ตอนที่ 29 งานเทศกาลสเตรเชีย บทที่ 7



-- มุมมองของทูรี่ --                                

ชั้นชื่อทูรี่ ตัวชั้นนั้นเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่งที่เกิดในหมู่บ้านแถบชนบทภายในประเทศที่มีชื่อว่า จักรวรรดิเลเรียส แต่เนื่องจากตัวชั้นนั้นเป็นโรคประหลาดจึงทำให้มีร่างกายอ่อนแอมาก และครอบครัวของเราก็ไม่ได้มีเงินทองมากพอที่จะพาชั้นที่เป็นโรคประหลาดไปหาหมอในเมืองหลวงได้

ตั้งแต่ชั้นเกิดมาจนในกระทั่งอายุครบ 12 ปีนั้น ชั้นจะได้ออกไปนอกบ้านเพียงแค่ในช่วงเทศกาลเก็บเกี่ยวในแต่ละปีเพียงเท่านั้น แต่ถึงแม้ชั้นจะเป็นเด็กสาวที่ไร้ประโยชน์ คุณพ่อคุณแม่และพวกน้องๆของชั้นก็ได้มอบความรักและคอยช่วยดูแลชั้นเสมอมาโดยไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง

เพราะงั้นถึงแม้ชั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นานนัก แต่ชั้นก็รู้สึกมีความสุขมากที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นแห่งนี้ ถ้าหากชั้นสามารถกลับมาเกิดใหม่และมีร่างกายแข็งแรงได้ล่ะก็ ชั้นก็อยากจะกลับมาเกิดในครอบครัวนี้ ชั้นอยากที่จะได้ทดแทนบุญคุณและคอยช่วยเหลือทุกคนในครอบครัว

ไม่เป็นไรนะลูก ลูกจะต้องดีขึ้นแน่ๆนะจ๊ะ

วันหนึ่งในช่วงใกล้ฤดูหนาว ตัวชั้นมีไข้สูงมาก ร่างกายร้อนผ่าวและเจ็บปวดไปทั่ว คุณแม่พูดกับชั้นและกุมมือชั้นเอาไว้ทั้งน้ำตา ส่วนคุณพ่อนั้นไม่พูดอะไรและฝืนทำตัวเข้มแข็ง แต่ชั้นก็รู้ดีว่าคุณพ่อนั้นเป็นห่วงชั้นมากกว่าใครๆ

ผมจะไปหาของกินมาให้เยอะๆ พี่ทูรี่ต้องพยายามให้มากๆนะ
พี่คะ พี่ต้องหายดี พี่ต้องมาเล่นกันนู๋อีกนะคะ

ทาร์ต กับ ทูเร่ น้องชายและน้องสาวของชั้นพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง พวกน้องๆได้พยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเหลืองานบ้านในส่วนของชั้นมาตลอด ทั้งๆแบบนั้นแต่ตัวชั้นกลับเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่อง

ชั้นอยากจะลุกขึ้นและเข้าไปโอบกอดทุกๆคน ชั้นอยากจะขอบคุณทุกๆคนที่คอยช่วยเหลือตัวชั้นมาตลอด แต่เพียงแค่จะขยับปากเพื่อพูดตอบกลับทุกคนไปชั้นก็ยังทำไม่ได้ ตาของชั้นเองก็ค่อยๆหนักขึ้นจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ชั้นคงจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของทุกคนที่ชั้นรักได้อีกแล้ว

ทูรี่ซัง ถ้าหากเลือกได้ คุณต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่คะ?

แต่แล้วในขณะที่ชั้นและครอบครัวกำลังสิ้นหวัง ชั้นก็ได้ยินเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่สุดแสนจะไพเราะและอ่อนโยน เพียงแค่ชั้นได้ฟังเสียงของเธอเท่านั้น บรรยากาศรอบตัวของชั้นก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างกายที่หนักอึ้งจนแทบจะขยับไม่ได้ของชั้นรู้สึกเบาสบายอย่างชัดเจน

ต่อหน้าเด็กสาวที่ชั้นมองไม่เห็น ทุกคนในครอบครัวดูจะตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูก มีแต่เพียงคุณพ่อของชั้นเท่านั้นที่สามารถตอบกลับไปโดยไม่ลังเล

ธ เธอสามารถช่วยทูรี่ได้งั้นเหรอ? ได้โปรดล่ะครับ!! ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ ได้โปรดช่วยทูรี่ ได้โปรดช่วยลูกสาวของผมด้วยเถอะครับ!!

หากเธอสามารถที่จะช่วยชั้นได้ล่ะก็ ถึงแม้จะต้องแลกด้วยสิ่งของทุกอย่างที่มี คุณพ่อก็ยินดีจะมอบให้กับเด็กสาว กับคำพูดของคุณพ่อนั้น ชั้นรู้สึกดีใจจริงๆ

ชั้นต้องการยืนยันจากตัวทูรี่ซังโดยตรงเท่านั้น ไม่ใช่คนในครอบครัว คุณอยากจะออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน คุณอยากจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตเหมือนกับเช่นคนทั่วไป คุณยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่คะ?

กับคำถามของเด็กสาวนั้น ชั้นฝืนใช้แรงทั้งหมดที่ชั้นมีเพื่อพยักหน้าตอบรับเธอกลับไป ชั้นยังไม่อยากจะตาย ชั้นอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวของชั้นต่อไป ชั้นยังอยากที่จะตอบแทนให้กับความรัก ความอบอุ่น และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนได้มอบให้กับชั้น

เด็กสาวพอใจกับคำตอบของชั้น และเธอก็ได้มอบยาให้กับชั้น แต่เนื่องจากโรคที่ชั้นเป็นนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นชั้นและครอบครัวจึงต้องออกเดินทางและย้ายถิ่นฐานไปยังอาณาจักรออร์ธรอส ที่นั่นชั้นสามารถจะซื้อยาที่สามารถช่วยระงับอาการกำเริบของโรคที่ชั้นเป็นได้

ในวันนั้นเอง ชีวิตของทุกคนครอบครัวของชั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง พวกเราได้รับจดหมายแนะนำตัว เงินสำหรับค่าเดินทาง และยังได้รับคำแนะนำอีกมากมายจากเด็กสาวที่ได้ช่วยชีวิตของชั้นเอาไว้

ครอบครัวของพวกเราก็ได้ออกเดินทางไปยังอาณาจักรออร์ธรอสด้วยเรือเหาะของอาณาจักรออร์ธรอสตามที่เด็กได้แนะนำเอาไว้ และทางอาณาจักรออร์ธรอสก็ได้ยอมรับครอบครัวของเราเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพลเมือง

แต่ทั้งๆที่ชั้นอยากจะขอบคุณเด็กสาวคนนั้นสักครั้ง ชั้นก็ไม่ทราบทั้งชื่อและที่อยู่ของเธอ แต่ชั้นก็เชื่อว่าการพบกันของพวกเรานั้นคงจะต้องเป็นโชคชะตาแน่ๆ เพราะงั้นแล้ว จนกว่าจะถึงวันที่ได้พบกับเด็กสาวคนนั้นอีกครั้ง ชั้นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป


ช่วงสายของวันที่ 22 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 837

ในวันนี้เป็นวันงานเทศกาลวันที่ 2 ซึ่งเป็นวันหยุดของชั้นและคุณแม่ และในตอนนี้  ทั้งชั้น คุณแม่ และน้องสาว ก็ได้มายังสนามแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียนหลวงสเตรเชีย เพื่อดูการแข่งขันเกมขโมยสมบัติรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปีในรอบชิงชนะเลิศ

ซึ่งเจ้าทาร์ต น้องชายของชั้นได้เป็นตัวแทนของทีมสีส้มและยังได้รับเลือกให้เป็นกับตีนทีม เข้าเพื่อแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศนี้ด้วย

มีคนมาเชียร์ทีมสีส้มกันเพียบเลยนะจ๊ะเนี่ย!!

เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่คุณแม่ของชั้นได้มาชมเกมการแข่งขันในสนามกีฬาขนาดใหญ่ คุณแม่ของชั้นจึงแสดงความรู้สึกตื่นเต้นออกมาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าตัวชั้นเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่การแสดงออกแบบนั้นมันค่อนข้างจะน่าอาย ชั้นจึงพยายามนั่งอยู่อย่างสงบๆ

นั่นสินะคะ คนที่เข้ามานั่งเชียร์ฝั่งทีมสีส้ม ดูจะมากกว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่เยอะเลยล่ะค่ะ

เป็นไปตามที่คุณแม่พูดออกมา เพราะที่นั่งในฝั่งกองเชียร์ของทีมสีส้มที่พวกเรานั่งอยู่นั้น มีผู้คนเข้ามานั่งอยู่มากกว่าทีมสีเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมากกว่าเกือบ 2 เท่าเลยทีเดียว

เพราะพี่ทาร์ตค่อนข้างจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆ แล้วนี่ก็เป็นรอบชิงอีกด้วยที่พี่ทาร์ตเป็นกับตันทีมด้วย คนเลยมากันเยอะเป็นพิเศษนะคะ

เหหห น้องชายของชั้นเป็นที่ชื่นชอบในหมู่พวกสาวๆงั้นเหรอเนี่ย เพราะเจ้าทาร์ตไม่ค่อยได้เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังสักเท่าไหร่ ชั้นจึงไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนัก ถ้ากลับมาบ้านเมื่อไหร่ล่ะก็ เห็นทีต้องเรียกมาสอบสวนสักหน่อยแล้ว....

ทาร์ตคูงงงงสู้ๆน๊าค๊า!!!」「ทาร์ตคูงงงง รักที่สุดเลย!!!」「ไอ้ทาร์ตไปตายซะ!!」「ทาร์ตคุง เอาชนะให้ได้น๊า!!!」「ทาร์ตคูงงงงสู้ๆ!!

อุว๊า ดูเหมือนเจ้าน้องชายของชั้นจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆจริงๆด้วยนะเนี่ย แต่พอได้มาเจอพวกสาวๆส่งเสียงเชียร์กันมากมายแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้ชั้นที่เป็นพี่สาวก็รู้สึกเหงาๆไปเหมือนกันเลยนะคะ

หลังจากทั้งสองทีมลงมาสู่สนามท่ามกลางเสียงเชียร์ การแข่งขันชิงสมบัติก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยแต่ละฝ่ายนั้นจะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทีมละ 20 คน และทีมที่สามารถชิงเอาสมบัติกลับมาที่ฐานได้ก็จะได้คะแนนไปตามความใหญ่ของสมบัติที่สามารถชิงกลับมาได้

สำหรับการแข่งขั้นนี้จะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน 2 อย่างก็คือชุดเกราะเวทและไม้คทาเวท ทั้งสองฝ่ายจะต้องต่อสู้กันโดยการจิ้มไม้คทาเวทใส่กึ่งกลางชุดเกราะเวทของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหากใครถูกจิ้มโดนก็จะถูกส่งกลับไปที่ฐาน และยังทำให้ไม่สามารถออกจากฐานได้นานถึง 30 วินาที

ส่วนเจ้าสมบัติที่ว่านั้นก็เป็นอุปกรณ์เวทที่จะสามารถยกขึ้นได้เมื่อนำไม้คทาเวทเข้าไปจิ้มเท่านั้น ดังจึงแต่ละคนจึงสามารถจะชิงสมบัติไปได้แค่ครั้งละ 1 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งหากจิ้มเข้าที่สมบัติแล้ว ชุดเกราะที่ใส่อยู่ก็จะส่งผลทำให้ร่างกายเคลื่อนที่ได้ช้าลงตามแต่ขนาดและคะแนนของสมบัติ

และก็แน่นอนว่า หากไม้คทาเวทยังจิ้มติดอยู่กับสมบัติอยู่ล่ะก็ มันก็จะไม่สามารถนำไปใช้ต่อสู้ได้ เพราะงั้นการคุ้มกันเพื่อนร่วมทีมในระหว่างขนสมบัติกลับมาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก

อุว๊า!! เจ้าลูกชายของแม่เก่งมากเลยนะเนี่ย จัดการฝ่ายตรงข้ามไปได้ตั้ง 3 คนแล้วล่ะ ดูสิ ทูรี่ น้องชายของลูกเท่มากนะจ๊ะ
พี่ทาร์ตไม่มีทางแพ้ทีมสีเขียวง่ายๆอยู่แล้วล่ะค่ะ ดูนั่นสิคะคุณแม่!! พี่ทาร์ตดักซุ่มโจมตีฝ่ายตรงข้ามตอนเผลอ และชิงเอาสมบัติกลับมาแล้วด้วยนะคะ!!

คุณแม่และน้องสาวของชั้นพูดขึ้นมาในระหว่างเกมการแข่งขันด้วยความตื่นเต้น ชั้นเองก็ต้องขอยอมรับเลยล่ะค่ะ เพราะเกมการแข่งขันแบบนี้ช่างสนุกและน่าตื่นเต้นจริงๆ มันแตกต่างจากการวิ่งเล่นของพวกเด็กๆในหมู่บ้านชนบท พวกเราเคยอยู่เป็นอย่างมาก โชคดีจริงๆเลยค่ะที่พวกเราได้ย้ายมาอยู่ที่ประเทศแห่งนี้

อุว๊า รุ่นพี่ทาร์ตโดนรุมซะแล้ว!!
ทาร์ตคุงอัดพวกมันเลย!!
ทาร์ตคูงงง อย่ายอมแพ้นะค๊า!!

เกมการแข่งขันดำเนินไปโดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกและรับอย่างต่อเนื่อง เจ้าทาร์ตที่เป็นกับตันทีมแสดงความสามารถได้โดนเด่นจนทำให้อีกฝ่ายต้องแบ่งกำลังเข้ามารุมจัดการ

ถึงแม้เจ้าทาร์ตน้องชายของชั้นจะเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีมากกว่าได้และถูกส่งกลับฐานไปอยู่หลายครั้ง แต่เจ้าทาร์ตก็ไม่ยอมแพ้และกลับมาตอบโตฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเฉียบขาด

และในที่สุดเกมก็จบลง ทีมสีส้มสามารถเอาทีมสีเขียวไปได้ด้วยคะแนน 166 ต่อ 128 ซึ่งเรียกว่าได้สูสีกันพอดู หลังจบเกมผู้เล่นทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้ามาจับมือกัน จากนั้นเจ้าทาร์ตก็เข้าไปรับถ้วยรางวัลและยกขึ้นเพื่อแสดงถึงชัยชนะ

คุณแม่ พี่ นู๋ต้องรีบกลับไปช่วยงานที่บูธขายนุนุยากิแล้วนะคะ
อะร๊า ถ้างั้นพวกเราก็ไปลองชิมนุนุยากิกันดีกว่านะ ทูรี่
นั่นสินะคะ นู๋เองก็หิวแล้ว อยากลองชิมฝีมือทูเร่แล้วด้วย

เมื่อคิดได้ดังนั้น ชั้นและคุณแม่ก็เดินตามทูเร่ไปที่บริเวณลานกว้างหน้าอาคารเรียน ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเปิดบูธขายอาหารหลากหลายชนิด หลังจากส่งทูเร่กลับไปที่บูธแล้ว ชั้นและคุณแม่ก็ลองซื้อนุนุยากิและขนมอีกหลายชนิดมานั่งทานที่บริเวณม้านั่งใกล้ๆบริเวณนั้น

ตูมมมมมมมมม!!!!!!!!!

แต่แล้วในตอนนั้นเอง ตรงหน้าของพวกเราก็ได้มีอะไรบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าชมกับพื้นสนามอย่างรุนแรง

ฟุเนี๊ยะ!!

ชั้นที่ตกใจกระโดดเข้ากอดคุณแม่อย่างแรง คุณแม่เองที่ตกใจเช่นเดียวกันหันมาโอบกอดชั้นเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองอย่างแรง

ไม่เป็นไรนะลูก?
มะ ไม่เป็นไรค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะคะเนี่ย?

หลังจากเวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ชั้นและคุณแม่ก็พยายามมองลงไปยังหลุมขนาดใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาเบื้องหน้า

อย่าเข้าไปใกล้นะคะ ทูรี่เน่จัง!!

ในขณะนั้นเอง เมดสาวตัวเล็กสามคนก็โผล่มาที่ตรงหน้า และห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไปใกล้หลุมดังกล่าว แต่ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปใกล้ ชั้นก็สามารถมองเห็นภายในหลุมได้ชัดเจน ซึ่งภายในหลุมนั้นชั้นก็ได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งถูกมัดด้วยโซ่เวทมนต์ทั่วทั้งตัว

กะ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอจ๊ะ ฟิลิเน่จัง

ชั้นพยายามถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด ฟิลิเน่จังนั้นแม้จะเป็นเด็กอายุเพียงแค่ 10 ปี แต่ความสามารถของเธอก็เป็นที่ยอมรับจากกิลด์เมด และเธอก็ได้รับการเลื่อนระดับให้เป็นเมดระดับรูบี้แล้ว ซึ่งหากเทียบกับชั้นที่พึ่งเข้าไปสมัครเป็นเมดฝึกหัดได้ไม่นานล่ะก็ ฟิลิเน่จังก็เป็นเหมือนกับรุ่นพี่ของชั้นนั่นเอง

เธอคนนี้เป็นผู้บุกรุก ที่บุกเข้ามาโจมตีคฤหาสน์ของทัตสึยะซามะน่ะค่ะ

ฟิลิเน่จังตอบกลับมาโดยไม่หันกลับไม่มอง เธอและเพื่อนๆอีก 2 คนนำอุปกรณ์เวทรูปร่างคล้ายเสาออกมาแล้วนำมันไปตั้งล้อมรอบหลุมเอาไว้ และเมื่อพวกเธอเปิดใช้งาน ก็มีแสงเปล่งออกมาจากเสามากมายหลายเส้น จากนั้นแสงเหล่านั้นก็ได้กลายสภาพเป็นบาเรียสีดำบางๆปกคลุมรอบหลุมเอาไว้

ผะ ผู้บุกรุก!! ละ แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?

ฟิลิเน่ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ เพราะพวกฟิลิเน่ก็แค่มาสะสมแสตมป์จอมเวทอยู่ใกล้ๆแถวนี้พอดี ก็เลยถูกสั่งให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ชั่วคราว ฟิลิเน่คิดว่าพรุ่งนี้คงจะมีประกาศแจ้งให้ทุกคนในกิลด์ได้ทราบกันแหละค่ะ

ฟิลิเน่จังตอบกลับมาโดยไม่ละสายตาไปจากเด็กสาวภายในหลุม ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งสามคนนั้นจะมาไล่สะสมแสตมป์จอมเวทเพื่อใช้แลกของรางวัล แต่พอมีคำสั่งด่วนเข้ามา พวกเธอทั้งสามคนก็รีบมายังที่เกิดเหตุเพื่อรีบเข้าควบคุมสถานการณ์โดยทันที ทั้งๆที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่พึ่งพาได้มากจริงๆเลยนะคะ

เป็นงั้นเหรอคะ? ละ แล้วชั้นต้องทำอะไรบ้างมั๊ยคะ?

ปล่อยให้พวกฟิลิเน่จัดการเอง ทูรี่เน่จังก็ไปเที่ยวให้สนุกต่อได้เลยนะคะ

ฟิลิเน่จังยึดอกตอบรับด้วยความภูมิใจ หลังจากนั้นไม่นานทหารจำนวนมากจากกองพันแวร์วูล์ฟก็ได้เข้ามารับตัวเด็กสาวคนดังกล่าวไป จากนั้นพวกเด็กนักเรียนและผู้คนที่มามุงดูกันต่างก็พากันแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตนเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น....

ซึ่งเท่าที่ชั้นได้ลองสอบถามเพื่อนๆของทูเร่ดูนั้น ดูเหมือนว่าทุกๆคนจะค่อนข้างชินกับเหตุการณ์แนวๆนี้กันแล้ว คงจะมีเพียงแต่ชั้นและครอบครัวที่พึ่งจะย้ายมาจากชนบทเท่านั้นที่ไม่ค่อยทราบเรื่องราวของประเทศนี้เท่าไหร่นัก ก็นั่นสินะคะ พวกเราพึ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้นเองนี่นา....

หลังจากนั้นอีกหลายวัน เนื่องจากเหตุการณ์ที่มีผู้บุกรุกเข้ามาก่อนหน้านี้ ทางกิลด์เมดจึงได้มีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในเมืองระดับสูงขึ้น และก็เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้เมดในคฤหาสน์ของทัตสึยะซามะมีจำนวนไม่เพียงพอ ตัวชั้นเองที่เป็นเมดฝึกหัดจึงได้ถูกส่งเข้าไปช่วยทำงานทั่วไปภายในคฤหาสน์

แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันนะคะ ทั้งๆที่ได้พบหน้ากันครั้งแรก ทัตสึยะซามะก็ชวนให้ชั้นนั่งดื่มไวน์เป็นเพื่อนด้วยล่ะค่ะ.......อุว๊า!! หัวใจเต้นตึกตักไม่ยอมหยุดเลยล่ะค่ะ นี่มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับชั้นกันแน่นะคะเนี่ย?

4 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีปีใหม่นะครับ ไรท์เตอร์ ขอให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วยตลอดปีนะครับ แล้วก็แต่งนิยายน่าอ่านแบบนี้ต่อเรื่อยๆ ต่อไปนะครบ

    ปล.สาวคนใหม่มาอีกแล้วและดูทรงแล้วไม่น่ารอด(ล่ะมั้ง?)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. สวัสดีปีใหม่เช่นเดียวกันครับ แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามด้วยครับ

      ลบ
  2. ทีตกลงมานี่ผู้อันเชิญสินะคับ

    ตอบลบ