ตอนที่ 23 งานเทศกาลสเตรเชีย บทที่ 2



-- มุมมองของรูริโกะ --                            

ช่วงสายของวันที่ 21 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 837 วันแรกของงานเทศกาล

ชั้น มิคาซึกิ รูริโกะ หลังจากที่หมดสติไปเมื่อคืน พอรู้สึกตัวอีกทีชั้นและเพื่อนๆก็ได้เดินทางมาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติภายในเมืองสเตรเชีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรออร์ธรอสแล้วล่ะค่ะ

แล้วทำไมชั้นถึงสลบไปแบบนั้นกันแน่นะ เนื่องจากความทรงจำในช่วงนั้นค่อนข้างเลือนรางชั้นจึงไม่แน่ใจนัก แน่พวกเพื่อนๆบอกว่าชั้นอาจจะเมาเรือเหาะก็เป็นไปได้.....ซึ่งมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆก็ได้สินะคะ.....

อุว๊า ที่นี่สวยจังเลย ราวกับดินแดนในความฝันเลยนะคะ
โอ้ววว สะ สุดยอดเลย....! สุดยอดไปเลย อาคารสูงใหญ่เพียบเลย!!
ว๊าววว!! สุดเลยไปเลยนะคะเนี่ย!! สมแล้วที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเวทมนต์!!
อืมม....ก็ไม่เลว......ล่ะนะ

และนั่นก็คือคำพูดแรกของตัวชั้นและเพื่อนๆหลังจากที่พวกเราได้ผ่านการกรอกเอกสารและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ต้องขอบอกเลยว่าเมืองสเตรเชียนี่เป็นที่ที่สุดยอดเลยจริงๆค่ะ พวกพนักงานที่ทำหน้าที่ตรวจตราคนเข้าเมืองนั้นทำงานได้ดูน่าไว้วางใจมากๆเลยค่ะ

ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมายก็ย่อมมีปัญหาตามมามาก แต่ทั้งๆแบบนั้นพวกเค้ากลับจัดการปัญหาทั้งหมดได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ทั้งการตัดสินใจและแนวทางในการแก้ปัญหานั้นทั้งเฉียบขาดและชอบธรรม และการทำงานของพวกเค้ายังไม่ไปกระทบกับหน่วยงานอื่นๆเลยแม้แต่นิดเดียวด้วยล่ะค่ะ

หลังจากนั้นพวกเราก็ผ่านออกมายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้าท่าทางน่าสนใจเป็นจำนวนมาก แต่พวกเราก็ไม่ได้เงินทองมากพอที่จะซื้อสิ่งของทุกอย่างที่ต้องการ ซึ่งนั่นก็ทำให้โคโทริจังและซากุระโกะจังรู้สึกเสียใจมากๆ พวกเธออยากได้เสื้อผ้าและชุดชั้นในใหม่มากเลยล่ะค่ะ

หลังจากผ่านอาคารผู้สายขาเข้าออกมาแล้ว ในขณะนี้พวกเราก็กำลังเดินอยู่บนทางเดินหินอ่อนซึ่งอยู่สูงขึ้นมาจากพื้นดินอย่างมาก โดยเจ้าทางเดินนี้จะเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักเบื้องล่างโดยตรง จะว่ายังไงดี ชั้นคิดว่าทุกอย่างมันสุดยอดไปหมดเลยล่ะค่ะ

ในตอนแรกที่ชั้นมองลงมาจากเรือเหาะนั้น ชั้นคิดว่าที่นี่เป็นเมืองที่งดงามมากแล้วนะคะ แต่ตอนนี้คงต้องถอนคำพูดเลยค่ะ ซึ่งนั้นก็เป็นเพราะในตอนนั้นชั้นยังไม่ได้เห็นพื้นที่ภายในตัวเมืองชัดเจนสักเท่าไหร่นัก

เพราะในความเป็นจริงแล้ว ทิวทัศน์รอบด้านที่เต็มไปด้วยอาคารสูงใหญ่รูปร่างแปลกๆนั้นช่างดูสวยสง่าน่าหลงใหลและยังทำให้รู้สึกโหยหาอย่างน่าประหลาดมากเลยล่ะค่ะ ต้องบอกเลยล่ะว่า คำว่างดงามนั้นคงจะน้อยเกินไป ชั้นไม่สามารถที่จะสรรหาคำพูดมาบรรยายความงดงามของเมืองแห่งนี้ได้เลยค่ะ

