ตอนที่ 33 แผนบุกโจมตียามค่ำคืน บทที่ 2




-- มุมมองของทหารรักษาการณ์ประตูทิศเหนือ --

วันที่ 28 เดือน 11 ศักราชเอลติซปีที่ 836 ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม

ในระหว่างที่ผมกำลังเข้าเวรช่วงกลางคืน และเดินตรวจตราอยู่กับทหารรักษาการณ์คนอื่นๆตามปกตินั้น

ไฟไหม้!!

อยู่ดีดีก็มีชายคนหนึ่งตะโกนแจ้งเหตุไฟไหม้ขึ้นมาจากภายในเมือง และเมื่อลองหันไปตามเสียงนั้น ผมก็มองเห็นควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาหลายจุดจากบริเวณทิศใต้ของเมืองชั้นนอก

จริงอยู่ว่าในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศค่อนข้างเย็นนั้นผู้คนส่วนใหญ่จะจุดไฟภายในบ้านเพื่อสร้างความอบอุ่น แต่การที่จะเกิดเพลิงไหม้พร้อมๆกันจากบ้านหลายๆหลังนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างแปลก

ท่านหัวหน้ากอง!! ขอกำลังคนไปช่วยดับไฟทางด้านนั้นด่วนเลยครับ

หน่วยลาดตระเวนนายหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนกำแพงเมืองเพื่อขอกำลังไปช่วยเหลือ

ถึงแม้จะเป็นเรื่องแปลก แต่สำหรับทหารรักษาการณ์แล้ว พวกเราก็ไม่อาจจะปล่อยให้เพลิงรุกลามต่อไปได้ หัวหน้าหน่วยของผมจึงทำการแบ่งกำลังคนบางส่วนออกไปช่วยกันดับไฟ

ส่วนผมที่เป็นรองหัวหน้าหน่วยได้รับคำสั่งให้คอยเฝ้าระวังและรอคำสั่งต่อไป เนื่องจากถูกแบ่งกำลังออกไปในเวลานี้จึงเหลือทหารรักษาการณ์ที่คอยเฝ้าระวังอยู่เพียงแค่ไม่ถึง 20 คน

ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับป้องกันการบุกรุกจากมอนสเตอร์ทั่วไป เมืองกูสตาฟที่เป็นศูนย์กลางของทวีปอากัสเตรียนั้น โอกาสที่พวกมอนสเตอร์จะหลุดมาถึงมีค่อนข้างน้อย มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่จะพวกมอนสเตอร์ชั้นสูงลงมาจากเขตของภูเขาทางตอนเหนือ

ซึ่งหากมีเหตุฉุกเฉินแบบนั้นเกิดขึ้นพวกเราก็ยังสามารถเรียกกำลังเสริมจากกองอัศวินที่ 2 มาช่วยได้ในทันที

เพียงแต่เหตุที่เกิดขึ้นในคราวนี้มันเกินกว่าจะได้เรียกได้ว่าฉุกเฉินไปซักหน่อย ไม่กี่นาทีหลังจากที่หัวหน้าหน่วยได้แบ่งกำลังคนออกไปแล้ว เหล่าทหารรักษาการณ์หลายคนได้ถูกโจมตีและร่วงลงไปจากกำแพงเมือง

ส่วนพวกที่เหลืออยู่นั้นต่างพากันวิ่งไปยังห้องควบคุมกลไกสำหรับเปิดประตู

เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนผมไม่อาจจะตั้งรับได้ทัน สิ่งเดียวที่คิดออกคือต้องรีบไปเป่าแตรเตือนภัยฉุกเฉินในทันที

มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันวะเนี่ย

ในระหว่างวิ่งไปยังหอคอยส่งสัญญาณ ผมก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากบริเวณห้องควบคุมกลไก หากช้ากว่านี้ล่ะก็บางทีประตูอาจจะถูกศัตรูยึดเอาไปก็ได้

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงพยายามเร่งฝีเท้าให้ถึงที่สุด แต่ก่อนที่จะวิ่งไปถึงยังหอคอยส่งสัญญาณก็ถูกใครคนหนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน

คนคนนั้นใส่ชุดคลุมสีดำคลุมทั้งตัวจึงไม่สามารถระบุตัวได้ แต่คนที่โผล่มาขวางให้ทางในสถานการณ์แบบนี้นั้นผมสามารถบอกได้เลยว่า คนคนนี้จะต้องเป็นพวกเดียวกับศัตรูอย่างแน่นอน

อย่างมาขวางนะเว้ย!!

ผมชักดาบอออกไปฝักแล้วพุ่งเข้าโจมตีใส่เจ้านั่นในทันที

เกร๊ง!!

เจ้านั่นใช้กริชคู่ที่อยู่ในมือทั้งสองข้างเข้ามาป้องกันการโจมตีของผมเอาไว้ การที่สามารถรับการโจมตีสุดแรงที่ฝึกมาหลายปีของผมได้ง่ายๆนั้น บ่งบอกว่าสกิลการใช้อาวุธของเจ้านี่ต้องมากกว่า LV2 แน่นอน

เมื่อการโจมตีตรงๆไม่ได้ผลผมจึงกระโดดถอยห่างออกมาเพื่อเว้นระยะ ก่อนจะพยายามหาช่องว่างแล้วพุ่งเข้าโจมตีซ้ำอีกครั้ง

พวกแกเป็นใครกันแน่!!

แต่ก่อนจะเข้าถึงตัวเจ้านั่นก็เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างและใช้กริชในมือข้างหนึ่งเฉือนเข้าไปที่บริเวณช่องว่างระหว่างเกราะแขนของผม

เลือดสาสกระเซ็นออกมาเล็กน้อยแต่ผมก็พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและกลับตัวฟาดดาบเข้าใส่เจ้านั่นจากด้านหลัง

เกร๊ง!!

คราวนี้เจ้านั่นใช้กริชในมือเพียงด้ามเดียวเข้ามารับการโจมตีของผมเอาไว้ และใช้กริชในมืออีกข้างตวัดเข้ามาบริเวณคอของผมอย่างแม่นยำ

แต่จากการฝึกฝนมาหลายปีทำให้ผมพอจะคาดการได้และใช้เกราะแขนขึ้นมารับการโจมตีของเจ้านั่นเอาไว้

แต่เข้านั่นก็ยังไม่หยุดแค่นั้นแล้วย่อตัวลงและเตะเข้าที่ขาซ้ายของผมอย่างแรงจนทำให้ผมเสียหลักล้มลง

อั่ก!!

หลังจากนั้นผมก็พยายามกลิ้งหลบการโจมตีของเจ้านั่นไปทางด้านข้าง เจ้านั่นก็ยังคงใช้กริชในมือทั้งสองข้างพุ่งตามมาเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว

แต่เป็นเพราะผมกลิ้งอยู่บนพื้นเจ้านั่นจึงโจมตีได้ไม่ถนัดนัก

อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย!!

ผมใช้แรงทั้งหมดที่มียันตัวขึ้นแล้วพุ่งกระแทกเข้าใส่ ถึงแม้เจ้านั่นจะหลบการโจมตีของผมได้แต่ก็ทำให้มันเสียหลักไปเล็กน้อย

ผมไม่คิดจะพลาดโอกาสนี้และรีบตวัดดาบในมือเข้าใส่เจ้านั่นในทันที การโจมตีในครั้งนี้เกือบจะฟันถูกคอเจ้านั่นแต่มันก็ยังหลบไปได้

…….!!

แต่นั่นก็ทำให้ผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าของเจ้านั่นอยู่หลุดออกไป ใบหน้าภายใต้ชุดคลุมสีดำปรากฏออกมาพร้อมกับเรือนผมสีเงินที่สะท้อนเป็นประกายกับแสงไฟ

นี่แกเป็นผู้หญิงเรอะ!!

ชิ...

แต่แล้วก่อนที่เจ้านั่นจะพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ผมอีกครั้ง อัศวินหญิงคนหนึ่งก็ได้กระโดดเข้ามาขวางระหว่างพวกเราเอาไว้พอดี

รีบไปส่งสัญญาณเร็วเข้า!!

อัศวินหญิงผู้มีเรือนผมสีทองตะโกนสั่งผมออกมา

จากนั้นเธอและหญิงสาวในชุดคลุมสีดำก็พุ่งเข้าปะทะและต่อสู้กันด้วยอาวุธในมืออย่างดุเดือด ท่วงทาในการต่อสู้ของพวกเธอทั้งสองนั้นช่างงดงามยิ่งนัก แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชื่นชม

ผมรีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปยังหอคอยส่งสัญญาณในทันที

เจ็บจริงเว้ย!!

ผมกดที่แผลระหว่างวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน ทั้งๆที่แผลไม่ได้สาหัสมากนักแต่อาการเจ็บปวดกลับทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาที

สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นหลังจากลองคิดดูแล้วก็พอจะเดาได้ กริชคู่นั่นคงจะมียาพิษบางอย่างเคลือบเอาไว้

สำหรับการทำสงครามแล้วคงจะไม่มีผู้ใดมานั่งห่วงชีวิตของศัตรู การทายาพิษลงบนอาวุธนั้นถึงผู้คนจะว่าโหดเหี้ยมแต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ได้รับชัยชนะ เพื่อชัยชนะแล้วหลายๆคนก็ไม่คิดจะเลือกวิธีการ

ทนอีกหน่อยนะเว้ย อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น!!

และในที่สุดผมก็วิ่งขึ้นมาชั้นบนสุดของหอคอยส่งสัญญาณ

ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----!!!

ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----!!!

ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----ปืงงงงงง----!!!

ผมใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อเป่าแตรสัญญาณ ถึงแม้ชีวิตของผมจะต้องจบลงในวันนี้ แต่เมืองกูสตาฟจะต้องไม่จบลงในวันนี้ นั่นคือความหวังสุดท้ายของผมก่อนที่ความมืดจะค่อยๆเข้าครอบงำ

ความตายนั้นถึงแม้จะน่าหวาดกลัวแต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ และการที่ได้ตายเพื่อประชาชนของเมืองกูสตาฟนั้นผมก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย.....

10 ความคิดเห็น:

  1. ขอไว้อาลัยให้นายทหารนิรนามสามนาที เอเมน

    ตอบลบ
  2. ตัวประกอบ ชื่อก็ไม่มีต้องมาตายอีด...T_T

    ตอบลบ
  3. นายพยามได้ดีแล้วหลับให้สบายนะเพื่อน =w=
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  4. RIP นายทหารผู้กล้า การเสียสละของเจ้าจะไม่สูญเปล่า

    ตอบลบ
  5. อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคั

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าเขียนเสร็จแล้วจะรีบมาลงเลยครับ

      ลบ
    2. ขอบคุณคัสนุกมากคั
      ทุกเรื่องที่ไรด์เขียนเลยคั

      ลบ
  6. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