ตอนที่ 24 แผนการของอากิโอะ บทที่ 1




-- มุมมองของอากิโอะ --                                    

ช่วงกลางดึกของวันที่ 13 เดือน 1 ศักราชเอลติซปีที่ 837 ในระหว่างที่ทัตสึยะกำลังไล่ล่ากำจัดพวกมอนสเตอร์จำนวนมากที่ยังหลงเหลืออยู่ในอาณาเขตของเมืองเนอราเซีย

เอาล่ะ พวกเราจะบุกเข้าไปรวดเดียวให้ถึงปราสาทเลยนะ

ผมทำการส่งสัญญาณเพื่อบอกทุกคนให้เตรียมพร้อมในการบุกเข้าไปยังปราสาทกูสตาฟ พวกเราในตอนนี้กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆกับกำแพงเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเวทมนต์พรางตัวของเรเชียจังทำให้ผมและทุกคนในปาร์ตี้สามารถแอบย่องมาถึงจุดลับสายได้โดยง่าย

ส่วนเหตุผลที่ผมแอบย่องมาที่นี่นั่นก็เพราะหน่วยข่าวกรองของเอริจังได้ข้อมูลที่น่าสนใจบางอย่างมา

Wind Magic: Wind Walk....

หลังจากชิโอริจังร่ายเวทมนต์ให้กับพวกเราแล้ว ทุกคนก็รีบปีนข้ามกำแพงเมืองไปในความมืดอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้บริเวณกำแพงเมืองกูสตาฟจะมีคบไฟอยู่มาก แต่ด้วยความรวดเร็วของพวกเราจึงไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ถูกพวกทหารรักษาการณ์ของศัตรูพบเห็น

อุ.........!!

ยูเอล่าจังเด็กสาวเผ่ามังกรที่กำลังวิ่งนำหน้าอยู่ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงพวกศัตรู ในตอนแรกที่ผมเอาตัวเธอมาน่ะ เธอเป็นเด็กดื้อที่ไม่ยอมเชื่อคำพูดของใครเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะงั้นถึงแม้ผมจะทำอะไรเธอก็เอาแต่นิ่งเฉยไม่เคยแม้แต่จะส่งเสียงร้องจะโต้ตอบเลยซักนิด แต่การที่เธอเป็นแบบนั้นน่ะมันกลับยิ่งทำให้ผมต้องการเธอมากขึ้นไปอีก

เพราะงั้นตลอดเดือนที่ผ่านมาผมจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยในการทำให้เธอเชื่อง และแน่นอนว่าในที่สุดเธอก็ไม่สามารถอดทนต่อแรงกระตุ้นและยอมมาเป็นของผมแต่โดยดี

คาเอเดะจัง ริกะจัง อย่าให้พวกมันมีโอกาสได้ส่งเสียงล่ะ

ผมสั่งให้ริกะจังและคาเอเดะจังขึ้นไปด้านหน้าเพื่อช่วยยูเอล่าในการกำจัดเป้าหมาย ทั้งสองคนพยักหน้าตอบและรีบกระโดดขึ้นไปยังหลังคาของบ้านหลังหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อม

เนื่องจากในครั้งนี้ผมมีเป้าหมายสำคัญอยู่ ดังนั้นหากทำให้พวกมันรู้ตัวก่อนล่ะก็บางทีมันอาจจะทำให้การค้นหาเป้าหมายในครั้งนี้ยากขึ้น เพราะงั้นเพื่อเป้าหมายสำคัญแล้วผมจึงคิดและวางแผนสำหรับครั้งนี้อย่างรัดกุมที่สุด

อือ............!!

หลังเวลาผ่านไปซักพักผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากทางตรอกด้านหน้า ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพวกเธอจะลงมือไปแล้วเรียบร้อย ถึงแม้มันจะมีเสียงเล็ดลอดออกมาบ้างแต่ระดับแค่นี้หากไม่ได้ตั้งใจฟังล่ะก็คงไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน

เห......เหลืออยู่คนหนึ่งงั้นเหรอ.....

หลังจากตามไปถึงยังตรอกด้านหน้าผมก็เห็นศพของทหาร 5 คนถูกวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่ยังมีคนหนึ่งที่รอดชีวิตและถูกจับมัดทั้งมือทั้งขาและปากเอาไว้

และถึงแม้ตัวเธอจะเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือด แต่หากดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเด็กสาวอย่างแน่นอน

คิดว่าเธอน่าจะเป็นพวกชาวเมืองที่ถูกบังคับให้มาเข้าเป็นทหารน่ะค่ะ เพราะงั้น.....

ริกะจังพูดขึ้นมาเบาๆด้วยสีหน้าลำบากใจ ซึ่งเหตุผลนั้นผมเองก็เข้าใจดี เนื่องจากเมืองกูสตาฟในตอนนี้กำลังอยู่ในภาวะสงคราม ดังนั้นหากจำนวนทหารลดน้อยลงเรื่อยๆล่ะก็ ซักวันหนึ่งคงได้ถูกกองทัพของโรเดริกโจมตีจนพ่ายแพ้เป็นแน่

จากข้อมูลที่หน่วยข่าวกรองของเอริจังหามาได้นั้น ดูเหมือนว่าหากครอบครัวไหนไม่ส่งคนเข้าไปเป็นทหารก็จะต้องถูกตัดเสบียง แถมบางบ้านที่ไม่ให้ความร่วมมือนั้นถึงขนาดถูกปล้นเอาสิ่งของทุกอย่างไปเลยทีเดียว

เอาเถอะ ถ้ามันไม่ทำให้แผนผิดพลาดก็คงไม่มีปัญหา เพาะงั้นก็ทำให้เธอหลับไปซะนะ

เมื่อได้ยินคำพูดของผมริกะจังก็ใช้เวทมนต์เพื่อทำให้เธอหลับไปในทันที ด้วยเวทมนต์ธาตุน้ำระดับสูงของริกะจังนั้น หากเธอตั้งใจจริงล่ะก็ เธอสามารถทำให้คนทั่วไปหลับต่อเนื่องได้ยาวนานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว

นึกว่าจะจับเธอกลับไปซะอีกนะคะ

ยูเอล่าพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ดูเหมือนเธอจะคิดว่าผมเป็นพวกชอบลักพาตัวเหล่าเด็กสาวมาเป็นทาส

ผมน่ะไม่ใช่พวกที่สนุกกับเด็กสาวไม่เลือกหน้าหรอกนะ ต้องเป็นคนที่ผมสนใจเท่านั้นแหละ

ผมตอบกลับพร้อมกับลูบไล้ไปตามใบหน้าและเรือนผมสีเงินอันงดงามของเธอช้าๆ เรือนผมสีเงินของเธอเป็นประกายสะท้อนกับแสงจันทร์สีเขียวสดใส มันช่างเป็นภาพที่งดงามหาเปรียบได้ยาก แต่เนื่องจากผมยังมีเป้าหมายสำคัญอยู่จึงจะมาเสียเวลากับเรื่องอย่างว่าในตอนนี้คงไม่ได้

พวกเรารีบเดินทางกันต่อโดยใช้เส้นทางที่ยูเอล่าเป็นคนเลือก เนื่องจากเธอเคยเป็นฝ่ายลอบบุกเข้ามาในสมัยที่เมืองกูสตาฟยังเป็นของตระกูลโรเซนเบิร์กอยู่จึงทำให้รู้เส้นทางต่างๆเป็นอย่างดี

ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้นพวกเราก็มาถึงยังทางเข้าลับด้านหลังของปราสาทกูสตาฟ ปราสาทกูสตาฟนั้นเป็นปราสาทสวยงามที่มีขนาดใหญ่มาก ความสูงโดยคร่าวๆนั้นน่าจะมากกว่า 20 เมตรเสียอีก มันช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายนักที่ปราสาทแห่งนี้ต้องตกไปเป็นของเจ้าบารอนวิลเลี่ยมนั่น

อุ....!!!

ยูเอล่าหยุดอยู่กับที่พร้อมกับส่งสัญญาณมาให้ผม จากสัญญาณในครั้งนี้ดูเหมือนภายในจะมีกองอัศวินที่ค่อนข้างมีฝีมืออยู่ ถึงจะเป็นพวกอัศวินแต่หากเทียบกันแล้วฝีมือก็ยังเรียกได้ว่าห่างชั้นกับพวกเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นผมส่งจึงสัญญาณให้ทุกคนเตรียมตัวบุกเข้าโจมตี

ชิโอริจัง ยุยนะจัง เรเชียจัง พวกเธอคอยเฝ้าอยู่แถวนี้นะ

ผมสั่งให้ทั้งสามคนคอยเฝ้าบริเวณทางออกเอาไว้ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ เจ้าบารอนวิลเลี่ยมอาจจะหนีมาทางนี้ก็ได้

「「ดูแลตัวเองด้วยนะคะ」」

ทั้งชิโอริจังและยุยนะจังต่างตอบรับพร้อมกับแสดงความเป็นห่วงออกมา

ยะ อย่าลืมแบ่งน้ำหวานให้นู๋ด้วย.....นะคะ.....

ส่วนเรเชียจังนั้น เนื่องจากผมหลอกเธอว่าที่นี่มีน้ำหวานลึกลับแสนอร่อยอยู่เธอจึงแสดงท่าทางน่ารักไร้เดียงสาออกมา......

ริกะจัง ฟูมิจัง แยกกันไปที่ทางเดินด้านในทั้งสองด้าน อย่าปล่อยให้ใครหนีออกไปได้ล่ะ

ส่วนริกะจังและฟูมิจังนั้นผมให้คอยป้องกันทางเดินทั้งสองด้านที่เป็นทางเชื่อมต่อไปยังชั้นบนเอาไว้ ถ้าหากพวกอัศวินคิดจะหนีไปล่ะก็ให้จับตัวเอาไว้ในทันที หรือถ้าหากมีเรื่องฉุกเฉินก็ให้พวกเธอฆ่าได้โดยไม่ต้องลังเล

คาเอเดะจัง ยูเอล่า รีบทำลายคบไฟแล้วจัดการพวกมันให้หมด........ไม่สิช่วยเหลือคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าไว้ซักคนก็แล้วกัน

สำหรับเผ่ามังกรทมิฬแล้ว การเคลื่อนและการมองเห็นในที่มืดนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ บางทีอาจจะเหนือกว่าพวกเราที่มีสกิล Night Vision ติดตัวกันมาเสียอีก ดังนั้นหากเป็นการต่อสู้ในที่มืดล่ะก็ คนที่พอจะเอาชนะเธอได้นั้น นอกจากพวกเราที่มีพลังของเผ่าปีศาจแล้วเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอยู่เลย

「「เข้าใจแล้วค่ะ」」

พวกเธอทั้งสองคนตอบรับและเริ่มทำการเตรียมอุปกรณ์สำหรับใช้ในการดับคบไฟ และเพื่อให้พวกเธอทั้งสองคนสามารถทำงานได้อย่างสะดวกจึงจำเป็นต้องมีตัวล่อ ซึ่งคนที่จะทำหน้าที่เป็นตัวล่อในครั้งนี้ก็คือผมเอง

เห้อวันนี้เหนื่อยชะมัด…….เห้ย!! พวกนายมาแอบกินเหล้ากันแบบนี้ทำไมถึงไม่ชวนกันเลยฟระ!!

ผมแกล้งทำเป็นเหมือนกับพวกทหารแล้วเดินเข้าไปภายในโถงด้านในปราสาทและตะโกนออกไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เนื่องจากเป็นช่วงกลางดึก ภายในห้องโถงส่วนใหญ่จึงมีแต่พวกอัศวินที่กำลังสนุกสนานอยู่กับเหล้าและทาสสาวหลายคน

การที่พวกมันกำลังประมาทนั้นนับเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราที่จะจัดการในครั้งเดียว แถมการที่พวกมันกำลังสนุกสนานกันเสียงดังก็น่าจะทำให้คนที่อยู่ภายนอกไม่เอะใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น......แต่แล้วก็ดูเหมือนจะยังมีคนที่พอมีสติอยู่บ้าง

แกเป็นใครวะ!! ไม่เคยเห็นหน้า

เอาน่าๆ แกไม่ต้องรู้หรอก เพราะเด๋วแกก็ต้องตายแล้วนี่นา.....

ในจังหวะเดียวกับที่พูด แสงจากคบไฟภายในห้องโถงทั้งหมดก็ถูกดับลง เจ้าอุปกรณ์เวทแบบตั้งเวลาที่เอริจังกับพวกคนแคระช่วยกันสร้างขึ้นมานั้นใช้ได้ผลดีมากเลยทีเดียว

อุ....!!

เมื่อไฟถูกดับลงภายในห้องโถงก็ตกลงสู่ความมืด ผมฉวยโอกาสนั้นหยิบดาบทั้งสองขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเข้าไปเชือดคออัศวินและนายทหารหลายคนที่อยู่ใกล้ๆด้วยความรวดเร็วและเงียบที่สุด ที่ต้องพยายามมากขนาดนี้ก็เพื่อจะให้คาเอเดะจังและยูเอล่าจัดการพวกมันได้ง่ายขึ้น

ถึงแม้การลงมืออย่างตั้งใจมากขนาดนี้มันจะไม่ค่อยเข้ากับตัวผมซักเท่าไหร่ แต่เพื่อเป้าหมายสำคัญแล้วก็นับว่าคุ้มค่า

เกิดอะไรขึ้นวะ...........อุ!!

เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีทุกอย่างก็จบลงโดยที่พวกนั้นยังไม่ทันรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ และคนที่เหลือรอดก็มีเพียงพวกทาสสาวและคนที่ดูแล้วน่าจะมียศสูงสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น

2 ความคิดเห็น: