-- มุมมองของรูริโกะ --
ช่วงสายของวันที่
21 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 837 วันแรกของงานเทศกาล
ชั้น
มิคาซึกิ รูริโกะ หลังจากที่หมดสติไปเมื่อคืน
พอรู้สึกตัวอีกทีชั้นและเพื่อนๆก็ได้เดินทางมาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติภายในเมืองสเตรเชีย
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรออร์ธรอสแล้วล่ะค่ะ
แล้วทำไมชั้นถึงสลบไปแบบนั้นกันแน่นะ
เนื่องจากความทรงจำในช่วงนั้นค่อนข้างเลือนรางชั้นจึงไม่แน่ใจนัก
แน่พวกเพื่อนๆบอกว่าชั้นอาจจะเมาเรือเหาะก็เป็นไปได้.....ซึ่งมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆก็ได้สินะคะ.....
「อุว๊า ที่นี่สวยจังเลย ราวกับดินแดนในความฝันเลยนะคะ」
「โอ้ววว สะ สุดยอดเลย....! สุดยอดไปเลย
อาคารสูงใหญ่เพียบเลย!!」
「ว๊าววว!! สุดเลยไปเลยนะคะเนี่ย!! สมแล้วที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเวทมนต์!!」
「อืมม....ก็ไม่เลว......ล่ะนะ」
และนั่นก็คือคำพูดแรกของตัวชั้นและเพื่อนๆหลังจากที่พวกเราได้ผ่านการกรอกเอกสารและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
ต้องขอบอกเลยว่าเมืองสเตรเชียนี่เป็นที่ที่สุดยอดเลยจริงๆค่ะ
พวกพนักงานที่ทำหน้าที่ตรวจตราคนเข้าเมืองนั้นทำงานได้ดูน่าไว้วางใจมากๆเลยค่ะ
ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมายก็ย่อมมีปัญหาตามมามาก
แต่ทั้งๆแบบนั้นพวกเค้ากลับจัดการปัญหาทั้งหมดได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
ทั้งการตัดสินใจและแนวทางในการแก้ปัญหานั้นทั้งเฉียบขาดและชอบธรรม
และการทำงานของพวกเค้ายังไม่ไปกระทบกับหน่วยงานอื่นๆเลยแม้แต่นิดเดียวด้วยล่ะค่ะ
หลังจากนั้นพวกเราก็ผ่านออกมายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้าท่าทางน่าสนใจเป็นจำนวนมาก
แต่พวกเราก็ไม่ได้เงินทองมากพอที่จะซื้อสิ่งของทุกอย่างที่ต้องการ
ซึ่งนั่นก็ทำให้โคโทริจังและซากุระโกะจังรู้สึกเสียใจมากๆ พวกเธออยากได้เสื้อผ้าและชุดชั้นในใหม่มากเลยล่ะค่ะ
หลังจากผ่านอาคารผู้สายขาเข้าออกมาแล้ว
ในขณะนี้พวกเราก็กำลังเดินอยู่บนทางเดินหินอ่อนซึ่งอยู่สูงขึ้นมาจากพื้นดินอย่างมาก
โดยเจ้าทางเดินนี้จะเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักเบื้องล่างโดยตรง จะว่ายังไงดี
ชั้นคิดว่าทุกอย่างมันสุดยอดไปหมดเลยล่ะค่ะ
ในตอนแรกที่ชั้นมองลงมาจากเรือเหาะนั้น
ชั้นคิดว่าที่นี่เป็นเมืองที่งดงามมากแล้วนะคะ แต่ตอนนี้คงต้องถอนคำพูดเลยค่ะ ซึ่งนั้นก็เป็นเพราะในตอนนั้นชั้นยังไม่ได้เห็นพื้นที่ภายในตัวเมืองชัดเจนสักเท่าไหร่นัก
เพราะในความเป็นจริงแล้ว
ทิวทัศน์รอบด้านที่เต็มไปด้วยอาคารสูงใหญ่รูปร่างแปลกๆนั้นช่างดูสวยสง่าน่าหลงใหลและยังทำให้รู้สึกโหยหาอย่างน่าประหลาดมากเลยล่ะค่ะ
ต้องบอกเลยล่ะว่า คำว่างดงามนั้นคงจะน้อยเกินไป
ชั้นไม่สามารถที่จะสรรหาคำพูดมาบรรยายความงดงามของเมืองแห่งนี้ได้เลยค่ะ
และก็ไม่ใช่เพียงตัวเมืองเท่านั้น
เพราะในตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงงานเทศกาลนั้น ตลอดถนนสายหลักรวมถึงบริเวณทางเท้าต่างถูกประดับประดาไปด้วยร้านค้าและสิ่งของตกแต่งสีสันสวยงามแปลกตา
ผู้คนมากมายที่เดินทางมาพร้อมกับพวกเราเองก็ดูจะตื่นเต้นประหลาดใจไม่ต่างจากพวกเราเช่นกัน
「จะว่าไปแล้ว ชั้นไม่รู้สึกหนาวเลยนะคะ
ทั้งๆที่พื้นที่ด้านนอกเมืองตลอดทางเต็มไปด้วยหิมะแท้ๆ」
「ซากุระโกะนี่ไม่รู้อะไรซะเลยน๊า
ที่นี่เมืองสเตรเชียนี่น่ะน๊า เค้ามีระบบบาเรียปรับสภาพอากาศ
ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันพายุหิมะรวมถึงยังทำการปรับอุณหภูมิให้เย็นสบาย
และเหมาะสมกับการอยู่อาศัยไงล่ะ」
โคโทริจังตอบข้อสงสัยของซากุระโกะจังด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าช่วงที่ชั้นสลบไปนั้น
ซากุระโกะจังได้ไปตระเวนหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเมืองสเตรเชียแห่งนี้มาจากพวกพนักงานบนเรือเหาะ
เพราะเหตุนั้นเธอจึงได้รู้เรื่องราวต่างๆมากมายเกี่ยวกับเมืองสเตรเชียแห่งนี้
ซึ่งมันก็น่าเสียดายเหมือนกันนะคะ
เพราะถ้าชั้นไม่ไดสลบไปล่ะก็
บางทีชั้นเองก็อาจจะได้รู้เรื่องราวของเมืองสเตรเชียแห่งนี้มากกว่านี้ก็เป็นได้
「วะ วะ ว๊า!! ขบวนพาเหรดกำลังจะผ่านมาทางนี้แล้วน๊า!! พวกเราก็รีบไปกันเถอะ!!」
และในขณะที่พวกเรากำลังสนุกสนานกับการชมวิวทิวทัศน์อยู่นั้น
โคโทริจังก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรีบวิ่งลงไปยังถนนสายหลักที่อยู่เบื้อล่างด้วยสีหน้าสนุกสนานราวกับเด็กๆที่พึ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่
ผู้คนมากมายรอบๆพวกเราที่ได้ยินเสียงตะโกนของโคโทริจังเองต่างก็พากันรีบวิ่งตามเธอไป
ทั้งๆที่พวกเรามาเพื่อทำภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
แถมพวกเรายังเป็นกลุ่มมือสังหารเลือดเย็น
และยังเป็นศัตรูกับผู้คนในประเทศนี้ด้วยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมทั้งตัวชั้นและเพื่อนๆถึงได้ทำตัวตื่นเต้นสนุกสนานกับภารกิจได้มากมายขนาดนี้
นี่มันช่างเป็นเรื่องที่แปลกจริงๆเลยนะคะ
「รูริโกะจัง พวกเราก็รีบไปกันเถอะ!!」
ซากุระโกะจังเข้ามาจูงมือ
และพาชั้นวิ่งลงไปด้านล่างด้วยกัน และเมื่อพวกเราลงไปถึงยังระเบียงชมวิว
ผู้คนมากมายที่วิ่งนำมาก่อนก็ได้หยุดยืนรอกันอยู่ก่อนแล้ว
พวกเราที่ตามมาทีหลังจึงต้องพยายามเบียดผู้คนเข้าไปด้านใน การเบียดเข้าไปในฝูงชนนี้มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากเลยล่ะค่ะ
「รูริโกะ ซากุระโกะ ทางนี้เร็วเข้า!! ทางนี้!!」
พวกเราตามเสียงของโคโทริจังเข้าไปยังริมรอบระเบียง
และในตอนนั้นเองชั้นก็เริ่มได้ยินเสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีหลากหลายประเภทดังก้องไปทั่วบริเวณ
ขบวนพาเหรดเปิดงานเทศกาลออร์ธรอสจากทั้ง 7
ประเทศที่เข้าร่วมในงานเทศกาลครั้งนี้นั้นได้เดินผ่านด้านล่างพวกเราไป
เหล่าเด็กสาวผู้นำขบวนในชุดฟู่ฟ่าน่ารักมากมายต่างหันมาโบกไม้โบกมือพร้อมกับควงคทาและโยนขึ้นไปบนฟ้าพร้อมๆกัน
หลังจากนั้นก็เป็นขบวนของนักดนตรีที่ถือเครื่องคนตรีรูปร่างหน้าตาประหลาดต่างบรรเลงเพลงที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานและอ่อนโยน
ซึ่งบทเพลงเหล่านั้นแม้ตัวชั้นจะไม่เคยได้ยินก่อน แต่มันไม่รู้ทำไมชั้นกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะคะ.....
ขบวนพาเหรดของเหล่าเด็กหนุ่มสาวจาก
7 ประเทศนั้นมีทั้งแบบน่ารักสดใสในชุดแฟนซี
บางประเทศก็มากันในชุดอัศวินเต็มยศที่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม
บางประเทศก็มีการแสดงลูกเล่นที่หลากหลาย บางประเทศก็มีการโยนแจกจ่ายลูกอมและขนมชิ้นเล็กๆไปให้กับเหล่าผู้ชมรอบทาง
「โชคดีจริงๆเลยนะคะที่พวกเราได้มาที่นี่ในวันนี้」
ซากุระโกะจังพูดขึ้นพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตา
และถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่บนใบหน้าของชั้นเองก็ได้มีน้ำตาหลั่งไหลออกมาเช่นเดียวกัน
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เพียงแค่ชั้นเท่านั้น เพราะโคโทริจังหรือแม้แต่มากิจังเองก็เช่นเดียวกัน
ถึงแม้พวกเธอจะเป็นผู้ที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแต่ก็ยังมีด้านที่อ่อนโยนแบบนี้ด้วยเหมือนกันสินะคะ
หลังจากขบวนพาเหรดผ่านไปแล้ว
พวกเราก็พากันเข้าไปเช็คอินกับโรงแรมที่ได้จองเอาไว้ล่วงหน้า
โดยโรงแรมที่พวกเราพักนั้นถึงแม้จะเป็นโรงแรมสำหรับคนธรรมดาทั่วไปแต่มันก็เป็นโรงแรมที่มีความปลอดภัยสูง
และที่สำคัญคือตัวอาคารนั้นมีขนาดใหญ่มาก ความสูงของตัวอาคารนั้นสูงถึง 20
ชั้นเลยทีเดียว ช่างเป็นโรงแรมที่สุดยอดจริงๆเลยล่ะค่ะ
「แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อดีน๊า」
「ชั้นได้บอกให้พวกลูกน้องแยกย้ายกันไปหาข้อมูลข่าวสารแล้ว
แต่ยังไงพวกเราเองก็ลองไปหาข่าวสารกันด้วยคงจะดีกว่านะคะ....」
และหลังจากได้ลองปรึกษากันดูแล้ว
ทุกคนก็ลงความเห็นออกมาพร้อมกันว่า....
「ไปงานประกวดน้องเมดยอดนิยมกันนะคะ!!」
「ไปงานเปิดตัวสวนสนุกคริสตี้แลนด์กันดีกว่านะคะ!!!」
「พวกเราควรจะไปเข้าร่วมงานแข่งกินของหวานมาราทอนกันน๊า!!」
「งานวัฒนธรรมโรงเรียนหลวงสเตรเชียน่าสนใจที่สุดค่ะ!!」
สุดท้ายพวกเราทุกคนจึงได้ตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปหาข้อมูลของเจ้าหญิงฟลอร่าตามสถานที่ต่างๆ
และค่อยกลับมารวมตัวกันที่โรงแรมแห่งนี้ในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน
โดยในระหว่างนั้นหากมีเรื่องเร่งด่วนก็จะทำการติดต่อกันด้วยอุปกรณ์เวทราคาแพงที่ชื่อสมาร์ทโฟน
พอพูดถึงเจ้าสมาร์ทโฟนชั้นคิดว่าเป็นอุปกรณ์เวทที่สุดยอดไปเลยนะคะ
เพราะหากพวกเราอยู่ในเขตของประเภทที่เป็นพันมิตรของอาณาจักรเวทมนต์แล้วล่ะก็
ด้วยอุปกรณ์เวทนี้จะทำให้พวกเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ในทันทีเลย ช่างเป็นอุปกรณ์เวทที่สะดวกสบายจริงๆ
แต่ราคาของมันนี่ก็น่าดูเลยล่ะค่ะ......
--
มุมมองของทัตสึยะ --
ช่วงบ่ายของวันที่
21 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 837 วันแรกของงานเทศกาล
ผมมาที่โรงเรียนหลวงสเตรเชียเพื่อมาดูการแสดงของอเดลจังรวมทั้งการแสดงของนักเรียนสาขาอื่นๆ
ซึ่งนอกจากตัวผมแล้วก็ยังมียูเมะจังกับอาเรียจังนั่งอยู่ข้างๆ
นอกจากพวกเธอแล้วก็ยังมีแอเรียสจังที่นั่งอยู่บนตักของผม
และยังมีมาเรียจังและพวกเมดลูกน้องของเธอคอยทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ด้านหลังอีกด้วย
โดยที่นั่งของพวกเรานั้นเป็นที่นั่งพิเศษซึ่งอยู่บนชั้น
2 ซึ่งทำให้ง่ายต่อการคุ้มกัน
ภายในงานเทศกาลครั้งนี้มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก
และการที่มีผู้คนจำนวนมากขนาดนั้นทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ดังนั้นผมจึงต้องคิดถึงความปลอดภัยของแอเรียสจังรวมถึงผู้คนส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน
ในเวลาปกตินั้นมิฮารุจังจะทำหน้าที่ตรวจสอบพวกคนที่เป็นศัตรูด้วยสกิล
Search แต่ในงานเทศกาลครั้งนี้มันมีจุดสีแดงที่แสดงถึงความเป็นศัตรูอยู่มากมายหลายพันคน
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะเข้าจับกุมพวกเขาทั้งหมดในทันที
เพราะเหตุนั้นเองจึงทำได้แค่คอยเฝ้าจับตาดูคนพวกนั้นเอาไว้ก่อน
และหากพวกนั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรผิดปกติล่ะก็ คงจำเป็นจะต้องให้พวกทหารจากทางกองทัพนำกำลังเข้ามาควบคุมสถานการณ์
แต่ยังไงผมก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะลงมือทำอะไรที่มันบุ่มบ่ามในเวลาที่มีบุคคลสำคัญมากมายหลายประเทศรวมกันอยู่แบบนี้หรอก
และอีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนั้นจะสามารถแอบนำอาวุธผ่านระบบป้องกันของพวกเราเข้ามา
ดังนั้นระดับความปลอดภัยในตอนนี้จึงยังอยู่ในระดับที่พอรับได้
「อุว๊า ท่านพี่หญิงอเดลสวยมากเลยค่ะ!!」
「อเดลจางงงง คาวาอี้!!!」
「สมกับเป็นชุดที่ไอเชียจังเป็นคนออกแบบ
ทั้งน่ารักและก็เข้ากับอเดลจังมากเลยนะคะ ทัตสึยะซัง」
เมื่อม่านการแสดงได้เปิดออก
แอเรียสจัง อาเรียจัง และยูเมะจังต่างก็พูดแสดงความประทับใจออกมา ในช่วงเช้าของวันนี้อเดลจังได้แต่งตัวเป็นเนโกมาตะและเข้าร่วมขบวนพาเหรดในฐานะตัวแทนของอาจักรออร์ธรอสซึ่งในตอนนั้นผมก็คิดว่าเธอน่ารักมากๆ
แต่สำหรับชุดเจ้าหญิงที่หรูหราเองก็ทำให้ความน่ารักสดใสของอเดลจังน้องสาวสุดที่รักของผมเปล่งประกายยิ่งขึ้นไปอีก
ผู้คนมากมายที่ชั้นล่างเองก็ดูจะตื่นเต้นกับการเปิดตัวของเจ้าหญิงแสนสวยและส่งเสียงโห่ร้องตะโกนเชียร์กันออกมา
「อเดลจางงงง สวยสุดๆเลย!!」「อเดลจัง!!」「อเดลซังสู้นะค๊า!!」「อเดลโอเน่ซามะ!!」「อเดลจัง!! แต่งงานกับผมนะคร๊าบบบบ!!」「อเดลจางง โมเอ๊!!」「เน่ซามะ!!」
ความนิยมของอเดลจังยังคงมากมายไม่เปลี่ยนแปลง
แฟนๆของอเดลนั้นมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง ซึ่งก็สมแล้วที่เป็นน้องสาวสุดที่รักของผม
แล้วไอ้การขอแต่งงานน่าอายนั่นมันอะไรกันฟระ หลังจากนี้คงต้องส่งคนไปช่วยอบรมและปรับทัศนิคติให้เจ้าหมอนั่นซะหน่อย.....
「สมแล้วที่เป็นน้องสาวสุดที่รักของผม
แต่งตัวได้สวยขึ้นกล้องสุดๆไปเลยล่ะนะ」
โดยในครั้งนี้ห้องเรียนสาขาเวทมนต์ของอเดลจังได้ทำการแสดงเรื่อง
『ความรักต้องห้ามระหว่างพี่น้อง
อเมโล่และอเดล』ซึ่งเป็นนิยายรักชื่อดังเรื่องหนึ่งในอาณาจักรออร์ธรอส
โดยนิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นโดยซาวาโทริ
โทโมโกะซัง ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของร้านหนังสือนิยายในห้าง Seirien แน่นอนว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่ผมช่วยเอาไว้ได้จากรังของราชาก๊อบลิน
โดยสำหรับเนื้อเรื่องก็จะเป็นแนวดราม่าความรักต้องห้ามระหว่างสองพี่น้องฝาแฝดที่ไม่เป็นที่ยอมรับของคนในราชวงศ์จอมเวท
โดยทั้งสองที่คนที่ถูกกดดันจากคนในราชวงศ์และเหล่าขุนนางรอบข้างนั้นได้พยายามที่จะปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองและเลือกที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศแทน
แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ไม่อาจจะฝืนทนต่อความรักที่มีให้แก่กันได้และเลือกที่จะหลบหนีไปได้กัน
แน่นอนว่าพวกเธอไม่อาจจะหลบหนีไปจากเหล่าจอมเวทของอาณาจักรที่เก่งกาจและถูกพบตัวในเวลาไม่นาน
แต่ในตอนที่ทั้งสองได้ถูกพบตัวนั้น ทั้งสองคนได้เลือกที่จะฆ่าตัวตายไปพร้อมๆกันแล้ว
「อุว๊า ท่านพี่หญิงอเดล......」
「ฮึก ฮึก อเดลจางงงงงงง!!!」
「พวกเธอแสดงได้ดีมากๆเลยนะคะ
ทั้งๆที่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่พอได้มาดูการแสดงจริงๆแบบนี้แล้วก็สนุกมากนะคะทัตสึยะซัง」
เมื่อถึงฉากที่สองสาวฝาแฝดเลือกไขว้แขนและดื่มยาพิษเข้าไปนั้น
พวกยูเมะจังที่นั่งอยู่ข้างผมก็แสดงอาการที่แตกต่างกันออกมา ยิ่งพอถึงฉากจูบและฉากที่พวกเธอทั้งสองล้มลงไปโดยที่พยายามจะกุมมือกันและกันเอาไว้ก็ทำให้บรรยากาศทั่วบริเวณเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
พวกคนดูที่ด้านล่างเองก็ดูจะอินกับเนื้อเรื่องมากเช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดเลยว่ามีหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา บ้างก็เป็นเพราะความเศร้าใจ บ้างก็เป็นเพราะประทับในใจความรักของทั้งสอง
บางคนถึงทรุดลงกับพื้นและก้มหน้าร้องไห้กันเลยทีเดียว
「พวกเธอแสดงได้ดีจริงๆนั่นแหละ ทั้งอเดลจังแล้วก็เจ้าหญิงลูมิเรน่าเองก็ด้วย」
หลังการแสดงของนักเรียนสาขาจอมเวทจบลง
ก็ยังมีการแสดงของนักเรียนสาขาการละครและสาขาภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง
นอกจากนั้นก็ยังมีการการแสดงดนตรีของนักเรียนสาขาดนตรีและสาขาไอดอลอีกหลายเพลง
หลังจากถึงกำหนดการที่เตรียมเอาไว้
มาเรียจังก็นำทางพวกเราออกไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ด้านนอกอาคารที่จัดแสดงละครเพื่อทานอาหารเย็น
โดยสำหรับวันนี้พวกผมจะทานอาหารที่เหล่านักเรียนสาขาอาหาร สาขาของหวาน
และสาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เป็นคนจัดเตรียมให้พี่โต๊ะพิเศษใต้เสียงเทียน
แต่ในระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้น ผมก็ได้เหลือบไปเห็นใบหน้าเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงคนหนึ่งที่ดูคุ้นเคย
และถึงแม้ผมจะรู้ดีว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาอยู่ที่นี่
แต่ขาของผมมันก็ได้วิ่งไปหาเธอโดยไม่ทันได้รู้ตัว....
แต่เพราะมีผู้คนจำนวนมากที่กำลังสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆอยู่บริเวณลานกว้าง
ดังนั้นการจะฝ่าเข้าไปให้ถึงตัวเธอจึงใช้เวลาไปค่อนข้างมาก สุดท้ายพอผมวิ่งตามไปถึงยังตำแหน่งที่ได้เห็นเธอก่อนหน้านี้
เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงคนนั้นก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว.....
ไม่สิ.....เพราะยังไงก็คงจะไม่ใช่เธอ.....มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมาอยู่ตรงนี้......แต่ถึงอย่างนั้น.....ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกภายในหัวใจของผมมันก็คาดหวังว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นเธอ.....
「นายท่าน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?」
หลังจากพยายามมองหาเด็กสาวที่ดูคล้ายกับมากิจังอยู่พักหนึ่ง
มาเรียจังก็ไล่ตามมาถึง เธอถามออกมาด้วยท่าทางเป็นห่วง
「อ่ะ ไม่มีอะไรหรอก
แค่เหมือนจะเห็นคนรู้จักน่ะ」
ผมตอบกลับไปพร้อมกับลูบหัวมาเรียจังอย่างอ่อนโยน
และในตอนนั้นเอง โรเซ็ตต้าจังเมดสาวหนึ่งในลูกน้องของมาเรียจังก็เข้ามาหาพวกเราพร้อมกับแจ้งเรื่องด่วนที่ได้รับรายงานมาจากกิลด์เมด
「ทัตสึยะซามะ ทางกิลด์เมดแจ้งเข้ามาว่า พวกเค้าจับตัวผู้กล้าต่างโลกได้คนหนึ่งล่ะค่ะ!!」
หืมม.....ผมก็คิดอยู่เหมือนกันล่ะนะว่าเจ้าพวกผู้กล้าต่างโลกอะไรนั้นอาจจะเข้ามาที่ประเทศของเราในช่วงงานเทศกาล
แต่ดันมาถูกพวกเราจับตัวได้ตั้งแต่วันแรกเนี่ยนะ.....แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีเลย........เพราะถ้าเจ้าพวกนั้นเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆล่ะก็........บางทีล่ะก็นะ..........
--
มุมมองของมากิ --
ชั้นใช้พรผู้กล้า
Enchant High Jump ใส่ที่รองเท้าและรีบกระโดดหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารเรียนแห่งหนึ่งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังมานาอันแข็งแกร่งที่จับจ้องมายังตัวชั้นในทันที
「ฟู่! เกือบไปแล้วเชียว.....มานาในร่างกายเข้มข้นสูง....แถมยังมีจิตสังหารที่รุนแรงแบบนั้น.....เจ้านั่นมันคงจะต้องเป็นพวกจอมเวทแน่ๆ」
ชั้นพึมพำออกมาพร้อมกับมองลงไปยังเบื้องล่าง
และสิ่งที่ชั้นเห็นก็คือชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีผมสีดำสนิท..........อุก!!!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
แต่อยู่ดีดีชั้นก็รู้สึกเจ็บปวดตรงหน้าอกและทรุดลงไปกับพื้น
ตั้งแต่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับอาณาจักรออร์ธรอสแห่งนี้ก็เรื่องแปลกๆแบบนี้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
นี่ตัวชั้นเป็นอะไรไปกันแน่นะ.....
อ๊ากก เจอกันซักทีจิ..ค้างมาก ฮือออ
ตอบลบรอไปก่อนนะครับ จะได้เจอกันไหมนะ...
ลบน้ำตาผมกำลังไหลเมื่อไม่รู้ว่าตอนต่อไปจะมาเมื่อไหร....
ตอบลบ