-- มุมมองของเอลรีสเต้ --
「ท่านแม่!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะเนี่ย!!?
ทำไมเราถึงต้องไปประกาศสงครามกับอาณาจักรเวทมนต์ด้วยล่ะคะ!!」
หลังจากที่ชั้นได้ทราบเรื่องที่จักรวรรดิเลเรียสของเราได้ทำการประกาศสงครามกับอาณาจักรออร์ธรอส
ชั้นก็รีบบุกเข้าไปยังห้องของท่านแม่ในทันที
「อยู่ๆก็พรวดพลาดเข้ามา
แล้วยังจะขึ้นเสียงกับแม่อีกเหรอจ๊ะ」
แต่ท่านแม่กลับตอบกลับเพียงแค่หันมามอง
และตอบคำถามของชั้นกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ท่าทางของท่านแม่ในเวลานี้ราวกับไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย
「ตะ แต่นี่มันสงครามเลยนะคะ…..แถมยังเป็นกับอาณาจักรเวทมนต์อีก...ทั้งๆแบบนั้นแล้วทำไมท่านแม่ถึงได้มานั่งดื่มชาอย่างสบายใจอยู่ได้อีกล่ะคะ....」
「ก็มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่จ๊ะ เพราะตั้งแต่เจ้านั่นแต่งงานกับอัลฟินบุตรสาวของดยุคคราดิส
เจ้านั่นก็ไม่สนใจจะฟังคำพูดของแม่อีกเลย เพราะงั้นหากสงครามครั้งนี้จบลงเมื่อไหร่ล่ะก็
น้องชายของลูกคงไม่ได้ปกครองจักรวรรดิเลเรียสต่ออีกแล้วล่ะนะ」
หลังจากท่านพ่อของชั้นเสียชีวิตไป
น้องชายของชั้น เอเลคเต้ เอเลน ลา เลเรียส ก็ได้รับสืบทอดบัลลังก์
แต่เอเลคเต้นั้นยังมีอายุเพียงแค่ 14 ปี
เท่านั้นจึงเป็นหน้าที่ของท่านแม่ที่ควรจะให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ
ทั้งๆที่ควรจะเป็นแบบนั้น
แต่น้องชายของชั้นกลับไปหลงเชื่อคำพูดของท่านดยุคคราดิสผู้เป็นพ่อตา และตัดสินใจที่จะประกาศสงครามกับอาณาจักรเวทมนต์
ไม่เพียงแค่นั้น
แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจักรวรรดิของเราเป็นอย่างมาก
และนั่นก็ทำให้ตัวชั้นที่เป็นคนของราชวงศ์เลเรียสก็รู้สึกเศร้าใจกับการตัดสินใจของน้องชายยิ่งนัก
「แล้วพวกเราจะปล่อยเอาไว้แบบนี้หรือคะ.....」
「แม่ได้เตรียมแผนการเอาไว้แล้ว....」
กับคำถามของชั้นนั้น ท่านแม่ได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มและบอกเล่าแผนการให้กับชั้นได้ฟัง
โดยพวกเราจะใช้ผลของสงครามในครั้งนี้ในการกล่าวโทษต่อดยุคคราดิสและพักพวกขุนนางอีกหลายคนที่อยู่ฝั่งนั้น
สำหรับสงครามในครั้งนี้นั้นสามารถที่จะบอกได้เลยว่า
กองทัพของเราคงจะต้องเสียหายอย่างหนัก อาณาจักรเวทมนต์นั้นมีอาวุธเวทที่ทรงพลัง
ไม่ว่าจะผู้คนในประเทศไหนก็ทราบกันดี
ยิ่งตัวจอมเวทแต่ละคนเองก็เรียกได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่ง
การเข้าต่อสู้กับพวกเค้านั้น แม่จะใช้กำลังทหารเป็นจำนวนมากกว่าหลายเท่า
ก็ยังคงยากที่จะเอาชนะได้
มันจึงเป็นเรื่องแน่ชัดที่ดยุคคราดิสและพักพวกจะต้องสูญเสียอย่างหนัก
ดังนั้นพวกเราก็จะใช้โอกาสนี้ในการลดทอนอำนาจของพวกเค้าและเชื่อมความสัมพันธุ์กับอาณาจักรเวทมนต์
ตามที่ท่านแม่ได้ข้อมูลมานั้น ผู้ปกครองอาณาจักรเวทมนต์
ทัตสึยะซามะเป็นชายหนุ่มเจ้าชู้ที่ชื่นชอบเด็กสาวที่งดงาม ดังนั้นหากเราสัญญาที่จะส่งตัวเผ่าโลลิเทีย
ราชินีอัลฟินและบุตรสาวขุนนางหน้าตาดีดีอีกหลายคนไปให้กับเค้าล่ะก็
ทัตสึยะซามะจะต้องยอมช่วยเหลือพวกเราอย่างแน่นอน
และเพื่อให้แผนการสำเร็จ ชั้นจึงจำเป็นที่จะต้องติดต่อกับพวกท่านจอมเวทโดยตรงโดยไม่ให้พักพวกของดยุคคราดิสรู้ตัว
ช่วงเช้าของวันที่ 15 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837
เมืองป้อมปราการมินิทาริส
ที่นี่เมืองแห่งนี้มีกำแพงและป้อมปราการขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางทิศใต้ประมาณ
30 กิโลเมตร ที่นี่เป็นป้อมปราการสำคัญในการปกป้องเมืองหลวง
ดังนั้นหากพวกท่านจอมเวทต้องการจะบุกมาที่เมืองหลวงล่ะก็
ไม่ว่ายังไงพวกเค้าก็คงจะต้องมายึดเมืองป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้อย่างแน่นอน
ดังนั้นชั้นที่ได้รับคำสั่งจากท่านแม่จึงได้เสนอตัวมาปกป้องเมืองป้อมปราการแห่งนี้
โดยเหตุผลหลักก็เพื่อมาดักรอพวกท่านจอมเวท
และในวันนี้ กองทัพของอาณาจักรเวทมนต์นำทัพเข้ามาประชิดเมืองป้อมปราการมินิทาริส จากการจัดรูปแบบขบวนทัพ
ทำให้พอจะรู้จำนวนคร่าวๆ พวกเค้านำกำลังทหารมาเพียง 200 นายเศษเท่านั้น
นั่นจึงทำให้ชั้นรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
แผนการของชั้นคือการต่อสู้จนกว่าพวกทหารที่เป็นคนของดยุคคราดิสจะถูกฆ่าตายหมดและค่อยยอมจำนนต่อพวกท่านจอมเวท
แต่อาณาจักรเวทมนต์กลับนำทหารเข้ามาตีเมืองป้อมปราการแห่งนี้ด้วยจำนวนเพียงแค่ 200
นาย แถมยังส่งคนมาเจรจาขอให้พวกเรายอมแพ้อีก.....
นี่พวกเค้าคิดจะทำอะไรกันแน่นะ พวกเค้าจะสามารถเอาชนะกองทหารกว่า
10,000
นายของเราด้วยจำนวนแค่นั้นได้จริงน่ะหรือ....
จริงอยู่ว่าพวกเค้ามีอาวุธเวททรงพลังที่ชื่อว่าบีทเตอร์อยู่
แต่บนกำแพงของป้อมปราการแห่งนี้เองก็มีเครื่องยิงหินเสริมพลังเวทรุ่นใหม่ที่มีระยะยิงใกล้เคียงกับบีทเตอร์อยู่เช่นเดียวกัน
นี่ถ้าหากพวกเค้าสามารถเอาชนะเราได้จริงล่ะก็....
เพียงแค่คิดเท่านั้น....ชั้นก็รู้สึกหนาววูบไปทั่วทั้งตัว....
「เอลรีสเต้ซามะ
พวกทหารเตรียมพร้อมตามคำสั่งแล้วค่ะ!!」
อัศวินสาวอลิเชียที่ติดตามชั้นมาตั้งแต่ยังเด็กเข้ามารายงานด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
กองทัพของเราตั้งแนวป้องกันด้วยโล่เหล็กกล้าขนาดใหญ่อยู่บนกำแพงของป้อมปราการทั้งสองชั้น
บริเวณรอบเครื่องยิงหินเสริมพลังเวทเองก็มีการตั้งแนวป้องกันล้อมรอบหลายชั้นเพื่อคุ้มกัน
ดังนั้นถึงแม้จะเป็นอาวุธเวทที่มีความแม่นยำสูงอย่างบีทเตอร์ก็ไม่น่าจะทะลวงการป้องกันเข้ามาได้
ที่ชั้นกังวลอยู่ในตอนนี้จึงมีเพียงแค่จอมเวท 2 คนที่คอยสั่งการกองทัพของอาณาจักรเวทมนต์อยู่ด้านหลัง
พวกเค้าคิดจะใช้วิธีไหนในการทำลายแนวป้องกันของพวกเรากันแน่นะ....
「สั่งการลงไป!! ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีจำนวนน้อยกว่าแต่ก็เป็นจอมเวทชั้นสูงที่มีชื่อเสียง
เพราะงั้นก็อย่าประมาทเป็นอัน......ฟุเคี๊ยะ!!!」
ไม่ทันได้พูดจบชั้นก็เผลอล้มลงไปเพราะตกใจจากเสียงระเบิดที่ดังก้องรวมถึงแรงสั่นสะเทือนที่สั่นคลอนไปทั่วทั้งกำแพงเมือง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น....
「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」
เสียงระเบิดยังคงดังก้องกังวาลอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับแรงสั่นสะเทือนที่ไม่หยุดยั้ง
และภาพที่ชั้นได้เห็นในตอนนี้เปรียบก็ได้กับหายนะดีดีนี่เอง
ประตูป้อมปราการชั้นนอกที่สร้างขึ้นจากเหล็กมันหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่
กำแพงของป้อมปราการชั้นนอกที่สร้างขึ้นจากหินภูเขาไฟเองก็พังย่อยยับ
เหล่าทหารที่ตั้งแนวป้องกันอยู่ก่อนหน้านี้กลายเป็นซากศพในพริบตา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!! นี่พวกเรากำลังสู้อยู่กับอะไรกันแน่!!
「กะ โกหกน่า!! กองทหารของพวกนั้นอยู่ห่างออกไปมากกว่า
1 กิโลเมตรอีกนะ จอมเวทเองก็ยังไม่ขยับไปไหนเลยด้วย........ฟุเคี๊ยะ!!!」
ถึงแม้จะพยายามลุกขึ้นยืนแต่ขาทั้งสองข้างก็สั่นไปด้วยความหวาดกลัวและสุดท้ายชั้นก็ล้มลงไปอีกครั้งเพราะแรงสั่นสะเทือน
「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」
เสียงระเบิดยังคงดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง
ทุกๆครั้งก็จะเห็นเหล่าทหารลอยกระเด็นหลุดเป็นชิ้นๆออกไป ทั้งกำแพงเมือง
เครื่องป้องกันต่างๆ แม้แต่เครื่องยิงหินเสริมพลังเวทที่พวกเราคอยคุ้มกันอย่างดีก็กลับกลายเป็นเพียงเศษเหล็กไร้ค่า
นี่มันเป็นความฝัน.....ไม่สิมันคงไม่ได้เป็นความฝันๆแน่ๆ....นี่พวกเค้าใช้เวทมนต์แบบไหนกัน
เวทมนต์อะไรที่สามารถทำลายการป้องกันของพวกเราได้แม้จะอยู่ห่างไปกว่า 1 กิโลเมตร
กลัว....ชั้นรู้สึกหวาดกลัวจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้...ขาทั้งสองข้างยังคงสั่นระริก...แถมยังรู้สึกแฉะๆที่บริเวณนั้นด้วยอีก....นี่ชั้นหวาดกลัวถึงเพียงนี้.....
「เอลรีสเต้ซามะ!!
รีบหลบเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ!! พวกเราจะมาตายที่นี่ไม่ได้นะคะ!!」
ถึงจะยังไม่เข้าอะไรเท่าไหร่นักแต่ชั้นก็คิดว่าสิ่งที่อลิเชียพูดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ถึงจะหวาดกลัวแค่ไหนแต่มันก็ยังคงเป็นไปตามที่ท่านแม่ได้บอกกับชั้นเอาไว้
ดังนั้นหากสามารถทำตามที่ท่านแม่บอกได้ก็ต้องไม่เป็นไรแน่
ถึงจะยังหวาดกลัวแต่ชั้นก็ยังคงเชื่อในสิ่งที่ท่านแม่พูด
การรบในครั้งนี้ต่อให้ไม่แพ้จะก็ต้องเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะงั้นชั้นจะต้องใช้โอกาสนี้ในการดึงอำนาจการปกครองจักรวรรดิแห่งนี้กลับคืนมาให้กับท่านแม่
หลังจากนี้ชั้นจะต้องไปติดต่อกับพวกท่านจอมเวทและขอร้องให้พวกเค้าให้ความร่วมมือ
ชั้นจะต้องทำตามแผนการที่ท่านแม่ได้วางเอาไว้
「อลิเชีย ออกคำสั่งลงไป ให้หัวหน้าอัศวินเกลทิ้งป้อมปราการแห่งนี้และนำกำลังที่เหลืออยู่หนีออกไปทางประตูทิศเหนือ
ให้พวกเค้ากลับไปเมืองหลวงและรายงานต่อท่านจักรพรรดิกับพวกขุนนางฝ่ายท่านดยุคคราดิสในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองป้อมปราการมินิทาริสแห่งนี้」
ชั้นพยายามฝืนพูดออกไปทั้งๆที่ยังหวาดกลัว
「ให้พวกนั้นได้เข้าใจว่าการประกาศสงครามกับอาณาจักรเวทมนต์มันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดและหาทางแก้ไขมันซะ
พวกเราจะมาเสียทหารไปโดยไม่จำเป็นไม่ได้อีกแล้ว」
「ขะ เข้าใจแล้วค่ะ」
「พวกเราที่เหลือไปเตรียมพวกเจลโล่ให้พร้อม หลังจากอลิเชียกลับมาพวกเราจะใช้ทางลับใต้ดินเพื่ออ้อมไปยังด้านหลังของพวกจอมเวท
ภารกิจในครั้งนี้จะผิดพลาดไม่ได้ รีบไปจัดการเร็วเข้า!!」
ชั้นสั่งการเหล่าอัศวินหญิงคนอื่นๆที่ติดตามชั้นมาเพื่อทำภารกิจในครั้งนี้
「รับทราบ!! ทั้งชั้นและทุกคนจะปกป้องเอลรีสเต้ซามะด้วยชีวิต!! พวกเราจะพาเอลรีสเต้ซามะไปให้ถึงตัวพวกจอมเวทให้ได้!! เข้าใจกันแล้วนะ!!!」
「เพื่อเอลรีสเต้ซามะและจักรวรรดิเลเรียส!!!」「「「「โอ้!!!」」」」
ทุกคนขานตอบรับด้วยเสียงอันดัง ทั้งๆที่ทุกคนเองก็คงหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นแต่ก็ยังไม่มีใครที่คิดจะถอยหนี
พวกเธอช่างสมกับเป็นหน่วยอัศวินที่ชั้นภาคภูมิใจ
หลังจากเตรียมการเสร็จสิ้น
พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังทางลับใต้ดินด้วยเจลโล่
ทางใต้ดินของเมืองป้อมปราการมินิทาริสนั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการลอบจู่โจมศัตรู ดังนั้นจึงทำให้มีทางออกไปด้านนอกได้จำนวนมาก
และก็เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกศัตรูบุกสวนเข้ามาจึงมีการพรางตาและยังมีเส้นทางต่างๆที่ซับซ้อน
ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเราก็มาถึงยังทางออก
พื้นที่บริเวณนี้เป็นแนวหินจึงทำให้ง่ายต่อการซ่อนตัว แล้วก็เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้พวกเราไม่ทันได้สังเกตว่าทางอาณาจักรเวทมนต์ได้วางกำลังดักรอพวกเราเอาไว้อยู่แล้ว
「「เคี๊ยะ!!!」」「「ฟุเนี๊ยะ!!!」」「「อุว๊าว๊า!!!」」
อัศวินสาวหลายคนที่นำอยู่ด้านหลังหน้าล้มกลิ้งไปพร้อมกับเจลโล่
บางคนก็ถูกเชือกดึงขึ้นไปบนต้นไม้ บางคนก็หล่นลงไปในหลุมพราง เพียงแค่ชั่วพริบตา
กองอัศวินหญิงที่ชั้นภาคภูมิใจก็เหลือเพียงแค่ชั้นกับอลิเชียเพียงเท่านั้น
「พวกแกเป็นใครกันแน่ รีบแสดงตัวออกมาเด๋........ฟุว๊า!!」
อลิเชียชักดาบขึ้นและถอยหลังมาเพื่อป้องกันชั้น
แต่ในขณะเธอตะโกนออกไปนั้น เธอก็ถูกตะข่ายขนาดใหญ่ห่อหุ้นทั่วทั้งตัวและถูกลากไปพร้อมกับเจลโล่ของเธอ
「อะ อลิเชีย!! ทะ ท่านจอมเวท!! ดิชั้น เอลรีสเต้ เอเลน ลา เลเรียส ผู้บัญชาการกองทัพของป้อมปราการมินิทาริส ได้โปรดฟังที่ดิชั้นพูดด้วยเถอะค่ะ! ขอร้องล่ะค่ะ!!」
ชั้นตะโกนออกไปสุดเสียงเพื่อขอพบกับพวกท่านจอมเวท ถึงจะไม่แน่ใจว่าพวกเค้าจะยอมฟังที่ชั้นจะพูดหรือเปล่า
แต่ตัวชั้นในตอนนี้ก็ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะทำสิ่งอื่น
ดังนั้นจึงมีแต่ต้องเดิมพันกับพวกท่านจอมเวทที่อยู่ที่นี่เท่านั้น
「ยังคงเอาแต่วู่วามเหมือนสมัยก่อนเลยนะคะ
เอลรีสเต้ซามะ ไม่สิ เอลรีสจัง」
แต่ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาตรงหน้าชั้นกับไม่ใช่พวกท่านจอมเวท
แต่กลับเป็นเด็กสาวที่มีผมสีฟ้าอ่อนเช่นเดียวกันกับชั้น
ใบหน้าที่น่ารักของเธอให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย
น้ำเสียงของเธอเองก็ฟังดูอบอุ่นและอ่อนโยน
รูปร่างเล็กๆที่ดูน่ารักหน้าปกป้องและหน้าอกขนาดใหญ่โตที่ดึงดูดสายตาของชายหนุ่ม
「เธอ.....นี่มัน..เป็นไปไม่ได้!!....ซะ..โซฟีเนียโอเน่ซามะ!?
ทะ ทะ ทำไมท่านพี่หญิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!! กะ ก็ท่านพี่หญิงน่ะ.....ก็ท่านแม่บอกว่าท่านพี่หญิงเสียชีวิตไปแล้วนี่!!!」
เด็กสาวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ชั้นตกตะลึง
เพราะเธอก็คือพี่สาวต่างมารดาของชั้น อดีตเจ้าหญิงอับดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิเลเรียส
โซฟีเนีย รีสเบน ลา เลเรียส ที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วจากเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจเมื่อ
6 ปีก่อน...
-- Extra --
ห่างจากสนามรบไปไม่ไกล เด็กสาวผู้มีผมสีเงินเป็นประกายกำลังมองดูการกลับมาพบกันของเจ้าหญิงทั้งสองอยู่
「จำเป็นจะต้องให้ทั้งสองคนมาพบกันด้วยงั้นเหรอคะ....」
เด็กสาวผมสีเงินพึมพำออกมา
「แผนการของพวกเราคือการทำลายความสัมพันธ์ของจักรวรรดิเอลติซกับจักรวรรดิเลเรียส
นอกจากนั้นก็ยังจำเป็นต้องดึงเอาจักรวรรดิเลเรียสมาเข้าเป็นพันธมิตร
เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องให้ทั้งสองมาพบกัน」
ใครบางคนที่มองไม่เห็นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
「เพื่อให้เจ้าหญิงเอลรีสเต้สามารถเชื่อใจอาณาจักรออร์ธรอสได้มากยิ่งขึ้นสินะคะ」
เด็กสาวผมสีเงินกล่าวถามออกไป
「เจ้าหญิงเอลรีสเต้นั้นมีโชคชะตาที่อยู่ตรงข้ามกับทัตสึยะซามะ
แต่เนื่องจากตัวเธอได้รับคำสั่งโดยตรงจากอดีตราชินีให้มาผูกสัมพันธุ์ทัตสึยะซามะและอาณาจักรออร์ธรอสดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือก」
「แล้วตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวของอาณาจักรออร์ธรอสมากพอ
แถมในวันนี้เธอก็ได้ประสบเข้ากับความหวาดกลัวที่ยากจะลืมเลือนด้วยตัวของเธอเอง ดังนั้นหากไม่มีใครซักคนที่เข้าใจทัตสึยะซามะเป็นอย่างดีมาคอยเป็นตัวกลางให้ล่ะก็」
「เมื่อเป็นแบบนั้นมันก็คงไม่พ้นที่เธอจะต้องเอาร่างกายของตัวเข้าแลก
และหากมันเป็นแบบนั้นล่ะก็
โชคชะตาของเธอจะบีบบังคับให้เธอนำพาความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงมาให้กับพวกเราอย่างแน่นอน」
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจนจบ
เด็กสาวผมสีเงินก็พอจะเข้าใจถึงความสำคัญของการพาตัวโซเฟีย หรือก็คือเจ้าหญิง
โซฟีเนีย รีสเบน ลา เลเรียส กลับมาพบกับพี่น้องของเธอ
แต่ถึงมันจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเธอก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด
เพราะในฐานะที่เป็นเพื่อนคนหนึ่งแล้ว เธอไม่อยากที่จะให้โซเฟียต้องกลับมาพบกับผู้คนที่อาจะจะทำให้แผลใจในอดีตของเธอกลับมาเปิดอีกครั้ง
ปริศนา + อารมณ์ค้างเยอะมวากกกก
ตอบลบติดตามตอนต่อไปเดือนมิถุนายน...น่าจะนะ ^^
ลบลงแดงเลยทีเดียว -..-
ตอบลบอะเหื้อ อ่านรวดเดียว1ถึงล่าสุดในวันเดียว รอบทมากิจังครับ ปริศนาเยอะจริงแห้ะ อีกเสียงนึงที่คุยกะสาวผมเงินคือใครกันน้าา
ตอบลบรอดูกันต่อไปครับ -0-//
ลบ