ตอนที่ 36 สู่อาณาจักรเวทมนต์ บทที่ 2



-- มุมมองของเอลิเซ่ --  

หลังจากท่านจอมเวทผู้งดงามจากไป ชั้นก็รีบสั่งให้พวกเมดไปตามพวกท่านหญิงเพื่อนๆของชั้น บรรดาข้ารับใช้และเมดของพวกเธอ และทุกๆคนที่ชั้นคิดว่าพวกเค้าจะยอมฟังในสิ่งที่ชั้นพูดให้มารวมตัวกันภายในห้องของชั้น
       
ไอ้เจ้านักบวชลามกนั่นตายแล้ว!!! ที่พูดมานั่น...เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย!!!

ที่ว่าเสียชีวิตแล้วเนี่ย ท่านหญิงเอลิเซ่เป็นคนลงมืองั้นเหรอคะ.....

ถึงดิชั้นจะรู้รังเกียจไอ้เจ้านักบวชลามกนั่นมานานก็ตามที แต่การที่มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในระหว่างการเดินทางเนี่ย มันจะเป็นผลดีต่อพวกเราแน่หรือคะ......

หลังจากที่ชั้นบอกเรื่องการเสียชีวิตของอาร์ชบิชอปออก้าให้กับทุกคน พวกเพื่อนๆของชั้นก็เริ่มแสดงสีหน้ากังวลและแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันออกมา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

เพราะถึงแม้เจ้านักบวชนั่นจะทำเรื่องแย่ๆกับพวกเรามากแค่ไหน แต่เจ้านั่นก็ยังเป็นผู้มีที่มีอำนาจสูงของศาสนจักร ดังนั้นถึงแม้พวกเราจะปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเจ้านั่น แต่ทางศาสนจักรคงจะไม่มีทางเชื่อ เพราะงั้นการกระทำต่างๆของพวกเราหลังจากนี้คงจะต้องยากลำบากขึ้นอย่างแน่นอน

ดิชั้นรู้ดีค่ะว่าทุกคนกำลังสับสนและกังวล แต่ไม่ว่าความรู้สึกของทุกคนจะเป็นอย่างไร พวกเราก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความจริงที่ว่าท่านอาร์ชบิชอบออก้าได้เสียชีวิตลงแล้วได้หรอกนะคะ

เอาเถอะค่ะ.....ยังไงดิชั้นก็ได้เตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับท่านหญิงในการเดินทางมายังอาณาจักรออร์ธรอสแล้ว เพราะงั้นดิชั้นเองก็จะให้ความร่วมมือกับท่านหญิงไปจนถึงที่สุดนั่นล่ะค่ะ

ชั้นเองก็ด้วยค่ะ ถึงแม้หลังจากนี้จะต้องเผชิญกับเรื่องที่ยากลำบากซักแค่ไหน แต่สำหรับชั้นแล้ว การที่เจ้านักบวชสวะนั่นตายไปได้เสียทีเนี่ย ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยล่ะค่ะ

นั่นสินะคะ ต่อให้กังวลไปยังไงเจ้านักบวชลามกนั่นก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี เพราะงั้นชั้นเองก็จะขอให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน ว่าแต่ท่านหญิงมีแผนการอย่างไรในใจแล้วอย่างงั้นหรือคะ.....

กับการที่ทุกคนยอมให้ความร่วมมือโดยง่ายนั้นทำให้ชั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก พวกเราทุกคนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนแล้ว เพราะงั้นชั้นจึงได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ชั้นได้ฟังมาจากท่านจอมเวทกับทุกคนฟัง

หนึ่งในท่านจอมเวทเป็นคนลงมือ.....อย่างงี้นี่เอง ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ไม่แน่ว่าพวกท่านจอมเวทอาจจะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของพวกเราเป็นอย่างดี จึงต้องการที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่แรกแล้วก็ได้นะคะ

น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ชั้นเองก็อยากจะได้พบเจอกับจอมเวทผู้งดงามจนทำให้ท่านหญิงไม่อาจจะละสายตาไปได้บ้างจริงๆค่ะ

กับเรื่องราวเกี่ยวกับพวกท่านจอมเวทนั้น ทุกคนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ยิ่งกับพวกเมดบางคนที่ถูกเจ้านักลามกขืนใจมาแล้วหลายต่อหลายครั้งนั้น พวกเธอถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเลยทีเดียว

อีกเพียงไม่นานพวกเราก็จะได้พบกับพวกท่านจอมเวทแล้วล่ะค่ะ เพราะงั้นก็ช่วยอดทนกันอีกซักนิด แล้วมาผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยนะคะ

เนื่องจากเวลาที่ท่านจอมเวทให้ไว้มีจำกัด ชั้นจึงรีบหยุดบทสนทนาเอาไว้เพียงเท่านี้ และนำเอาอุปกรณ์เวทป้องกันทุกสรรพสิ่งออกมาพร้อมทั้งเริ่มเปิดใช้งาน

ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!

หลังจากเปิดใช้งานอุปกรณ์เวทเพียงไม่กี่วินาที ชั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังก้องมาจากบริเวณห้องเครื่อง ซึ่งเสียงดังอันหาศาลที่เกิดขึ้นนั้นทำเอาพวกเมดบางคนถึงกับตกใจกลัวจนล้มลงไปกับพื้น

สมกับเป็นท่านจอมเวท จัดการได้ตรงตามเวลาที่บอกเอาไว้เป๊ะเลยนะคะ

หลังจากนี้ก็เพียงแค่รอจนกว่าท่านจอมเวทจะมาช่วยออกไปสินะคะ

แค่เพียงคิดถึงเรื่องที่จะมีจอมเวทหนุ่มรูปงามมาช่วยออกไปเนี่ย ตัวชั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะรอไม่ไหวแล้วนะคะเนี่ย

ถึงแม้ห้องเครื่องจะเกิดการระเบิดขึ้นจนทำให้เรือเหาะร่วงลงไปจากบนฟ้า แต่ด้วยอุปกรณ์เวทป้องกันทุกสรรพสิ่งที่ท่านจอมเวทให้ไว้ พวกเราที่อยู่ภายในห้องนั้นแทบจะไม่ได้รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากแรงกระแทกเลยแม้แต่นิดเดียว

หืมม.....ทำไมพวกเธอถึงได้ไม่เป็นอะไรกันเลยล่ะ.......ไม่สิเรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง ฮารุกะจัง รีบเปิดห้องวางมิติที!!!

หลังจากที่เรือเหาะตกลงสู่ทะเลเพียงไม่นาน ชายหนุ่มผู้มีผมสีดำสนิทคนหนึ่งก็ได้พังประตูห้องเข้ามา แต่เพราะพวกเราไม่มีใครบาดเจ็บกันเลย เค้าจึงได้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาด้วยความสงสัย แต่นั่นก็เพียงไม่นานก่อนที่เค้าจะกลับไปทำสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง

Dimension Magic: Dimension Home!!!

เมื่อได้รับคำสั่งจากชายหนุ่ม เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยืนอยู่ด้านหลังเค้าก็กล่าวคำพูดแปลกๆออกมา.....ไม่สิ.....นั่นคือคำกล่าวของเวทมนต์งั้นสินะ......

 พวกเธอรีบเข้าไปในนี้เร็วเข้า!!! เรือลำนี้กำลังจะจมลงไปในทะเลแล้วนะ!!!

เนื่องจากความประหลาดใจจากสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงทำให้พวกเราที่ควรจะรีบหนีออกไปนั้นมัวแต่ตกตะลึงและไม่ขยับไปไหน แต่นั่นน่ะหมายถึงคนอื่นๆ

ส่วนตัวชั้นนั้น บอกตามตรงไม่ได้สนใจไอ้ประตูแปลกๆที่เปิดออกจากเวทมนต์อะไรนั่นหรอก สิ่งเดียวที่ชั้นสนใจในตอนนี้ก็คือชายหนุ่มผมสีดำคนนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และถึงกระนั้นก็ยังให้ความรู้สึกอ่อนโยน แววตาที่ราวกับจะดึงดูดร่างกายของชั้นเข้าไปนั้นช่างทรงเสน่ห์ยิ่งนัก

และยิ่งในเวลาที่สายตาของเราทั้งคู่บรรจบกัน ในเวลานั้นหัวใจของชั้นมันก็เต้นแรงอย่างน่าประหลาด ทั่วใบหน้าของชั้นเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว มันเป็นความรู้สึกประหลาดที่ชั้นไม่เคยรู้สึกมาก่อน นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรักอย่างนั้นเหรอ......

มัวยืนรออะไรกันอยู่เล่า!!!

ชายหนุ่ม.....ไม่สิท่านจอมเวทหนุ่มคนนั้นตวาดออกมาเสียงดัง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะพวกเรามัวแต่สับสน ไม่สิจะเรียกว่าสับสนก็อาจจะเพียงแค่บางคน เพราะบางทีเด็กสาวคนอื่นก็อาจจะตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักเช่นเดียวกับตัวชั้นก็เป็นได้

เอ๋...อ่ะ....คะ....ค่ะ...พะ...พวกเรา....ระ...รีบ

เป็นเพราะชั้นมัวแต่ทำอะไรชักช้า.....ท่านจอมเวทหนุ่มคนนั้นจึงเข้ามาคว้าตัวชั้นและอุ้มชั้นเอาไว้ด้วยท่าเจ้าหญิง ในจังหวะที่เค้าเดินเข้ามาใกล้นั้น หัวใจของชั้นเต้นแรงจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมา และยิ่งในจังหวะที่มือทั้งสองข้างของเค้าสัมผัสร่างกายของชั้น......

「เคี๊ยะ!!!

ทั้งความตกใจและความตื่นเต้นทำให้ชั้นเผลอส่งเสียงแปลกๆออกมา แถมยังเอามือไปคว้าร่างกายของเค้าโดยไม่ตั้งใจอีก.....นี่ชั้นทำอะไรของชั้นกันนะ.....กับเด็กสาวที่แสดงอาการประหลาดแบบนี้ออกมาจะถูกเค้ารังเกียจไหมนะ

แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้สนใจอะไรชั้นนัก และรีบพาชั้นเข้าไปด้านในประตูเวทมนต์แปลกๆนั่น ก่อนจะโยนชั้นใส่โซฟาหรูหราตัวหนึ่งที่อยู่ด้านในและรีบกลับออกไปด้านนอก

หลังจากนั้นไม่นานพวกท่านหญิงคนอื่นๆรวมถึงพวกเมดก็รีบตามกันเข้ามาด้านใน แต่คนที่ถูกอุ้มเข้ามานั้น.....ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ชั้นคนเดียว......

สะ สุดยอดไปเลยนะคะห้องที่สร้างขึ้นด้วยเวทมนต์เนี่ย!!!

คะ....ค่ะ.....

ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ก็มีแต่ของระดับสูงทั้งนั้นเลยนะคะเนี่ย สมแล้วที่เป็นท่านจอมเวท

คะ....ค่ะ.....

ภายในห้องว่างมิติที่พวกท่านจอมเวทสร้างขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้อันหรูหรา แถมยังมีอุปกรณ์เวทหลากหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนติดตั้งอยู่อีกมากมาย เพราะเหตุนั้นจึงทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกันมาก และพากันเดินสำรวจไปบริเวณรอบๆห้อง

ส่วนตัวชั้นนั้นยังไม่สามารถขยับไปไหนได้ ไม่สิแม้แต่จะตอบรับสิ่งที่พวกเธอพูดกันก็ยังยากลำบาก.....

หลังจากนั้นไม่นานท่านจอมเวททั้งสองก็ได้พาตัวผู้คนที่รอดชีวิตเข้ามาทิ้งไว้ด้านในห้องอีกหลายครั้ง ทุกคนที่ถูกพาเข้ามานั้นล้วนแล้วแต่บาดเจ็บสาหัส แต่ในบรรดากลุ่มผู้บาดเจ็บนั้นไม่มีพวกนักบวชรอดชีวิตมาเลยแม้แต่คนเดียว

ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามที่ท่านจอมเวทสาวผู้งดงามคนนั้นได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ กับพวกนักบวชที่มีแต่จะมาบ่อนทำลายชื่อเสียงของอาณาจักรออร์ธรอสนั้น พวกเค้าสมควรที่จะถูกกำจัดเสียแต่เนิ่นๆ

แต่กับเรื่องนี้มันก็ทำให้ชั้นรู้สึกหนาววูบไปทั่วทั้งร่างกาย เพราะนั่นเป็นการประกาศให้พวกเรารู้ทางอ้อมว่า หากพวกเราคิดหรือทำสิ่งใดที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อาณาจักรแห่งนี้แม้แต่นิดเดียวล่ะก็ พวกเราเองก็คงถูกดำจัดไปโดยไร้ซึ่งความเมตตาอย่างแน่นอน.......

มายุจัง รีบพาตัวคนที่บาดเจ็บไปรักษาในทันทีเลยนะ แล้วก็พวกเด็กสาวที่อยู่ด้านนั้นด้วย ช่วยดูแลพวกเธอทีนะ

วางใจได้เลยค่ะ ทางนี้ชั้นจะเป็นคนดูแลจัดการเองค่ะ

หลังจากที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตทั้งหมดเอาไว้ได้แล้ว เด็กสาวคนหนึ่ง....ไม่สิหากดูจากชุดแล้วเธอคนนี้เองก็คงเป็นจอมเวทเช่นเดียวกันสินะ

เธอได้นำทางพวกเราไปยังห้องรับรองแห่งหนึ่งด้านในของเรือลำใหญ่ เรือลำนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากเหล็กสีขาว ทั้งด้านนอกและด้านในนั้นงดงามจนหาสิ่งใดมาเปรียบได้ยาก

แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ตามจริงแล้วชั้นก็แทบจะไม่ได้สนใจกับความสวยงามรอบข้างเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ชั้นกำลังคิดในตอนนี้นั้นมีเพียงใบหน้าของท่านจอมเวทหนุ่มผมสีดำคนนั้น จะว่าไปแล้วชั้นก็ยังไม่ได้แนะนำตัวกับเค้าเลย......

ทะ ท่านหญิงคะ!!! ท่านหญิงค๊า!!!

เพราะยังมัวแต่เหม่อลอยอยู่ เรน่า เมดส่วนตัวของชั้นจึงเรียกพร้อมทั้งเข้ามาเขย่าร่างกายของชั้นเพื่อเรียกสติของชั้นให้กลับมา

เอ๋!!!.....อ่ะ....ขอโทษจริงๆค่ะ......เพราะเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นจึงทำเรื่องเสียมารยาทไป......ดิชั้นมีชื่อว่า.....เอลิเซ่ วิส ดูราเฮมด์ บุตรสาวคนรองของดยุดกราเซียและดัชเชสเอลิน่าแห่งตระกูลดูเราเฮมด์ ที่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมากค่ะ

ภายในห้องรับรองที่ดูหรูหรา ชั้นจับชายกระโปรงขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง ก้าวเท้าด้านหนึ่งไปด้านหลังข้างหนึ่ง ย่อตัวลงเล็กน้อยพร้อมทั้งแนะนำตัว กล่าวคำขอโทษและคำขอบคุณออกไป.......

ชั้น ไอคาวะ มายุ หนึ่งในจอมเวทแห่งออร์ธรอส แต่ถึงอย่างนั้นดิชั้นก็อยากจะให้เรียกชั้นว่ามายุเฉยๆมากกว่านะคะ

เด็กสาวที่ดูน่ารักคนนี้มีชื่อว่ามายุ เธอเป็นเด็กสาวที่ภายนอกจะดูเหมือนเด็กสาวธรรมดา แต่ความจริงแล้วเธอนั้นเป็นหนึ่งในจอมเวทแห่งออร์ธรอสเหมือนกับที่ชั้นได้คิดเอาไว้

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะมายุซามะ ไม่ทราบว่าหลังจากนี้ พวกเราจะถูกพาตัวไปที่ไหนหรือคะ

ชั้นพยามอดกลั้นความตื่นเต้นและถามออกไปด้วยน้ำปกติที่สุด จุดหมายในตอนแรกของคณะทูตนั้นจะเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรออร์ธรอสซึ่งก็คือเมืองสเตรเชีย แต่เนื่องจากเรือเหาะของพวกเราเกิดอุบัติเหตุและตกลงไปในทะเล ดังนั้นชั้นจึงไม่แน่ใจว่าตำแหน่งที่อยู่ในตอนนี้ของพวกเราอยู่ที่ไหนกันแน่

เป้าหมายของคณะทูตคงจะเป็นเมืองหลวงสเตรเชียสินะคะ.....อืมม.....จะเป็นไปได้มั๊ยคะถ้าจะรบกวนให้พักอยู่ที่เมืองท่าออร์วิสเสียก่อน...เพราะมีคนบาดเจ็บอยู่มาก......พวกเราจำเป็นต้องทำการรักษาและดูอาการพวกเค้าให้ดีเสียก่อนซักสองสามวันน่ะค่ะ

ทั้งๆที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแต่พวกเค้าขอเวลาในการรักษาและดูอาการเพียงแค่สองถึงสามวัน!!! สมแล้วที่เป็นการรักษาจากอาณาจักรเวทมนต์......

เมืองท่าออร์วิส.....นั่นสินะคะ จะให้เคลื่อนย้ายผู้คนที่พึ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บในทันทีก็คงไม่ใช้เรื่องดีนัก เพราะงั้นคงจะต้องขอรบกวนแล้วล่ะค่ะ

ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ พวกเราจึงใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงยังเมืองท่าออร์วิส และด้วยความสวยงามของเมืองแห่งนี้ มันก็ทำให้พวกเราหลายคนพากันตกตะลึง

ถึงแม้พวกเราจะเคยได้ยินข่าวลือมามากมายเกี่ยวกับเมืองของพวกท่านจอมเวท  แต่การที่ได้มาเห็นของจริงนั้นก็เรียกได้ว่าแตกต่างจากที่คิดเอาไว้มาก นั่นจึงทำให้ทุกคนก็แสดงอาหารแตกต่างกันออกไป

และนอกจากความสวยงามอันน่าตกตะลึงแล้ว เรื่องราวของผู้ที่ปกครองเมืองแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมายอีกด้วย ดังนั้นการที่พวกเราจะได้เข้าพบกับชิซึกุซามะผู้ที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรออร์ธรอสนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเสียจนตัวชั้นแทบจะควบคุมอาการเอาไว้ไม่อยู่......

จะว่าไปแล้วท่านจอมเวทหนุ่มคนนั้นล่ะ......นี่ชั้นจะมีโอกาสได้เจอกับเค้าอีกซักครั้งมั๊ยนะ......

4 ความคิดเห็น: