ตอนที่ 3 สงครามตีเมืองป้อมปราการมินิทาริส บทที่ 1


-- มุมมองของเอลรีสเต้ --                      

ท่านแม่!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะเนี่ย!!? ทำไมเราถึงต้องไปประกาศสงครามกับอาณาจักรเวทมนต์ด้วยล่ะคะ!!
                                   
หลังจากที่ชั้นได้ทราบเรื่องที่จักรวรรดิเลเรียสของเราได้ทำการประกาศสงครามกับอาณาจักรออร์ธรอส ชั้นก็รีบบุกเข้าไปยังห้องของท่านแม่ในทันที

อยู่ๆก็พรวดพลาดเข้ามา แล้วยังจะขึ้นเสียงกับแม่อีกเหรอจ๊ะ

แต่ท่านแม่กลับตอบกลับเพียงแค่หันมามอง และตอบคำถามของชั้นกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ท่าทางของท่านแม่ในเวลานี้ราวกับไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย

ตะ แต่นี่มันสงครามเลยนะคะ…..แถมยังเป็นกับอาณาจักรเวทมนต์อีก...ทั้งๆแบบนั้นแล้วทำไมท่านแม่ถึงได้มานั่งดื่มชาอย่างสบายใจอยู่ได้อีกล่ะคะ....น็นยู

ก็มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่จ๊ะ เพราะตั้งแต่เจ้านั่นแต่งงานกับอัลฟินบุตรสาวของดยุคคราดิส เจ้านั่นก็ไม่สนใจจะฟังคำพูดของแม่อีกเลย เพราะงั้นหากสงครามครั้งนี้จบลงเมื่อไหร่ล่ะก็ น้องชายของลูกคงไม่ได้ปกครองจักรวรรดิเลเรียสต่ออีกแล้วล่ะนะ

หลังจากท่านพ่อของชั้นเสียชีวิตไป น้องชายของชั้น เอเลคเต้ เอเลน ลา เลเรียส ก็ได้รับสืบทอดบัลลังก์ แต่เอเลคเต้นั้นยังมีอายุเพียงแค่ 14 ปี เท่านั้นจึงเป็นหน้าที่ของท่านแม่ที่ควรจะให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ

ทั้งๆที่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่น้องชายของชั้นกลับไปหลงเชื่อคำพูดของท่านดยุคคราดิสผู้เป็นพ่อตา และตัดสินใจที่จะประกาศสงครามกับอาณาจักรเวทมนต์

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจักรวรรดิของเราเป็นอย่างมาก และนั่นก็ทำให้ตัวชั้นที่เป็นคนของราชวงศ์เลเรียสก็รู้สึกเศร้าใจกับการตัดสินใจของน้องชายยิ่งนัก

แล้วพวกเราจะปล่อยเอาไว้แบบนี้หรือคะ.....น็นยู

แม่ได้เตรียมแผนการเอาไว้แล้ว....

กับคำถามของชั้นนั้น ท่านแม่ได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มและบอกเล่าแผนการให้กับชั้นได้ฟัง โดยพวกเราจะใช้ผลของสงครามในครั้งนี้ในการกล่าวโทษต่อดยุคคราดิสและพักพวกขุนนางอีกหลายคนที่อยู่ฝั่งนั้น

สำหรับสงครามในครั้งนี้นั้นสามารถที่จะบอกได้เลยว่า กองทัพของเราคงจะต้องเสียหายอย่างหนัก อาณาจักรเวทมนต์นั้นมีอาวุธเวทที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะผู้คนในประเทศไหนก็ทราบกันดี ยิ่งตัวจอมเวทแต่ละคนเองก็เรียกได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่ง การเข้าต่อสู้กับพวกเค้านั้น แม่จะใช้กำลังทหารเป็นจำนวนมากกว่าหลายเท่า ก็ยังคงยากที่จะเอาชนะได้

มันจึงเป็นเรื่องแน่ชัดที่ดยุคคราดิสและพักพวกจะต้องสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นพวกเราก็จะใช้โอกาสนี้ในการลดทอนอำนาจของพวกเค้าและเชื่อมความสัมพันธุ์กับอาณาจักรเวทมนต์

ตามที่ท่านแม่ได้ข้อมูลมานั้น ผู้ปกครองอาณาจักรเวทมนต์ ทัตสึยะซามะเป็นชายหนุ่มเจ้าชู้ที่ชื่นชอบเด็กสาวที่งดงาม ดังนั้นหากเราสัญญาที่จะส่งตัวเผ่าโลลิเทีย ราชินีอัลฟินและบุตรสาวขุนนางหน้าตาดีดีอีกหลายคนไปให้กับเค้าล่ะก็ ทัตสึยะซามะจะต้องยอมช่วยเหลือพวกเราอย่างแน่นอน

และเพื่อให้แผนการสำเร็จ ชั้นจึงจำเป็นที่จะต้องติดต่อกับพวกท่านจอมเวทโดยตรงโดยไม่ให้พักพวกของดยุคคราดิสรู้ตัว



ช่วงเช้าของวันที่ 15 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837

เมืองป้อมปราการมินิทาริส ที่นี่เมืองแห่งนี้มีกำแพงและป้อมปราการขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางทิศใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร ที่นี่เป็นป้อมปราการสำคัญในการปกป้องเมืองหลวง

ดังนั้นหากพวกท่านจอมเวทต้องการจะบุกมาที่เมืองหลวงล่ะก็ ไม่ว่ายังไงพวกเค้าก็คงจะต้องมายึดเมืองป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้อย่างแน่นอน ดังนั้นชั้นที่ได้รับคำสั่งจากท่านแม่จึงได้เสนอตัวมาปกป้องเมืองป้อมปราการแห่งนี้ โดยเหตุผลหลักก็เพื่อมาดักรอพวกท่านจอมเวท

และในวันนี้ กองทัพของอาณาจักรเวทมนต์นำทัพเข้ามาประชิดเมืองป้อมปราการมินิทาริส จากการจัดรูปแบบขบวนทัพ ทำให้พอจะรู้จำนวนคร่าวๆ พวกเค้านำกำลังทหารมาเพียง 200 นายเศษเท่านั้น นั่นจึงทำให้ชั้นรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก

แผนการของชั้นคือการต่อสู้จนกว่าพวกทหารที่เป็นคนของดยุคคราดิสจะถูกฆ่าตายหมดและค่อยยอมจำนนต่อพวกท่านจอมเวท แต่อาณาจักรเวทมนต์กลับนำทหารเข้ามาตีเมืองป้อมปราการแห่งนี้ด้วยจำนวนเพียงแค่ 200 นาย แถมยังส่งคนมาเจรจาขอให้พวกเรายอมแพ้อีก.....

นี่พวกเค้าคิดจะทำอะไรกันแน่นะ พวกเค้าจะสามารถเอาชนะกองทหารกว่า 10,000 นายของเราด้วยจำนวนแค่นั้นได้จริงน่ะหรือ....

จริงอยู่ว่าพวกเค้ามีอาวุธเวททรงพลังที่ชื่อว่าบีทเตอร์อยู่ แต่บนกำแพงของป้อมปราการแห่งนี้เองก็มีเครื่องยิงหินเสริมพลังเวทรุ่นใหม่ที่มีระยะยิงใกล้เคียงกับบีทเตอร์อยู่เช่นเดียวกัน นี่ถ้าหากพวกเค้าสามารถเอาชนะเราได้จริงล่ะก็....

เพียงแค่คิดเท่านั้น....ชั้นก็รู้สึกหนาววูบไปทั่วทั้งตัว....

เอลรีสเต้ซามะ พวกทหารเตรียมพร้อมตามคำสั่งแล้วค่ะ!!

อัศวินสาวอลิเชียที่ติดตามชั้นมาตั้งแต่ยังเด็กเข้ามารายงานด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม กองทัพของเราตั้งแนวป้องกันด้วยโล่เหล็กกล้าขนาดใหญ่อยู่บนกำแพงของป้อมปราการทั้งสองชั้น บริเวณรอบเครื่องยิงหินเสริมพลังเวทเองก็มีการตั้งแนวป้องกันล้อมรอบหลายชั้นเพื่อคุ้มกัน

ดังนั้นถึงแม้จะเป็นอาวุธเวทที่มีความแม่นยำสูงอย่างบีทเตอร์ก็ไม่น่าจะทะลวงการป้องกันเข้ามาได้ ที่ชั้นกังวลอยู่ในตอนนี้จึงมีเพียงแค่จอมเวท 2 คนที่คอยสั่งการกองทัพของอาณาจักรเวทมนต์อยู่ด้านหลัง พวกเค้าคิดจะใช้วิธีไหนในการทำลายแนวป้องกันของพวกเรากันแน่นะ....

สั่งการลงไป!! ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีจำนวนน้อยกว่าแต่ก็เป็นจอมเวทชั้นสูงที่มีชื่อเสียง เพราะงั้นก็อย่าประมาทเป็นอัน......ฟุเคี๊ยะ!!!

ไม่ทันได้พูดจบชั้นก็เผลอล้มลงไปเพราะตกใจจากเสียงระเบิดที่ดังก้องรวมถึงแรงสั่นสะเทือนที่สั่นคลอนไปทั่วทั้งกำแพงเมือง นี่มันเกิดอะไรขึ้น....

ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!

เสียงระเบิดยังคงดังก้องกังวาลอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับแรงสั่นสะเทือนที่ไม่หยุดยั้ง และภาพที่ชั้นได้เห็นในตอนนี้เปรียบก็ได้กับหายนะดีดีนี่เอง

ประตูป้อมปราการชั้นนอกที่สร้างขึ้นจากเหล็กมันหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ กำแพงของป้อมปราการชั้นนอกที่สร้างขึ้นจากหินภูเขาไฟเองก็พังย่อยยับ เหล่าทหารที่ตั้งแนวป้องกันอยู่ก่อนหน้านี้กลายเป็นซากศพในพริบตา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!! นี่พวกเรากำลังสู้อยู่กับอะไรกันแน่!!

กะ โกหกน่า!! กองทหารของพวกนั้นอยู่ห่างออกไปมากกว่า 1 กิโลเมตรอีกนะ จอมเวทเองก็ยังไม่ขยับไปไหนเลยด้วย........ฟุเคี๊ยะ!!!

ถึงแม้จะพยายามลุกขึ้นยืนแต่ขาทั้งสองข้างก็สั่นไปด้วยความหวาดกลัวและสุดท้ายชั้นก็ล้มลงไปอีกครั้งเพราะแรงสั่นสะเทือน

ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!」「ตูมมมม!!

เสียงระเบิดยังคงดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง ทุกๆครั้งก็จะเห็นเหล่าทหารลอยกระเด็นหลุดเป็นชิ้นๆออกไป ทั้งกำแพงเมือง เครื่องป้องกันต่างๆ แม้แต่เครื่องยิงหินเสริมพลังเวทที่พวกเราคอยคุ้มกันอย่างดีก็กลับกลายเป็นเพียงเศษเหล็กไร้ค่า

นี่มันเป็นความฝัน.....ไม่สิมันคงไม่ได้เป็นความฝันๆแน่ๆ....นี่พวกเค้าใช้เวทมนต์แบบไหนกัน เวทมนต์อะไรที่สามารถทำลายการป้องกันของพวกเราได้แม้จะอยู่ห่างไปกว่า 1 กิโลเมตร

กลัว....ชั้นรู้สึกหวาดกลัวจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้...ขาทั้งสองข้างยังคงสั่นระริก...แถมยังรู้สึกแฉะๆที่บริเวณนั้นด้วยอีก....นี่ชั้นหวาดกลัวถึงเพียงนี้.....

เอลรีสเต้ซามะ!! รีบหลบเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ!! พวกเราจะมาตายที่นี่ไม่ได้นะคะ!!

ถึงจะยังไม่เข้าอะไรเท่าไหร่นักแต่ชั้นก็คิดว่าสิ่งที่อลิเชียพูดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถึงจะหวาดกลัวแค่ไหนแต่มันก็ยังคงเป็นไปตามที่ท่านแม่ได้บอกกับชั้นเอาไว้ ดังนั้นหากสามารถทำตามที่ท่านแม่บอกได้ก็ต้องไม่เป็นไรแน่

ถึงจะยังหวาดกลัวแต่ชั้นก็ยังคงเชื่อในสิ่งที่ท่านแม่พูด การรบในครั้งนี้ต่อให้ไม่แพ้จะก็ต้องเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะงั้นชั้นจะต้องใช้โอกาสนี้ในการดึงอำนาจการปกครองจักรวรรดิแห่งนี้กลับคืนมาให้กับท่านแม่

หลังจากนี้ชั้นจะต้องไปติดต่อกับพวกท่านจอมเวทและขอร้องให้พวกเค้าให้ความร่วมมือ ชั้นจะต้องทำตามแผนการที่ท่านแม่ได้วางเอาไว้

อลิเชีย ออกคำสั่งลงไป ให้หัวหน้าอัศวินเกลทิ้งป้อมปราการแห่งนี้และนำกำลังที่เหลืออยู่หนีออกไปทางประตูทิศเหนือ ให้พวกเค้ากลับไปเมืองหลวงและรายงานต่อท่านจักรพรรดิกับพวกขุนนางฝ่ายท่านดยุคคราดิสในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองป้อมปราการมินิทาริสแห่งนี้

ชั้นพยายามฝืนพูดออกไปทั้งๆที่ยังหวาดกลัว

ให้พวกนั้นได้เข้าใจว่าการประกาศสงครามกับอาณาจักรเวทมนต์มันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดและหาทางแก้ไขมันซะ พวกเราจะมาเสียทหารไปโดยไม่จำเป็นไม่ได้อีกแล้ว

ขะ เข้าใจแล้วค่ะ

พวกเราที่เหลือไปเตรียมพวกเจลโล่ให้พร้อม หลังจากอลิเชียกลับมาพวกเราจะใช้ทางลับใต้ดินเพื่ออ้อมไปยังด้านหลังของพวกจอมเวท ภารกิจในครั้งนี้จะผิดพลาดไม่ได้ รีบไปจัดการเร็วเข้า!!

ชั้นสั่งการเหล่าอัศวินหญิงคนอื่นๆที่ติดตามชั้นมาเพื่อทำภารกิจในครั้งนี้

รับทราบ!! ทั้งชั้นและทุกคนจะปกป้องเอลรีสเต้ซามะด้วยชีวิต!! พวกเราจะพาเอลรีสเต้ซามะไปให้ถึงตัวพวกจอมเวทให้ได้!! เข้าใจกันแล้วนะ!!!

เพื่อเอลรีสเต้ซามะและจักรวรรดิเลเรียส!!!」「「「「โอ้!!!」」」」

ทุกคนขานตอบรับด้วยเสียงอันดัง ทั้งๆที่ทุกคนเองก็คงหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นแต่ก็ยังไม่มีใครที่คิดจะถอยหนี พวกเธอช่างสมกับเป็นหน่วยอัศวินที่ชั้นภาคภูมิใจ

หลังจากเตรียมการเสร็จสิ้น พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังทางลับใต้ดินด้วยเจลโล่ ทางใต้ดินของเมืองป้อมปราการมินิทาริสนั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการลอบจู่โจมศัตรู ดังนั้นจึงทำให้มีทางออกไปด้านนอกได้จำนวนมาก และก็เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกศัตรูบุกสวนเข้ามาจึงมีการพรางตาและยังมีเส้นทางต่างๆที่ซับซ้อน

ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเราก็มาถึงยังทางออก พื้นที่บริเวณนี้เป็นแนวหินจึงทำให้ง่ายต่อการซ่อนตัว แล้วก็เพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้พวกเราไม่ทันได้สังเกตว่าทางอาณาจักรเวทมนต์ได้วางกำลังดักรอพวกเราเอาไว้อยู่แล้ว

「「เคี๊ยะ!!!」」「「ฟุเนี๊ยะ!!!」」「「อุว๊าว๊า!!!」」

อัศวินสาวหลายคนที่นำอยู่ด้านหลังหน้าล้มกลิ้งไปพร้อมกับเจลโล่ บางคนก็ถูกเชือกดึงขึ้นไปบนต้นไม้ บางคนก็หล่นลงไปในหลุมพราง เพียงแค่ชั่วพริบตา กองอัศวินหญิงที่ชั้นภาคภูมิใจก็เหลือเพียงแค่ชั้นกับอลิเชียเพียงเท่านั้น

พวกแกเป็นใครกันแน่ รีบแสดงตัวออกมาเด๋........ฟุว๊า!!

อลิเชียชักดาบขึ้นและถอยหลังมาเพื่อป้องกันชั้น แต่ในขณะเธอตะโกนออกไปนั้น เธอก็ถูกตะข่ายขนาดใหญ่ห่อหุ้นทั่วทั้งตัวและถูกลากไปพร้อมกับเจลโล่ของเธอ

อะ อลิเชีย!! ทะ ท่านจอมเวท!! ดิชั้น เอลรีสเต้ เอเลน ลา เลเรียส ผู้บัญชาการกองทัพของป้อมปราการมินิทาริส ได้โปรดฟังที่ดิชั้นพูดด้วยเถอะค่ะ! ขอร้องล่ะค่ะ!!

ชั้นตะโกนออกไปสุดเสียงเพื่อขอพบกับพวกท่านจอมเวท ถึงจะไม่แน่ใจว่าพวกเค้าจะยอมฟังที่ชั้นจะพูดหรือเปล่า แต่ตัวชั้นในตอนนี้ก็ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะทำสิ่งอื่น ดังนั้นจึงมีแต่ต้องเดิมพันกับพวกท่านจอมเวทที่อยู่ที่นี่เท่านั้น

