ตอนที่ 38 ห้องเรียนของอเดล บทที่ 2



-- มุมมองของอเดล --
                                                        
วันที่ 19 เดือน 2 ศักราชเอลติซปีที่ 837                            
                            
ท่านหญิงคะ เช้าแล้วนะคะ

เมื่อลืมตาขึ้นมาชั้นก็พบกับคุณเมดสาวสวยคนหนึ่ง คุณเมดสาวสวยคนนี้ก็คือเมดส่วนตัวของชั้นที่พี่เขยสุดเจ้าชู้ของชั้นได้ส่งมาคอยดูแลชั้นในเวลาที่ชั้นอาศัยอยู่ที่หอพักของโรงเรียนหลวงสเตรเชีย

สำหรับหอพักของชั้นนั้นเป็นพอพักหรูหราแบบมีห้องแยกหลายๆห้องอยู่ภายใน มันเป็นหอพักที่ต้องเสียเงินจำนวนมากในการเข้าพักอาศัย จึงมีแต่พวกลูกขุนนางเท่านั้นที่จะจะเข้ามาอาศัยอยู่

ตามจริงแล้วชั้นนั้นต้องการต้องจะไปอยู่หอพักธรรมดาที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่พอชั้นพูดออกไปเจ้าพี่เขยสุดเจ้าชู้ของชั้นกลับตอบปฏิเสธมาคิดถึงชื่อเสียงของตระกูลเมลริสแล้ว จะให้อเดลจังไปอยู่ในหอพักฟรีได้ไงกันล่ะพี่เขยพูดออกมาแบบนั้นก่อนและไปจองหอพักราคาแพงที่สุดมาให้ในทันที

อรุณสวัสดิ์ค่ะ รูริน่าซัง วันนี้เองก็ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ

แล้วก็...อาจจะกะทันหันไปซักหน่อย แต่เมื่อครู่นายท่านได้ส่งข้อความมาแจ้งให้ท่านหญิงกลับไปที่คฤหาสน์ เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตในช่วงค่ำของวันนี้ด้วยนะคะ

เลี้ยงต้อนรับราชทูต.....หืมม.....หรือว่าจะเป็นราชทูตจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัม.....เนื่องจากอุบัติเหตุบนเรือเหอะเมื่อสองวันก่อน ทำให้ท่านราชทูตที่กำลังเดินทางมาเสียชีวิต..........หมายความว่าพวกเค้าได้แต่งตั้งผู้ที่รอดชีวิตขึ้นมารับตำแหน่งแทนงั้นสินะ

ในสมัยก่อนนั้นตัวชั้นแทบไม่เคยได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่หลังจากที่ตระกูลเมลริสได้เข้ามารับใช้อาณาจักรออร์ธรอส ชั้นถูกท่านแม่สั่งให้ไปฝึกฝนมารยาทสำหรับการเข้าร่วมงานเลี้ยง รวมไปถึงการเต้นรำเผื่อเอาไว้

และนั่นก็เพื่อว่าซักวันหนึ่ง ตัวชั้นจะต้องเป็นตัวแทนของตระกูลในการไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกขุนนาง.....และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง....

ทั้งๆที่ไม่ใช่วันหยุดแท้ๆ แต่ต้องกลับไปเจอหน้าคุณพี่เขยอีกแล้วสินะ.....เฮ้อ....เข้าใจแล้วล่ะค่ะ

กับคำบ่นของชั้น รูริน่าซังก็ได้แสดงรอยยิ้มตอบกลับมา ในหน้าของเธอในตอนนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังสนุกสนานกับการที่ได้เห็นชั้นเป็นแบบนี้.....

แต่มันก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ เพราะถึงเธอจะเป็นเมดส่วนตัวของชั้น แต่จริงๆแล้วเธอคนนี้ก็เป็นลูกน้องของเจ้าพี่เขยสุดแสนเจ้าชู้คนนั้นอยู่ดี.....

หลังจากที่ได้รูริน่าซังช่วยแต่งตัวและทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชั้นก็ออกจากหอพักเพื่อไปยังอาคารเรียนของสาขาเวทมนต์

จากหอพักชั้นสูงที่ชั้นอาศัยอยู่ไปยังอาคารเรียนนั้นใช้เวลาเดินเท้าเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบเองก็ร่มรื่นและงดงาม สวนดอกไม้ที่อยู่ระหว่างทางนั้นก็ทำให้รู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลา

เมื่อมาถึงห้องเรียนชั้นก็ทักทายเพื่อนๆไปตามปกติ ในวันนี้เองก็ยังมีเพียงแค่พวกเราสามคนอยู่ภายในห้อง ทั้งๆที่ในช่วงหลายวันมานี้ก็มีคนหนุ่มสาวเข้ามาทดสอบความสามารถทางเวทมนต์อยู่เรื่อยๆ แต่พวกเค้าก็ยังไม่สามารถผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเข้ามาได้เลยซักคน.....

ในช่วงบ่ายนั้นเป็นการฝึกภาคปฏิบัติ เพราะงั้นพวกเราจึงจะย้ายไปเรียนกันที่สนามฝึกซ้อม และนั่นทำให้พวกเราต้องผ่านสนามสอบ

สุดยอดเลยนะคะ เด็กหนุ่มคนนั้นน่ะ ช่างเป็นคนที่มีความพยายามสูงจริงๆ

ซึ่งในระหว่างเดินผ่านสนามสอบลูมิจังพูดพร้อมกับมองไปยังเด็กหนุ่มผู้เข้าทดสอบคนหนึ่ง ในวันนี้เด็กชายคนนั้นก็ยังคงใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะทำลายเป้าหมายด้วยเวทมนต์จากระยะไกลให้ได้

แต่ไม่ว่าจะทดลองซักกี่ครั้ง เวทมนต์โจมตีที่เค้าใช้นั้น อย่างมากก็เพียงแค่โจมตีโดนเป้าหมาย มันยังไม่รุนแรงพอที่จะสามารถทำให้แผ่นไม้ที่เป็นเป้าหมายเกิดร่องรอยขึ้นมาได้เลย

วันนี้ก็ยังไม่ไหวสินะคะ เด็กคนนั้น....

หลังจากยิงเวทมนต์ใส่แผ่นหินเป้าหมายอยู่หลายสิบครั้ง ในที่สุดเด็กชายคนนั้นก็ทรุดลงไปกับพื้น ดูเหมือนว่าพลังเวทของเค้าจะหมดลงแล้ว

ถ้าเป็นการพยายาม....ง่ำๆ!!.....เพื่อของกินล่ะก็....งุ่มๆ!!.....ซักวันหนึ่งจะต้อง....งุ่มๆ!!.....สำเร็จแน่นอนแหละค่ะ...ง่ำๆ!!.....

มาร์กาเร็ตจังพูดขึ้นมาโดยที่ในปากของเธอยังคงเคี้ยวขนมปังหนุบหนับ และเพราะเหตุนั้นเธอก็เลยถูกลูมิน่าจังลากไปสั่งสอนเรื่องมารยาทอีกครั้ง

การทดสอบนี้น่ะ เด็กคนนั้นจำเป็นจะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง เพราะงั้นถึงแม้ว่าจะน่าสงสารซักแค่ไหน แต่พวกเราก็คงไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้หรอกนะคะ

ลูมิน่าจังเข้ามาใกล้และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนอย่างเคย...ไม่ว่าจะรู้สึกสงสารหรือเห็นใจซักแค่ไหน แต่เรื่องบางเรื่องก็จำเป็นที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง การยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นน่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป

ใช่แล้วล่ะ!! ของกินน่ะถ้าหามาได้ด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจกว่าอยู่แล้ว

คนอื่นๆเค้าไม่ได้มีเป้าหมายอยู่แค่อาหารเหมือนคุณหรอกนะคะ มาร์กาเร็ตซัง แล้วจะให้ดิชั้นพูดอีกซักกี่ครั้งกันคะ!! อย่าพูดโดยที่ยังมีเศษอาหารติดบนใบหน้าสิคะ!! รีบไปจัดการเด๋วนี้เลยนะคะ!!

