วันที่ 26 เดือน 11 ศักราชเอลติซปีที่ 836
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืดเหมือนกับทุกวัน
วันนี้ก็เป็นวันที่ 6 แล้วนับตั้งแต่ผมมาอยู่ในโลกใบนี้ เหมือนกันกับเมื่อวานที่ข้างกายผมในตอนนี้มีเพียงมาเรียจังที่นอนอยู่เคียงข้าง
จะมีแตกต่างกันเล็กน้อยก็ตรงที่วันนี้เธอใส่ถุงน่องสีแดงอยู่ด้วย
「อรุณสวัสดิ์ค่ะ นายท่าน」
เมื่อเห็นผมตื่นขึ้นมา
มาเรียจังก็รีบทักทายผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันมา 2 คืนแล้ว แต่เธอก็ยังคงใช้มือข้างหนึ่งปกปิดบางส่วนของร่างกายด้วยท่าทางเขินอาย
และก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละที่ผมไม่อาจจะอดใจเอาไว้ได้และเข้าจู่โจมเธอในทันที
หลังจากสนุกสนานกับเธอจนพอใจแล้ว
ผมและมาเรียจังก็ออกจากห้องไปทานอาหารเช้าพร้อมกัน
สำหรับอาหารเช้ามื้อนี้ก็เป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้วที่พวกเราจะทานอยู่ที่ปราสาทเวลล่าแห่งนี้
ดังนั้นเซลฟีน่าและกลุ่มอัศวินคุ้มกันของเธอได้ขอเข้าร่วมทานอาหารเช้าร่วมกับพวกเราด้วย
ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราไม่มีปัญหาอะไร กว่าจะได้พบกันอีกก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะงั้นอาหารเช้ามื้อนี้จึงเป็นเหมือนงานเลี้ยงสำหรับอำลา
ในระหว่างที่พวกเราทานอาหารเช้าอยู่นั้น
เซลฟีน่าได้เล่าเรื่องต่างๆที่ได้ฟังมาจากสอบสวนพวกสายลับที่ถูกจับได้เมื่อวาน
ผู้บงการที่สั่งให้เรียกมอนสเตอร์มาบุกเมืองคือ
บารอนวิลเลี่ยม เฮกไมน์
ผู้ปกครองเมืองเวลล่าที่หายตัวไปพร้อมกับทหารรักษาการณ์
ส่วนเหตุผลของการกระทำครั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีกลุ่มของเซลฟีน่าด้วยเช่นกัน
「ตอนนี้ท่านพี่โรเดริกได้ส่งรอสและอัศวินอีกหลายกลุ่มออกไปแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับเมืองต่างๆแล้ว
ส่วนทางทัตสึยะซามะหากทราบเบาะแสเพิ่มเติมก็อยากจะขอความร่วมมือด้วยเช่นกันค่ะ」
เซลฟีน่ายื่นกระดาษใบหนึ่งที่มีภาพสเก็ตของบารอนวิลเลี่ยมให้กับพวกเรา
และขอร้องให้ช่วยจับกุมตัวในทันทีหากพบเห็น
「ถ้าหากเจ้านี่มาโผล่ในเขตของผมล่ะก็ จะรีบจับมันใส่กล่องแล้วส่งมาให้เป็นของขวัญก็แล้วกันนะ」
ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มและรับเอาใบประกาศจับมา
พอกลับไปถึงห้างแล้วผมจะเอาไปถ่ายเอกสารแจกให้ทุกคนล่ะนะ
หลังทานอาหารเสร็จ ไอริจังได้นำชุดเกราะเหล็กสีดำที่มีลวดลายสีทองที่เธอได้สร้างขึ้นมาให้กับผม
ด้วยสกิล Create Armor LV6 ทำให้เธอสามารถปรับแต่งชุดเกราะได้ทั้งความแข็งแกร่ง
ความคงทน น้ำหนัก ขนาด รูปลักษณ์ และสีสัน
ส่วนแร่ที่ใช้ในการสร้างนั้นเป็นแร่เหล็กที่พวกเธอไปขุดหามาจากเหมืองแร่ร้างที่อยู่ในหุบเขา
เนื่องจากเป็นของขวัญที่ไอริจังมอบให้
แถมเธอยังทำให้ผมเป็นคนแรกก่อนตัวเธอเองเสียอีก
ผมจึงลูบหัวชื่นชมเธอและนำชุดเกราะมาทดลองใส่โดยมีมาเรียจังและคูเซียจังคอยช่วย
ด้วยการปรับแต่งอย่างดีให้มีน้ำหนักเบาและความทนทานสูง
จึงเป็นเครื่องป้องกันที่คล่องตัวเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นหากจะต้องใส่ทั้งวันก็คงอึดอันน่าดู
เพราะงั้นผมจึงตัดสินใจเก็บเอาไว้ใช้เวลาที่จะต้องออกไปต่อสู้เท่านั้น
「สุดยอดเลยค่ะ ทัตสึยะซัง เท่มากเลย」
ไอริจังพูดออกมาด้วยแววตาเปล่งประกาย
「ขอบใจนะ ไอริจัง ผมชอบมันมากเลยล่ะ」
ก่อนจะจากกันพวกสาวๆก็เข้าไปพูดคุยเซลฟีน่าและอัศวินของเธอ
ฮารุกะจังถึงกับกระโดดกอดอัศวินสาวทั้งสามคนและร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว ส่วนผมเพียงแค่มองดูแหวนในมือซ้ายของโรน่าจังและยิ้มให้กับเธอ
เมื่อล่ำลากันเรียบร้อยแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปเพื่อจัดเก็บข้าวของ
น่าเสียดายที่เมืองเวลล่านั้นแทบจะไม่มีของที่ผมต้องการเลย แม้แต่พวกพืชผักเองก็ยังขาดแคลน
เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาวจึงไม่ค่อยมีผลผลิตออกมามากนัก
ข้อมูลที่เกี่ยวกับวิธีการกลับโลกเดิมก็ยิ่งไม่มีวี่แวว
ในเมืองเวลล่านั้นไม่มีร้านหนังสือเลยแม้แต่ร้านเดียว ที่ปราสาทเวลล่าก็ไม่มีห้องสมุด
ผู้คนในเมืองนี้มีอัตราการรู้หนังสือต่ำมาก และอาจจะเพราะเหตุนั้นจึงทำให้ผู้คนไม่นิยมอ่านหนังสือกัน
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย พวกเราออกจากปราสาทเวลล่าไปยังกิลด์พ่อค้า
เพื่อรับตัวผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 109 คน
การเดินทางกลับนั้นพวกเราจะใช้วิธีเดียวกันกับตอนที่พวกเรามายังเมืองเวลล่า
ถึงแม้จำนวนคนจะมากขึ้น แต่ตอนนี้เวทมนต์ Dimension
Home ของฮารุกะจังอัพขึ้นมาเป็น LV4 แล้ว
ดังนั้นจึงมีพื้นที่มากพอจะรองรับคนจำนวนหลายร้อยได้อย่างสบาย
ตามจริงแล้วก็มีทางเลือกที่จะใช้ Warp Circle อยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าจะต้องมานั่งสอนวิธีใช้กันทีละคนเนี่ยผมว่ามันคงจะเสียเวลามากกว่าอีก แล้วการปล่อยให้มีคนจำนวนมากรู้เรื่องเวทมนต์สำหรับเคลื่อนย้ายระยะไกลนั้น
ผมว่ามันเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงเกินมากไป
ในการเดินทางกลับครั้งนี้นั้น
นอกจากพวกเราและผู้ผ่านการคัดเลือกแล้ว
ก็ยังมีบิสเก็ตซังและพนักงานสาวจากกิลด์พ่อค้าอีกคนหนึ่งที่ชื่อยูริซังติดตามไปด้วย
พวกเธอได้รับคำสั่งจากิลด์พ่อค้าให้ติดตามไป
เพื่อให้การช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆกับพวกเราและผู้คนที่เราจะจ้างให้ทำงาน
ว่าง่ายๆก็คือมาตรวจสอบว่าพวกเรา
ได้มีการจัดการอย่างเหมาะสมและตรงตามข้อตกลงที่ได้แจ้งเอาไว้กับกิลด์พ่อค้าหรือไม่
ซึ่งการได้พวกเธอมาช่วยนั้นมันก็ไม่มีข้อเสียอยู่แล้วพวกเราจึงไม่มีปัญหาอะไร
「เอาล่ะ ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ」
「Summon: Twin Gryphon!!」
หลังจากให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในช่องว่างมิติแล้ว
ยูเมะจังก็เรียกกริฟฟอนทั้งสองตัวออกมา และพอได้เห้นกริฟฟอนอยู่ตรงหน้า ยูริซังพนักงานสาวของกิลด์ได้คุกเข่าลงเพื่อขอร้องพวกเรา
ยูริซังต้องการที่จะได้ขี่กริฟฟอนซักครั้งในชีวิต
และในเมื่อเธอลงทุนถึงขนาดนี้ผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธ ผมจึงให้ยูริซังซ้อนท้ายฮารุกะจังและบินนำออกไปก่อน
ส่วนเหตุผลที่ให้บินนำออกไปก่อนก็เพื่อไม่ให้ถูกเธอเห็นเวลาผมสนุกกับยูเมะจังบนฟากฟ้า
ถึงจะไม่อายแต่กับพนักงานของกิลด์แล้ว ผมก็จำเป็นจะต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้บ้างล่ะนะ
เนื่องจากเลเวลของ Twin Gryphon
ที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้พวกเรากลับไปถึงป่ามายา ได้เร็วกว่าตอนขามา การเดินทางกว่า 40
กิโลเมตรใช้ในครั้งนี้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
พลังบินผ่านป่ามายาไปเพียงไม่นาน
พวกเราก็มองเห็นกำแพงเมืองชั้นนอกที่ถูกสร้างจนเสร็จเรียบร้อย
มันเป็นกำแพงเมืองขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินมีความสูงมากกว่า 10 เมตร
บริเวณด้านบนของกำแพงเมืองมีพวกทาสเผ่าเสือหลายคนกำลังเล็งธนูและยิงเข้าใส่
Horn Rabbit ที่เข้ามาใกล้
ส่วนที่ด้านล่างก็มีโกเลมหินขนาดใหญ่ 2 ตัวยืนเฝ้าประตูด้านนอกทั้ง 2 ฝั่ง
「ยูเมะจังพวกเราลงไปที่ด้านหน้าประตูเมืองแล้วกันนะ」
「จะไปทักทายคนพวกนั้นเหรอคะ」
「ดูเหมือนเจ้าอากิจะฝึกพวกนั้นมาอย่างดี เพราะงั้นพวกเราก็ควรจะไปเยี่ยมชมซักหน่อยล่ะนะ」
จากนั้นกริฟฟอนทั้งสองก็บินลงไปที่ถนนด้านหน้าประตูเมือง
ถนนที่สร้างขึ้นจากหินเรียบทอดยาวออกไปไกล
ดูเหมือนเจ้าอากิจะวางแผนสร้างถนนเชื่อมไปจนถึงเมืองเวลล่า
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะการเดินทางระหว่างทั้งสองเมืองคงจะสะดวกรวดเร็วขึ้นอีกมาก
「นั่น!! ทัตสึยะซามะนี่ เห้ยรีบเปิดประตูเร็วเข้า!!
ทัตสึยะซามะกลับมาแล้ว」
เมื่อพวกเราลงมาถึงหน้าประตู
ทาสเผ่าเสือก็ตะโกนสั่งให้ช่วยกันเปิดประตูเมือง
「โกเลมหินนี่ดูแข็งแรงสุดยอดมากเลยค่ะ ประตูเหล็กนี่ก็ด้วยสร้างขึ้นจากเวทมนต์หรือคะ」
ยูริซังกระโดลงมาจากกริฟฟอนและเข้ามาพูดกับผมด้วยท่าทางตื่นเต้น
「ใช้แล้วล่ะ นี่เป็นเวทมนต์สายควบคุมโลหะน่ะ」
「สุดยอดไปเลยล่ะ!! สมแล้วที่เป็นท่านจอมเวทผู้สูงส่ง
แบบนี้ต่อให้มอนสเตอร์เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางพังประตูเข้าไปได้แน่นอนเลยค่ะ」
หลังประตูเหล็กเปิดออกจนสุด
ยูริซังก็วิ่งเข้าไปลูบไล้โกเลมหินและประตูเหล็กทั้งสองข้างด้วยความคลั่งไคล้
แววตาของเธอเปล่งประกาย สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าเป็นพวกคลั่งเวทมนต์สุดขีด
ประตูโดยปกติของเมืองต่างๆในจักรวรรดินั้นจะมีเพียงส่วนโครงเท่านั้นที่สร้างจากเหล็ก
ประตูเมืองเวลล่าเองก็เช่นเดียวกัน
แต่ประตูเมืองของพวกเรานั้นสร้างขึ้นด้วยเวทมนต์โลหะ
ดังนั้นจึงสามารถสร้างประตูเหล็กทั้งบานที่มีน้ำหนักเบาแต่ทนทานและยังสามารถรับแรงกระแทกระดับสูงได้
ไม่ใช่แค่นั้นบานประตูทั้งสองยังถูกตกแต่งด้วยลวดลายของเหล่าเทพธิดามากมายที่อยู่คู่กันกับหมาป่าสองหัวแบบนูนออกมา
บานประตูทั้งสองข้างมีสีขาวเงินเป็นประกาย ความสูงของประตูคิดว่าน่าจะประมาณ 7
เมตรได้
「ฮารุกะจังเรียกทุกคนออกมาได้
พวกเราจะค่อยๆเดินเข้าไป」
「เข้าใจแล้วค่ะ Dimension Magic: Dimension Home!!」
จากนั้นพวกเราก็ค่อยๆเดินผ่านประตูสีขาวอันงดงามเข้าไปด้านใน
ทั้งสองด้านที่พวกเราเดินผ่านนั้น
พวกทาสเผ่าเสือทั้งหมดต่างยืนตรงเพื่อแสดงความเคารพ
ท่าทางของพวกเขาดูแตกต่างจากวันแรกที่เจอกันอย่างมาก
ถึงผมจะไม่รู้ว่าเจ้าอากิโอะมีวิธีการฝึกพวกเขาอย่างไรแต่ก็เรียกได้ว่าไม่เลวเลย
แหวนอะไรล่ะนั่น!!
ตอบลบรอถึช่วงเนื้อเรื่องของโรน่าจังนะครับ -0-//
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบมีการจองตัวกันเล็กน้อยถึงปานกลาง
ตอบลบว่าแต่คุณเจ้าหญิงไม่โดนด้วยรึ
รอติดตามกันต่อไปนะครับ
ลบของว่างยามเช้าคือมาเรียจังเหรอเนี่ย ถุงน่องสีแดง แรง 3 เท่าจริงๆ
ตอบลบแถมโรน่าจังยังสวมแหวนไว้ที่มือซ้ายอีกด้วย นิ้วนางป่าว ถ้าใช่นี่ไปให้ตอนไหน ขอรายละเอียดเพิ่มหน่อยไม่ก็เพิ่มมุมมองของโรน่าจังซักตอนว่าแหวนวงนั้นมาได้ไง
เนื้อเรื่องส่วนนี้จะย้อนมาทีหลังตอนช่วงของเนื้อเรื่องโรน่าครับ
ลบในที่สุดโรน่าจังก็ได้สัญลักษ์ของ"การลงโทษยามค่ำคืน"มาแล้วสินะ เอ๊ะ! หรือว่าจะลงโทษไปแล้วค่อยให้แหวนทีหลัง งั้นก็เป็น"แหวนหมั้น" แหวนหมั้นสินะ แหวนหมั้นใช่มั้ย(หึ หึ ผมเดาเก่งละซี่ ไม่ ไม่ ไม่ต้องชมผมก็ได้)
ตอบลบแหวนอะไรต้องรอดูกันต่อไปครับ
ลบ