และก็ไม่ใช่เพียงตัวเมืองเท่านั้น เพราะในตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงงานเทศกาลนั้น ตลอดถนนสายหลักรวมถึงบริเวณทางเท้าต่างถูกประดับประดาไปด้วยร้านค้าและสิ่งของตกแต่งสีสันสวยงามแปลกตา ผู้คนมากมายที่เดินทางมาพร้อมกับพวกเราเองก็ดูจะตื่นเต้นประหลาดใจไม่ต่างจากพวกเราเช่นกัน

จะว่าไปแล้ว ชั้นไม่รู้สึกหนาวเลยนะคะ ทั้งๆที่พื้นที่ด้านนอกเมืองตลอดทางเต็มไปด้วยหิมะแท้ๆ
ซากุระโกะนี่ไม่รู้อะไรซะเลยน๊า ที่นี่เมืองสเตรเชียนี่น่ะน๊า เค้ามีระบบบาเรียปรับสภาพอากาศ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันพายุหิมะรวมถึงยังทำการปรับอุณหภูมิให้เย็นสบาย และเหมาะสมกับการอยู่อาศัยไงล่ะ

โคโทริจังตอบข้อสงสัยของซากุระโกะจังด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าช่วงที่ชั้นสลบไปนั้น ซากุระโกะจังได้ไปตระเวนหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเมืองสเตรเชียแห่งนี้มาจากพวกพนักงานบนเรือเหาะ เพราะเหตุนั้นเธอจึงได้รู้เรื่องราวต่างๆมากมายเกี่ยวกับเมืองสเตรเชียแห่งนี้

ซึ่งมันก็น่าเสียดายเหมือนกันนะคะ เพราะถ้าชั้นไม่ไดสลบไปล่ะก็ บางทีชั้นเองก็อาจจะได้รู้เรื่องราวของเมืองสเตรเชียแห่งนี้มากกว่านี้ก็เป็นได้

วะ วะ ว๊า!! ขบวนพาเหรดกำลังจะผ่านมาทางนี้แล้วน๊า!! พวกเราก็รีบไปกันเถอะ!!

และในขณะที่พวกเรากำลังสนุกสนานกับการชมวิวทิวทัศน์อยู่นั้น โคโทริจังก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรีบวิ่งลงไปยังถนนสายหลักที่อยู่เบื้อล่างด้วยสีหน้าสนุกสนานราวกับเด็กๆที่พึ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ ผู้คนมากมายรอบๆพวกเราที่ได้ยินเสียงตะโกนของโคโทริจังเองต่างก็พากันรีบวิ่งตามเธอไป

ทั้งๆที่พวกเรามาเพื่อทำภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แถมพวกเรายังเป็นกลุ่มมือสังหารเลือดเย็น และยังเป็นศัตรูกับผู้คนในประเทศนี้ด้วยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมทั้งตัวชั้นและเพื่อนๆถึงได้ทำตัวตื่นเต้นสนุกสนานกับภารกิจได้มากมายขนาดนี้ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่แปลกจริงๆเลยนะคะ

รูริโกะจัง พวกเราก็รีบไปกันเถอะ!!

ซากุระโกะจังเข้ามาจูงมือ และพาชั้นวิ่งลงไปด้านล่างด้วยกัน และเมื่อพวกเราลงไปถึงยังระเบียงชมวิว ผู้คนมากมายที่วิ่งนำมาก่อนก็ได้หยุดยืนรอกันอยู่ก่อนแล้ว พวกเราที่ตามมาทีหลังจึงต้องพยายามเบียดผู้คนเข้าไปด้านใน การเบียดเข้าไปในฝูงชนนี้มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากเลยล่ะค่ะ

รูริโกะ ซากุระโกะ ทางนี้เร็วเข้า!! ทางนี้!!

พวกเราตามเสียงของโคโทริจังเข้าไปยังริมรอบระเบียง และในตอนนั้นเองชั้นก็เริ่มได้ยินเสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีหลากหลายประเภทดังก้องไปทั่วบริเวณ ขบวนพาเหรดเปิดงานเทศกาลออร์ธรอสจากทั้ง 7 ประเทศที่เข้าร่วมในงานเทศกาลครั้งนี้นั้นได้เดินผ่านด้านล่างพวกเราไป

เหล่าเด็กสาวผู้นำขบวนในชุดฟู่ฟ่าน่ารักมากมายต่างหันมาโบกไม้โบกมือพร้อมกับควงคทาและโยนขึ้นไปบนฟ้าพร้อมๆกัน หลังจากนั้นก็เป็นขบวนของนักดนตรีที่ถือเครื่องคนตรีรูปร่างหน้าตาประหลาดต่างบรรเลงเพลงที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานและอ่อนโยน ซึ่งบทเพลงเหล่านั้นแม้ตัวชั้นจะไม่เคยได้ยินก่อน แต่มันไม่รู้ทำไมชั้นกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะคะ.....

ขบวนพาเหรดของเหล่าเด็กหนุ่มสาวจาก 7 ประเทศนั้นมีทั้งแบบน่ารักสดใสในชุดแฟนซี บางประเทศก็มากันในชุดอัศวินเต็มยศที่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม บางประเทศก็มีการแสดงลูกเล่นที่หลากหลาย บางประเทศก็มีการโยนแจกจ่ายลูกอมและขนมชิ้นเล็กๆไปให้กับเหล่าผู้ชมรอบทาง

โชคดีจริงๆเลยนะคะที่พวกเราได้มาที่นี่ในวันนี้

ซากุระโกะจังพูดขึ้นพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตา และถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่บนใบหน้าของชั้นเองก็ได้มีน้ำตาหลั่งไหลออกมาเช่นเดียวกัน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เพียงแค่ชั้นเท่านั้น เพราะโคโทริจังหรือแม้แต่มากิจังเองก็เช่นเดียวกัน

ถึงแม้พวกเธอจะเป็นผู้ที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแต่ก็ยังมีด้านที่อ่อนโยนแบบนี้ด้วยเหมือนกันสินะคะ

หลังจากขบวนพาเหรดผ่านไปแล้ว พวกเราก็พากันเข้าไปเช็คอินกับโรงแรมที่ได้จองเอาไว้ล่วงหน้า โดยโรงแรมที่พวกเราพักนั้นถึงแม้จะเป็นโรงแรมสำหรับคนธรรมดาทั่วไปแต่มันก็เป็นโรงแรมที่มีความปลอดภัยสูง และที่สำคัญคือตัวอาคารนั้นมีขนาดใหญ่มาก ความสูงของตัวอาคารนั้นสูงถึง 20 ชั้นเลยทีเดียว ช่างเป็นโรงแรมที่สุดยอดจริงๆเลยล่ะค่ะ

แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อดีน๊า

ชั้นได้บอกให้พวกลูกน้องแยกย้ายกันไปหาข้อมูลข่าวสารแล้ว แต่ยังไงพวกเราเองก็ลองไปหาข่าวสารกันด้วยคงจะดีกว่านะคะ....

และหลังจากได้ลองปรึกษากันดูแล้ว ทุกคนก็ลงความเห็นออกมาพร้อมกันว่า....

ไปงานประกวดน้องเมดยอดนิยมกันนะคะ!!
ไปงานเปิดตัวสวนสนุกคริสตี้แลนด์กันดีกว่านะคะ!!!
พวกเราควรจะไปเข้าร่วมงานแข่งกินของหวานมาราทอนกันน๊า!!
งานวัฒนธรรมโรงเรียนหลวงสเตรเชียน่าสนใจที่สุดค่ะ!!

สุดท้ายพวกเราทุกคนจึงได้ตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปหาข้อมูลของเจ้าหญิงฟลอร่าตามสถานที่ต่างๆ และค่อยกลับมารวมตัวกันที่โรงแรมแห่งนี้ในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน โดยในระหว่างนั้นหากมีเรื่องเร่งด่วนก็จะทำการติดต่อกันด้วยอุปกรณ์เวทราคาแพงที่ชื่อสมาร์ทโฟน

พอพูดถึงเจ้าสมาร์ทโฟนชั้นคิดว่าเป็นอุปกรณ์เวทที่สุดยอดไปเลยนะคะ เพราะหากพวกเราอยู่ในเขตของประเภทที่เป็นพันมิตรของอาณาจักรเวทมนต์แล้วล่ะก็ ด้วยอุปกรณ์เวทนี้จะทำให้พวกเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ในทันทีเลย ช่างเป็นอุปกรณ์เวทที่สะดวกสบายจริงๆ แต่ราคาของมันนี่ก็น่าดูเลยล่ะค่ะ......



-- มุมมองของทัตสึยะ --

ช่วงบ่ายของวันที่ 21 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 837 วันแรกของงานเทศกาล

ผมมาที่โรงเรียนหลวงสเตรเชียเพื่อมาดูการแสดงของอเดลจังรวมทั้งการแสดงของนักเรียนสาขาอื่นๆ ซึ่งนอกจากตัวผมแล้วก็ยังมียูเมะจังกับอาเรียจังนั่งอยู่ข้างๆ นอกจากพวกเธอแล้วก็ยังมีแอเรียสจังที่นั่งอยู่บนตักของผม และยังมีมาเรียจังและพวกเมดลูกน้องของเธอคอยทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ด้านหลังอีกด้วย

โดยที่นั่งของพวกเรานั้นเป็นที่นั่งพิเศษซึ่งอยู่บนชั้น 2 ซึ่งทำให้ง่ายต่อการคุ้มกัน ภายในงานเทศกาลครั้งนี้มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก และการที่มีผู้คนจำนวนมากขนาดนั้นทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ดังนั้นผมจึงต้องคิดถึงความปลอดภัยของแอเรียสจังรวมถึงผู้คนส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน

ในเวลาปกตินั้นมิฮารุจังจะทำหน้าที่ตรวจสอบพวกคนที่เป็นศัตรูด้วยสกิล Search แต่ในงานเทศกาลครั้งนี้มันมีจุดสีแดงที่แสดงถึงความเป็นศัตรูอยู่มากมายหลายพันคน

ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะเข้าจับกุมพวกเขาทั้งหมดในทันที เพราะเหตุนั้นเองจึงทำได้แค่คอยเฝ้าจับตาดูคนพวกนั้นเอาไว้ก่อน และหากพวกนั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรผิดปกติล่ะก็ คงจำเป็นจะต้องให้พวกทหารจากทางกองทัพนำกำลังเข้ามาควบคุมสถานการณ์

แต่ยังไงผมก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะลงมือทำอะไรที่มันบุ่มบ่ามในเวลาที่มีบุคคลสำคัญมากมายหลายประเทศรวมกันอยู่แบบนี้หรอก และอีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนั้นจะสามารถแอบนำอาวุธผ่านระบบป้องกันของพวกเราเข้ามา ดังนั้นระดับความปลอดภัยในตอนนี้จึงยังอยู่ในระดับที่พอรับได้

อุว๊า ท่านพี่หญิงอเดลสวยมากเลยค่ะ!!
อเดลจางงงง คาวาอี้!!!
สมกับเป็นชุดที่ไอเชียจังเป็นคนออกแบบ ทั้งน่ารักและก็เข้ากับอเดลจังมากเลยนะคะ ทัตสึยะซัง

เมื่อม่านการแสดงได้เปิดออก แอเรียสจัง อาเรียจัง และยูเมะจังต่างก็พูดแสดงความประทับใจออกมา ในช่วงเช้าของวันนี้อเดลจังได้แต่งตัวเป็นเนโกมาตะและเข้าร่วมขบวนพาเหรดในฐานะตัวแทนของอาจักรออร์ธรอสซึ่งในตอนนั้นผมก็คิดว่าเธอน่ารักมากๆ

แต่สำหรับชุดเจ้าหญิงที่หรูหราเองก็ทำให้ความน่ารักสดใสของอเดลจังน้องสาวสุดที่รักของผมเปล่งประกายยิ่งขึ้นไปอีก ผู้คนมากมายที่ชั้นล่างเองก็ดูจะตื่นเต้นกับการเปิดตัวของเจ้าหญิงแสนสวยและส่งเสียงโห่ร้องตะโกนเชียร์กันออกมา

อเดลจางงงง สวยสุดๆเลย!!」「อเดลจัง!!」「อเดลซังสู้นะค๊า!!」「อเดลโอเน่ซามะ!!」「อเดลจัง!! แต่งงานกับผมนะคร๊าบบบบ!!」「อเดลจางง โมเอ๊!!」「เน่ซามะ!!

ความนิยมของอเดลจังยังคงมากมายไม่เปลี่ยนแปลง แฟนๆของอเดลนั้นมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง ซึ่งก็สมแล้วที่เป็นน้องสาวสุดที่รักของผม แล้วไอ้การขอแต่งงานน่าอายนั่นมันอะไรกันฟระ หลังจากนี้คงต้องส่งคนไปช่วยอบรมและปรับทัศนิคติให้เจ้าหมอนั่นซะหน่อย.....

สมแล้วที่เป็นน้องสาวสุดที่รักของผม แต่งตัวได้สวยขึ้นกล้องสุดๆไปเลยล่ะนะ

โดยในครั้งนี้ห้องเรียนสาขาเวทมนต์ของอเดลจังได้ทำการแสดงเรื่อง ความรักต้องห้ามระหว่างพี่น้อง อเมโล่และอเดลซึ่งเป็นนิยายรักชื่อดังเรื่องหนึ่งในอาณาจักรออร์ธรอส

โดยนิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นโดยซาวาโทริ โทโมโกะซัง ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของร้านหนังสือนิยายในห้าง Seirien แน่นอนว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่ผมช่วยเอาไว้ได้จากรังของราชาก๊อบลิน

โดยสำหรับเนื้อเรื่องก็จะเป็นแนวดราม่าความรักต้องห้ามระหว่างสองพี่น้องฝาแฝดที่ไม่เป็นที่ยอมรับของคนในราชวงศ์จอมเวท โดยทั้งสองที่คนที่ถูกกดดันจากคนในราชวงศ์และเหล่าขุนนางรอบข้างนั้นได้พยายามที่จะปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองและเลือกที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศแทน

แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ไม่อาจจะฝืนทนต่อความรักที่มีให้แก่กันได้และเลือกที่จะหลบหนีไปได้กัน แน่นอนว่าพวกเธอไม่อาจจะหลบหนีไปจากเหล่าจอมเวทของอาณาจักรที่เก่งกาจและถูกพบตัวในเวลาไม่นาน แต่ในตอนที่ทั้งสองได้ถูกพบตัวนั้น ทั้งสองคนได้เลือกที่จะฆ่าตัวตายไปพร้อมๆกันแล้ว

อุว๊า ท่านพี่หญิงอเดล......
ฮึก ฮึก อเดลจางงงงงงง!!!
พวกเธอแสดงได้ดีมากๆเลยนะคะ ทั้งๆที่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่พอได้มาดูการแสดงจริงๆแบบนี้แล้วก็สนุกมากนะคะทัตสึยะซัง

เมื่อถึงฉากที่สองสาวฝาแฝดเลือกไขว้แขนและดื่มยาพิษเข้าไปนั้น พวกยูเมะจังที่นั่งอยู่ข้างผมก็แสดงอาการที่แตกต่างกันออกมา ยิ่งพอถึงฉากจูบและฉากที่พวกเธอทั้งสองล้มลงไปโดยที่พยายามจะกุมมือกันและกันเอาไว้ก็ทำให้บรรยากาศทั่วบริเวณเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

พวกคนดูที่ด้านล่างเองก็ดูจะอินกับเนื้อเรื่องมากเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดเลยว่ามีหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา บ้างก็เป็นเพราะความเศร้าใจ บ้างก็เป็นเพราะประทับในใจความรักของทั้งสอง บางคนถึงทรุดลงกับพื้นและก้มหน้าร้องไห้กันเลยทีเดียว

พวกเธอแสดงได้ดีจริงๆนั่นแหละ ทั้งอเดลจังแล้วก็เจ้าหญิงลูมิเรน่าเองก็ด้วย

หลังการแสดงของนักเรียนสาขาจอมเวทจบลง ก็ยังมีการแสดงของนักเรียนสาขาการละครและสาขาภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง นอกจากนั้นก็ยังมีการการแสดงดนตรีของนักเรียนสาขาดนตรีและสาขาไอดอลอีกหลายเพลง

หลังจากถึงกำหนดการที่เตรียมเอาไว้ มาเรียจังก็นำทางพวกเราออกไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ด้านนอกอาคารที่จัดแสดงละครเพื่อทานอาหารเย็น โดยสำหรับวันนี้พวกผมจะทานอาหารที่เหล่านักเรียนสาขาอาหาร สาขาของหวาน และสาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เป็นคนจัดเตรียมให้พี่โต๊ะพิเศษใต้เสียงเทียน

แต่ในระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้น ผมก็ได้เหลือบไปเห็นใบหน้าเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงคนหนึ่งที่ดูคุ้นเคย และถึงแม้ผมจะรู้ดีว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาอยู่ที่นี่ แต่ขาของผมมันก็ได้วิ่งไปหาเธอโดยไม่ทันได้รู้ตัว....

แต่เพราะมีผู้คนจำนวนมากที่กำลังสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆอยู่บริเวณลานกว้าง ดังนั้นการจะฝ่าเข้าไปให้ถึงตัวเธอจึงใช้เวลาไปค่อนข้างมาก สุดท้ายพอผมวิ่งตามไปถึงยังตำแหน่งที่ได้เห็นเธอก่อนหน้านี้ เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงคนนั้นก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว.....

ไม่สิ.....เพราะยังไงก็คงจะไม่ใช่เธอ.....มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมาอยู่ตรงนี้......แต่ถึงอย่างนั้น.....ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกภายในหัวใจของผมมันก็คาดหวังว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นเธอ.....

นายท่าน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?

หลังจากพยายามมองหาเด็กสาวที่ดูคล้ายกับมากิจังอยู่พักหนึ่ง มาเรียจังก็ไล่ตามมาถึง เธอถามออกมาด้วยท่าทางเป็นห่วง

อ่ะ ไม่มีอะไรหรอก แค่เหมือนจะเห็นคนรู้จักน่ะ

ผมตอบกลับไปพร้อมกับลูบหัวมาเรียจังอย่างอ่อนโยน และในตอนนั้นเอง โรเซ็ตต้าจังเมดสาวหนึ่งในลูกน้องของมาเรียจังก็เข้ามาหาพวกเราพร้อมกับแจ้งเรื่องด่วนที่ได้รับรายงานมาจากกิลด์เมด

ทัตสึยะซามะ ทางกิลด์เมดแจ้งเข้ามาว่า พวกเค้าจับตัวผู้กล้าต่างโลกได้คนหนึ่งล่ะค่ะ!!

หืมม.....ผมก็คิดอยู่เหมือนกันล่ะนะว่าเจ้าพวกผู้กล้าต่างโลกอะไรนั้นอาจจะเข้ามาที่ประเทศของเราในช่วงงานเทศกาล แต่ดันมาถูกพวกเราจับตัวได้ตั้งแต่วันแรกเนี่ยนะ.....แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีเลย........เพราะถ้าเจ้าพวกนั้นเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆล่ะก็........บางทีล่ะก็นะ..........



-- มุมมองของมากิ --

ชั้นใช้พรผู้กล้า Enchant High Jump ใส่ที่รองเท้าและรีบกระโดดหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารเรียนแห่งหนึ่งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังมานาอันแข็งแกร่งที่จับจ้องมายังตัวชั้นในทันที

ฟู่! เกือบไปแล้วเชียว.....มานาในร่างกายเข้มข้นสูง....แถมยังมีจิตสังหารที่รุนแรงแบบนั้น.....เจ้านั่นมันคงจะต้องเป็นพวกจอมเวทแน่ๆ

ชั้นพึมพำออกมาพร้อมกับมองลงไปยังเบื้องล่าง และสิ่งที่ชั้นเห็นก็คือชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีผมสีดำสนิท..........อุก!!!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่อยู่ดีดีชั้นก็รู้สึกเจ็บปวดตรงหน้าอกและทรุดลงไปกับพื้น ตั้งแต่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับอาณาจักรออร์ธรอสแห่งนี้ก็เรื่องแปลกๆแบบนี้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง นี่ตัวชั้นเป็นอะไรไปกันแน่นะ.....

3 ความคิดเห็น:

  1. อ๊ากก เจอกันซักทีจิ..ค้างมาก ฮือออ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รอไปก่อนนะครับ จะได้เจอกันไหมนะ...

      ลบ
  2. น้ำตาผมกำลังไหลเมื่อไม่รู้ว่าตอนต่อไปจะมาเมื่อไหร....

    ตอบลบ