หลังพูดจบลูมิน่าจังก็ลากมาร์กาเร็ตจังเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการกับคราบและเศษอาหารต่างๆที่ติดอยู่บนใบหน้าของเธอ...

ในเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ถ้างั้นวันนี้เราก็มาฝึกฝนการใช้เวทมนต์โจมตีหลายเป้าหมายจากระยะไกลกันนะคะ

อาจารย์ผู้สอนในคาบปฏิบัติของพวกเราในวันนี้เป็นเด็กสาวเผ่าโลลิเทียชื่อว่าลูเชียน่า.....เธอเป็นเด็กสาวที่มีปีกผีเสื้อผีดำขนาดใหญ่แสนงดงามอยู่กลางหลัง......ไม่สิบางทีการที่เรียกเธอว่าเด็กสาวนั้นอาจจะไม่ถูกนัก

เผ่าโลลิเทียนั้นแม้จะอายุมากกว่าร้อยปีก็ยังคงมีรูปร่างหน้าตาเฉกเช่นเดียวกับเด็กสาววัย 10 กว่าปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าอิจฉาเป็นที่สุด ตัวชั้นเองก็อยากจะมีใบหน้าเป็นเด็กสาวตลอดไปจนวันตายเช่นเดียวกัน

ข้าขอวิงวอนต่ออสูรลวงตาผู้แกร่งกล้า จงกลายเป็นดังลูกธนูเหล็กกล้า จงทะลุทะลวงและทำลายอริราชศัตรู Illusion Magic: Illusion Arrow!!

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีลูเชียน่าเซนเซย์ก็สามารถปรับเปลี่ยนมานาภายในร่างกายของเธอให้เป็นพลังเวท และพลังเวทอันพอเหมาะของเธอก็เริ่มก่อตัวจนสามารถมองเห็นเป็นรูปร่างของลูกธนูขนาดใหญ่ถึง 5 ลูก

และจากนั้นเธอก็ยิงลูกธนูลวงตาทั้ง 5 ลูกไปที่แท่งไม้ที่เป็นเป้าหมายซึ่งอยู่ห่างไปกว่า 30 เมตรได้อย่างแม่นยำ แผ่นไม้ที่ถูกเวทมนต์ของเธอโจมตีเข้าใส่นั้นเกิดการเสียงระเบิดดังขึ้นแทบจะเป็นเวลากัน

ทั้งความเร็วในการร่ายรวมถึงความแม่นยำในการควบคุมนั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม แถมพลังทำลายเองก็รุนแรงจนน่าเหลือเชื่อ เวทมนต์ที่เธอแสดงให้เห็นในครั้งนี้เป็นการผสมผสานของเวทลวงตาและเวทระเบิดซึ่งเป็นเทคนิคชั้นสูงในการเพิ่มพลังทำลาย

สมกับเป็นจอม ตามจริงก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่หากนำไปเทียบกับพวกท่านจอมเวทตัวจริงแล้วล่ะก็......เวทมนต์ในครั้งนี้ของเธอก็คงยังเป็นได้เพียงแค่ระดับผู้ใช้เวทชั้นเลิศเท่านั้น......

เอาล่ะค่ะ ทุกคนก็ลองทำตามกันดูนะคะ สำหรับพวกเธอที่เป็นมือใหม่นั้นยังไม่มีความจำเป็นที่จะผสานเวท ขอให้มุ่งเน้นไปที่การควบคุมเวทมนต์จำนวนมากให้โจมตีได้ถูกเป้าหมายก่อนนะคะ

หลังอธิบายจบลูเชียน่าเซนเซย์ก็ให้พวกเราได้ทดลองฝึกฝน สำหรับพวกเราแล้วการควบคุมลูกธนูเวทมนต์ 5 ลูกพร้อมกันได้อย่างแม่นยำนั้นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราทั้ง 3 คนก็พยายามตั้งใจฝึกฝนกันตลอดช่วงบ่าย

