-- มุมมองของโนเอล --
ป้อมปราการที่ 1 นั้นมีทหารรักษาการณ์อยู่ประมาณ 300 นาย
หากรวมกับกองร้อยทหารพรานที่ 1 อีก 200 นายแล้วก็มีทหารอยู่เพียงแค่ 500 นายเท่านั้น
ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้หากเป็นทหารของจักรวรรดิล่ะก็ แค่ปกป้องป้อมปราการเอาไว้จากพวกมอนสเตอร์ก็ยังเรียกได้ว่าลำบาก
แต่เนื่องจากทหารของอาณาจักรออร์ธรอสนั้นมีความสามารถสูง
อีกทั้งยังมีอาวุธและชุดเกราะชั้นเลิศอยู่
พวกเค้าจึงสามารถที่จะแบ่งกำลังออกไปช่วยเหลือพวกชาวบ้านในแถบใกล้เคียงได้
แต่ถึงอย่างนั้นด้วยจำนวนทหารเพียงเท่านี้ก็ยังมีไม่เพียงพอที่จะแบ่งกำลังออกไปช่วยเหลือเมืองเนอราเชียที่อยู่ห่างออกไปกว่า
70 กิโลเมตรได้
เมื่อได้รู้ถึงความจริงในข้อนี้ก็ทำให้ชั้นถึงกับสิ้นหวังและทรุดลงไปกับพื้น
และในตอนนั้นเองที่ชั้นได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกำลังเสริมที่น่าจะเดินทางมาถึงในวันนี้
เนื่องด้วยอาณาจักรออร์ธรอสมีเรือเวทมนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้แม้จะไม่มีลมทะเลมาคอยหนุน
พวกเค้าจึงสามารถส่งกำลังสนับสนุนมายังป้อมปราการได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ถึงจะไม่รู้ว่ากองทหารสนับสนุนที่กำลังมาในวันนี้จะสามารถไปช่วยเมืองเนอราเชียได้หรือไม่
แต่เนื่องจากมันเป็นเพียงความหวังเดียวชั้นจึงได้แต่เฝ้ารอคอย
และในที่สุดความหวังที่ชั้นเฝ้ารอคอยก็มาถึง
ในระหว่างที่ท่านหญิงอาเรียและพวกหัวหน้าทหารกำลังประชุมกันอยู่ก็มีอัศวินสาวสวยคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
「「「ไอโกะซามะ!!」」」
เธอเป็นอัศวินสาวแสนงดงามที่แต่งกายในชุดเกราะสีดำและผ้าคลุมที่ดูหรูหรา
หากดูจากปฏิกิริยาของผู้คนในห้องที่แม้แต่ท่านหญิงอาเรียยังต้องก้มหัวให้แล้ว
ชั้นคิดว่าเธอคนนี้คงจะต้องเป็นคนสำคัญของอาณาจักรออร์ธรอสเป็นแน่
「ดะ ได้โปรดเถอะค่ะท่านอัศวิน!! ได้โปรดช่วยท่านพ่อท่านแม่
ได้โปรดช่วยเมืองของพวกเราด้วยเถอะค่ะ」
แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ
ชั้นตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาอัศวินคนนั้นและคุกเข่าลงเพื่อทำการขอร้อง
และถึงมันจะเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัว แต่ตัวชั้นในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
หากพวกเค้าสามารถช่วยท่านพ่อท่านแม่ได้ล่ะก็
หากพวกเค้าสามารถช่วยเหลือเมืองเนอราเชียได้ล่ะก็
ไม่ว่าหลังจากนี้พวกเค้าจะเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนชั้นก็ยินดีที่จะทำ
แม้แต่ชีวิตของชั้นก็สามารถมอบให้ได้
ขอเพียงแค่พวกเค้ายอมช่วยเหลือ ขอเพียงแค่ช่วยชีวิตทุกคนในเมือง ขอเพียงแค่ช่วยชีวิตทุกคนในครอบครัวของชั้นได้ต่อให้ต้องทรยศต่อจักรวรรดิเอลติซชั้นก็ยินดี
ชั้นวิงวอนสุดหัวใจต่ออัศวินตรงหน้าทั้งน้ำตา
「อย่าได้พูดเรื่องเห็นแก่ตัวแบบนั้นสิคะท่านหญิง
เพียงแค่นี้พวกเค้าก็ได้ให้ความช่วยเหลือกับพวกเรามากแล้วนะคะ」
「ต้องขอโทษกับคำพูดเอาแต่ใจของท่านหญิงด้วยจริงๆค่ะ」
เนื่องจากการกระทำที่เอาแต่ใจของชั้นทำให้เอน่าจังต้องรีบเข้ามาขอโทษแทน
「หน้าที่ของกองอัศวินคือการช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเดือดร้อน
ถึงแม้จะไม่สามารถรับปากได้ว่าจะช่วยได้ทั้งหมด
แต่พวกเราก็จะให้การช่วยเหลือเมืองของเธออย่างเต็มที่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ」
และในที่สุดความหวังของชั้นก็เป็นจริง คำพูดของอัศวินสาวคนนั้นที่ตอบรับและบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือนั้นทำให้ชั้นรู้สึกดีใจจนถึงที่สุด
「ขะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะท่านอัศวิน」
