ตอนที่ 2 เงินสกุลรีล


วันนี้ก็เป็นวันที่ 4 แล้วตั้งแต่ผมถูกวาปมายังโลกใบนี้ ถึงแม้พวกเราจะสามารถจัดการ King Goblin และยึดพื้นที่ห้างทั้งหมดกลับมาได้แล้ว แต่ก็ยังคงมีเรื่องอื่นๆให้ทำอีกมากมาย

ยูเมะจังนั้นจัดทีมไปช่วยเหลือเด็กสาวหลายคนที่ยังไม่ได้อัพเลเวล ถึงแม้จะไม่ชอบการต่อสู้แต่การที่มีสกิลสำหรับต่อสู้เพิ่มมานั้นมันก็ช่วยให้พวกเธอสามารถป้องกันตัวเองได้ ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องออกไปอัพเลเวล

ชิซึกุดูเหมือนจะกำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเกษตรในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เมื่อก่อนเธอเคยปลูกแค่ดอกไม้กับพวกผักแปลงเล็กๆเท่านั้น ดังนั้นเพื่ออาหารสำหรับพวกเราในอนาคตแล้วเธอจึงเริ่มทำการศึกษาอย่างจริงจัง

คาโอริจังกับเด็กสาวอีกหลายคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเช้า เพราะจำนวนของพวกเราในตอนนี้ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องเสียเวลามากตามไปด้วยเช่นเดียวกัน

ยัยมิโฮะกับไอโกะจังไปช่วยกันลำเลียงวัตถุดิบอาหารทั้งหมดมาจากซุปเปอร์มาเก็ตที่ชั้นใต้ดิน ก่อนหน้านี้ฮารุกะจังได้ติดตั้งวงเวทวาปเอาไว้ที่ชั้นใต้ดินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้การขนย้ายเสบียงสะดวกรวดเร็วขึ้นอย่างมาก

อากาเนะจังกับอาโอยจังและพวกโกเลมรับหน้าที่คอยลาดตระเวนและเฝ้าระวังผู้บุกรุกและการโจมตีจากพวกมอนสเตอร์

กลุ่มของพวกยูยะที่พึ่งมารวมกับเราเมื่อคืนนั้นออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบ ดูเหมือนพวกนั้นจะตื่นเต้นกับโลกนี้ไม่เบา ส่วนเจ้าอากิโอะกับพวกของริกะจังนั้นอยู่กันค่อนข้างดึกในตอนนี้เลยยังไม่ตื่นน่ะ

ฮารุกะจังกับไอริจังนั้นผมฝากไปให้ช่วยกันเตรียมของจำเป็นต่างๆสำหรับการเดินทางไปยังเมืองเวลล่า

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราต้องไปเมืองเวลล่านั้นมีอยู่ 5 ข้อ

ข้อ 1 คือการไปส่งพวกเซลฟีน่า ความจริงแล้วจะปล่อยให้พวกเธอกลับไปเองก็ได้ แต่การที่อัศวินไม่กี่คนจะพานักโทษหลายสิบคนกลับไปด้วยนั้นมันเป็นเรื่องที่ลำบากพอดู และการไปที่เมืองเวลล่าผมก็ยังได้ประโยชน์อีกหลายอย่าง เพราะงั้นมันก็เหมือนกับว่าปาหินก้อนเดียวได้นกกลับมากลายตัวเลยล่ะ

เหตุผลข้อที่ 2 คือการหาข้อมูลของโลกใบนี้ ถึงแม้จะได้ข้อมูลของโลกนี้หลายอย่างมาจากพวกเซลฟีน่า แต่มันก็ไม่เพียงพอ อีกอย่างจะไปเชื่อเธอทุกอย่างก็คงจะไม่ได้ เซลฟีน่านั้นเป็นลูกขุนนางชั้นสูง เพราะงั้นบางทีเธออาจจะถูกสอนมาแบบนั้น ซึ่งข้อมูลที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหนทางในการกลับไปโลกเดิม หากไปเมืองเวลล่าล่ะก็บางทีอาจจะมีบันทึกหรืออะไรที่เกี่ยวข้องบ้างก็ได้

ข้อที่ 3 คือการไปทำความรู้จักกับบรรดาพ่อค้าหรือผู้คนอื่นๆที่มีเส้นสายในโลกนี้ ยิ่งได้รู้จักคนมาก โอกาสในเรื่องต่างๆก็ยิ่งมาก พวกพ่อค้านั้นสามารถช่วยเหลือเรื่องการค้าและธุรกิจต่างๆในอนาคตได้ ส่วนพวกที่มีเส้นสายนั้นจะทำให้พวกเรามีช่องทางให้การทำเรื่องต่างๆได้กว้างขึ้น

ข้อที่ 4 คือเรื่องของเด็กสาวที่ผมช่วยมาเมื่อวาน ในจำนวนที่ช่วยมาทั้งหมด 37 คนนั้นมี 6 คนที่เป็นเด็กสาวจากหมู่บ้านแถบนี้ ถึงจะบอกว่าแถบนี้แต่พวกเธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าหมู่บ้านของพวกเธอนั้นตั้งอยู่ตรงไหน เพราะงั้นหากไปที่เมืองเวลล่าล่ะก็คงจะสามารถาหาแผนที่และตำแหน่งของหมู่บ้านพวกเธอได้

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอพวกเธอทั้ง 6 คนได้ยินว่า พวกเราต้องการหาจ้างคนเพื่อช่วยทำงานพวกเธอทั้งหมดก็ตอบตกลงในทันที เพราะงั้นเหตุผลในการหาแผนที่จึงไม่ใช่การพาพวกเธอกลับบ้าน แต่เป็นการพาพวกเธอกลับไปแจ้งข่าวให้ครอบครัว และหากโชคดีบางทีเราอาจจะได้ข้อมูลหรือสามารถหาแรงงานสำหรับจัดการเรื่องต่างๆเพิ่มได้อีก

เหตุผลข้อที่ 5 คือเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายภาษีทาส หลังจากที่ได้หารือกันแล้ว พวกเราในตอนนี้น่ะต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือเรื่องอื่นๆก็จำเป็นต้องใช้คนเพิ่มทั้งนั้น หากพวกเราต้องติดอยู่ที่โลกนี้ไปอีกหลายปีล่ะก็ จำเป็นจะต้องวางแผนจัดการแบ่งคนให้เหมาะสมกับการทำงานต่างๆ

สำหรับพวกทาสนั้นการที่พวกเค้าเข้าโจมตีพวกเรานั้นเป็นเพราะต้องทำตามคำสั่ง ดังนั้นการจะไปเอาผิดหรือโกรธแค้นกันก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย ก็ตามเหตุผลที่ว่ามาผมจึงตัดสินใจจะรับพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด หลังจากจ่ายภาษีเรียบร้อยก็ดูเหมือนว่าจะได้โค๊ดเวทสำหรับการควบคุมกลับมาด้วย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกนั้นจะทรยศหรือโจมตีพวกเราอีกในอนาคต

พูดถึงเรื่องโค๊ดเวทมนต์สำหรับการควบคุมนั้น ดูเหมือนว่าโลกนี้จะมีอุปกรณ์บางอย่างที่สามารถทำการบันทึกคำสั่งเวทมนต์ลงไปได้ สำหรับพวกทาสแล้วก็คือปลอกคอที่พวกเค้าสวมใส่อยู่ในตอนนี้

ถ้าหากเป็นทาสที่มีการลงทะเบียนจ่ายภาษีอย่างถูกต้องล่ะก็ จะมีระบบป้องกันการเขียนคำสั่งเวทมนต์ทับลงไปอยู่ ดังนั้นการจะเปลี่ยนเจ้าจึงของจำเป็นต้องไปให้ร้านค้าทาสจัดการลบคำสั่งข้อมูลเก่าออกให้

แต่สำหรับทาสที่พวกเราจะรับมาดูแลนั้นหลังจากตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าเป็นทาสเถื่อนจริงๆ ดังนั้นเพียงแค่ไปจ่ายภาษีและรับโค๊ดเวทมนต์มา ก็จะสามารถเขียนคำสั่งเวทมนต์ทับของเก่าในปลอกคอได้ทันที และนั่นก็เป็นผลจากวิศวกรรมเวทมนต์ของโลกใบนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกชื่นชมพอดูเลยทีเดียว

พอพูดถึงเรื่องภาษีแล้วผมก็ลองมาคำนวณเงินทั้งหมดที่มีในตอนนี้ดู ก่อนหน้านี้ผมกะว่าจะเอาเกลือหรือพวกอัญมณีไปขายเพื่อแลกเงิน แต่เพราะได้เงินจำนวนมากมาจาก King Goblin เลยทำให้ไม่ต้องลำบากไปทำการค้าขาย

กองเหรียญจำนวนมากนั้นได้เคย์โกะจังกับมายุจังมาช่วยกันแยกและตรวจนับ หน้าที่ในการจัดการทำบัญชีและเก็บเงินนั้นเป็นของผมและพวกเธอ

เหรียญทอง 354 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 10,000 รีล รวมแล้วก็ 3,540,000 รีล
เหรียญเงินใหญ่ 482 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 1,000 รีล รวมแล้วก็ 482,000 รีล
เหรียญเงิน 836 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 100 รีล รวมแล้วก็ 83,600 รีล
เหรียญทองแดงใหญ่ 241 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 10 รีล รวมแล้วก็ 2,410 รีล
เหรียญทองแดง 2243 เหรียญ 1 เหรียญมีค่า 1 รีล รวมแล้วก็ 2,243 รีล
รวมทั้งหมดแล้วก็ 4,110,253 รีล

รีลนั้นเป็นหน่วยเงินของโลกนี้ ไม่ว่าจะประเทศไหนก็ใช้แบบเดียวกันซึ่งนั่นทำให้สะดวกในการแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นอย่างมาก

ทาสชายมนุษย์เสือคนละ 10,000 รีล มีทั้งหมด 17 คน ก็ 170,000 รีล
ทาสเด็กสาวมนุษย์แมวคนละ 25,000 รีล มีทั้งหมด 8 คน ก็ 200,000 รีล

ที่ภาษีทาสของเด็กสาวสูงกว่ามากนั้น อาจจะเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเธอถูกซื้อไปใช้สำหรับทำเรื่องอย่างว่าโดยง่าย

หลังจากจ่ายภาษีทาสแล้วพวกเราก็จะเหลือเงิน 3,740,253 รีล เนื่องจากไม่รู้ค่าครองชีพและราคาสินค้าในโลกนี้ ผมจึงคิดว่าน่าจะมีเงินเผื่อเอาไว้เยอะหน่อย ดังนั้นถึงแม้มันจะฟังดูไม่ดีนักแต่ผมก็ให้เคย์โกะช่วยจัดการให้

เอ่อทำแบบนี้มันจะไม่เป็นไรงั้นเหรอคะ...

เคย์โกะที่กำลังจับกล่องใส่เงินทั้งหมดเอาไว้ถามออกมาด้วยความลังเล

แค่ครั้งเดียวน่ะ หลังนี้ผมจะคิดเรื่องการค้าอย่างจริงจัง แต่อย่างน้อยพวกเราก็ต้องมีทุนเอาไว้มากหน่อยน่ะ

หลังจากที่ผมยืนยันอย่างหนักแน่นแล้ว เธอก็ทำการก๊อบปี้เงินทั้งหมดออกมา ดังนั้นในตอนนี้เงินที่พวกเรามีทั้งหมดก็คือ 8,220,506 รีล ด้วยจำนวนเท่านี้ผมคิดว่าคงจะเพียงพอสำหรับเรื่องทุกๆอย่างในอนาคตแล้ว

ไม่เป็นไรนะเคย์โกะจัง

พอไหวค่ะ......

เคย์โกะจังยิ้มและฝืนตอบกลับมา เธอเอามือแนบหน้าอกและหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า การใช้สกิล Duplication นั้นเปลืองมานาเป็นอย่างมาก ขนาดเลเวลสูงขึ้นมาแล้วก็ยังใช้ได้ไม่บ่อยนัก และอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่สามารถก๊อบปี้พวกคริสตันหรืออาวุธระดับสูงออกมาได้

ต่อไปก็สถานที่เก็บเงินล่ะนะ

แน่นอนว่าพวกเราจะเก็บเงินทั้งหมดไว้ในเซฟที่ถูกเอริจังปรับแต่งมาแล้วให้ทนทานและไม่สามารถเปิดได้โดยบุคคลอื่นนอกจากผม เคย์โกะจังและมายุจัง แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้วพวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปเอาซ่อนเอาไว้เพื่อไม่ให้พวกทาสหรือบุคคลภายนอกมาเห็นเอาได้ง่ายๆ

ถ้าเป็นที่นี่ไม่มีใครรู้แน่นอนค่ะ

สมกับเป็นเคย์โกะจังยอดไปเลยน๊า

นั่นสินะ ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็ไม่มีใครคิดถึงแน่ๆ

หลังจากตกลงกันได้เรียบร้อยพวกเราก็เอาตู้เซฟไปเก็บไว้ตามที่เคย์โกะจังแนะนำ แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด ที่ผมนำไปเก็บไว้ในตู้เซฟนั้นมีเพียงแค่เหรียญทอง 700 เหรียญ หรือก็คือ 7 ล้านรีล

ส่วนเงินที่เหลือนั้นผมได้แบ่งไปให้แต่ละคนที่มีความจำเป็นต้องใช้ อย่างเช่นเอริจังที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการจ่ายค่าจ้าง ให้กับบรรดาเด็กสาวที่พวกเราจ้างมาช่วยงานบ้านต่างๆ

สุดท้ายก็ไอ้นี่สินะ

เรื่องสุดท้ายที่ผมต้องจัดการก็คือ Skill Crystal ซึ่งในตอนนี้มีทั้งหมด 3 เม็ด ตามจริงแล้ว King Goblin ดรอบมาทั้งหมด 4 เม็ดด้วยกัน แต่ผมแบ่งให้เจ้าอากิโอะไปเม็ดหนึ่งแล้ว

สำหรับพวกผม 3 คนในตอนนี้หากนำเทียบกับคนอื่นๆแล้ว เรียกได้ว่าสกิลต่อสู้ของพวกเราน่ะแทบจะไม่มีเลย ตัวผมนั้นยังดีที่มีสกิล Rapid ที่ช่วยเพิ่มแค่ความเร็วในการเคลื่อนที่ แต่กับมายุจังและเคย์โกะจังนั้น พวกเธอไม่มีสกิลสำหรับช่วยต่อสู้เลย

ดังนั้นถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะได้สกิลอะไรมาก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องถูกแล้วที่จะมอบ Skill Crystal ที่เป็นแรร์ไอเทมให้กับพวกเธอคนละเม็ด พวกเธอทั้งสองคนนั้นมีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในตอนที่ต่อสู้กับ King Goblin และเพราะเหตุนั้นทำให้ไม่มีใครคัดค้าน

เจ้านี่สวยจังเลยนะคะ

ถ้าได้สกิลสำหรับต่อสู้มาล่ะก็ มันจะมีประโยชน์มากเลยล่ะ

นั่นสินะคะ ถ้าทำให้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้นล่ะก็....

เคย์โกะจังทำหน้าเสียดายหลังจากที่ใช้ Skill Crystal ไป บางทีเธออาจจะชอบพวกอัญมณีต่างๆ ส่วนมายุจังแสดงรอยยิ้มแปลกๆออกมา บางทีเธออาจจะคาดหวังอะไรบางอย่างเอาไว้

สกิลที่ผมได้รับจากการใช้ Skill Crystal มานั้นมีชื่อว่า Goddess Aura ซึ่งส่งผลให้สมาชิกปาร์ตี้ที่อยู่ในขอบเขตการแสดงผล ได้รับค่าสเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นสกิลต่อสู้โดยตรง แต่ก็ถือเป็นสกิลที่มีประโยชน์ในการต่อสู้ค่อนข้างมาก

สกิลที่เคย์โกะจังได้มาคือ Regeneration หลังจากทดสอบดูแล้วมันเป็นบัพที่ส่งผลให้บาดแผลหายอย่างรวดเร็ว สกิลนี้ก็เช่นเดียวกันถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียวสำหรับการต่อสู้ในอนาคต

ส่วนสกิลที่มายุจังได้รับมานั้นคือ Enchant Lighting เป็นสกิลที่จะใส่ธาตุสายฟ้าให้กับอาวุธ จากที่ทดลองกับหอกของมายุจังดูนั้น หอกที่เธอถืออยู่ก็เกิดประกายแสงสายฟ้ากระพริบเปรี๊ยะๆอยู่ตลอดเวลา ถึงจะยังไม่ได้ทดสอบกับพวกมอนสเตอร์แต่แค่ลองมองดูก็รู้สึกได้ถึงอันตรายจากหอกในมือเธอมากแล้ว

ในระหว่างทดสอบอยู่นั้น ก็มีข้อความแจ้งว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว เพราะงั้นพวกผมจึงกลับไปยังชั้น 8 เพื่อทานอาหารเช้า หลังจากนั้นจะได้ออกเดินทางกันซักที
 

4 ความคิดเห็น:

  1. อ่านทันตอนล่าสุดซะแล้ว ขอบคุณมากครับ ยังสนุกเช่นเคย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กำลังคิดบทพูดในตอนต่อไปอยู่ครับ -0-//

      ลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับเพิ่งจะเริ่มอ่านเรื่องนี้วันแรกอ่านตั้งแต่ตอนแรกยันตอนนี้ยิงยาวเลยครับสนุกมาก

    ตอบลบ