่เวทมนต์
หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งผมก็พาคุโรโกะไปถึงยังวงเวทอันแรกและเริ่มทำการลบมันออกด้วยน้ำยาเควาลีน
ซึ่งมันก็สำเร็จไปด้วยดี
ตัวผมนั้นไม่ใช่สายเวทดังนั้นจึงมีมานาน้อยกว่าพวกสาวๆมาก
และในวันนี้ผมก็ได้ใช้มานาไปมากแล้ว แถมการที่จะต้องเปิดใช้สกิล Clairvoyance พร้อมกับส่งมานาให้กับคุโรโกะไปพร้อมกันนั้นก็สิ้นเปรืองมานาเป็นอย่างมาก
เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้ผมถึงกับทรุดลงไปกับพื้น
ถ้าเป็นแบบนี้ผมคงจะไม่สามารถควบคุมคุโรโกะให้ไปจัดการกับวงเวทอีก
2 อันที่เหลือได้ทันแน่ เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่น
「ฟุเนี๊ยะ ทะ ทะ ทัตสึยะซามะ อุ๊ปป!!!」
ผมดึงเดลฟีเน่ที่อยู่ข้างๆเข้ามาใกล้
ถลกชุดเมดของเธอลงมา
จากนั้นก็ขโมยริมฝีปากของเธอและสอดลิ้นเข้าไปด้านในพร้อมทั้งขยำขยี้และเคล้าคลึงหน้าอกเปลือยเปล่าขนาดพอดีมือของเธออยางเร่าร้อนไปพร้อมกันด้วย
ถึงมันจะฟังดูแปลกไปสักหน่อย
แต่สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นก็เพื่อให้สกิล Mana
Chaneling
ของผมสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว
โดยปกติแล้วผมจะใช้สกิลนี้เพื่อถ่ายมานาของผมให้กับเด็กสาวคนอื่นที่สูญเสียมานาไปมากผ่านทางการจูบหรือการสัมผัสไปตามส่วนที่ความรู้สึกไวต่างๆของร่างกาย
แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ใช้สกิลนี้เพื่อดึงเอามานาของเด็กสาวมาให้กับตัวเอง
「ฟุเนีย.... ฟุฟุ ฟุเนีย....」
เดลฟีเน่ที่ถูกลวนลามแถมยังถูกดูดพลังมานาไปนั้นทรุดลงไปกับพื้นอย่างเหนื่อยหอบ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปด้วยความเขินอาย ถึงแม้เมดทุกคนจะเป็นของของผม
แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมทำเรื่องแบบนี้กับเธอเพราะงั้นคงจะช่วยไม่ได้ล่ะนะ.....
ผมที่ได้พลังมานาฟื้นคืนมาก็เริ่มสั่งการคุโรโกะต่อและในที่สุดก็สามารถจัดการวงเวทอันที่สองไปได้
และนั่นก็ทำให้ผมจำเป็นที่จะต้องใช้สกิล Mana
Chaneling
เพื่อดึงเอามานามาจากเด็กสาวคนอื่นอีกครั้ง
「ฮ่า.....ฮ่า.......ทัตสึยะชาม้า........」
ซึ่งเหยื่อในครั้งนี้ก็เป็นยูลมิสจังเมดสาวจากเผ่าเอล์ฟ
เนื่องจากเธอเป็นเมดส่วนตัวของมายุจังจึงทำให้ผมไม่ค่อยได้เล่นสนุกกับร่างกายอันแสนบอบบางของเธอมากนัก
และนั่นก็ทำให้เธอถึงกับหลับไปเลยในทันที.....แต่ถึงจะบอกว่าหลับไป...ตามจริงแล้วผมกลับคิดว่าเธอกำลังเมาอยู่เสียมากกว่า.....
และในที่สุด หลังจากใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก
ผมก็สามารถลบวงเวททั้งสามวงของเจ้าโกเลมมังกรสามหัวขนาดยักษ์ออกไปจนหมดได้
เจ้าโกเลมมังกรยักษ์ที่ไร้วงเวทคอยควบคุมหยุดการทำงานลงในทันที
แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่หยุดการทำงานเท่านั้น
เพราะชิ้นส่วนของเจ้านั่นถึงกับหยุดออกมาเป็นชิ้นๆ ซึ่งเหตุผลนั้นก็คงเป็นเพราะว่ามันรับการโจมตีอย่างหนักหน่วงของพวกเราเข้าไปเป็นจำนวนมากนั่นล่ะนะ
ส่วนตัวผมนั้น......หลังจากที่สามารถปราบมันลงได้......ผมก็สลบไปในทันทีเพราะมานาในร่างกายได้ถูกใช้ไปจนเกือบหมด.....
การต่อสู้ครั้งนี้มันเหนื่อยชะมัด....เพราะงั้นเพื่อให้รางวัลกับตัวเองแล้ว.....ผมคิดว่าจะปลดปล่อยอารมณ์ความใคร่ทั้งหมดด้วยการจัดหนักกับพวกสาวๆสวยๆทุกคนในปราสาทแห่งนี้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยคอยดูสิ......หึหึ.....หึหึ.....
-- Extra
--
「บรึ่ยย!!! จู่ๆ ก็รู้สึกหนาววูบไปทั้งตัวเลยล่ะค่ะอัลฟินซามะ....」
ในเวลาเดียวกัน เพทโทร่า
เมดสาวซึ่งเป็นคนรักลับๆของอัลฟินก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง
ร่างกายของเธอหนาววูบไปทั้งตัว
「ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เพทโทร่า
ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เค้าก็จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเพทโทร่าเองนะ」
ราชินีอัลฟินผู้ที่ได้ชื่อว่าเด็กสาวที่สวยที่สุดในจักรวรรดิเลเรียสเข้าไปโอบกอดเมดสาวของเธออย่างอ่อนโยนโดยไม่สนว่าคนรอบข้างจะรับรู้ความรู้สึกที่มีต่อกันและกันของพวกเธอทั้งสองคน.....
「คะ แค่ เพทโทร่าคนเดียวขี้โกงนี่นา!!」
「พะ พวกเราเองก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมากๆเหมือนกันนะคะ
อัลฟินซามะ!!」
เมดสาวอีกสองคนที่มองดูทั้งสองด้วยความอิจฉา
พวกเธอทั้งสองคนเองก็หลงรักในความงดงามหาใดเปรียบของราชินีอัลฟินเองเช่นเดียวกัน
「อะร๊า น้อยใจกันหรือจ๊ะ
ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะจ๊ะ พวกเธอสองคนเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับเค้าเช่นเดียวกัน
เพราะงั้นหลังจากทัตสึยะซามะกลับมาแล้ว
เค้าจะขอร้องให้พวกเธอได้ทำงานอยู่ข้างกายเค้าเหมือนเดิมนะจ๊ะ」
แน่นอนว่าอัลฟินนั้นแม้จะรักเพทโทร่าเป็นอับดับ
1 แต่เธอเองก็เป็นเด็กสาวที่เรียกได้ว่าเจ้าชู้ เธอนั้นมีความชื่นชอบที่จะได้ร่วมรักกับเด็กสาวแสนสวยหลายๆคนในเวลาเดียวกัน.....
「อัลฟินซามะ!! รักที่สุด!!!」
ซึ่งก็แน่นอนว่าทัตสึยะนั้นยอมให้พวกเธอทั้ง
4 คนได้อยู่ร่วมกันเหมือนเดิมและยังได้ให้สัญญาว่าจะคอยช่วยเหลือดูแลครอบครัวของพวกเธอทุกคนเป็นอย่างดี
เพียงแต่ในเวลานี้พวกเธอทั้ง 4
คนไม่ได้รับรู้เลยว่า หลังจากที่ได้รับคำสัญญานั้น พวกเธอทั้ง 4
คนจะต้องเจอกับความรู้สึกเสียวซ่านที่ร่างกายของพวกเธอไม่เคยรับรู้ถึงมันมาก่อนไปพร้อมๆกัน.....
ทั้งปราสาทนี่มันไม่ใช่ปีศาสแล้วแต่เป็นสัปปะหราดชัดๆ (อาจจะมีคำผิดมั่งคงไม่ว่ากันนะคับ)
ตอบลบหมายถึงพวกพระเอกสินะครับ -0-//
ลบเรื่องนี้ปีศาจเก่งกว่า สัตประหลาดนะครับ 5555
สุดยอดในหลายๆ ความหมายเลยนะ บักทัต
ตอบลบปล. อา ทุ่งลิ่ลลี่เบ่งบานดีแท้
หุหุ กำลังหาเอฟเฟคทุ่งลิลลี่ 555+
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบลงวินโดว์ใหม่ ลิ้งค์ต่างๆที่อยู่ในเบราเซอร์ หายเกลี้ยง(ลืมแบ็คอัพ) กว่าจะหาเจอ ใช้เวลาเดือนกว่าๆ น้ำตาจะไหล
ตอบลบขอบคุณที่ติดตามครับ -0-//
ลบ