ตอนที่ 37 พิธีชำระบาป


ช่วงบ่ายของวันที่ 17 เดือน 2 ศักราชเอลติซปีที่ 837            
                                                              
หลังจากที่ผมได้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตและพาพวกเค้าทุกคนไปพักรักษาตัวที่คฤหาสน์ของชิซึกุในเมืองท่าออร์วิสเรียบร้อยแล้ว

ผมกับฮารุกะจังก็รีบไปที่ห้องลับใต้ดินภายในปราสาทออร์วิส เพื่อใช้ Warp Circle ที่ได้ติดตั้งเอาไว้ในการเดินทางกลับไปยังเมืองม๊อคตาเรีย

ยินดีต้อนกลับค่ะนายท่าน

เมื่อกลับมาถึง มาเรียจังและไอเชียจังที่กำลังรอพวกผมอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาหาในทันที และเพราะความน่ารักของเธอทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะผมลูบไล้ไปตามเรือนผมสีแดงสดของเธอช้าๆ

ถึงจะช้าไปซักหน่อย แต่พวกเราไปหาอะไรทานกันก่อนกลับบ้านก็แล้วกันนะ

ตามจริงแล้ว ผมอยากจะรีบกลับเมืองสเตรเชียไปในทันที ซึ่งเหตุผลนั้นก็เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนเรือเหาะของอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมในครั้งนี้

ในช่วงที่ผมเข้าไปเพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตนั้น ผมรู้สึกว่าผู้ที่รอดชีวิตในครั้งนี้ดูแปลกเกินไป นอกจากนั้นก็ยังมีพวกเด็กสาวที่เป็นนักบวชฝึกหัดกับบรรดาคนรับใช้ของพวกเธอเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว

ซึ่งจากที่ผมได้สอบถามมานั้น พวกเธอได้ใช้อุปกรณ์เวทบางอย่างในการป้องกันแรงกระแทกจึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหากมีอุปกรณ์เวทแบบนั้นอยู่ล่ะก็ ทำไมพวกนักบวชทั้งหมดถึงไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียวกันล่ะ

และนั่นทำให้ผมแน่ใจว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้จะต้องเป็นการจัดฉากขึ้นอย่างแน่นอน บางทีอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ หรือนักบวชพวกนั้นอาจจะรู้อะไรบางอย่างจึงต้องทำการฆ่าเพื่อปิดปาก

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ผมก็พาทุกคนกลับไปยังเมืองสเตรเชีย และเมื่อกลับไปถึงบ้านผมก็เรียกตัวเอริจังซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรเรามาหาในทันที

ขอโทษที่เรียกเธอมาในเวลายุ่งๆนะ เอริจัง

กับการเรียกตัวอย่างกะทันหันของผมนั้น ผมพูดขอโทษออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ

ถ้าหากเป็นความต้องการของทัตสึยะซามะล่ะก็ ต่อให้เป็นยามค่ำคืน ดิชั้นก็ยินดีที่จะมาหาได้ทุกเมื่อ เพราะงั้นไม่ต้องขอโทษไปหรอกค่ะ

เอริจังกลับตอบมาด้วยสีหน้าซุกซน ซึ่งแน่นอนว่ากับเด็กสาวที่น่ารักอย่างเธอแล้วนั้น ผมก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะลึกๆแล้วนั้น ตัวผมเองก็มีความต้องการจะได้ครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจของเธอเช่นเดียวกัน

เรื่องนั้นผมก็อยากได้อยู่หรอกนะ แต่เอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ผมอยากจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองภายในของอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมน่ะ เธอพอจะหามันมาให้ผมได้หรือเปล่า

เรื่องราวที่เกี่ยวกับพวกนักบวชที่เสียชีวิตในครั้งนี้ รวมถึงเบื้องหลังของเหล่าเด็กสาวที่ร่วมคณะทูตมาในฐานะนักบวชฝึกหักสินะคะ.....

สมกับที่เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ทั้งๆที่เรื่องพึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้แท้ๆ แต่เรื่องทุกอย่างก็เข้าไปถึงหูเธอแล้วสินะ

จากนั้นเอริจังก็ค่อยๆเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมได้ฟัง ทั้งเรื่องชั่วๆของอาร์ชบิชอปออก้าและพักพวกของมัน เรื่องราวของนักบวชในศาสนจักรที่มักจะใช้อำนาจของเทพมาลวนลามพวกเธอ รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับการแก่งแย่งอำนาจของขุนนางฝ่ายศาสนจักรและขุนนางฝ่ายราชวงศ์

หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ทำให้ผมเข้าใจ บางทีการมาพบกับพวกเราที่อาณาจักรออร์ธรอสคงจะเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเธอในการเอาตัวรอด ดังนั้นพวกเธอจึงได้ลงมือวางแผนเพื่อสังหารพวกนักบวชที่เป็นตัวเกะกะในการติดต่อกับผมไปทั้งหมดเสียก่อน

จากนั้นพวกเธอก็คงจะเข้ามาหาผมรวมถึงจอมเวทคนอื่นๆเพื่อขอร้องให้ไปเป็นกำลังกับพวกเธอในการแย่งชิงอำนาจ สำหรับพวกเธอที่ต้องฝืนทนให้เจ้านักบวชพวกนั้นกดขี่และลวนลามมาตลอดนั้นก็ถือว่าน่าเห็นใจอยู่

ซึ่งหากเทียบระหว่างการพูดคุยต่อรองกับเจ้าพวกนักบวชบ้าตันหาพวกนั้นแล้ว สู้ให้ผมได้สนุกสนานไปกับการเจรจาต่อรองกับพวกเธอคงจะดีกว่า

ใช้แล้วล่ะ ถ้าเลือกได้ล่ะก็ ไม่ว่ายังไงกับได้เล่นสนุกกับเหล่านักบวชสาวแสนน่ารักพวกนั้นก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า กับเรื่องนี้แล้ว ทำเอาผมตื่นเต้นจนแทบจะอดทนรอวันที่จะได้พบกับพวกเธออีกครั้งไม่ไหวเลยทีเดียว

 ที่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาเนี่ย หรือว่าจะ.....กำลังคิดหาวิธีมาใช้กลั่นแกล้งพวกเธอสินะคะ

ฮะ ฮะ นี่ผมแสดงสีหน้าแบบนั้นออกไปงั้นเหรอเนี่ย

ในระหว่างที่ผมพยายามพูดกลบเกลื่อนอยู่นั้น เอริจังได้ขยับเข้ามาใกล้ผมโดยไม่ทันรู้ตัว ดวงตากลมโตของเธอนั้นช่างงดงามราวกับดึงดูดตัวผมเข้าไป ผมสีเงินเป็นประกายที่ถูกรวบมัดเป็นทวินเทลนั้นก็ช่างดูน่ารักและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก

ทั้งๆที่ในตอนนี้ก็มีเด็กสาวมากมายอยู่รอบตัวแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังไม่เคยคิดที่จะพอ สมกับที่เป็นทัตสึยะซามะเลยนะคะ

เอริจังเข้ามากระซิบที่หูของผมเบาๆก่อนจะประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอลงบนแก้มของผมอย่างอ่อนโยน ทั้งๆที่ตลอดมาผมคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวเรียบร้อยก็เลยปล่อยเอาไว้ก่อน แต่หากตัวจริงของเธอเป็นพวกสายรุกแบบนี้ล่ะก็......

ก็ผมน่ะ มันเป็นผู้ชายโลภมากนี่นา…..

หลังพูดจบผมก็พยายามจะคว้าเอาตัวเอริจังเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น เธอก็รีบลุกออกไปด้วยความรวดเร็ว

ถึงแม้ความอ่อนโยนของคุณจะสามารถทำให้เด็กสาวมากมายตกหลุมรักได้ แต่สำหรับชั้นแล้ว ชั้นจะไม่ยอมเป็นของคุณง่ายๆหรอกนะคะ

เอริจังพูดพร้อมกับยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป แต่รอยยิ้มอันงดงามที่เธอมอบให้ผมนั้น มันกลับแสดงออกถึงความรู้สึกถึงหว้าเหว่เสียมากกกว่า เพราะงั้นแล้วบางที...ไม่สิ....ไม่ว่ารอยยิ้มของเธอจะมีความหมายแบบไหน ความรู้สึกดีดีที่ผมมีต่อเด็กสาวน่ารักอย่างเธอก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง.....

 นายท่านคะ เป็นอะไรไปหรือคะ

หลังเอริจังออกจากห้องไป มาเรียจังก็รีบมาหาผมในทันที และก็คงเป็นเพราะผมแสดงสีหน้าแปลกๆออกมา มาเรียจังจึงถามออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ผมพึ่งจะถูกเอริจังหักอกมาน่ะสิ เพราะงั้นถ้าเกิดมีใครซักคนมาช่วยรักษาแผลใจอันเจ็บปวดนี้ให้ล่ะก็.....

ถ้าเช่นนั้นล่ะก็ ให้ชั้นจะเป็นคนช่วยรักษาให้เองนะคะ นายผ่านผู้น่าสงสาร

พอผมพูดแบบนั้นออกไป มาเรียจังก็เข้ามาโอบกอดร่างกายของผมเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน จากนั้นเธอก็ค่อยๆคลอเคลียและประทับริมฝีปากสีอ่อนนุ่มของเธอลงบริเวณซอกคอและหลังใบหู

และเนื่องจากเป็นการรักษาแผลใจ ผมจึงทำเพียงแค่เพื่อผ่อนคลายร่างกายอยู่บนโซฟา และยกให้มาเรียจังเป็นคนจัดการทั้งหมด มาเรียจังนั้นเป็นเด็กสาวที่น่ารักและอ่อนโยน ทุกครั้งที่ผมรู้สึกเครียดหรือมีปัญหาที่คิดไม่ตก มาเรียจังก็จะมาคอยช่วยเหลือและบรรเทาอาการเหนื่อยล้าของหัวใจให้ผมอยู่เสมอ

และการที่ถูกส่วนโค้งเว้าเล็กๆในร่างกายอันอ่อนนุ่มของมาเรียจังสัมผัสไปตามร่างกายมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆจนทำเอาผมลืมอาการเหนื่อยล้าต่างๆจากการทำงานไปทันที

หลังจากเสพสุขจากความอ่อนนุ่มอันสุดแสนจะเย้ายวนจากร่างกายของมาเรียจังเรียบร้อยแล้ว ผมก็พามาเรียจังออกไปข้างนอกเพื่อขับรถเล่น และในระหว่างขับรถเล่นนั้นผมก็เริ่มคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของเหล่านักบวชสาวที่กำลังจะมาเยือนพวกเราในฐานะทูต

มาเรียจัง เธอเคยไปโบสถ์ของศาสนจักรมาบ้างรึเปล่านะ

หากพูดถึงศาสนจักรล่ะก็ คนทั่วไปก็คงต้องนึกนึกโบสถ์เป็นอย่างแรก เนื่องจากผมเป็นพวกไม่ค่อยเชื่อในศาสนาก็เลยไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย จะว่าไปแล้วผมไม่เคยที่จะติดต่อหรือพูดคุยกับพวกนักบวชเลยซักคนเดียวนี่นะ.....

ก่อนที่จะถูกนายท่านซื้อตัวมานั้น ท่านโอเว่นเคยพาไปที่โบสถ์เพื่อชำระบาปอยู่ครั้งหนึ่งนะคะ

พอถามออกไปมาเรียจังก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการชำระบาปที่เป็นเรื่องปกติของบรรดาเด็กสาวที่ถูกขายเป็นทาสให้ผมได้ฟัง การชำระบาปนั้นเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิที่จะช่วยชำระล้างสิ่งไม่ดีต่างๆออกไปจากร่างกายของเด็กสาว

ซึ่งมันก็ไม่ได้จำกัดเพียงแค่กับพวกทาสเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นพิธีกรรมสำหรับเด็กสาวทุกคนที่กำลังจะแต่งงาน แม้แต่พวกแม่ม่ายที่กำลังจะแต่งงานใหม่เองก็เช่นกัน

ซึ่งหากดูเผินๆแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่ไอ้วิธีการนี่สิทีผมคิดว่ามันแปลก สำหรับวิธีการชำระบาปนั้นก็คือการที่ให้บรรดาเด็กสาวเปลือยกายต่อหน้ารูปปั้นเทพธิดา และพวกนักบวชก็นำน้ำศักดิ์สิทธิมาชำระล้างร่างกายของพวกเธอ

ยิ่งในกรณีของมาเรียจังตามร่างกายเต็มไปด้วยแผลเป็นยิ่งแล้วใหญ่ พวกนักบวชลามกนั่นน่ะอ้างว่าร่างกายของมาเรียจังนั้นมีสิ่งชั่วร้ายติดอยู่มากกว่าเด็กสาวทั่วไป เพราะเหตุนั้นมาเรียจังจึงได้ถูกนักบวชลามกพวกนั้นใช้มือสกปรกของพวกมันมาลูบคลำไปตามร่างกายของเธออย่างสนุกสนานเลยทีเดียว

ทั้งๆที่มาเรียจังถูกลวนลามขนาดนั้นแต่เธอกลับไม่รู้อะไรเลย ยิ่งกว่านั้นเธอยังเชื่อว่ามันเป็นพิธีกรรมสิ่งศักดิ์สิทธิเสียอีก.......กับเรื่องนี้ทำให้ผมโกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่......แต่ก็เอาเถอะ.....จะให้แก้ไขเรื่องที่ผู้คนในแผ่นดินนี้เชื่อกันมานานแสนนานก็คงจะเป็นเรื่องยาก

เพราะงั้นผมจึงได้เริ่มคิดและหาวิธีแก้ไขไอ้เรื่องบ้าๆนี้ ก่อนอื่นก็คงต้องใช้ประโยชน์จากพวกนักบวชสาวที่กำลังจะมาเป็นทูต เนื่องจากปัญหาทางการเมืองหลายๆจึงทำให้พวกเธอนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาพึ่งพาผม

เพราะงั้นแล้วพวกเธอก็คงมีแต่ต้องเชื่อฟังผมโดยไร้ข้อแย้ง เมื่อเป็นแบบนั้นผมก็จะสามารถเปลี่ยนรูปแบบของพิธีกรรมต่างๆได้ แต่การจะเอาเปรียบพวกเธอมากเกินไปก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก.....

ไม่สิ......จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ทางอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ส่งเรื่องมาขอพื้นที่ในการจัดสร้างสถานทูตและโบสถ์ด้วยนี่นา......นั่นสินะถ้าใช้เรื่องนี้ล่ะก็......บางทีคงสามารถที่จะซื้อใจพวกเธอทั้งหมดได้ง่ายๆเลยก็เป็นได้

15 ความคิดเห็น:

  1. ไปฆ่านักบวชได้ม่ะ หมีจะไม่ทน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โดนสาวน้อยผมเงินสอยพวกบนเรือเหาะไปเรียบแล้วนะ 55555

      ลบ
  2. บางทีก็รู้สึกเนื้อเรื่องมันจำเจอะ ช่วยผู้หญิงแล้วจับทำเมีย วนไปมาแค่นี้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรื่องนี้ถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วครับ -0-
      พวกเรื่องที่วันๆเอาแต่ตีมอนยังจำเจกว่าอีกนะผมว่า

      ลบ
    2. คือเหมือนว่าตัวเอกไม่ค่อยมีเป้าหมายในชีวิตเท่าไหร นอกจากหาเมียอ่า อ่ะ หรือว่านี่คือเป้าหมายหลัก งั้นก็ตามนั้นครั้บ ยังไงก็ตามอ่านอยู่ดี

      ลบ
    3. เป้าหมายหลักของทัตสึยะคือสร้างสถานที่ที่สามารถอยู่กับสาวๆตามที่ต้องการได้ครับ
      ส่วนเป้าหมายหลักของเรื่องนี้คือการฟื้นฟูสมดุลของเผ่าพันธุ์ทั้ง 10 ครับ

      ส่วนเนื้อเรื่องในบทนี้จะเน้นการพัตนาของอาณาจักรที่สามารถดึงเอาผู้คนมากมายเข้ามาอาศัยได้ แต่การดำเนินเรื่องจะเน้นไปที่สาว เพราะผมไม่ชอบเขียนบทให้ตัวผู้มากนักนั่นล่ะครับ 55555

      บทหน้าจะเป็นเรื่องของสงครามยาวทั้งบท รวมถึงเรื่องของมากิจังที่เป็นนางเอกคนสุดท้ายแล้วครับ


      ลบ
  3. เหมือนกำลังจะมีการเปิดศึกับศาสนจักรเลยแฮะ หรือบทนี้จะเป็นดราม่ากับพวกศาสนจักรหว่า?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่ครับ บทนี้จะจบลงที่การจัดการรื้อระบบของศาสนจักรเสียใหม่

      ลบ
  4. เอริ นางเอกครับ แต่ได้บท น่าสงสารจัง อย่าดราม่ากับเธอนักเลย ^=^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นั่นสิครับ น่าสงสารจริงๆนะ
      เรื่องราวของเอริจัง จะถูกเล่าย้อนในช่วงบทที่ 5 ครับ ฮา......

      ลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