ยังคงเอาแต่วู่วามเหมือนสมัยก่อนเลยนะคะ เอลรีสเต้ซามะ ไม่สิ เอลรีสจัง

แต่ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาตรงหน้าชั้นกับไม่ใช่พวกท่านจอมเวท แต่กลับเป็นเด็กสาวที่มีผมสีฟ้าอ่อนเช่นเดียวกันกับชั้น ใบหน้าที่น่ารักของเธอให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย น้ำเสียงของเธอเองก็ฟังดูอบอุ่นและอ่อนโยน รูปร่างเล็กๆที่ดูน่ารักหน้าปกป้องและหน้าอกขนาดใหญ่โตที่ดึงดูดสายตาของชายหนุ่ม

เธอ.....นี่มัน..เป็นไปไม่ได้!!....ซะ..โซฟีเนียโอเน่ซามะ!? ทะ ทะ ทำไมท่านพี่หญิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!! กะ ก็ท่านพี่หญิงน่ะ.....ก็ท่านแม่บอกว่าท่านพี่หญิงเสียชีวิตไปแล้วนี่!!!

เด็กสาวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ชั้นตกตะลึง เพราะเธอก็คือพี่สาวต่างมารดาของชั้น อดีตเจ้าหญิงอับดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิเลเรียส โซฟีเนีย รีสเบน ลา เลเรียส ที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วจากเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจเมื่อ 6 ปีก่อน...



-- Extra --

ห่างจากสนามรบไปไม่ไกล เด็กสาวผู้มีผมสีเงินเป็นประกายกำลังมองดูการกลับมาพบกันของเจ้าหญิงทั้งสองอยู่

จำเป็นจะต้องให้ทั้งสองคนมาพบกันด้วยงั้นเหรอคะ....

เด็กสาวผมสีเงินพึมพำออกมา

แผนการของพวกเราคือการทำลายความสัมพันธ์ของจักรวรรดิเอลติซกับจักรวรรดิเลเรียส นอกจากนั้นก็ยังจำเป็นต้องดึงเอาจักรวรรดิเลเรียสมาเข้าเป็นพันธมิตร เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องให้ทั้งสองมาพบกัน

ใครบางคนที่มองไม่เห็นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เพื่อให้เจ้าหญิงเอลรีสเต้สามารถเชื่อใจอาณาจักรออร์ธรอสได้มากยิ่งขึ้นสินะคะ

เด็กสาวผมสีเงินกล่าวถามออกไป

เจ้าหญิงเอลรีสเต้นั้นมีโชคชะตาที่อยู่ตรงข้ามกับทัตสึยะซามะ แต่เนื่องจากตัวเธอได้รับคำสั่งโดยตรงจากอดีตราชินีให้มาผูกสัมพันธุ์ทัตสึยะซามะและอาณาจักรออร์ธรอสดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือก

แล้วตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวของอาณาจักรออร์ธรอสมากพอ แถมในวันนี้เธอก็ได้ประสบเข้ากับความหวาดกลัวที่ยากจะลืมเลือนด้วยตัวของเธอเอง ดังนั้นหากไม่มีใครซักคนที่เข้าใจทัตสึยะซามะเป็นอย่างดีมาคอยเป็นตัวกลางให้ล่ะก็

เมื่อเป็นแบบนั้นมันก็คงไม่พ้นที่เธอจะต้องเอาร่างกายของตัวเข้าแลก และหากมันเป็นแบบนั้นล่ะก็ โชคชะตาของเธอจะบีบบังคับให้เธอนำพาความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงมาให้กับพวกเราอย่างแน่นอน

เมื่อได้ฟังคำอธิบายจนจบ เด็กสาวผมสีเงินก็พอจะเข้าใจถึงความสำคัญของการพาตัวโซเฟีย หรือก็คือเจ้าหญิง โซฟีเนีย รีสเบน ลา เลเรียส กลับมาพบกับพี่น้องของเธอ

แต่ถึงมันจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเธอก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด เพราะในฐานะที่เป็นเพื่อนคนหนึ่งแล้ว เธอไม่อยากที่จะให้โซเฟียต้องกลับมาพบกับผู้คนที่อาจะจะทำให้แผลใจในอดีตของเธอกลับมาเปิดอีกครั้ง

5 ความคิดเห็น:

  1. ปริศนา + อารมณ์ค้างเยอะมวากกกก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ติดตามตอนต่อไปเดือนมิถุนายน...น่าจะนะ ^^

      ลบ
  2. ลงแดงเลยทีเดียว -..-

    ตอบลบ
  3. อะเหื้อ อ่านรวดเดียว1ถึงล่าสุดในวันเดียว รอบทมากิจังครับ ปริศนาเยอะจริงแห้ะ อีกเสียงนึงที่คุยกะสาวผมเงินคือใครกันน้าา

    ตอบลบ