วันนี้ก็เป็นวันที่ 4
แล้วตั้งแต่ผมถูกวาปมายังโลกใบนี้ ถึงแม้พวกเราจะสามารถจัดการ King Goblin และยึดพื้นที่ห้างทั้งหมดกลับมาได้แล้ว
แต่ก็ยังคงมีเรื่องอื่นๆให้ทำอีกมากมาย
ยูเมะจังนั้นจัดทีมไปช่วยเหลือเด็กสาวหลายคนที่ยังไม่ได้อัพเลเวล
ถึงแม้จะไม่ชอบการต่อสู้แต่การที่มีสกิลสำหรับต่อสู้เพิ่มมานั้นมันก็ช่วยให้พวกเธอสามารถป้องกันตัวเองได้
ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องออกไปอัพเลเวล
ชิซึกุดูเหมือนจะกำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเกษตรในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง
เมื่อก่อนเธอเคยปลูกแค่ดอกไม้กับพวกผักแปลงเล็กๆเท่านั้น
ดังนั้นเพื่ออาหารสำหรับพวกเราในอนาคตแล้วเธอจึงเริ่มทำการศึกษาอย่างจริงจัง
คาโอริจังกับเด็กสาวอีกหลายคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเช้า
เพราะจำนวนของพวกเราในตอนนี้ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องเสียเวลามากตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
ยัยมิโฮะกับไอโกะจังไปช่วยกันลำเลียงวัตถุดิบอาหารทั้งหมดมาจากซุปเปอร์มาเก็ตที่ชั้นใต้ดิน
ก่อนหน้านี้ฮารุกะจังได้ติดตั้งวงเวทวาปเอาไว้ที่ชั้นใต้ดินเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งมันก็ทำให้การขนย้ายเสบียงสะดวกรวดเร็วขึ้นอย่างมาก
อากาเนะจังกับอาโอยจังและพวกโกเลมรับหน้าที่คอยลาดตระเวนและเฝ้าระวังผู้บุกรุกและการโจมตีจากพวกมอนสเตอร์
กลุ่มของพวกยูยะที่พึ่งมารวมกับเราเมื่อคืนนั้นออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบ
ดูเหมือนพวกนั้นจะตื่นเต้นกับโลกนี้ไม่เบา
ส่วนเจ้าอากิโอะกับพวกของริกะจังนั้นอยู่กันค่อนข้างดึกในตอนนี้เลยยังไม่ตื่นน่ะ
ฮารุกะจังกับไอริจังนั้นผมฝากไปให้ช่วยกันเตรียมของจำเป็นต่างๆสำหรับการเดินทางไปยังเมืองเวลล่า
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราต้องไปเมืองเวลล่านั้นมีอยู่ 5 ข้อ
ข้อ 1 คือการไปส่งพวกเซลฟีน่า
ความจริงแล้วจะปล่อยให้พวกเธอกลับไปเองก็ได้ แต่การที่อัศวินไม่กี่คนจะพานักโทษหลายสิบคนกลับไปด้วยนั้นมันเป็นเรื่องที่ลำบากพอดู
และการไปที่เมืองเวลล่าผมก็ยังได้ประโยชน์อีกหลายอย่าง
เพราะงั้นมันก็เหมือนกับว่าปาหินก้อนเดียวได้นกกลับมากลายตัวเลยล่ะ
เหตุผลข้อที่ 2 คือการหาข้อมูลของโลกใบนี้ ถึงแม้จะได้ข้อมูลของโลกนี้หลายอย่างมาจากพวกเซลฟีน่า
แต่มันก็ไม่เพียงพอ อีกอย่างจะไปเชื่อเธอทุกอย่างก็คงจะไม่ได้ เซลฟีน่านั้นเป็นลูกขุนนางชั้นสูง
เพราะงั้นบางทีเธออาจจะถูกสอนมาแบบนั้น ซึ่งข้อมูลที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหนทางในการกลับไปโลกเดิม
หากไปเมืองเวลล่าล่ะก็บางทีอาจจะมีบันทึกหรืออะไรที่เกี่ยวข้องบ้างก็ได้
ข้อที่ 3
คือการไปทำความรู้จักกับบรรดาพ่อค้าหรือผู้คนอื่นๆที่มีเส้นสายในโลกนี้ ยิ่งได้รู้จักคนมาก
โอกาสในเรื่องต่างๆก็ยิ่งมาก
พวกพ่อค้านั้นสามารถช่วยเหลือเรื่องการค้าและธุรกิจต่างๆในอนาคตได้ ส่วนพวกที่มีเส้นสายนั้นจะทำให้พวกเรามีช่องทางให้การทำเรื่องต่างๆได้กว้างขึ้น
ข้อที่ 4 คือเรื่องของเด็กสาวที่ผมช่วยมาเมื่อวาน
ในจำนวนที่ช่วยมาทั้งหมด 37 คนนั้นมี 6 คนที่เป็นเด็กสาวจากหมู่บ้านแถบนี้
ถึงจะบอกว่าแถบนี้แต่พวกเธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าหมู่บ้านของพวกเธอนั้นตั้งอยู่ตรงไหน
เพราะงั้นหากไปที่เมืองเวลล่าล่ะก็คงจะสามารถาหาแผนที่และตำแหน่งของหมู่บ้านพวกเธอได้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอพวกเธอทั้ง 6 คนได้ยินว่า
พวกเราต้องการหาจ้างคนเพื่อช่วยทำงานพวกเธอทั้งหมดก็ตอบตกลงในทันที
เพราะงั้นเหตุผลในการหาแผนที่จึงไม่ใช่การพาพวกเธอกลับบ้าน
แต่เป็นการพาพวกเธอกลับไปแจ้งข่าวให้ครอบครัว และหากโชคดีบางทีเราอาจจะได้ข้อมูลหรือสามารถหาแรงงานสำหรับจัดการเรื่องต่างๆเพิ่มได้อีก
เหตุผลข้อที่ 5 คือเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายภาษีทาส
หลังจากที่ได้หารือกันแล้ว พวกเราในตอนนี้น่ะต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือเรื่องอื่นๆก็จำเป็นต้องใช้คนเพิ่มทั้งนั้น
หากพวกเราต้องติดอยู่ที่โลกนี้ไปอีกหลายปีล่ะก็ จำเป็นจะต้องวางแผนจัดการแบ่งคนให้เหมาะสมกับการทำงานต่างๆ
สำหรับพวกทาสนั้นการที่พวกเค้าเข้าโจมตีพวกเรานั้นเป็นเพราะต้องทำตามคำสั่ง
ดังนั้นการจะไปเอาผิดหรือโกรธแค้นกันก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย
ก็ตามเหตุผลที่ว่ามาผมจึงตัดสินใจจะรับพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด
หลังจากจ่ายภาษีเรียบร้อยก็ดูเหมือนว่าจะได้โค๊ดเวทสำหรับการควบคุมกลับมาด้วย
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกนั้นจะทรยศหรือโจมตีพวกเราอีกในอนาคต
พูดถึงเรื่องโค๊ดเวทมนต์สำหรับการควบคุมนั้น
ดูเหมือนว่าโลกนี้จะมีอุปกรณ์บางอย่างที่สามารถทำการบันทึกคำสั่งเวทมนต์ลงไปได้
สำหรับพวกทาสแล้วก็คือปลอกคอที่พวกเค้าสวมใส่อยู่ในตอนนี้
ถ้าหากเป็นทาสที่มีการลงทะเบียนจ่ายภาษีอย่างถูกต้องล่ะก็
จะมีระบบป้องกันการเขียนคำสั่งเวทมนต์ทับลงไปอยู่
ดังนั้นการจะเปลี่ยนเจ้าจึงของจำเป็นต้องไปให้ร้านค้าทาสจัดการลบคำสั่งข้อมูลเก่าออกให้
แต่สำหรับทาสที่พวกเราจะรับมาดูแลนั้นหลังจากตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าเป็นทาสเถื่อนจริงๆ
ดังนั้นเพียงแค่ไปจ่ายภาษีและรับโค๊ดเวทมนต์มา
ก็จะสามารถเขียนคำสั่งเวทมนต์ทับของเก่าในปลอกคอได้ทันที
และนั่นก็เป็นผลจากวิศวกรรมเวทมนต์ของโลกใบนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกชื่นชมพอดูเลยทีเดียว
พอพูดถึงเรื่องภาษีแล้วผมก็ลองมาคำนวณเงินทั้งหมดที่มีในตอนนี้ดู ก่อนหน้านี้ผมกะว่าจะเอาเกลือหรือพวกอัญมณีไปขายเพื่อแลกเงิน
แต่เพราะได้เงินจำนวนมากมาจาก King
Goblin เลยทำให้ไม่ต้องลำบากไปทำการค้าขาย
กองเหรียญจำนวนมากนั้นได้เคย์โกะจังกับมายุจังมาช่วยกันแยกและตรวจนับ
หน้าที่ในการจัดการทำบัญชีและเก็บเงินนั้นเป็นของผมและพวกเธอ
เหรียญทอง 354 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 10,000 รีล รวมแล้วก็ 3,540,000
รีล
เหรียญเงินใหญ่ 482 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 1,000 รีล รวมแล้วก็ 482,000
รีล
เหรียญเงิน 836 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 100 รีล รวมแล้วก็ 83,600 รีล
เหรียญทองแดงใหญ่ 241 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 10 รีล รวมแล้วก็ 2,410 รีล
เหรียญทองแดง 2243 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 1 รีล รวมแล้วก็ 2,243 รีล
รวมทั้งหมดแล้วก็ 4,110,253 รีล
รีลนั้นเป็นหน่วยเงินของโลกนี้ ไม่ว่าจะประเทศไหนก็ใช้แบบเดียวกันซึ่งนั่นทำให้สะดวกในการแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นอย่างมาก
ทาสชายมนุษย์เสือคนละ 10,000 รีล มีทั้งหมด 17 คน ก็ 170,000 รีล
ทาสเด็กสาวมนุษย์แมวคนละ 25,000 รีล มีทั้งหมด 8 คน ก็ 200,000
รีล
ที่ภาษีทาสของเด็กสาวสูงกว่ามากนั้น อาจจะเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเธอถูกซื้อไปใช้สำหรับทำเรื่องอย่างว่าโดยง่าย
หลังจากจ่ายภาษีทาสแล้วพวกเราก็จะเหลือเงิน 3,740,253
รีล เนื่องจากไม่รู้ค่าครองชีพและราคาสินค้าในโลกนี้
ผมจึงคิดว่าน่าจะมีเงินเผื่อเอาไว้เยอะหน่อย
ดังนั้นถึงแม้มันจะฟังดูไม่ดีนักแต่ผมก็ให้เคย์โกะช่วยจัดการให้
「เอ่อทำแบบนี้มันจะไม่เป็นไรงั้นเหรอคะ...」
เคย์โกะที่กำลังจับกล่องใส่เงินทั้งหมดเอาไว้ถามออกมาด้วยความลังเล
「แค่ครั้งเดียวน่ะ
หลังนี้ผมจะคิดเรื่องการค้าอย่างจริงจัง
แต่อย่างน้อยพวกเราก็ต้องมีทุนเอาไว้มากหน่อยน่ะ」
หลังจากที่ผมยืนยันอย่างหนักแน่นแล้ว
เธอก็ทำการก๊อบปี้เงินทั้งหมดออกมา ดังนั้นในตอนนี้เงินที่พวกเรามีทั้งหมดก็คือ 8,220,506
รีล ด้วยจำนวนเท่านี้ผมคิดว่าคงจะเพียงพอสำหรับเรื่องทุกๆอย่างในอนาคตแล้ว
「ไม่เป็นไรนะเคย์โกะจัง」
「พอไหวค่ะ......」
เคย์โกะจังยิ้มและฝืนตอบกลับมา
เธอเอามือแนบหน้าอกและหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า การใช้สกิล Duplication นั้นเปลืองมานาเป็นอย่างมาก
ขนาดเลเวลสูงขึ้นมาแล้วก็ยังใช้ได้ไม่บ่อยนัก และอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่สามารถก๊อบปี้พวกคริสตันหรืออาวุธระดับสูงออกมาได้
「ต่อไปก็สถานที่เก็บเงินล่ะนะ」
แน่นอนว่าพวกเราจะเก็บเงินทั้งหมดไว้ในเซฟที่ถูกเอริจังปรับแต่งมาแล้วให้ทนทานและไม่สามารถเปิดได้โดยบุคคลอื่นนอกจากผม
เคย์โกะจังและมายุจัง แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้วพวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปเอาซ่อนเอาไว้เพื่อไม่ให้พวกทาสหรือบุคคลภายนอกมาเห็นเอาได้ง่ายๆ
「ถ้าเป็นที่นี่ไม่มีใครรู้แน่นอนค่ะ」
「สมกับเป็นเคย์โกะจังยอดไปเลยน๊า」
「นั่นสินะ ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็ไม่มีใครคิดถึงแน่ๆ」
หลังจากตกลงกันได้เรียบร้อยพวกเราก็เอาตู้เซฟไปเก็บไว้ตามที่เคย์โกะจังแนะนำ
แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด ที่ผมนำไปเก็บไว้ในตู้เซฟนั้นมีเพียงแค่เหรียญทอง 700
เหรียญ หรือก็คือ 7 ล้านรีล
ส่วนเงินที่เหลือนั้นผมได้แบ่งไปให้แต่ละคนที่มีความจำเป็นต้องใช้
อย่างเช่นเอริจังที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการจ่ายค่าจ้าง ให้กับบรรดาเด็กสาวที่พวกเราจ้างมาช่วยงานบ้านต่างๆ
「สุดท้ายก็ไอ้นี่สินะ」
เรื่องสุดท้ายที่ผมต้องจัดการก็คือ Skill Crystal ซึ่งในตอนนี้มีทั้งหมด 3 เม็ด
ตามจริงแล้ว King Goblin ดรอบมาทั้งหมด 4 เม็ดด้วยกัน
แต่ผมแบ่งให้เจ้าอากิโอะไปเม็ดหนึ่งแล้ว
สำหรับพวกผม 3 คนในตอนนี้หากนำเทียบกับคนอื่นๆแล้ว
เรียกได้ว่าสกิลต่อสู้ของพวกเราน่ะแทบจะไม่มีเลย ตัวผมนั้นยังดีที่มีสกิล Rapid ที่ช่วยเพิ่มแค่ความเร็วในการเคลื่อนที่
แต่กับมายุจังและเคย์โกะจังนั้น พวกเธอไม่มีสกิลสำหรับช่วยต่อสู้เลย
ดังนั้นถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะได้สกิลอะไรมาก็ตาม
แต่มันก็เป็นเรื่องถูกแล้วที่จะมอบ Skill Crystal ที่เป็นแรร์ไอเทมให้กับพวกเธอคนละเม็ด
พวกเธอทั้งสองคนนั้นมีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในตอนที่ต่อสู้กับ King Goblin และเพราะเหตุนั้นทำให้ไม่มีใครคัดค้าน
「เจ้านี่สวยจังเลยนะคะ」
「ถ้าได้สกิลสำหรับต่อสู้มาล่ะก็
มันจะมีประโยชน์มากเลยล่ะ」
「นั่นสินะคะ
ถ้าทำให้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้นล่ะก็....」
เคย์โกะจังทำหน้าเสียดายหลังจากที่ใช้ Skill Crystal ไป
บางทีเธออาจจะชอบพวกอัญมณีต่างๆ ส่วนมายุจังแสดงรอยยิ้มแปลกๆออกมา
บางทีเธออาจจะคาดหวังอะไรบางอย่างเอาไว้
สกิลที่ผมได้รับจากการใช้ Skill Crystal มานั้นมีชื่อว่า Goddess Aura ซึ่งส่งผลให้สมาชิกปาร์ตี้ที่อยู่ในขอบเขตการแสดงผล ได้รับค่าสเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น
ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นสกิลต่อสู้โดยตรง
แต่ก็ถือเป็นสกิลที่มีประโยชน์ในการต่อสู้ค่อนข้างมาก
สกิลที่เคย์โกะจังได้มาคือ Regeneration หลังจากทดสอบดูแล้วมันเป็นบัพที่ส่งผลให้บาดแผลหายอย่างรวดเร็ว
สกิลนี้ก็เช่นเดียวกันถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียวสำหรับการต่อสู้ในอนาคต
ส่วนสกิลที่มายุจังได้รับมานั้นคือ Enchant Lighting เป็นสกิลที่จะใส่ธาตุสายฟ้าให้กับอาวุธ
จากที่ทดลองกับหอกของมายุจังดูนั้น
หอกที่เธอถืออยู่ก็เกิดประกายแสงสายฟ้ากระพริบเปรี๊ยะๆอยู่ตลอดเวลา
ถึงจะยังไม่ได้ทดสอบกับพวกมอนสเตอร์แต่แค่ลองมองดูก็รู้สึกได้ถึงอันตรายจากหอกในมือเธอมากแล้ว
ในระหว่างทดสอบอยู่นั้น ก็มีข้อความแจ้งว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว
เพราะงั้นพวกผมจึงกลับไปยังชั้น 8 เพื่อทานอาหารเช้า
หลังจากนั้นจะได้ออกเดินทางกันซักที
อ่านทันตอนล่าสุดซะแล้ว ขอบคุณมากครับ ยังสนุกเช่นเคย
ตอบลบกำลังคิดบทพูดในตอนต่อไปอยู่ครับ -0-//
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณครับเพิ่งจะเริ่มอ่านเรื่องนี้วันแรกอ่านตั้งแต่ตอนแรกยันตอนนี้ยิงยาวเลยครับสนุกมาก
ตอบลบ