ชั้นพูดขอบคุณออกไปด้วยรอยยิ้มทั้งๆที่ใบหน้าใบตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา
ความรู้สึกดีใจที่เอ่อล้นออกมานั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้
เช่นเดียวกับน้ำตาแห่งความดีใจที่ยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
เช้าวันถัดมาหลังจากท่านอัศวินได้วางแผนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดินทาง
เพื่อความสะดวกในการค้นหาผู้รอดชีวิตชั้นจึงได้ขออาสาไปเป็นคนนำทาง
พวกเราออกเดินทางกันด้วยพาหนะเวทมนต์เล็กใหญ่หลายคัน ภารกิจในครั้งนี้คือการค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่ยังรอดชีวิต
เนื่องจากไม่ใช่การบุกไปทำสงครามกับพวกมอนสเตอร์โดยตรงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คนมากนัก
และเนื่องจากท่านอัศวินหญิงเมื่อวานและท่านจอมเวทเดินทางไปพร้อมกันด้วยจึงสามารถมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้
พาหนะเวทมนต์นั้นเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งๆที่พวกเราต้องใช้เวลาเกือบ
2 วันกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่การเดินทางไปยังเมืองเนอราเชียในครั้งนี้กลับใช้เวลาเพียงแค่
30 นาทีเท่านั้น
「ในสนามรบจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างก็ไม่ทราบ
ยังไงก็สวมเจ้านี่เอาไว้ก็แล้วกันครับ」
อัศวินหนุ่มยื่นผ้าคลุมสีดำผืนหนึ่งออกมาให้กับชั้น ถึงในสายตาของชั้นเค้าจะเป็นอัศวินหนุ่มรูปงามที่ดูน่าเกรงขาม
แต่จากที่ได้ยินมาเหมือนเค้าจะอายุมากกว่าชั้นเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น
ในตอนแรกชั้นรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ทั้งๆที่อายุเพียงแค่นั้นแต่ทำไมถึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ากองอัศวินที่
1 แห่งออร์ธรอสกันนะ
แต่หลังจากได้เห็นทักษะในการใช้ดาบของเค้าแล้วชั้นก็ต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับเค้าแล้วแค่คำว่าเก่งกาจก็อาจจะยังน้อยเกินไป สำหรับอัศวินหนุ่มคนนี้น่าจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่าอัจฉริยะเสียด้วยซ้ำ
พวกกับมอนสเตอร์อย่าง Merman นั้นหากต้องการกำจัดมันล่ะก็
อย่างน้อยก็ต้องใช้ทหารฝีมือถึง 2-3 คน แต่สำหรับเค้าแล้วเพียงแค่ตวัดดาบไปมาเท่านั้นก็สามารถล้มพวก
Merman ได้ทีเดียวหลายตัว
ดูเหมือนว่าชื่อเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งทวีปของบรรดาทหารแห่งอาณาจักรออร์ธรอสนั้นคงจะเป็นความจริง......ไม่สิ.....บางทีความจริงที่ได้เห้นอยู่ตรงหน้านี้อาจจะมากกว่าข่าวลือที่ชั้นเคยได้ยินมาเสียอีก
หลังจากมาถึงด้านในเมืองเนอราเชียพวกเราก็แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆเพื่อเริ่มทำการค้นหาตามจุดสำคัญต่างๆ
เมืองเนอราเชียที่เคยสวยงามนั้นตอนนี้กลับกลายเป็นเมืองร้างที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและบ้านเรือนที่พังทลาย
กลุ่มของชั้นนั้นจะไปค้นหาในพื้นที่บริเวณปราสาทเนอราเชียที่อยู่ทางทิศตะวันตก
และเนื่องจากถนนภายในเมืองนั้นค่อนข้างแคบแถมยังเป็นทางลาดชันซะส่วนใหญ่พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกการเดินเท้า
ระหว่างทางพวกเราเข้าได้ปะทะกับพวก Merman ที่มีอยู่มากมาย และทุกๆครั้งที่ได้พบกับพวกมันพวกเราก็ต้องเจอกับซากศพของผู้คนกระจัดกระจายอยู่เช่นเดียวกัน
หากเป็นศพของผู้ชายพวกเค้าก็จะถูกกัดกินจนไม่ทราบว่าเป็นใคร ส่วนสภาพศพของหญิงสาวนั้นพวกเธอทุกคนถูกขืนใจจนตายอย่างน่าอนาถ
แต่ในตอนนี้พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้พยายามทำใจและเดินผ่านไปเงียบๆเท่านั้น
ภาพต่างๆที่ได้เห็นนั้นทำเอาชั้นแทบจะอาเจียนออกมา แต่ด้วยยาสมุนไพรที่พวกท่านอัศวินมอบทำให้อาการพอจะบรรเทาลงไปได้พอสมควร
「โอ๊ย!!!」
เพราะมัวแต่เหม่อลอยอยู่ชั้นจึงถูกพวกมันตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่บนหลังคาๆพุ่งเข้าหาพร้อมกับจับตัวชั้นกดลงไปกับพื้น
โชคยังดีที่ชั้นใส่ผ้าคลุมสีดำนี่เอาไว้จึงทำให้ไม่ได้รับบาดแผล ดูเหมือนเจ้าผ้าคลุมสีดำนี่จะมีเวทมนต์บางอย่างที่คอยช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้บาดเจ็บ
「อะ อ๊า!! ยะ อย่านะ!!!」
เจ้า Merman แลบลิ้นน่าเกลียดของมันออกมาโลมเลียไปทั่วใบหน้าของชั้น และถึงแม้ชั้นพยายามผลักเจ้า
Merman ออกไปสุดแรง แต่ด้วยพละกำลังของเด็กสาวของชั้นจึงเป็นไปไม่ได้
ดาบในมือก็ดันทำหลุดมือหล่นอยู่ห่างออกไปจึงทำได้เพียงแค่ตะโกนขอความช่วยเหลือ
「เธอไม่ใช่ของเล่นของพวกแกนะโว๊ย!!!」
อัศวินหนุ่มตะโกนพร้อมกับถีบพื้นและพุ่งเข้าตวัดดาบใส่เจ้า Merman ขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะยื่นมือออกมาช่วยพยุงชั้นให้ลุกขึ้น
「ขะ ขอบคุณค่ะ....」
ชั้นพูดขอบคุณออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่ดูเหมือนที่น้ำเสียงของชั้นเป็นแบบนี้จะไม่ได้เป็นเพราะความหวาดกลัว
แถมตอนที่ได้สบตากับเค้าหัวใจของชั้นมันก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา.....หรือว่าชั้นจะ......
「ไม่เป็นไรนะครับ」
อัศวินหนุ่มเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหยิบเศษใบไม้ที่ติดอยู่ตามผมของชั้นออกไป
การกระทำที่อ่อนโยนของเค้ามันก็ยิ่งทำให้ชั้นรู้สึกเขินอายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก.....
「เห้ยๆกัสต้า ถ้าอยากจะจีบสาวก็เอาไว้ทีหลัง
มาทำเป็นเล่นในระหว่างภารกิจแบบนี้เด๋วไอโกะซามะก็โกรธเอา..............พวกมึงก็อย่ามาเกะกะสิวะ!!」
อัศวินเผ่าหมาป่าคนหนึ่งพูดขึ้นมาระหว่างฟาดฟันพวก Merman ที่วิ่งเข้ามาใกล้เพราะได้ยินเสียงการต่อสู้
「พวกนายนี่นะ ไม่รู้จักวิธีปฏิบัติตัวต่อหน้าสาวสวยเอาซะเลย
ในเวลาแบบนี้น่ะมันต้องทำคะแนนเว๊ย!! หัดไปศึกษาเรื่องแบบนี้จากทัตสึยะซามะกันบ้าง!!」
สะ สาวสวย...!! สาวสวยที่เค้าพูด.......หมายถึง.....ชั้น......งั้นเหรอ.......
ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีผู้คนมากมายที่เข้าหาชั้นเพราะเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลเนอราเชีย
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นได้ยินคำพูดเยอยอที่ไม่ได้หวังผลประโยชน์
และนั่นทำให้ชั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
「หัวหน้า ทางด้านนั้นยังมีคนรอดชีวิตอยู่ครับ!!」
ในขณะที่พวกเค้ากำลังคุยเล่นกันอยู่นั้น อัศวินหนุ่มคนหนึ่งที่ออกไปสำรวจบริเวณกำแพงปราสาทก็กลับมารายงาน
ดูเหมือนว่าจะยังมีคนที่รอดชีวิตเหลืออยู่
และถึงแม้ชั้นจะไม่รู้ว่าคนที่รอดชีวิตอยู่เป็นใคร
แต่ภายใจมันก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา.......เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร หากสามารถชีวิตเอาไว้ได้ล่ะก็......อย่างน้อยที่พวกเราออกมาตามหามันก็ยังไม่สูญเปล่า......
และเมื่อตามอัศวินหนุ่มคนนั้นไปชั้นก็พบหญิงสาวที่ชั้นรู้จักเป็นอย่างดี
「ทะ ท่านแม่!!!」
ชั้นรีบวิ่งเข้าไปหาท่านแม่ในทันที
สภาพของท่านแม่ในตอนนี้ไม่น่าดูนัก ชุดเสื้อผ้าที่เคยสวยงามถูกฉีดขาดจนไม่เหลือ ตามร่างกายเองก็เต็มไปด้วยรอยช้ำและคราบของเหลวสกปรก
ดวงตาที่เคยงดงามของท่านแม่ในตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต
บทมาแบบนี้ เสร็จกัสต้าสินะ ^^
ตอบลบ