-- มุมมองของทหารรักษาการณ์ประตูทิศเหนือ
--
วันที่ 28 เดือน 11 ศักราชเอลติซปีที่ 836 ช่วงเวลาประมาณ
1 ทุ่ม
ในระหว่างที่ผมกำลังเข้าเวรช่วงกลางคืน
และเดินตรวจตราอยู่กับทหารรักษาการณ์คนอื่นๆตามปกตินั้น
「ไฟไหม้!!」
อยู่ดีดีก็มีชายคนหนึ่งตะโกนแจ้งเหตุไฟไหม้ขึ้นมาจากภายในเมือง
และเมื่อลองหันไปตามเสียงนั้น ผมก็มองเห็นควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาหลายจุดจากบริเวณทิศใต้ของเมืองชั้นนอก
จริงอยู่ว่าในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศค่อนข้างเย็นนั้นผู้คนส่วนใหญ่จะจุดไฟภายในบ้านเพื่อสร้างความอบอุ่น
แต่การที่จะเกิดเพลิงไหม้พร้อมๆกันจากบ้านหลายๆหลังนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างแปลก
「ท่านหัวหน้ากอง!! ขอกำลังคนไปช่วยดับไฟทางด้านนั้นด่วนเลยครับ」
หน่วยลาดตระเวนนายหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนกำแพงเมืองเพื่อขอกำลังไปช่วยเหลือ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องแปลก
แต่สำหรับทหารรักษาการณ์แล้ว พวกเราก็ไม่อาจจะปล่อยให้เพลิงรุกลามต่อไปได้
หัวหน้าหน่วยของผมจึงทำการแบ่งกำลังคนบางส่วนออกไปช่วยกันดับไฟ
ส่วนผมที่เป็นรองหัวหน้าหน่วยได้รับคำสั่งให้คอยเฝ้าระวังและรอคำสั่งต่อไป
เนื่องจากถูกแบ่งกำลังออกไปในเวลานี้จึงเหลือทหารรักษาการณ์ที่คอยเฝ้าระวังอยู่เพียงแค่ไม่ถึง
20 คน
ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับป้องกันการบุกรุกจากมอนสเตอร์ทั่วไป
เมืองกูสตาฟที่เป็นศูนย์กลางของทวีปอากัสเตรียนั้น
โอกาสที่พวกมอนสเตอร์จะหลุดมาถึงมีค่อนข้างน้อย
มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่จะพวกมอนสเตอร์ชั้นสูงลงมาจากเขตของภูเขาทางตอนเหนือ
ซึ่งหากมีเหตุฉุกเฉินแบบนั้นเกิดขึ้นพวกเราก็ยังสามารถเรียกกำลังเสริมจากกองอัศวินที่
2 มาช่วยได้ในทันที
เพียงแต่เหตุที่เกิดขึ้นในคราวนี้มันเกินกว่าจะได้เรียกได้ว่าฉุกเฉินไปซักหน่อย
ไม่กี่นาทีหลังจากที่หัวหน้าหน่วยได้แบ่งกำลังคนออกไปแล้ว
เหล่าทหารรักษาการณ์หลายคนได้ถูกโจมตีและร่วงลงไปจากกำแพงเมือง
ส่วนพวกที่เหลืออยู่นั้นต่างพากันวิ่งไปยังห้องควบคุมกลไกสำหรับเปิดประตู
เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนผมไม่อาจจะตั้งรับได้ทัน
สิ่งเดียวที่คิดออกคือต้องรีบไปเป่าแตรเตือนภัยฉุกเฉินในทันที
「มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันวะเนี่ย」
ในระหว่างวิ่งไปยังหอคอยส่งสัญญาณ ผมก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากบริเวณห้องควบคุมกลไก
หากช้ากว่านี้ล่ะก็บางทีประตูอาจจะถูกศัตรูยึดเอาไปก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงพยายามเร่งฝีเท้าให้ถึงที่สุด
แต่ก่อนที่จะวิ่งไปถึงยังหอคอยส่งสัญญาณก็ถูกใครคนหนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
คนคนนั้นใส่ชุดคลุมสีดำคลุมทั้งตัวจึงไม่สามารถระบุตัวได้
แต่คนที่โผล่มาขวางให้ทางในสถานการณ์แบบนี้นั้นผมสามารถบอกได้เลยว่า คนคนนี้จะต้องเป็นพวกเดียวกับศัตรูอย่างแน่นอน
「อย่างมาขวางนะเว้ย!!」
ผมชักดาบอออกไปฝักแล้วพุ่งเข้าโจมตีใส่เจ้านั่นในทันที
「เกร๊ง!!」
เจ้านั่นใช้กริชคู่ที่อยู่ในมือทั้งสองข้างเข้ามาป้องกันการโจมตีของผมเอาไว้
การที่สามารถรับการโจมตีสุดแรงที่ฝึกมาหลายปีของผมได้ง่ายๆนั้น บ่งบอกว่าสกิลการใช้อาวุธของเจ้านี่ต้องมากกว่า
LV2 แน่นอน
เมื่อการโจมตีตรงๆไม่ได้ผลผมจึงกระโดดถอยห่างออกมาเพื่อเว้นระยะ
ก่อนจะพยายามหาช่องว่างแล้วพุ่งเข้าโจมตีซ้ำอีกครั้ง
「พวกแกเป็นใครกันแน่!!」
แต่ก่อนจะเข้าถึงตัวเจ้านั่นก็เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างและใช้กริชในมือข้างหนึ่งเฉือนเข้าไปที่บริเวณช่องว่างระหว่างเกราะแขนของผม
เลือดสาสกระเซ็นออกมาเล็กน้อยแต่ผมก็พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและกลับตัวฟาดดาบเข้าใส่เจ้านั่นจากด้านหลัง
「เกร๊ง!!」
คราวนี้เจ้านั่นใช้กริชในมือเพียงด้ามเดียวเข้ามารับการโจมตีของผมเอาไว้
และใช้กริชในมืออีกข้างตวัดเข้ามาบริเวณคอของผมอย่างแม่นยำ
แต่จากการฝึกฝนมาหลายปีทำให้ผมพอจะคาดการได้และใช้เกราะแขนขึ้นมารับการโจมตีของเจ้านั่นเอาไว้
แต่เข้านั่นก็ยังไม่หยุดแค่นั้นแล้วย่อตัวลงและเตะเข้าที่ขาซ้ายของผมอย่างแรงจนทำให้ผมเสียหลักล้มลง
「อั่ก!!」
หลังจากนั้นผมก็พยายามกลิ้งหลบการโจมตีของเจ้านั่นไปทางด้านข้าง
เจ้านั่นก็ยังคงใช้กริชในมือทั้งสองข้างพุ่งตามมาเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว
แต่เป็นเพราะผมกลิ้งอยู่บนพื้นเจ้านั่นจึงโจมตีได้ไม่ถนัดนัก
「อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย!!」
ผมใช้แรงทั้งหมดที่มียันตัวขึ้นแล้วพุ่งกระแทกเข้าใส่
ถึงแม้เจ้านั่นจะหลบการโจมตีของผมได้แต่ก็ทำให้มันเสียหลักไปเล็กน้อย
ผมไม่คิดจะพลาดโอกาสนี้และรีบตวัดดาบในมือเข้าใส่เจ้านั่นในทันที
การโจมตีในครั้งนี้เกือบจะฟันถูกคอเจ้านั่นแต่มันก็ยังหลบไปได้
「…….!!」
แต่นั่นก็ทำให้ผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าของเจ้านั่นอยู่หลุดออกไป
ใบหน้าภายใต้ชุดคลุมสีดำปรากฏออกมาพร้อมกับเรือนผมสีเงินที่สะท้อนเป็นประกายกับแสงไฟ
「นี่แกเป็นผู้หญิงเรอะ!!」
「ชิ...」
แต่แล้วก่อนที่เจ้านั่นจะพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ผมอีกครั้ง
อัศวินหญิงคนหนึ่งก็ได้กระโดดเข้ามาขวางระหว่างพวกเราเอาไว้พอดี
「รีบไปส่งสัญญาณเร็วเข้า!!」
อัศวินหญิงผู้มีเรือนผมสีทองตะโกนสั่งผมออกมา
จากนั้นเธอและหญิงสาวในชุดคลุมสีดำก็พุ่งเข้าปะทะและต่อสู้กันด้วยอาวุธในมืออย่างดุเดือด
ท่วงทาในการต่อสู้ของพวกเธอทั้งสองนั้นช่างงดงามยิ่งนัก แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชื่นชม
ผมรีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปยังหอคอยส่งสัญญาณในทันที
「เจ็บจริงเว้ย!!」
ผมกดที่แผลระหว่างวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน
ทั้งๆที่แผลไม่ได้สาหัสมากนักแต่อาการเจ็บปวดกลับทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาที
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นหลังจากลองคิดดูแล้วก็พอจะเดาได้
กริชคู่นั่นคงจะมียาพิษบางอย่างเคลือบเอาไว้
สำหรับการทำสงครามแล้วคงจะไม่มีผู้ใดมานั่งห่วงชีวิตของศัตรู
การทายาพิษลงบนอาวุธนั้นถึงผู้คนจะว่าโหดเหี้ยมแต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ได้รับชัยชนะ
เพื่อชัยชนะแล้วหลายๆคนก็ไม่คิดจะเลือกวิธีการ
「ทนอีกหน่อยนะเว้ย
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น!!」
และในที่สุดผมก็วิ่งขึ้นมาชั้นบนสุดของหอคอยส่งสัญญาณ
「ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----!!!」
「ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----!!!」
「ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----!!!」
ผมใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อเป่าแตรสัญญาณ
ถึงแม้ชีวิตของผมจะต้องจบลงในวันนี้ แต่เมืองกูสตาฟจะต้องไม่จบลงในวันนี้
นั่นคือความหวังสุดท้ายของผมก่อนที่ความมืดจะค่อยๆเข้าครอบงำ
ความตายนั้นถึงแม้จะน่าหวาดกลัวแต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์
และการที่ได้ตายเพื่อประชาชนของเมืองกูสตาฟนั้นผมก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย.....
ขอไว้อาลัยให้นายทหารนิรนามสามนาที เอเมน
ตอบลบรอตอนต่อไปคั
ตอบลบตัวประกอบ ชื่อก็ไม่มีต้องมาตายอีด...T_T
ตอบลบนายพยามได้ดีแล้วหลับให้สบายนะเพื่อน =w=
ตอบลบขอบคุณครับ
RIP นายทหารผู้กล้า การเสียสละของเจ้าจะไม่สูญเปล่า
ตอบลบอยากอ่านตอนต่อไปแล้วคั
ตอบลบถ้าเขียนเสร็จแล้วจะรีบมาลงเลยครับ
ลบขอบคุณคัสนุกมากคั
ลบทุกเรื่องที่ไรด์เขียนเลยคั
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบหล่อมากครับ
ตอบลบ