ตอนที่ 39 ชีวิตในอาณาจักรเวทมนต์ บทที่ 1


                                
-- มุมมองของเอลิเซ่ --                                      

วันที่ 19 เดือน 2 ศักราชเอลติซปีที่ 837                            

วันนี้ก็เป็นวันที่ 3 แล้วตั้งแต่ที่พวกเราได้มาถึงยังอาณาจักรออร์ธรอส และในวันนี้ก็เป็นวันที่พวกเราผู้เป็นคณะทูตจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมจะออกเดินทางจากเมืองท่าออร์วิสเพื่อไปยังเมืองหลวงสเตรเชีย

การที่พวกเราต้องมาอาศัยอยู่ในเมืองท่าออร์วิสนั้นตามจริงแล้วไม่ได้อยู่ในแผนการ ดังนั้นชั้นจึงใช้เวลาในสามวันนี้เพื่อหาข้อมูล บรรดาข้ารับใช้ของชั้นที่ได้รับมาจากท่านพ่อนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเชี่ยวชาญด้านการหาข้อมูลกันทั้งนั้น ดังนั้นชั้นจึงไว้วางใจให้พวกเค้าจัดการเรื่องทั้งหมด

สำหรับข้อมูลเรื่องแรกที่พวกเราได้มานั้นก็คือเรื่องเกี่ยวกับภาษี สำหรับนโยบายเรื่องเกี่ยวกับภาษีในอาณาจักรออร์ธรอสนั้นแตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆโดยสิ้นเชิง พวกท่านจอมเวทนั้นได้ทำการยกเลิกรูปแบบภาษีเก่าที่เคยมามีมาทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นภาษีการเข้าประเทศ ภาษีการเข้าเมือง ภาษีทาส ภาษีที่ดิน แม้กระทั่งภาษีประชากรรายหัวเองก็ถูกยกเลิกด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนภาษีใหม่ที่พวกท่านจอมเวทคิดและนำมาใช้ในอาณาจักรออร์ธรอสนั้นมีอยู่ 3 ประเภท นั้นก็คือภาษีรายได้ ภาษีนำเข้า และภาษีมรดก จากภาษีข้างต้นนั้นส่งผลดีกับสามัญชนทั่วไปเป็นอย่างมาก อย่างแรกเลยก็คือหากครอบครัวของพวกเค้ามีรายได้น้อยล่ะก็ พวกเค้าก็แทบจะไม่ต้องเสียภาษีเลย

และจากเหตุผลดังกล่าวก็ยังเป็นการทำให้ปัญหาที่บรรดาครอบครัวยากจนต้องขายลูกสาวของตัวเองไปเป็นทาสเพราะไม่มีเงินสำหรับจ่ายภาษีออกไป

พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ชั้นได้รับรู้ข้อมูลมาว่า ระบบจัดการเกี่ยวกับทาสในอาณาจักรออร์ธรอสเองก็แตกต่างไปจากอาณาจักรอื่นๆโดยสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน

สำหรับอาณาจักรออร์ธรอสนั้น พวกท่านจอมเวทได้มีการร่างกฎหมายคุ้มครองทาสขึ้นมา อย่างแรกเลยก็คือการยกระดับการปฏิบัติตัวต่อทาส พวกทาสนั้นปกติจะถูกปฏิบัติด้วยไม่ต่างไปจากสิ่งของ แต่ในอาณาจักรออร์ธรอสนั้นพวกเค้าจะถูกปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกับสามัญชนทั่วไป

การใช้งานทาสที่ส่งผลอันตรายต่อชีวิต การลงโทษทาสอย่างรุนแรงโดยไร้เหตุผล หรือแม้แต่การข่มขืนทาสนั้นถือเป็นโทษร้ายแรงสำหรับอาณาจักรออร์ธรอส

โดยกฎหมายที่ว่านี้แม้แต่ขุนนางหรือพวกราชวงศ์จากต่างประเทศเองก็ต้องปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน หากมีการฝ่าฝืนล่ะก็ พวกเค้าจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงโดยไม่มีการละเว้น

ต่อมาก็คือเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายทาส สำหรับการซื้อขายทาสนั้นจะถูกจัดการโดยผ่านหน่วยงานควบคุมทาสของอาณาจักรออร์ธรอสเท่านั้น การซื้อขายทาสโดยตรงนั้นถือว่ามีความผิดขั้นร้ายแรง การยกมอบทาสหรือการสืบทอดทาสเองก็ถือเป็นความผิดร้ายแรงเช่นเดียวกัน

สำหรับผู้ที่มีความต้องการจะครอบครองทาสนั้นจำเป็นจะต้องถูกตรวจสอบสถานะความเป็นอยู่และรายได้อย่างละเอียด หากเป็นผู้ที่ไม่สามารถจัดการดูแลทาสได้ดีพอก็จะไม่ได้รับอนุญาต

จากเหตุผลทั้งหมดทำให้พวกทาสที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรออร์ธรอสนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีมากจนอาจจะเรียกได้ว่าน่าอิจฉาเลยทีเดียว

นอกจากนั้นก็ยังมีข้อมูลเรื่องอื่นๆที่ยังคงทำให้พวกเรารู้สึกประหลาดใจได้ไม่รู้จบ  นั่นก็อย่างเช่นเรื่องของปราสาทออร์วิสที่ถูกสร้างมาใหญ่โตและสวยงามจนทำให้ปราสาทในอาณาจักรของเราดูธรรมดาไปเลยนั้น กลับมีเหตุผลเพื่อใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว!!?
                                          
เรื่องของสนามหญ้าที่ถูกติดตั้งอุปกรณ์แปลกตา แต่มันดันถูกสร้างมาเพื่อให้พวกเด็กๆได้เล่นสนุกในยามว่าง!! หรือแม้แต่เรื่องร้านค้าที่มีการเปิดค้าขายตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนเองก็ด้วย

ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น.......เอาเถอะ.......ไอ้เรื่องยากๆพวกนั้นน่ะก็เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน เพราะในตอนนี้ชั้นจำเป็นจะต้องใช้สมาธิอย่างมากในการช่วยงานของชิซึกุซามะเสียก่อนน่ะ
                           
แบบนั้นแหละ ทำได้ดีมากเลยนะ เอ ลิ เซ่ จัง

ขะ ขอบคุณมากเลยค่ะ

ชั้นยิ้มและตอบกลับไป......ส่วนงานที่ว่านั้นคืออะไรน่ะเหรอ......มันก็คือการทำสวนน่ะสิ!!!

แล้วทำไมตัวชั้นที่เป็นถึงบุตรสาวของดยุคถึงต้องมาทำสวนกันด้วยล่ะ นั่นน่ะ มันก็เป็นเพราะชั้นไม่อยากจะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะงั้นก็เลยไปขอร้องให้ชิซึกุซามะช่วยพาชั้นติดตามไปช่วยงานด้วย

แต่ว่านะ.......ตัวชั้นน่ะไม่เคยคิดเลยซักนิดว่างานของชิซึกุซามะผู้ที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงแห่งออร์รอสนั้นจะต้องมาลงมือทำสวนด้วยตัวเอง นี่นะ...ถ้าท่านพ่อหรือบรรดาบุตรชายของขุนนางท่านอื่นๆมาเห็นชั้นในตอนนี้เข้าล่ะก็ พวกเค้าจะคิดยังไงกับชั้นกันล่ะเนี่ย!!!

ไม่สิ.....บางทีนี่อาจจะเป็นการทดสอบก็เป็นไปได้....ใช่แล้วล่ะ!!...มันคงจะต้องเป็นการทดสอบแน่ๆ

ชิซึกุซามะนั้นเป็นถึงน้องสาวเพียงคนเดียวของทัตสึยะซามะผู้ปกครองอาณาจักรออร์รอส เพราะงั้นเธอคงจะต้องการทดสอบชั้นว่ามีคุณสมบัติพอที่จะได้อยู่เคียงข้างพี่ชายของเธอหรือเปล่า ใช่แล้วล่ะ!!! มันคงจะเป็นต้องอย่างนั้นแน่นอน!!!

เพียงแค่ชั้นหวนคิดไปถึงใบหน้าของทัตสึยะซามะเท่านั้น หัวใจของชั้นก็เริ่มเต้นแรง ใบหน้าของชั้นในตอนนี้เริ่มรู้สึกร้อนไปหมด อ่ะชั้นคงยังไม่ได้บอกสินะ ใช่แล้วล่ะ ทัตสึยะซามะนั้นก็คือท่านจอมเวทหนุ่มที่ได้เข้ามาช่วยพวกเราเอาไว้เมื่อวันก่อน เค้าคือชายหนุ่มที่ทำให้ชั้นได้รู้จักกับรักแรกพบ ชายหนุ่มที่เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็ทำให้ร่างกายของชั้นแทบจะละลาย......

ไม่ได้ๆ!!! นี่น่ะเป็นการทดสอบ!!! ดังนั้นชั้นจะมัวมาคิดแต่เรื่องแบบนี้ไม่ได้!!! เมื่อคิดได้ดังนั้นชั้นก็พยายามตั้งใจทำงานในส่วนของชั้นต่อไปจนเวลาร่วงเลยไปถึงช่วงใกล้เที่ยง และในตอนนั้นก็มีเมดสาวคนหนึ่งเข้ามาหาชั้นกับชิซึกุซามะ

ชิซึกุซามะ ท่านหญิงเอลิเซ่ ต้องขอโทษที่เข้ามารบกวนระหว่างกำลังสนุกกันนะคะ

เมดสาวพูดออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนมาให้

พวกเราไม่ได้กำลังเล่นสนุกกันอยู่ซักหน่อยนะ!! แล้วตกลงมีเรื่องอะไรล่ะ

แต่ชิซึกุซามะกลับแสดงท่าทีปฏิเสธกลับไปด้วยท่าทางเขินอาย ถึงแม้ชิซึกุซามะจะอายุมากกว่าชั้น แต่กับท่าทางการแสดงออกของเธอนั้น ชั้นคิดว่ามันเหมือนกับเธอนั้นเป็นน้องสาวของชั้นเสียมากกว่า

สเตล่าซามะ ซูซี่ซามะ และกองอัศวินที่ 3 ได้มารออยู่ที่คฤหาสน์ตามกำหนดการแล้วค่ะ

ถึงเวลาแล้วสินะ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นเอลิเซจัง พวกเรากลับไปคฤหาสน์กันเถอะ

เอ๋!...อ่ะ....เข้าใจแล้วค่ะ

หลังจากนั้นชั้นก็กลับไปที่คฤหาสน์ของชิซึกุซามะเพื่อทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนจากชุดทำสวนไปเป็นชุดเดรสสวยงามและเตรียมตัวในการออกเดินเดินทางเพื่อไปเข้าพบกับทัตสึยะซามะ

ดิชั้นสเตล่า มัลฟราวด์ หัวหน้ากองอัศวินที่ 3 ในวันนี้จะขอรับหน้าคุ้มกันท่านหญิงเอลิเซ่ และทุกคนในคณะทูตแห่งอาณาจักรศักดิ์แอสกรัม ในการเดินทางไปยังเมืองสเตรเชีย แต่เนื่องจากทางอาณาจักรออร์ธรอสของเรานั้นมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้นได้โปรดให้อภัยกับพวกทหารที่อาจจะทำเรื่องเสียมารยาทลงไปบ้างด้วยนะคะ

หลังพูดจบ ท่านอัศวินหญิงสเตล่าและเหล่าอัศวินสาวจากกองอัศวินที่ 3 ทุกคนก็ยืนตรงและโค้งตัวลงเพื่อทำการทักทายอย่างพร้อมเพรียง

ได้ยินชื่อเสียงของท่านอัศวินหญิงสเตล่ามานานแล้ว และนั่นทำให้ดิชั้นรู้สึกเป็นเกรียติอย่างยิ่งในการที่ได้คุณมาเป็นคนคุ้มกันให้กับพวกเรา ดิชั้น เอลิเซ่ วิส ดุราเฮมด์ บุตรสาวคนรองของดยุดกราเซียและดัชเชสเอลิน่าแห่งตระกูลดูเราเฮมด์ ยินดีที่ได้รู้จัก สำหรับการคุ้มกันในวันนี้ดิชั้นต้องขอรบกวนด้วยนะคะ

จากนั้นพวกเราก็ถูกพาไปยังขบวนของพาหนะเวทมนต์หลายคันที่จอดอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์ และเนื่องจากมันเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ขึ้นพาหนะเวทมนต์ในการเดินทาง ดังนั้นทุกคนจึงได้แสดงอาการตื่นเต้นกันออกมา

ระยะทางจากเมืองท่าออร์วิสไปจนถึงเมืองหลวงสเตรเชียนั้นมากกว่า 200 กิโลเมตร แต่การเดินทางนั้นกลับใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อนั้นก็ทำให้พวกเรายิ่งพากันตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

ถนนสีขาวสะอาดตาทอดยาวไปตลอดทาง สองข้างทางนั้นมีรั้วกั้นที่ทำจากเหล็กรูปร่างแปลกตา ในระหว่างการเดินทางนั้นบางครั้งพวกเราก็ยังสามารถมองเห็นพวกกวางหรือสัตว์ป่าอื่นๆอยู่หลายครั้ง

ทิศทัศน์ที่งดงาม ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มันเป็นการเดินทางครั้งแรกที่ทำให้ตัวชั้นได้รู้สึกว่า โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก

ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ ชั้นอยากจะให้ทุกคนในครอบครัวของชั้นได้มาเที่ยวชมอาณาจักรแห่งนี้กันซักครั้ง และเพื่อการนั้น อย่างแรกชั้นจะต้องทำให้ทัตสึยะซามะพอใจในตัวชั้น และรับชั้นเป็นคู่หมั้นให้ได้เสียก่อน

พวกเรากำลังจะเข้าเขตของเมืองสเตรเชียแล้วนะคะ

เมื่อท่านอัศวินหญิงสเตล่าพูดขึ้นมา ชั้นและท่านหญิงไอริสที่นั่งอยู่ข้างๆก็หันไปมองยังด้านหน้า ที่ตรงหน้ามีกำแพงหินสีขาวขนาดใหญ่....ความสวยงามและสูงใหญ่ของมันนั้นดึงดูดสายตาของพวกเราทั้งคู่เป็นอย่างมาก 

กำแพงเมืองนั่น...ช่างงดงามมากเลยนะคะ

ช่างงดงามจนยากจะหาคำพูดใดมาเปรียบจริงๆค่ะ.......ดิชั้นยังได้ยินมาว่ากำแพงเมืองชั้นนอกนั้นมีความสูงถึง 20 เมตรและยังหนาถึง 10 เมตรอีกด้วยนะคะ

หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็ผ่านประตูเมืองขนาดใหญ่เข้าไป สำหรับส่วนของเมืองชั้นนอกนั้นกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นตลอดข้างฝั่งของถนนสีขาวจึงมีผู้คนมากมายกำลังทำการตัดต้นไม้และทำการปรับระบบของพื้นดินเพื่อให้ง่ายต่อการก่อสร้างอาคารและบ้านเรือน

จะว่าไปแล้วเมื่อวันก่อนชั้นได้ยินจากชิซึกุซามะมาว่า พวกท่านจอมเวทกำลังทำการก่อสร้างโบสถ์ขนาดใหญ่ รวมถึงอาคารที่ทำการของสถานทูตให้กับอาณาจักรของพวกเราในบริเวณเมืองชั้นนอกนี้ด้วย

ทั้งๆที่พวกเรายังไม่ได้เข้าพบกับทัตสึยะซามะและเจรจาตกลงกันอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าทัตสึยะซามะจะมีความต้องการที่ผูกมิตรกับทางอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมอยู่ก่อนแล้ว

กับการกระทำของเค้านั้นทำให้ชั้นรู้สึกเป็นซาบซึ้งเป็นอย่างมาก และนั่นยิ่งทำให้ชั้นอยากจะพบเค้าให้เร็วขึ้นอีก และพอคิดแบบนั้น มันก็ทำให้ชั้นหวนนึกไปถึงเมื่อคราวที่ชั้นได้พบกับเค้าเป็นครั้งแรก

แค่เพียงคิดถึงใบหน้าของเค้า หัวใจของชั้นเต้นแรงจนแทบจะหยุดไม่อยู่ นี่ชั้นกำลังจะได้พบกับเค้าอีกครั้งแล้วสินะ.....

9 ความคิดเห็น:

  1. ty ครับ ชีวิตจริงอยากมีเเบบนี้บ้างจัง

    ตอบลบ
  2. อาหารมาส่งถึงที่ !!

    ตอบลบ
  3. ไม่คิดพิมพ์ขายเหรอครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่มีงบนะครับ 55555
      ถ้าจะพิมขายจริงๆต้องหาคนวาดกับคนมาช่วยเรียบเรียงบทใหม่อีกด้วยสิ

      ลบ
    2. เสียดายจังครับ

      ลบ