ตอนที่ 14 บทสรุปของสงคราม


หลายวันต่อมา หลังจากกองทัพของอาณาจักรออร์ธรอสได้บุกเข้าโจมตีและสามารถยึดเอาปราสาทเซเลสเชียได้สำเร็จ

ช่วงเย็นของวันที่ 29 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837

-- มุมมองของฟลอร่า --        

ฟุว๊าวววว!!! สุดยอดไปเลยนะคะฟลอร่าซามะ!!! มีแต่อาคารสูงๆเต็มไปหมดเลยด้วยนะคะ!!! เมืองหลวงสเตรเชียนี่สุดยอดไปเลยจริงๆนะคะ!!!

เมดส่วนตัวของชั้น ฟิลิเน่พูดออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้นพร้อมทั้งกระโดดขึ้นลงไปด้วย เธอยืนเกาะติดกับราวกั้นและมองลงไปด้านล่างจากกระจกใสบานใหญ่บนเรือเหาะ Darkness Wisp ทิวทัศน์ด้านล่างที่มองเห็นในตอนนี้คือเมืองขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาคารสูงงดงามมากมายเรียงรายเต็มไปหมด

อย่าส่งเสียงดังสิแบบนี้สิจ๊ะ ที่นี่ไม่ได้เป็นห้องส่วนตัวของพวกเรานะ เพราะงั้นฟิลิเน่ต้องไม่ส่งเสียงรบกวนการทำงานของคนอื่นนะ เข้าใจมั๊ย

เนื่องจากฟิลิเน่พึ่งอายุได้เพียง 10 ปีเท่านั้น แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เดินทางมายังเมืองหลวงสเตรเชียด้วยเรือเหาะ ดังนั้นชั้นจึงเข้าใจถึงความรู้สึกของเธออยู่พอสมควร ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะตัวชั้นเองก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับภาพทิวทัศน์ที่กำลังเห็นอยู่ในตอนนี้เช่นเดียวกัน

อูว....ขอโทษ....ค่ะ

ฟิลิเน่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ ถึงแม้เธอจะยังเด็กแต่เธอก็สำนึกผิดซึ่งนั่นนับเป็นเป็นเรื่องที่ดี ชั้นจึงยื่นมืออกไปลูบหัวเธอเบาๆอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบโยนเธอ มันคงจะไม่มีใครที่จะไปโกรธเด็กสาวน่ารักอย่างเธอที่ยอมขอโทษออกมาตรงๆได้ลงอยู่แล้วล่ะนะ

แต่จะว่าไปแล้วฟิลิเน่ก็อาศัยอยู่ที่โรงเรียนหลวงสเตรเชียมาตั้งหลายเดือนแล้วนี่นา....แล้วทำไมเธอถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้กันนะ ?

ชั้นพึมพำออกไปด้วยความสงสัย เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองดูเมืองหลวงเตรเชียจากบนเรือเหาะ แต่สำหรับเธอที่อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงสเตรเชียแห่งนี้มาตั้งหลายเดือนแล้วนั้น ความตื่นเต้นมากมายที่เธอได้แสดงออกมามันก็ทำให้ชั้นรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

ที่เธอตื่นเต้นมากขนาดนั้นคงจะเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเมืองหลวงสเตรเชียแห่งนี้นั่นล่ะค่ะ ตัวชั้นเองก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงสเตรเชียในช่วงเวลาใกล้ๆกับฟิลิเน่จัง ในช่วงเวลานั้นน่ะ ภายในเมืองสเตรเชียยังไม่ได้มีอาคารสูงใหญ่อยู่มากมายถึงขนาดนี้หรอกนะคะ

ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วงั้นหรือคะ......?

สำหรับตัวชั้นที่พึ่งจะได้มายังเมืองหลวงสเตรเชียเป็นครั้งแรกนั้นไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่รองหัวหน้ากองอัศวินที่ 3 อาเน็ตซังอธิบายให้ฟังได้....

ใช้แล้วล่ะค่ะฟลอร่าซามะ!!! เมืองสเตรเชียทั้งสวยงามและใหญ่โตขึ้นทุกวันเลยนะคะ!!! สุดยอดไปเลยจริงๆนะคะ!!!

เรื่องการพัฒนาเมืองที่รวดเร็วเองก็ดี หรือเรื่องของสงครามที่ระหว่างทวีปที่จบลงไปอย่างรวดเร็วเองก็ดี ทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรออร์ธรอสเนี่ย ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็คงอธิบายให้ผู้คนที่ไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองยากนะคะ

จะว่าไปแล้วก็.....นั่นสินะคะ.......

ชั้นตอบอาเน็ตซังกลับไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ สงครามระหว่างทวีปของอาณาจักรออร์ธรอสและจักรวรรดิเลเรียสนั้นได้จบลงแล้วด้วยชัยชนะที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้ซึ่งความเสียหายของอาณาจักรออร์ธรอส

และก็เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในจักรวรรดิเลเรียสได้คลี่คลายลงแล้ว ชั้นและเพื่อนๆในหน่วยเมดติดอาวุธรวมถึงเหล่าทหารและพวกท่านจอมเวทส่วนใหญ่จึงได้เดินทางกลับมายังอาณาจักรออร์ธรอส

ซึ่งหากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ชั้นคงต้องขอย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเสียหน่อย

ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 ที่ผ่านมานั้น ทัตสึยะซามะได้กลับขึ้นมาจากทางลับใต้ดินพร้อมกับเด็กสาวจากเผ่าโลลิเทียในสภาพที่ย่ำแย่สุดๆจำนวน 3 คน

เนื่องจากพวกเธอถูกทรมานและถูกบังคับให้ดื่มยาแปลกๆหลายชนิดจนทำให้สภาพร่างกายและจิตใจของพวกเธอผิดปกติ ทัตสึยะซามะจึงได้ตัดสินใจพาพวกเธอกลับไปยังอาณาจักรออร์ธรอสเพื่อรีบทำการรักษาและได้ทิ้งเรื่องของสงครามให้กับยูเมะซามะและพวกลูกน้องทั้งหลายจัดการแทน

และถึงแม้เวลน่าจะบอกว่ากับชั้นว่า ทัตสึยะซามะนั้นเพียงแค่หาข้ออ้างสำหรับหนีงาน แต่ชั้นก็รู้สึกได้เลยว่า ทัตสึยะซามะนั้นทั้งรักใคร่และเป็นห่วงเหล่าเด็กสาวจากเผ่าโลลิเทียทุกคนจากใจจริงเช่นเดียวกัน

หลังจากทัตสึยะซามะเดินทางกลับไปพร้อมกับเหล่าเด็กสาวจากโลลิเทียแล้ว ยูเมะซามะและพวกท่านจอมเวทคนอื่นๆ เอลรีสเต้ซามะและบรรดาขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิเลเรียสที่รอดชีวิตมาจากสงครามก็ได้เปิดการเจรจาระหว่างสองประเทศขึ้นมาอย่างลับๆ

ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยต่อสารธารณะ แต่ชั้นก็ได้รับรู้ข่าวมาจากพวกเพื่อนๆเมดว่า เหล่าขุนนางฝ่ายที่สนับสนุนให้ทำสงคราม รวมถึงพวกขุนนางที่ฉ้อโกงหรือพวกที่ทำร้ายเผ่าโลลิเทียนั้นได้ถูกทหารจากอาณาจักรออร์ธรอสสำเร็จโทษไปโดยใช้ข้ออ้างที่ว่าพวกเค้านั้นได้ทำการขัดขืน

เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้การเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศนั้นสามารถเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เจ้าหญิงเอลรีสเต้และตระกูลเมอร์เรียสได้เป็นผู้นำในการกล่าวขอโทษสำหรับความผิดที่องค์อดีตจักรพรรดิผู้ที่ได้เสียชีวิตไปแล้วได้กระทำลงไปพร้อมกับได้ลงนามในสนธิสัญญาพันมิตรของทั้งสองประเทศ

สำหรับการเป็นพันมิตรของทั้งสองประเทศในครั้งนี้ ทางอาณาจักรออร์ธรอสได้มอบอุปกรณ์เวท ทองคำและอาหารสำเร็จรูปจำนวนมากให้กับทางจักรวรรดิเลเรียสเพื่อเป็นของขวัญ

ส่วนทางจักรวรรดิเลเรียสนั้นก็ได้มอบทาสที่อยู่ในความครอบครองของประเทศทั้งหมดทุกเผ่าพันธุ์ นอกจากนั้นก็ยังได้มอบเมืองป้อมปราการมินิทาริสรวมถึงที่ดินรัศมี 50 กิโลเมตรรอบเมืองให้กับทางอาณาจักรออร์ธรอสเพื่อเป็นของขวัญตอบแทนเช่นเดียวกัน

โดยสำหรับพวกทาสนั้น ชั้นได้ยินมาว่ามีบุตรสาวขุนนางจำนวนมากที่ตระกูลของพวกเธอถูกตัดสินโทษและถูกยึดทรัพย์รวมอยู่ในนั้นด้วย โดยสำหรับเรื่องนี้เองนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นแผนการที่ทัตสึยะซามะได้วางเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

แน่นอนว่ามีพวกขุนขางจำนวนมากที่ไม่ยอมรับในเรื่องนี้ พวกเขาขัดขืนคำสั่งและเริ่มคิดจะก่อกบฏ บางตระกูลก็พยายามหลบหนีไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งพวกเค้าทั้งหมดนั้นได้ถูกกองทัพผสมของสองประเทศที่นำโดยมาเรียซามะและพวกเราหน่วยเมดติดอาวุธบุกเข้าทำลายล้างและถูกจับกุมตัวเอาไว้ทั้งหมด

ตัวชั้นเองนั้นเนื่องจากพึ่งจะเข้าร่วมกับหน่วยเมดติดอาวุธได้ไม่นาน จึงได้ทุกคนคอยให้ความช่วยเหลือคอยสนับสนุนอยู่แทบตลอดเวลา โดยในเรื่องนี้ทำให้ชั้นรู้สึกซาบซึ้งในความอ่อนโยนของพวกเพื่อนๆทุกคนเป็นอย่างมาก แต่ชั้นเองก็คงจะปล่อยให้ต้องถูกช่วยเหลืออยู่ตลอดไม่ได้ เพราะงั้นหลังจากนี้ชั้นเองก็จะต้องพยายามให้มากขึ้นไปอีก

ชั้นอยากจะยึดอกและไปยืนอยู่แนวหน้าและร่วมต่อสู้ไปพร้อมๆกันกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ถึงแม้จะไม่รู้ว่าในครั้งหน้าจะมีสงครามเกิดขึ้นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ แต่ชั้นก็ได้สาบานกับตัวเองไว้แล้วว่า ในครั้งหน้าชั้นจะต้องเป็นเมดชั้นแนวหน้าที่น่าภาคภูมิใจ ชั้นจะต้องทำให้พวกท่านจอมเวทและเพื่อนๆทุกคนยอมรับให้ได้

หลังจากที่พวกเราทำการกวาดล้างพวกกบฏและจับกุมเหล่าขุนนางที่หลบหนีได้ทั้งหมดแล้ว เหล่าเมด อัศวิน และพวกทหารทุกนายที่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ก็ได้เข้าร่วมพิธีประกาศเกียรติยศที่ได้ถูกจัดขึ้นบริเวณลานกว้างหน้าปราสาทเทอเกียส

โดยปราสาทเทอเกียสนั้นเป็นปราสาทที่พวกท่านจอมเวทพึ่งจะสร้างขึ้นมาใหม่ท่ามกลางเทือกเขาในอาณาเขตที่พวกเราพึ่งจะได้รับมาจากจักรวรรดิเลเรียส โดยปราสาทแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบให้เป็นรางวัลกับพวกคนแคระที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในสงครามบนผืนดินบ้านเกิดนี้

ในพิธีประกาศเกียรติยศ ยูเมะซามะผู้เป็นผู้บัญชาการสูงสุดในปัจจุบันได้เป็นตัวแทนในการมอบรางวัลให้กับทุกคนที่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

มาเรียซามะและเวลน่าที่สร้างผลงานได้โดดเด่นที่สุดในหน่วยเมดติดอาวุธนั้นถึงกับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางในตำแหน่งบารอนหญิง นอกจากนั้นแล้วพวกท่านจอมเวทยังได้มอบที่ดินและเหรียญทองให้เป็นจำนวนมากอีกด้วย

โดยที่ดินที่ทั้งสองคนได้รับมานั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเขตเมืองใหม่ที่กำลังจะสร้างขึ้นบริเวณนอกกำแพงเมืองสเตรเชียซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรออร์ธรอสในปัจจุบัน และถึงแม้ในตอนนี้ที่ดินพวกนั้นจะยังเป็นเพียงป่า แต่พื้นที่เหล่านั้นก็เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่แห่งอนาคต ดังนั้นหากพวกเธอสามารถวางแผนบริหารได้ดีล่ะก็ มันคงจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับพวกเธอและทายาทอย่างแน่นอน

พวกเมดคนอื่นๆที่สร้างผลงานได้ดีนั้นต่างก็ได้รับรางวัลกันมากน้อยแตกต่างกันไป ตัวชั้นเองที่แม้จะไม่ได้สร้างผลงานอะไรมากมายนั้นก็ยังได้รับเครื่องประดับเวทที่ทัตสึยะซามะสร้างขึ้นมาด้วยเวทมนต์ และนอกจากนั้นชั้นก็ยังได้รับเหรียญทองมาอีกถึง 10 เหรียญ

แต่เนื่องจากเมดอย่างพวกเรานั้นมีทั้งเงินเดือน ที่พักอาศัย เสื้อผ้าและอาหาร 3 มื้อให้พร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นชั้นจึงได้ตัดสินใจบริจาคเหรียญทองทั้งหมดที่ชั้นได้รับมาให้กับโรงเรียนหลวงสเตรเชียซึ่งเป็นสถานที่สำหรับช่วยเหลือและให้การศึกษากับพวกเด็กๆทุกคน

และก็เป็นเพราะเหตุนั้นเอง จึงทำให้ชั้นได้รู้จักกับฟิลิเน่ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในโรงเรียนหลวงสเตรเชีย โดยฟิลิเน่และเพื่อนๆของเธอหลายคนนั้นได้ถูกส่งตัวมาจากทางโรงเรียนหลวงสเตรเชีย พวกเธอนั้นถูกส่งตัวมาช่วยเหลืองานทั่วไปต่างๆให้กับทางกองทัพเพื่อแลกกับเงินบริจาคให้ทางโรงเรียน

และก็เนื่องจากฟิลิเน่นั้นเธอเป็นเด็กสาวน่ารักไร้เดียงสาที่มีผมสีเทาอ่อนยาวสลวย ความงดงามของเธอนั้นเรียกได้ว่าโดนเด่นมากๆ ดังนั้นหากปล่อยเธอเอาไว้ล่ะก็ อีกไม่นานเธอคงจะต้องถูกใครสักคนหลอกไปเป็นทาสความใคร่อย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เธอต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย ชั้นจึงตัดสินใจที่จะตัวรับเธอมาเป็นเมดส่วนตัวของชั้น

เพราะหากจะปล่อยให้เด็กสาวน่ารักอย่างเธอต้องตกไปเป็นทาสความใคร่ของใครสักคนแล้วล่ะก็ ชั้นคิดว่าให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของทัตสึยะซามะน่าจะทำให้อนาคตของเธอนั้นมั่นคงและมีความสุขมากกว่า

นั่นก็เป็นเพราะทัตสึยะซามะนั้นให้ความรักและคอยดูแลสาวๆรอบตัวทุกคนเป็นอย่างดีอยู่เสมอ ดังนั้นหากเป็นทัตสึยะซามะแล้วล่ะก็ เค้าจะต้องไม่ทำให้เด็กสาวคนนี้ต้องเสียใจอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ชั้นสามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มปาก

และนั่นก็เป็นเรื่องสำคัญๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา.....

ฟลอร่าซามะ ฟลอร่าซามะ

ฟิลิเน่เรียกชื่อของชั้นพร้อมกับดึงแขนเสื้อด้วยท่าทางประหลาดใจ

มีอะไรหรือจ๊ะ ฟิลิเน่

เรือเหาะลำนี้ เรือเหาะลำนี้น่ะค่ะ! มันกำลังจะบินออกไปนอกเขตเมืองหลวงสเตรเชียแล้วนะคะ? พวกเราจะกลับไปที่เมืองสเตรเชียกันไม่ใช่หรือคะ?

ฟิลิเน่พูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าต่างกระจกด้านนอก ซึ่งก็เป็นอย่างที่เธอพูด เรือเหาะลำนี้ Darkness Wisp ได้บินผ่านจากเขตเมืองของเมืองสเตรเชียไปทางทิศตะวันตกเรียบร้อยแล้ว นี่พวกเราไม่ได้จะมาที่เมืองสเตรเชียกันอย่างนั้นเหรอ? ชั้นเองก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจเช่นเดียวกันกับฟิลิเน่

เรือเหาะ Darkness Wisp ลำนี้เป็นเรือเหาะประจัญบานในสังกัดของกองทัพน่ะค่ะ เพราะงั้นพวกเราจึงไม่สามารถนำมันไปลงจอดที่สนามบินพาณิชย์ภายในเขตเมืองสเตรเชียได้

อาเน็ตซัง ตอบคำถามของพวกเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอได้อธิบายเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายของอาณาจักรออร์ธรอสให้พวกเราฟังคร่าวๆ

โดยสามารถที่จะสรุปได้ง่ายๆก็คือ ภายในเมืองสเตรเชียนั้นไม่อนุญาตให้มีการนำอาวุธทั่วไปเข้าไปภายในเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัย ขุนนาง อัศวินหรือแม้แต่พวกทหารรักษาการณ์เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น

โดยกฎข้อนี้จะมีการยกเว้นให้กับบุคคลที่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษแต่ก็มีการจำกัดอาวุธโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นพวกเราที่สังกัดกับกิลด์เมดนั้น จะได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธขนาดเล็กได้สองอย่าง นั่นก็คือมีดพกและอาวุธเวทที่ชื่อคทาเวทช็อตสายฟ้า

เช่นเดียวกันกับพวกคนในกองอัศวินหรือหน่วยราชองค์รักษ์ พวกเค้าได้รับอนุญาตให้พกเพียงแค่อาวุธเวทที่ชื่อว่า BeaterSP ซึ่งเป็นอาวุธเวทระยะไกลขนาดเล็กที่มีเอาไว้ใช้สำหรับหยุดการเคลื่อนไหวของเป้าหมายเพียงเท่านั้น

เป็นอย่างนั้นเองหรือคะ....

พอมาคิดๆดูแล้ว การพกพาอาวุธของพวกนักผจญภัยและพวกอัศวินนั้นก็มักจะนำพามาซึ่งเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทรุนแรงอยู่เสมอ

ดังนั้นทางอาณาจักรออร์ธรอสจึงได้มีการจำกัดไม่ให้มีการพกพาอาวุธเข้ามาภายในเขตตัวเมือง เพื่อตัดปัญหาการวิวาทรุนแรงและลดจำนวนการบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น

โดยสำหรับการป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายและการขโมยทรัพย์สินของผู้คนในเมืองนั้น พวกท่านจอมเวทได้ทำการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้ทั่วทุกซอกทุกมุมภายในเมือง ดังนั้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นก็สามารถที่จะกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือได้ในทันที เรียกได้ว่าเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบมากจนไร้ที่ติเลยทีเดียว

ฟลอร่าซามะ! เรือเหาะกำลังลงจอดแล้วล่ะ ดูสิคะ! ดูสิ!! ลงไปข้างล่างแล้วด้วยล่ะค่ะ!! อุว๊า!! สุดยอดเลยค่ะ เรือเหาะกำลังดำลงไปจอดในอุโมงค์ใต้ดินด้วยล่ะค่ะ!!! สุดยอดไปเลย สุดยอดไปเลยนะคะฟลอร่าซามะ!!!

ฟิลิเน่ที่เกาะหน้าต่างกระจกพูดพร้อมกับกระโดดไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้น และในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึงยังสนามบินของกองทัพ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองสเตรเชียไปไม่ไกลมากนัก

4 ความคิดเห็น:

  1. สาวน้อยฟิลิเน่เอ้ยยยย สถานที่ที่เจ้าได้เข้าไปมันคือถ้ำเสือถ้ำมังกร....เข้าไปแล้วถอนตัวไม่ได้น่ะเออ.....

    ตอบลบ
  2. พึ่งเจอและอ่านรวดเดียวตาแฉะไปเลยขอรับ แล้วจะมีโครงการหมาป่าสอง(มัตซึยะ+อากิโกะ)ตัวรวมหัวกันเมื่อไหร่หรอครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อากิโอะ จะกลับมาช่วงงานเทศกาล สิ้นปีครับ -0-//
      ซึ่งช่วงนั้นก็จะเจอกับ........ที่มาสืบข่าวพอดี

      ลบ