สำหรับตัวชั้นนั้นเพียงแค่การสร้างลูกธนูเวทมนต์ 5 ลูกพร้อมกันก็เรียกว่ายากแล้ว แต่ลูมิน่าจังกับมาร์กาเร็ตจังกลับสามารถผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ง่ายๆ บางทีพวกเธอทั้งสองคนที่สามารถผ่านการสอบคัดเลือกได้ในครั้งเดียวนั้นคงจะเรียกได้เป็นพวกมีพรสวรรค์สูงมากล่ะนะ

แต่จะไปมัวอิจฉาชาวบ้านที่ทำได้ดีกว่าก็ไม่ช่วยอะไร ชั้นจึงพยายามตั้งสมาธิและฝึกฝนจนในที่สุดก็สามารถสร้างลูกธนูเวทมนต์ 5 ลูกออกมาได้ แต่กว่าจะทำได้ก็เล่นเอาหมดเวลาของคาบเรียนพอดี.......

ถึงจะเลิกเรียนแล้วแต่ดิชั้นคิดว่าจะอยู่ฝึกฝนเวทมนต์ต่ออีกซักหน่อย ทั้งสองคนอยากจะอยู่ฝึกฝนด้วยกันอีกซักหน่อยมั๊ยคะ

หลังหมดคาบเรียนลูมิน่าจังก็พูดขึ้นมา เธอนั้นต้องการที่ฝึกฝนการควบคุมเวทมนต์จำนวนมากของเธอต่อไป ถึงแม้เธอจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงกว่าคนอื่น แต่ทั้งความตั้งใจและความพยายามของเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย ในบางครั้งชั้นได้ยินมาว่าเธอนั้นอยู่ฝึกฝนไปจนถึงช่วงกลางดึกเสียด้วยซ้ำ......

ขอโทษน๊าลูมี่จางงง.......ถึงจะรู้ว่าเธอกำลังเหงา.....แต่วันนี้เค้าต้องรีบไปทำงานพิเศษที่ร้านของโซเฟียซัง.....เอาไว้วันหลังเค้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนน้า.....

มาร์กาเร็ตจังพูดพร้อมกับกระโดดเข้าไปกอดลูมิน่าจัง เนื่องจากมาร์กาเร็ตจังนั้นเป็นเพียงสามัญชนที่อพยพเข้ามา เพราะงั้นถึงแม้ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของสาขาเวทมนต์จะมีทางโรงเรียนเป็นผู้สนับสนุนให้ แต่เธอก็ยังมีความจำเป็นจะต้องไปทำงานเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว

ดะ ดิชั้นไม่ได้ต้องการให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนซักหน่อยนะคะ!!.....ละ….แล้วก็ไม่ต้องเข้ามากอด......ปะ….ปล่อยดิชั้นเด๋วนี้เลยนะคะ

หลังจากปล่อยมือจากลูมิน่าจังเธอก็พุ่งเข้ามากอดชั้นก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากสนามฝึกเพื่อไปทำงานพิเศษของเธอ

วันนี้ชั้นเองก็คงต้องขอตัวด้วยเช่นกันนะคะ พอดีเจ้าพี่เขยบังคับให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับท่านราชทูตของอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมน่ะค่ะ

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ การเข้าร่วมงานเลี้ยงก็เป็นสิ่งสำคัญของพวกเราที่เป็นบุตรสาวของขุนนางด้วยนี่คะ ยังไงก็พยายามเข้านะคะ

ลูมิน่าจังเองก็ด้วยนะ อย่าหักโหมมากจนเกินไป ต้องเอาใจใส่ดูแลสภาพร่างกายให้ดีด้วยนะคะ

หลังพูดจบพวกเราชั้นก็รีบตรงไปยังประตูโรงเรียน หวังว่าเจ้าพี่เขยสุดเจ้าชู้นั่นจะไม่ผิดเวลา.....ไม่สิ.....กับแค่การมารับชั้นเนี่ย.....คงจะไม่จำเป็นที่พี่เขยต้องมาด้วยตัวเองซักหน่อยนี่นะ.....

7 ความคิดเห็น: