-- มุมมองของอากิโอะ --
ในตอนที่ผมตื่นขึ้นมานั้นมันก็เป็นช่วงสายแล้ว
เนื่องจากเมื่อคืนเอาแต่สนุกสนานกับเด็กสาวหูแมวที่ล่อลวงมาได้สำเร็จมากไปหน่อยจึงรู้สึกเหนื่อยมาก
เด็กสาวหูแมวที่พูดถึงนั้นมีชื่อว่าเรียส
ซึ่งแม้แต่ในตอนนี้เธอก็ยังไม่ตื่น
เธอยังคงนอนหลับในสภาพเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับผม เนื่องจากใบหน้ายามหลับที่น่ารักนั่นทำให้ผมไม่คิดจะปลุกเธอ
ส่วนริกะจังกับคาเอเดะจังนั้นดูเหมือนจะตื่นไปก่อนแล้ว พวกเธอคงจะมีงานหลายอย่างที่ต้องทำนั่นล่ะนะ
ในตอนที่กำลังแต่งตัวผมก็สังเกตเห็นแหวนในมือกำลังเรืองแสงกระพริบ
นั่นสินะในตอนนี้เจ้าทัตสึยะคงจะไปถึงเมืองเวลล่าแล้ว
มีหลายข้อความถูกส่งมาให้กับผม
เป็นรายละเอียดที่เกิดขึ้นและข้อมูลต่างๆที่ได้รับมา
「พึ่งจะไปถึงก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายเลยเหรอนั่น
สมกับเป็นเจ้าทัตสึเลยจริงๆ」
ตามจริงแล้วต่อให้เป็นผม
แต่หากเจอสถานการณ์แบบนั้นก็คงจะเข้าไปยุ่งด้วยโดยไม่สนใจใครเป็นแน่
ถึงเหตุผลจะแตกต่างกันแต่ผลลัพธ์ที่ออกมาคงจะคล้ายๆกันนั่นล่ะนะ
หลังจากไล่ดูข้อความต่างๆไปเรื่อยๆผมก็เจอเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายทางการทูต
ดูเหมือนว่าการที่พวกเราปรากฏตัวขึ้นในเขตของมอนสเตอร์จะทำให้ทางจักรวรรดิได้ประโยชน์หลายๆอย่าง
เพราะเหตุนั้นเจ้าทัตสึยะเลือกใช้กฎหมายการทูตและประกาศให้พื้นที่โดยรอบห้างนี้ในรัศมี
5 กิโลเมตรกลายเป็นพื้นที่ของสถานทูต
ซึ่งตามกฎหมายของจักรวรรดิเอลติซนั้น
พื้นที่ของสถานทูตจะได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง
ข้อแรกคือการไม่ต้องเสียภาษีที่ดินประจำปี
สำหรับผลผลิตต่างๆที่จัดสร้างขึ้นภายในที่ดินเองก็จะถูกยกเว้นด้วยเช่นกัน
ข้อสองคือทูตและบรรดาผู้คนที่ทำงานให้กับทางสถานทูตจะไม่ถูกบังคับให้เกณฑ์ทหาร
แต่ก็ยังมีสิทธิจะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมได้ด้วยตัวเอง
ข้อสามคืออำนาจในการตั้งกฎและลงโทษผู้ที่เข้ามาฝ่าฝืนกฎภายในอาณาเขตพื้นที่ของสถานทูต
ซึ่งการลงโทษนั้นไม่จำเป็นจะต้องแจ้งให้แก่ทางจักรวรรดิรับทราบเรื่องแต่อย่างใด แต่ถ้าผู้กระทำผิดเป็นคนในราชวงศ์นั้นจะทำได้เพียงแค่จับกุมตัว
และส่งเนื้อหาการกระทำผิดกลับไปยังจักรวรรดิเพื่อทำการตัดสินโทษ
จากข้อความของทัตสึยะนั้นบอกไว้ว่าสิทธิพิเศษเหล่านั้นมีผลบังคับใช้ในทันที
แต่ตัวเอกสารนั้นจะต้องรออีกประมาณ 1 เดือน ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
「แบบนี้ก็น่าสนุกเหมือนกันแฮะ」
ผมเดินออกจากห้องและตรงไปยังห้องอาหาร
ภายในห้องอาหารนั้นมีเด็กสาวหลายคนกำลังทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หนึ่งในนั้นก็มียัยประทานนักเรียนงี่เง่ามิโฮะรวมอยู่ด้วย
「มิโฮะ ผมมีงานจะให้เธอทำน่ะ ก่อนอื่นก็ช่วยเรียกพวกอากาเนะจัง
และเด็กสาวคนอื่นๆที่ใช้เวทมนต์สร้างสิ่งก่อสร้างได้มาที」
ผมเข้าไปนั่งตรงข้ามกับยัยมิโฮะ
และให้เธอช่วยตามเหล่าเด็กสาวที่สามารถใช้เวทมนต์ในการสร้างสิ่งก่อสร้างได้มารวมตัวกัน
คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่กำแพงเมืองแต่ผมจะสร้างอาคารที่พักให้กับพวกทาสเผ่าสัตว์
ที่จะใช้เป็นทหารในอนาคต
หลังจากทุกคนมารวมตัวกันผมก็เริ่มอธิบายรายละเอียด
และดำเนินแผนการต่างๆ อย่างแรกเลยคือการจัดระเบียบพื้นที่ห้าง Seirien ปรับเปลี่ยนหมายเลขชั้นต่างๆเพ่อให้เข้ากับปัจจุบัน
และกั้นเขตพื้นที่ห้ามเข้าแบ่งไปตามความสำคัญ
「นั่นสินะคะ
จะให้เด็กสาววัยรุ่นมาอาศัยอยู่ร่วมกันกับพวกทาสผู้ชายเผ่าเสือไปตลอดก็คงจะไม่ดีนัก」
เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา
เพื่อการใช้ชีวิตในอนาคตพวกเธอเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวที่จะไม่ให้คนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเช่นกัน
「ก็ตามนั้นล่ะ ในตอนนี้พวกเราได้รับพื้นที่มาใช้
ผมต้องการใช้มันอย่างคุ้มค่า
พวกเธอเองก็คงอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองมากกว่าจะมาอาศัยอยู่รวมกันในห้างแบบนี้ใช่มั๊ยล่ะ」
「ชั้นจะได้มีบ้านเป็นของตัวเองด้วยสินะคะ
ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยนะคะเนี่ย」
เด็กสาวหลายคนพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เพื่อผลักดันระบบเศรษฐกิจและการค้า การสร้างแรงกระตุ้นให้ทุกคนจึงเป็นเรื่องจำเป็น
และนี่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เจ้าทัตสึยะได้วางแผนล่วงหน้าเอาไว้
หากไม่มีสิ่งของที่อยากได้ทุกคนก็จะเริ่มขี้เกียจทำงาน
หากไม่มีศัตรูเหล่าทหารก็จะเริ่มอ่อนแอ นั่นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย
เพราะงั้นเจ้าทัตสึยะจึงเตรียมการวางระบบเงินเดือนให้กับทุกคน
และสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาเพื่อให้คนที่สนใจได้เลือกซื้อในสิ่งที่ตัวเองชอบ
หลังจากอธิบายจบทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันออกไปทำงานตามแบบแปลนที่ผมได้วาดเอาไว้
กลุ่มหนึ่งไปสร้างกำแพงชั้นนอกรัศมี 5 กิโลเมตร
ส่วนอีกกลุ่มก็ไปเริ่มสร้างอาคารหอพักสำหรับทหาร
กำแพงชั้นนอกในคราวนี้ผมสั่งให้สร้างสูงถึง
12 เมตร และมีความหนา 6 เมตร
ที่ต้องสร้างใหญ่ขนาดนี้ก็เพื่อให้สามารถสร้างห้องเก็บของและห้องบัญชาการรบไว้ด้านในได้
ส่วนอาคารหอพักนั้นจะแบ่งเป็นหอพักหญิงและหอพักชาย
เป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่มีห้องพักจำนวน 40 ห้อง ในแต่ละหอจะมีห้องอาบน้ำรวมและโรงอาหาร
ด้วยจำนวนที่พักมากขนาดนี้ทำให้พวกเราสามารถรับคนเข้ามาเพิ่มได้พอสมควร
เอาเถอะถ้าไม่พอก็ค่อยสร้างเพิ่มในอนาคตแล้วกัน
ส่วนเรื่องรับคนเข้ามาเพิ่มนั้นผมได้คิดเอาไว้คร่าวๆแล้ว
และที่ผมคิดเอาไว้ก็คือเผ่าพันธุ์โลลิเทียที่อาศัยอยู่ในป่ามายา
ถึงแม้พวกอัศวินจะบอกว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล่าที่บอกต่อกันมาแต่ผมน่ะคิดว่า
เผ่าพันธุ์โลลิเทียจะต้องหลบซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งอย่างแน่นอน
「เตรียมตัวพร้อมแล้วค่ะ อากิโอะซัง」
หลังจากตัดสินใจได้ผมก็ให้ริกะกับคาเอเดะไปเตรียมของที่จำเป็น
ซึ่งของจำเป็นที่ว่านั้นก็คือเครื่องดนตรี
พวกโลลิเทียน่ะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องชื่นชอบในเสียงดนตรีเป็นอย่างมาก
เพราะงั้นผมจึงคิดว่าบางทีหากใช้เสียงดนตรีล่ะก็อาจจะทำให้เจอตัวพวกนั้นก็ได้
นอกจากเครื่องดนตรีแล้วก็ยังมีชิโฮะจัง
เธอเป็นเด็กสาวที่ใช้เวทลมได้ แต่ที่สำคัญคือเธอมีสกิล Mana Vision ที่สามารถมองเห็นพลังมานาได้
ดังนั้นการหลบซ่อนตัวจากสายตาของเธอจึงไม่สามารถทำได้ง่ายๆ
ในโลกที่มีเวทมนต์นั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้
ยิ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้เวทลวงตาเป็นหลักด้วยแล้ว Mana
Vision จึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้หากจะต้องเข้าต่อสู้กับพวกนั้น และนั่นทำให้ผมเลือกเธอให้ติดตามไปด้วย
เพราะงั้นสมาชิกที่จะไปด้วยกันในคราวนี้จึงมีทั้งหมด
4 คน นั่นก็คือผม ริกะจัง คาเอเดะจัง แล้วก็ชิโฮะจัง พวกเราทั้ง 4
คนกระโดดขึ้นขี่หลังหมาป่าสีเทาที่ผมเลี้ยงเอาไว้และออกเดินทาง
ผมตัดสินใจเดินทางขึ้นเหนือ
เข้าสู่ส่วนลึกในป่ามายา
การอยู่ในอาศัยในป่านั้นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ยังต้องการแหล่งน้ำ
เพราะงั้นผมจึงตัดสินเริ่มสำรวจไปตามแนวแม่น้ำที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า
หลังจากค้นหาอยู่หลายชั่วโมงในที่สุดพวกเราก็เจอร่องรอย
มันเป็นรอยเท้าขนาดเล็กที่แตกต่างจากรอยเท้าของพวกสัตว์ป่า
ต้องขอบคุณหิมะที่ตกลงมาเมื่อวานทำให้พวกเราสามารถหาเจอได้โดยง่าย
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรต้องรีรอ
พวกเราก็ไล่ตามรอยเท้าไปจนเจอกับต้นไม้แปลกๆเข้า รอยเท้าเล็กๆนั้นได้หยุดอยู่บริเวณโคนของต้นไม้ใหญ่ต้นนี้
และเมื่อผมยื่นมือไปสัมผัสมันดู ผมก็ได้รับความรู้สึกแปลกๆตอบกลับมา
「ชิโฮะจัง เธอเห็นอะไรบ้างรึเปล่า」
ผมหันไปถามชิโฮะจังที่กำลังจ้องมองต้นไม้ใหญ่อย่างตื่นเต้น
เธอลองเดินวนดูรอบต้นไม้และสัมผัสมันดู
「ชั้นก็อธิบายไม่ค่อยถูกนะคะ
แต่มันมีมานาไหลเวียนอยู่หนาแน่นมากเลยน่ะค่ะ แล้วามันก็ไหลไปรวมกันตรงจุดนั้น」
ชิโฮะจังชี้ไปยังกิ่งหนึ่งของต้นไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป
「ช่วยไม่ได้นะ ผมไม่ได้เป็นพวกชอบรอซะด้วยสิ เพราะงั้นก็ช่วยทีนะชิโฮะจัง」
「เข้าใจแล้วค่ะ Wind Magic: Wind Walk」
ด้วยพลังของเวทมนต์ทำให้พวกเรากระโดดขึ้นไปบนกิ่งของต้นไม้ที่อยู่สูงได้โดยง่าย
เมื่อยืนยันจุดที่มานามารวมกันเรียบร้อยแล้วผมจึงลองซัดเข้าไปเต็มแรง
「นุ๊!!!」
วินาทีที่ผมชกถูกต้นไม้นั้นมีเสียงตกใจของเด็กสาวคนหนึ่งตอบกลับมา
ไม่เพียงแค่นั้นยังปรากฏภาพของบ้านเรือนบนต้นไม้
และเด็กสาวตัวเล็กที่มีปีกผีเสื้ออยู่กลางหลังขึ้นมาชั่วครู่หนึ่งและจางหายไป
「อุส่าถ่อมาถึงนี่แล้ว
ผมไม่ยอมกลับไปมือเปล่าหรอกนะ!!」
ผมตะโกนเข้าใส่ต้นไม้ดังกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ก่อนจะง้างหมัดขึ้นอีกครั้ง
แต่ในวินาทีที่หมัดของผมกำลังจะกระทบโดนต้นไม้นั้นก็มีเสียงน่ารักๆของเด็กสาวดังขึ้นมา
「นะ นู๋จะยอมยกน้ำหวานนี่ให้ก็ได้
เพราะงั้นได้โปรดอย่าทำลายหมู่บ้านของพวกเราเลย......ฮื......ฮือ......」
เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่มีปีกผีเสื้ออยู่กลางหลังปรากฏตัวออกมาจากต้นไม้นั้น
และเธอก็ยื่นโถ่ใส่น้ำที่อยู่ในมือมาให้กับผมทั้งน้ำตา
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็ต้องหยุดมือ
ถึงแม้ผมจะเป็นพวกไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น
แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะทำร้ายผู้อื่นโดยไร้เหตุผล
ผมแสยะยิ้มและเข้าไปกระซิบข้างหูของเด็กสาวเผ่าพันธุ์โลลิเทียคนนั้นเบาๆ
「ขอโทษจริงๆนะ แต่แค่โถน้ำนี่น่ะ
มันคงจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกของผมไม่ได้หรอก」
จากนั้นผมก็จับตัวเธอเอาไว้ ถึงแม้มันจะดูโหดร้าย
แต่สิ่งที่ผมจะทำมันก็ถือเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์โลลิเทียในอนาคตด้วยเช่นเดียวกัน
เสร็จอากิโอะล่ะ น้องหนูเผ่าโลลิเทียจ๋า พลาดแล้วที่ออกมาปรากฎตัว
ตอบลบฝั่งอากิโอะก็ได้ไปแล้ว 2 คนกับ 1 ตัว วู้ว! แข่งกันทำแต้มรึ?
แข่งกันเก็บฮาเร็ม....
ลบไอ้หล่อโหดพูดดีๆไม่ได้ใช้แต่แรง 5555
ตอบลบขอบคุณครับ
แน่นอนครับ ลุยเลย -0-//
ลบเจ้าอากิกิกิ๊กิ๊กิ๊กิ๊กิ๊กิ๊กิ๊กิ๊ เอ็งจะเหมายกหมู่บ้านเลยเหรอ
ตอบลบจะเหลือบ้างไหมหว่า....
ลบ