ตอนที่ 29 การเริ่มต้นพัฒนาเมือง บทที่ 2


-- มุมมองของวาเนซซ่า --

วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วตั้งแต่ชั้นเริ่มทำงานเป็นเมดที่ปราสาทแห่งนี้

วันนี้เป็นวันที่ชั้นรอคอย นั้นก็เพราะทัตสึยะซามะกำลังจะเดินทางกลับมา และเพราะเหตุนั้นชั้นและจูลี่จึงได้รับคำสั่งจากเอริซังให้ทำความสะอาดและนำของใช้ต่างๆที่จำเป็นมาไว้ยังห้องของทัตสึยะซามะ

ร่าเริงจังเลยนะจ๊ะ วาซจัง

จู่ลี่เพื่อนสนิทของชั้นพูดขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังเช็ดถูโต๊ะเก้าอี้ภายในห้อง เนื่องจากเป็นห้องที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อทัตสึยะซามะ ดังนั้นข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างจึงต้องเป็นของชั้นสูง

ก็ทัตสึยะซามะกำลังจะกลับมาแล้วนี่นา ชั้นน่ะไม่ได้เจอเค้ามาตั้ง 2 วันแล้วนะ คิดถึงจนจะผอมแล้วเนี่ย....

ชั้นเอามือทั้งสองข้างลองจับที่เอวดู ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ดูเหมือนว่ารูปร่างของชั้นจะค่อนข้างผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ชั้นเอาแต่ฝันหวานถึงทัตสึยะซามะก็เลยไม่ค่อยได้ทานอาหารมากนักก็เป็นได้

ชั้นรู้นะว่าเธอชอบทัตสึยะซามะมากแค่ไหน แต่เค้าก็มีคู่หมั้นตั้ง 2 คนแล้ว มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้น่ะ

ทัตสึยะซามะนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว 2 คน นั่นคือยูเมะซามะและฮารุกะซามะ พวกเธอทั้งสองคนเป็นสาวสวยที่หาใครเปรียบได้ยาก นอกจากนั้นพวกเธอยังเป็นคนอ่อนโยน แม้แต่กับพวกเมดอย่างชั้นหรือพวกทาสเผ่ามนุษย์สัตว์พวกเธอก็ยังคงปฏิบัติด้วยอย่างเท่าเทียม

เรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวที่เหมาะสมกับทัตสึยะซามะเป็นอย่างยิ่ง และนั่นก็เป็นเรื่องที่ตัวชั้นรู้อยู่แก่ใจดี แต่ถึงอย่างนั้น.....

ชั้นน่ะไม่ได้คิดจะเป็นภรรยาของเค้าหรอก แค่เพียงได้ดูแลรับใช้ แค่เพียงได้รับคำชมจากเค้าบ้าง แค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างๆเค้าตลอดไปก็พอแล้วล่ะ

แต่ถึงอย่างนั้น.....ตัวชั้นที่เป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา ก็อยากที่จะมีความฝัน และความฝันของชั้นก็คือการทีได้อยู่เคียงข้าง คอยดูแลรับใช้ทัตสึยะซามะที่เป็นเจ้านายของชั้นตลอดไป.....

ถ้าเธอมีความสุขกับชีวิตแบบนั้นล่ะก็ ชั้นจะคอยอยู่ทำงานเป็นเพื่อนเธอไปเรื่อยๆก็แล้วกัน

จูลี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน ดูเหมือนว่าเธอจะค่อนข้างเป็นห่วงชั้นที่ไม่มีทางสมหวังในความรัก

แล้วเธอ......ไม่คิดจะแต่งงานบ้างเหรอจูลี่

เพราะงั้นชั้นจึงลองถามจูลี่ดูบ้าง การคิดที่จะแต่งงานกับใครซักคนที่เรารักนั้นเป็นเรื่องปกติของเด็กสาวทุกคน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็......

จูลี่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

……ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านน่ะนะ มีพวกพ่อค้าหลายคนเลยที่มาขอซื้อตัวชั้นเพื่อไปเป็นเมียน้อย ชั้นน่ะเคยคิดว่าเด็กสาวธรรมดาอย่างชั้นหากต้องการจะมีชีวิตอยู่อย่างหรูหราล่ะก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากไปเป็นเมียน้อยของพวกคนรวย แต่พอได้มาทำงานที่นี่หลายวันความคิดของชั้นก็เริ่มจะเปลี่ยนไปแล้วล่ะ

จูลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเธอนึกย้อนไปถึงเรื่องต่างๆในช่วงสองวันที่ผ่านมา

........เธอเองก็เริ่มจะมีความฝันบ้างแล้วสินะ จูลี่

การได้ทำงานในปราสาทแห่งนี้ทำให้พวกเราเริ่มคิดที่จะมี.....ความฝัน

นั่นก็เพราะการทำงานที่นี่นั้นสิ่งที่พวกเราได้รับมันไม่ใช่เพียงแค่ห้องนอนที่อบอุ่นหรืออาหารที่แสนอร่อย แต่พวกเรายังได้รับ....การศึกษา….สิ่งที่เคยเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันฟุ่มเฟือยของเด็กสาวชาวบ้าน พวกเค้ากลับมอบมันมาให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

หลังเลิกงานพวกเราจะเข้าไปเรียนการอ่านเขียนเบื้องต้นกับเอริซัง เธอค่อยๆสอนหนังสือให้กับพวกเราที่แม้แต่ชื่อก็ยังเขียนไม่เป็นอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าจะเขียนผิดกี่ครั้งไม่ว่าจะอ่านผิดกี่หน เอริซังก็ยังคงยิ้มให้พวกเราอยู่เสมอ

ถ้าหากใครมาบอกว่ามีงานที่ดียิ่งกว่านี้ล่ะก็ ชั้นจะไม่ขอเชื่อคำพูดของคนคนนั้นไปตลอดชีวิต เพราะสำหรับชั้นแล้วมันไม่มีการทำงานที่ไหนจะดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

ชั้นอยากจะเป็นครูล่ะ ฟังน่าดูขำใช่มั๊ยล่ะ กับคนที่พึ่งจะเขียนขื่อตัวเองเป็นเมื่อวานอย่างชั้นน่ะ

ไม่หรอก จูลี่น่ะต้องเป็นครูที่ดีได้แน่นอน ชั้นจะคอยเอาใจช่วยนะ

ถ้างั้นชั้นก็จะเอาใจช่วยเธอ ให้สนหวังในเรื่องของทัตสึยะซามะด้วยนะ

พวกเราต่างยิ้มให้แก่กัน

หลังจากทำความสะอาดและนำของใช้จำเป็นทุกอย่างมาจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วพวกเราก็ตรงไปยังห้องครัวเพื่อช่วยจัดเตรียมอาหาร

แต่ในระหว่างทางนั้นพวกเราก็เดินสวนกับเมดสาวเพื่อนร่วมงานอีกกลุ่ม พวกเธอกำลังนำทางให้กับเด็กสาวหลายคน พวกเธอเกือบทุกคนล้วนแต่มีปลอกคออันใหญ่สวมอยู่ พวกเธอคงจะเป็นทาสที่ทัตสึยะซามะช่วยซื้อตัวมา ภายในปราสาทแห่งนี้นั้นแม้จะเป็นทาสก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ดังนั้นชั้นจึงรู้สึกดีใจกับพวกเธอที่จะได้มาอาศัยอยู่ในปราสาทแห่งนี้

แต่ในกลุ่มของพวกเธอนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ต่างออกไป เธอเป็นหญิงสาวตัวสูงที่ดูแข็งแรง เธอสวมใส่ชุดเกราะที่ทำจากหนัง ใบหน้าของเธอนั้นเป็นใบหน้าที่ชั้นคุ้นเคยตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก และนั่นทำให้ชั้นรีบวิ่งเข้าไปหาเธอในทันที

มิรันด้าเน่จัง!!

เป็นเพราะชั้นจึงทำให้ทุกคนหยุดเดินและหันมามอง

วะ วาเนซซ่า!?

ชั้นกระโดดเข้าสวมกอดพี่มิรันด้าอย่างแรง ดูเหมือนว่าพี่มิรันด้าก็จำชั้นได้เช่นเดียวกัน

ในสมัยที่ชั้นยังเป็นเด็กอยู่นั้นชั้นมักจะถูกแกล้งโดยพวกเด็กผู้ชาย ซึ่งพี่มิรันด้าจะคอยเข้ามาช่วยชั้นเสมอมา ในตอนที่พี่มิรันด้าอายุครบ 15 ปีนั้น เธอได้ตัดสินใจออกจากหมู่บ้านเพื่อไปหางานทำในเมือง

คิดถึงที่สุดเลย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ ไม่ได้เก็บเงินเพื่อไปเมืองหลวงหรอกเหรอ

อ่า....ก็ไปมาแล้วล่ะนะ....

พี่มิรันด้าตอบกลับมาด้วยสีหน้าเศร้าใจ แต่แค่เพียงครู่เดียวก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม

เรื่องเมืองหลวงน่ะช่างมันเถอะ พอดีพี่ถูกเรียกให้มาช่วยป้องกันเมืองเวลล่าน่ะ แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องอะไรหลายๆอย่าง.....

…….ว่าแต่ที่ใส่ชุดเมดเนี่ยก็แสดงว่า....ทำงานให้กับพวกท่านจอมเวทงั้นเหรอ…..

ใช่แล้วค่ะ ทัตสึยะซามะให้มาช่วยทำงานบ้านน่ะค่ะ.....

น่าอิจฉา!! น่าอิจฉาที่สุดเลย!! ทำไมถึงไม่บอกกันบ้างเลยล่ะ

แล้วจะบอกยังไงล่ะคะ......

ช่างเถอะๆ พอมีคนรู้จักอยู่ด้วยก็อุ่นใจขึ้นมาอีกเยอะเลย เพราะงั้นหลังจากนี้พี่จะพยายามให้มาก จะไม่ยอมแพ้เธออย่างแน่นอน

พี่มิรันด้าพูดออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยม

ค.....ค่ะ.........

เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างเวลาทำงานพวกเราจึงไม่สามารถพูดคุยกันได้มากนัก

จากนั้นชั้นก็รีบตรงไปยังห้องครัวในทันที หวังว่าชั้นคงจะไม่โดนดุที่มาสายนะ.....

ที่ห้องครัวเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เนื่องจากคาโอริซามะกลับมาถึงแล้วจึงทำให้บรรยากาศดูคึกคักขึ้นกว่าปกติมาก

นั่นก็เพราะอาหารและขนมต่างๆที่คาโอริซามะทำ ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ต้องติดใจจนลืมไม่ลง และนั่นคือเหตุผลที่ทุกคนในห้องครัวต่างตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของเธอในวันนี้

วันนี้จะมีอะไรให้กินน๊า.....

จูลี่พึมพำออกมาในระหว่างช่วยต้มนำและเตรียมอุปกรณ์

เธอชอบอะไรมากที่สุดงั้นเหรอ จูลี่

.......อืมม.......ตอบยากมากเลยน๊า พูดดิ้งก็ดี คุกกี้ก็อร่อย เค้กสตอเบอรี่......โอยไม่ไหวแล้วอ่ะวาซจัง ชั้นอยากกินไปหมดทุกอย่างเลยอ่ะ

สีหน้าของจูลี่เริ่มเปลี่ยนไปทันทีเมื่อพูดถึงขนมต่างๆที่เคยได้ชิมเมื่อ 2 วันก่อน ไม่ใช่แค่เพียงแค่เธอเท่านั้น เหล่าเด็กสาวในห้องครัวทุกคนก็ต่างพูดชื่อขนมต่างๆที่ชอบออกมากัน

กลิ่นหอมๆของขนมเริ่มโชยออกมาจากเตาอบ ทุกคนก็เอาแต่เหลียวมองจนไม่เป็นอันทำงาน บางคนถึงกับหยุดทำงานเพื่อจ้องมองกันเลยทีเดียว

ไม่ว่าจะมาจากเผ่าพันธุ์ใด แต่ในเวลานี้พวกเราทุกคนต่างมีความรู้สึกแบบเดียวกัน

หลังจากอาหารทุกอย่างถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ช่วยกันขนไปยังหอพักทหาร
                                           
และเมื่อกลิ่นของอาหารเริ่มโชยไปถึง.......เด็กสาวหลายคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานก็พากันหันมามอง ........ดูเหมือนพวกเราจะได้แฟนคลับขนมแสนอร่อยของคาโอริซามะเพิ่มขึ้นอีกมากมายซะแล้ว.....

9 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนี้ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็ขอบคุณครับที่มาลงให้อ่าน

    ตอบลบ
  2. มีผู้เสพติดเพิ่มขึ้นมากมาย

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. เรื่องที่ให้พัฒนาคนที่ทำงานด้วยกัน ด้วยการให้การศึกษานี่ก็เป็นความคิดของเทพทัตสินะ แล้วพอ
    "คนมีความรู้เยอะขึ้น ประเทศก็จะยิ่งพัฒนาเร็วขึ้น" กษัตริย์ทัตที่หนึ่งได้กล่าวไว้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่แล้วครับเป็นแผนพัตนาประเทศของทัตสึยะ ถ้าไม่พัตนาคุณภาพแรงงานซะก่อนมันก็ต่อยอดทำอะไรได้ยาก

      ลบ
  5. เสพติดนิยายอย่างรุนแรงงงงง

    ตอบลบ
  6. มีความสุขดีจริงๆอ่านแล้วยิ้มเลยครับ 55555
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  7. รอโรน่า.. รอไอโกะ.. รอไอริ.. รอเคย์โกะ.. รอชิซึกุ.. เอ๊ย อันหลังไม่ใช่

    ตอบลบ