ตอนที่ 21 การช่วยเหลือเมืองเนอราเชีย บทที่ 1



-- มุมมองของโนเอล --                                      

ป้อมปราการที่ 1 นั้นมีทหารรักษาการณ์อยู่ประมาณ 300 นาย หากรวมกับกองร้อยทหารพรานที่ 1 อีก 200 นายแล้วก็มีทหารอยู่เพียงแค่ 500 นายเท่านั้น ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้หากเป็นทหารของจักรวรรดิล่ะก็ แค่ปกป้องป้อมปราการเอาไว้จากพวกมอนสเตอร์ก็ยังเรียกได้ว่าลำบาก

แต่เนื่องจากทหารของอาณาจักรออร์ธรอสนั้นมีความสามารถสูง อีกทั้งยังมีอาวุธและชุดเกราะชั้นเลิศอยู่ พวกเค้าจึงสามารถที่จะแบ่งกำลังออกไปช่วยเหลือพวกชาวบ้านในแถบใกล้เคียงได้

แต่ถึงอย่างนั้นด้วยจำนวนทหารเพียงเท่านี้ก็ยังมีไม่เพียงพอที่จะแบ่งกำลังออกไปช่วยเหลือเมืองเนอราเชียที่อยู่ห่างออกไปกว่า 70 กิโลเมตรได้

เมื่อได้รู้ถึงความจริงในข้อนี้ก็ทำให้ชั้นถึงกับสิ้นหวังและทรุดลงไปกับพื้น และในตอนนั้นเองที่ชั้นได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกำลังเสริมที่น่าจะเดินทางมาถึงในวันนี้

เนื่องด้วยอาณาจักรออร์ธรอสมีเรือเวทมนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้แม้จะไม่มีลมทะเลมาคอยหนุน พวกเค้าจึงสามารถส่งกำลังสนับสนุนมายังป้อมปราการได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

ถึงจะไม่รู้ว่ากองทหารสนับสนุนที่กำลังมาในวันนี้จะสามารถไปช่วยเมืองเนอราเชียได้หรือไม่ แต่เนื่องจากมันเป็นเพียงความหวังเดียวชั้นจึงได้แต่เฝ้ารอคอย

และในที่สุดความหวังที่ชั้นเฝ้ารอคอยก็มาถึง ในระหว่างที่ท่านหญิงอาเรียและพวกหัวหน้าทหารกำลังประชุมกันอยู่ก็มีอัศวินสาวสวยคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา

「「「ไอโกะซามะ!!」」」

เธอเป็นอัศวินสาวแสนงดงามที่แต่งกายในชุดเกราะสีดำและผ้าคลุมที่ดูหรูหรา หากดูจากปฏิกิริยาของผู้คนในห้องที่แม้แต่ท่านหญิงอาเรียยังต้องก้มหัวให้แล้ว ชั้นคิดว่าเธอคนนี้คงจะต้องเป็นคนสำคัญของอาณาจักรออร์ธรอสเป็นแน่

ดะ ได้โปรดเถอะค่ะท่านอัศวิน!! ได้โปรดช่วยท่านพ่อท่านแม่ ได้โปรดช่วยเมืองของพวกเราด้วยเถอะค่ะ

แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ ชั้นตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาอัศวินคนนั้นและคุกเข่าลงเพื่อทำการขอร้อง และถึงมันจะเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัว แต่ตัวชั้นในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

หากพวกเค้าสามารถช่วยท่านพ่อท่านแม่ได้ล่ะก็ หากพวกเค้าสามารถช่วยเหลือเมืองเนอราเชียได้ล่ะก็ ไม่ว่าหลังจากนี้พวกเค้าจะเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนชั้นก็ยินดีที่จะทำ แม้แต่ชีวิตของชั้นก็สามารถมอบให้ได้

ขอเพียงแค่พวกเค้ายอมช่วยเหลือ ขอเพียงแค่ช่วยชีวิตทุกคนในเมือง ขอเพียงแค่ช่วยชีวิตทุกคนในครอบครัวของชั้นได้ต่อให้ต้องทรยศต่อจักรวรรดิเอลติซชั้นก็ยินดี ชั้นวิงวอนสุดหัวใจต่ออัศวินตรงหน้าทั้งน้ำตา

อย่าได้พูดเรื่องเห็นแก่ตัวแบบนั้นสิคะท่านหญิง เพียงแค่นี้พวกเค้าก็ได้ให้ความช่วยเหลือกับพวกเรามากแล้วนะคะ

ต้องขอโทษกับคำพูดเอาแต่ใจของท่านหญิงด้วยจริงๆค่ะ

เนื่องจากการกระทำที่เอาแต่ใจของชั้นทำให้เอน่าจังต้องรีบเข้ามาขอโทษแทน

หน้าที่ของกองอัศวินคือการช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเดือดร้อน ถึงแม้จะไม่สามารถรับปากได้ว่าจะช่วยได้ทั้งหมด แต่พวกเราก็จะให้การช่วยเหลือเมืองของเธออย่างเต็มที่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ

และในที่สุดความหวังของชั้นก็เป็นจริง คำพูดของอัศวินสาวคนนั้นที่ตอบรับและบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือนั้นทำให้ชั้นรู้สึกดีใจจนถึงที่สุด

ขะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะท่านอัศวิน

ชั้นพูดขอบคุณออกไปด้วยรอยยิ้มทั้งๆที่ใบหน้าใบตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกดีใจที่เอ่อล้นออกมานั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ เช่นเดียวกับน้ำตาแห่งความดีใจที่ยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด

เช้าวันถัดมาหลังจากท่านอัศวินได้วางแผนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดินทาง เพื่อความสะดวกในการค้นหาผู้รอดชีวิตชั้นจึงได้ขออาสาไปเป็นคนนำทาง

พวกเราออกเดินทางกันด้วยพาหนะเวทมนต์เล็กใหญ่หลายคัน ภารกิจในครั้งนี้คือการค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่ยังรอดชีวิต เนื่องจากไม่ใช่การบุกไปทำสงครามกับพวกมอนสเตอร์โดยตรงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คนมากนัก

และเนื่องจากท่านอัศวินหญิงเมื่อวานและท่านจอมเวทเดินทางไปพร้อมกันด้วยจึงสามารถมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ พาหนะเวทมนต์นั้นเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งๆที่พวกเราต้องใช้เวลาเกือบ 2 วันกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่การเดินทางไปยังเมืองเนอราเชียในครั้งนี้กลับใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น

ในสนามรบจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างก็ไม่ทราบ ยังไงก็สวมเจ้านี่เอาไว้ก็แล้วกันครับ

อัศวินหนุ่มยื่นผ้าคลุมสีดำผืนหนึ่งออกมาให้กับชั้น ถึงในสายตาของชั้นเค้าจะเป็นอัศวินหนุ่มรูปงามที่ดูน่าเกรงขาม แต่จากที่ได้ยินมาเหมือนเค้าจะอายุมากกว่าชั้นเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น

ในตอนแรกชั้นรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ทั้งๆที่อายุเพียงแค่นั้นแต่ทำไมถึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ากองอัศวินที่ 1 แห่งออร์ธรอสกันนะ

แต่หลังจากได้เห็นทักษะในการใช้ดาบของเค้าแล้วชั้นก็ต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับเค้าแล้วแค่คำว่าเก่งกาจก็อาจจะยังน้อยเกินไป สำหรับอัศวินหนุ่มคนนี้น่าจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่าอัจฉริยะเสียด้วยซ้ำ

พวกกับมอนสเตอร์อย่าง Merman นั้นหากต้องการกำจัดมันล่ะก็ อย่างน้อยก็ต้องใช้ทหารฝีมือถึง 2-3 คน แต่สำหรับเค้าแล้วเพียงแค่ตวัดดาบไปมาเท่านั้นก็สามารถล้มพวก Merman ได้ทีเดียวหลายตัว

ดูเหมือนว่าชื่อเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งทวีปของบรรดาทหารแห่งอาณาจักรออร์ธรอสนั้นคงจะเป็นความจริง......ไม่สิ.....บางทีความจริงที่ได้เห้นอยู่ตรงหน้านี้อาจจะมากกว่าข่าวลือที่ชั้นเคยได้ยินมาเสียอีก

หลังจากมาถึงด้านในเมืองเนอราเชียพวกเราก็แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆเพื่อเริ่มทำการค้นหาตามจุดสำคัญต่างๆ เมืองเนอราเชียที่เคยสวยงามนั้นตอนนี้กลับกลายเป็นเมืองร้างที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและบ้านเรือนที่พังทลาย

กลุ่มของชั้นนั้นจะไปค้นหาในพื้นที่บริเวณปราสาทเนอราเชียที่อยู่ทางทิศตะวันตก และเนื่องจากถนนภายในเมืองนั้นค่อนข้างแคบแถมยังเป็นทางลาดชันซะส่วนใหญ่พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกการเดินเท้า

ระหว่างทางพวกเราเข้าได้ปะทะกับพวก Merman ที่มีอยู่มากมาย และทุกๆครั้งที่ได้พบกับพวกมันพวกเราก็ต้องเจอกับซากศพของผู้คนกระจัดกระจายอยู่เช่นเดียวกัน

หากเป็นศพของผู้ชายพวกเค้าก็จะถูกกัดกินจนไม่ทราบว่าเป็นใคร ส่วนสภาพศพของหญิงสาวนั้นพวกเธอทุกคนถูกขืนใจจนตายอย่างน่าอนาถ แต่ในตอนนี้พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้พยายามทำใจและเดินผ่านไปเงียบๆเท่านั้น

ภาพต่างๆที่ได้เห็นนั้นทำเอาชั้นแทบจะอาเจียนออกมา แต่ด้วยยาสมุนไพรที่พวกท่านอัศวินมอบทำให้อาการพอจะบรรเทาลงไปได้พอสมควร

โอ๊ย!!!

เพราะมัวแต่เหม่อลอยอยู่ชั้นจึงถูกพวกมันตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่บนหลังคาๆพุ่งเข้าหาพร้อมกับจับตัวชั้นกดลงไปกับพื้น โชคยังดีที่ชั้นใส่ผ้าคลุมสีดำนี่เอาไว้จึงทำให้ไม่ได้รับบาดแผล ดูเหมือนเจ้าผ้าคลุมสีดำนี่จะมีเวทมนต์บางอย่างที่คอยช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้บาดเจ็บ

อะ อ๊า!! ยะ อย่านะ!!!

เจ้า Merman แลบลิ้นน่าเกลียดของมันออกมาโลมเลียไปทั่วใบหน้าของชั้น และถึงแม้ชั้นพยายามผลักเจ้า Merman ออกไปสุดแรง แต่ด้วยพละกำลังของเด็กสาวของชั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ดาบในมือก็ดันทำหลุดมือหล่นอยู่ห่างออกไปจึงทำได้เพียงแค่ตะโกนขอความช่วยเหลือ

เธอไม่ใช่ของเล่นของพวกแกนะโว๊ย!!!

อัศวินหนุ่มตะโกนพร้อมกับถีบพื้นและพุ่งเข้าตวัดดาบใส่เจ้า Merman ขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะยื่นมือออกมาช่วยพยุงชั้นให้ลุกขึ้น

ขะ ขอบคุณค่ะ....

ชั้นพูดขอบคุณออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่ดูเหมือนที่น้ำเสียงของชั้นเป็นแบบนี้จะไม่ได้เป็นเพราะความหวาดกลัว แถมตอนที่ได้สบตากับเค้าหัวใจของชั้นมันก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา.....หรือว่าชั้นจะ......

ไม่เป็นไรนะครับ

อัศวินหนุ่มเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหยิบเศษใบไม้ที่ติดอยู่ตามผมของชั้นออกไป การกระทำที่อ่อนโยนของเค้ามันก็ยิ่งทำให้ชั้นรู้สึกเขินอายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก.....

เห้ยๆกัสต้า ถ้าอยากจะจีบสาวก็เอาไว้ทีหลัง มาทำเป็นเล่นในระหว่างภารกิจแบบนี้เด๋วไอโกะซามะก็โกรธเอา..............พวกมึงก็อย่ามาเกะกะสิวะ!!

อัศวินเผ่าหมาป่าคนหนึ่งพูดขึ้นมาระหว่างฟาดฟันพวก Merman ที่วิ่งเข้ามาใกล้เพราะได้ยินเสียงการต่อสู้

พวกนายนี่นะ ไม่รู้จักวิธีปฏิบัติตัวต่อหน้าสาวสวยเอาซะเลย ในเวลาแบบนี้น่ะมันต้องทำคะแนนเว๊ย!! หัดไปศึกษาเรื่องแบบนี้จากทัตสึยะซามะกันบ้าง!!

สะ สาวสวย...!!  สาวสวยที่เค้าพูด.......หมายถึง.....ชั้น......งั้นเหรอ.......

ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีผู้คนมากมายที่เข้าหาชั้นเพราะเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลเนอราเชีย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นได้ยินคำพูดเยอยอที่ไม่ได้หวังผลประโยชน์ และนั่นทำให้ชั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

หัวหน้า ทางด้านนั้นยังมีคนรอดชีวิตอยู่ครับ!!

ในขณะที่พวกเค้ากำลังคุยเล่นกันอยู่นั้น อัศวินหนุ่มคนหนึ่งที่ออกไปสำรวจบริเวณกำแพงปราสาทก็กลับมารายงาน ดูเหมือนว่าจะยังมีคนที่รอดชีวิตเหลืออยู่

และถึงแม้ชั้นจะไม่รู้ว่าคนที่รอดชีวิตอยู่เป็นใคร แต่ภายใจมันก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา.......เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร หากสามารถชีวิตเอาไว้ได้ล่ะก็......อย่างน้อยที่พวกเราออกมาตามหามันก็ยังไม่สูญเปล่า......

และเมื่อตามอัศวินหนุ่มคนนั้นไปชั้นก็พบหญิงสาวที่ชั้นรู้จักเป็นอย่างดี

ทะ ท่านแม่!!!

ชั้นรีบวิ่งเข้าไปหาท่านแม่ในทันที สภาพของท่านแม่ในตอนนี้ไม่น่าดูนัก ชุดเสื้อผ้าที่เคยสวยงามถูกฉีดขาดจนไม่เหลือ ตามร่างกายเองก็เต็มไปด้วยรอยช้ำและคราบของเหลวสกปรก ดวงตาที่เคยงดงามของท่านแม่ในตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต

1 ความคิดเห็น: