ตอนที่ 4 สงครามตีเมืองป้อมปราการมินิทาริส บทที่ 2


-- มุมมองของโซเฟีย --                         

ตั้งแต่วันที่ชั้นถูกทัตสึยะซามะช่วยเอาไว้จากมอนสเตอร์ นี่ก็ผ่านมาได้เกือบหนึ่งปีแล้ว ชีวิตของชั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง หากลองคิดดูแล้วบางทีอาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นโชคชะตาก็เป็นได้

ในอาณาจักรออร์ธรอสหรือที่ผู้คนต่างเรียกขานกันว่าอาณาจักรเวทมนต์นั้นเป็นสถานที่พิเศษที่คอยช่วยเติมเต็มความฝันของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน ไม่ว่าจะเป็นเพียงทาสที่ต่ำต้อยหรือเป็นขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ใดๆก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างไม่มีแบ่งแยก

ตัวชั้นเองก็ได้เริ่มต้นทำธุรกิจร้านเบเกอรี่ ด้วยการช่วยเหลือด้านเงินทุนและแผนการตลาดจากทัตสึยะซามะทำให้ธุรกิจร้านเบเกอรี่ของชั้นโด่งและเริ่มมีการขยายสาขาออกไปยังเมืองอื่นๆบ้างแล้ว

ถ้าหากเป็นสมัยก่อนล่ะก็ ชีวิตแบบนี้คงได้เป็นเพียงแค่ความฝัน และมันก็ไม่ใช่เพียงแค่ตัวชั้นเท่านั้น แม้แต่น้องชายของชั้นหรืออื่นคนๆเองก็ได้เริ่มต้นสร้างความฝันของตัวเองภายในอาณาจักรเวทมนต์แห่งนี้ได้เช่นเดียวกัน

แต่แล้วความสงบสุขราวกับได้อยู่ในความฝันของชั้นก็ดูเหมือนจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
                 
ในฤดูร้อนวันหนึ่ง ชั้นก็ได้ถูกทัตสึยะซามะเรียกตัวไปพบที่ห้องประชุมที่ 4 ภายในคฤหาสน์ของทัตสึยะซามะ โดยหัวข้อสำหรับการประชุมในครั้งนี้ก็คือสงคราม.....

อาณาจักรออร์ธรอสก็ได้รับสารประกาศสงครามจากจักรวรรดิเลเรียส จักรวรรดิเลเรียสนั้นเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีกำลังทหารและอาณาเขตพื้นที่ใหญ่โตเป็นอันดับที่ 2 รองมาจากจักรวรรดิเอลติซ

เพราะงั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากทางจักรวรรดิเลเรียสจะตัดสินใจที่จะทำสงครามกับประเทศเล็กๆอย่างอาณาจักรออร์ธรอส

นอกจากเหตุผลข้างต้นแล้ว ทางจักรวรรดิเลเรียสนั้นก็ยังเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตอุปกรณ์เวทมาตั้งแต่สมัยก่อน ดังนั้นสำหรับจักรวรรดิเลเรียสแล้ว พวกนั้นคงเห็นอาณาจักรออร์ธรอสที่ได้พัฒนาอุปกรณ์เวทสมัยใหม่ขึ้นมาเป็นเหมือนกับศัตรูตัวร้ายที่ไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้

และการที่ทัตสึยะซามะเรียกชั้นให้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วยก็หมายความว่า ทัตสึยะซามะและทุกคนที่อยู่ภายในห้องนี้ได้รู้ถึงตัวจริงของชั้นแล้วสินะ....

ทัตสึยะซามะ ที่เรียกชั้นมานี่ หรือว่าจะ....

เพื่อความแน่ใจชั้นจึงถามออกไป ทัตสึยะซามะนั้นเป็นผู้มีพระคุณของชั้น อีกทั้งเค้าก็ยังเป็นคนที่ชั้นรัก เป็นคนที่ชั้นพร้อมที่จะยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้

ดังนั้นหากเค้าต้องการล่ะก็ แม้จะต้องทรยศต่อราชวงศ์เลเรียสและแผ่นดินเกิดชั้นก็ไม่เสียใจ

นั่นก็เพราะตัวชั้นในตอนนี้ได้ตัดสินใจที่ละทิ้งอดีตไปแล้ว เจ้าหญิงอับดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิเลเรียส โซฟีเนีย รีสเบน ลา เลเรียส นั้นได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว

ตัวชั้นในตอนนี้เป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ชื่อ โซเฟีย เป็นเพียงแค่เด็กสาวที่หลงรักทัตสึยะซามะจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นหากตัวชั้นสามารถที่จะเป็นกำลังให้กับทัตสึยะซามะได้ชั้นก็ยินดีที่จะทำมัน

เพียงแต่หากมันพอจะเป็นไปได้ล่ะก็ ชั้นไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการแก่งแย่งชิงอำนาจภายในของจักรวรรดิเลเรียส ชั้นไม่อยากที่จะต้องไปพบเจอกับผู้คนที่ทอดทิ้งชั้น ชั้นไม่อยากจะต้องไปพบเจอกับผู้คนที่ลอบทำร้ายท่านแม่ ชั้นไม่อยากจะต้องพบเจอเรื่องแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว....

ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะโซเฟียจัง ผมน่ะไม่ได้ต้องการจะใช้เธอเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรืออะไรพวกนั้นหรอกนะ

ทัตสึยะซามะปฏิเสธความคิดของชั้นกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ นี่เค้ารู้ถึงตัวจริงของชั้นแล้วจริงๆด้วยสินะ ทั้งๆที่ชั้นและริคคุงไม่ได้บอกใครเลยแท้ๆ สมกับเป็นหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรออร์ธรอส แม้แต่ข้อมูลส่วนตัวที่ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานอะไร ก็ยังสืบค้นมาจนได้.....

ถ้างั้นจะให้ชั้นทำอะไรหรือคะ...หรือว่าจะเกี่ยวกับริคคุง.....

ชั้นถามออกไปด้วยความหวาดกลัว ริคคุงในตอนนี้กำลังสนุกสนานกับงานวิจัย ชั้นไม่อยากจะให้น้องชายของชั้นต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมืองอีก....

ไม่หรอกๆ น้องชายของเธอเองผมก็ไม่ได้คิดจะดึงให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้....ที่ผมเรียกเธอมาก็แค่อยากจะฟังความเห็นจากเธอ....แล้วก็อยากจะให้เธอช่วยพาไปเที่ยวชมจักรวรรดิเลเรียสซักหน่อยก็แค่นั้นเอง

ทัตสึยะซามะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มและยื่นมือเข้ามาโอบกอดชั้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพาชั้นไปนั่งลงข้างๆเค้า คำตอบของทัตสึยะซามะก็ทำให้ชั้นรู้สึกโล่งใจ

หากเป็นเพียงแค่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศหรือการช่วยเหลือเกี่ยวกับการวางแผนล่ะก็ ชั้นคิดว่าตัวชั้นที่ศึกษาเรื่องพวกนี้มาในสมัยเด็กน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทัตสึยะซามะได้เป็นอย่างมาก

ตัวชั้นที่ได้รับการศึกษาโดยตรงจากราชวงศ์เลเรียสนั้นรู้ถึงทางลับต่างๆที่มีเพียงคนในราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ นอกจากนั้นชั้นยังรู้จักนิสัยและจุดอ่อนของพวกผู้บัญชาการคนสำคัญและพวกหัวหน้าอัศวินหลายๆอีกด้วย

หลังจากนั้นพวกท่านจอมเวท หัวหน้ากองอัศวินและบรรดาผู้บัญชาการทหารหน่วยต่างๆ ก็เริ่มทำการประชุมแผนการรบ


ช่วงเช้าของวันที่ 15 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837

กองทัพของอาณาจักรออร์ธรอสได้แบ่งกำลังออกเป็น 4 กอง พวกเราได้แยกย้ายไปโจมตีเมืองใหญ่ๆของจักรวรรดิเลเรียสที่อยู่รอบๆเมืองหลวงเซเลสเชีย 4 เมืองพร้อมๆกัน

แต่ด้วยกำลังทหารที่เรามีอยู่นั้น พวกเราไม่สามารถที่จะควบคุมเมืองขนาดใหญ่ถึง 4 เมืองไว้ได้ ดังนั้นทัตสึยะซามะจึงต้องการที่จะยึดเอาเมืองป้อมปราการมินิทาริสไว้สำหรับใช้เป็นฐานที่มั่นเพียงเมืองเดียวเท่านั้น

ตัวชั้นเองก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยเมดติดอาวุธและติดตามกองทัพของมายุซามะและคาโอริซามะไปเพื่อเข้าโจมตีเมืองป้อมปราการมินิทาริสซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก

โดยเมืองป้อมปราการมินิทาริสนั้นในขณะนี้มีเจ้าหญิงเอลรีสเต้เป็นผู้บัญชาการ

อดีตเจ้าหญิงอันดับที่ 2 เอลรีสเต้ เอเลน ลา เลเรียส นั้นเป็นน้องสาวต่างมารดาของชั้น เธอเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและน่ารัก แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มักจะใจร้อนและทำอะไรลงไปโดยไม่คิดให้รอบคอบ เธอนั้นเป็นน้องสาวที่ต้องคอยเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด แต่ในวันนี้ตัวเธอนั้นเป็นศัตรูจองชั้น.....

พวกเราเปิดฉากโจมตีเข้าใส่เมืองป้อมปราการมินิทาริสด้วยปืนใหญ่พลังเวทที่ตั้งติดอยู่บนพาหนะเวทมนต์รุ่นใหม่ชื่อว่า เฮลฮาวล์ ด้วยพลังทำลายที่มหาศาลและระยะยิงหวังผลกว่า 3 กิโลเมตร พวกเราสามารถทำลายทั้งกำแพงเมืองและกองทหารเกือบทั้งหมดของศัตรูได้ในเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น

โซเฟียซามะ พวกเราได้วางกับดักเอาไว้ที่ทางออกของทางลับตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วค่ะ

ซึ่งเป็นเมดสาวคนหนึ่งในหน่วยเมดติดอาวุธเข้ามารายงานผลการวางกับดัก จากสถานการณ์ของศัตรูในตอนนี้ชั้นพอจะเดาได้ว่าเอลรีสเต้จะต้องเป็นคนบุกมาที่ด้านหลังของพวกเราอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้นชั้นจึงได้วางกับดักเอาไว้เพื่อจับเป็นเจ้าหญิงเอลรีสเต้และบรรดาอัศวินสาวลูกน้องของเธอ

และหลังจากนั้นเพียงไม่นานเธอก็ได้ปรากฏตัวออกมาและติดเข้ากับกับดักที่พวกเราติดตั้งเอาไว้ตามที่คาดการณ์ เจ้าหญิงผู้ที่มีใบหน้าน่ารักน่าหลงใหล เรือนผมสีฟ้าอ่อนเป็นประกายถูกรวบเอาไว้เป็นทวินเทล

ยังคงเอาแต่วู่วามเหมือนสมัยก่อนเลยนะคะ เอลรีสเต้ซามะ ไม่สิ เอลรีสจัง

หลังจากลูกน้องของเธอทั้งหมดถูกจับกุมชั้นก็ออกไปเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง และเมื่อเธอได้เห็นใบหน้าของชั้น เธอก็แสดงอาการตกใจราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นออกมา

เธอ.....นี่มัน..เป็นไปไม่ได้!!....ซะ..โซฟีเนียโอเน่ซามะ!? ทะ ทะ ทำไมท่านพี่หญิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!! กะ ก็ท่านพี่หญิงน่ะ.....ก็ท่านแม่บอกว่าท่านพี่หญิงเสียชีวิตไปแล้วนี่!!!

เอลรีสจังโวยวายออกมาเสียงดัง ซึ่งหากดูจากท่าทางและคำพูดของเธอแล้ว อดีตองค์ราชินีผู้เป็นท่านแม่ของเธอคงไม่ได้บอกรายละเอียดในการลอบสังหารท่านแม่ของชั้นเมื่อ 6 ปีก่อนให้กับเธอได้ฟัง

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ตัวเธอจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องในครั้งนั้นมันก็ยังไม่อาจจะเปลี่ยนความจริงที่ตัวเธอนั้นเป็นบุตรสาวของศัตรูที่สังหารท่านแม่ และเธอก็ยังเป็นศัตรูที่หันคมดาบเข้าใส่ทัตสึยะซามะและอาณาจักรออร์ธรอส ดังนั้นชั้นคงจะไปใจอ่อนกับเธอเพราะความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้

นั่นสินะคะ...ถ้าหากอดีตองค์ราชินี...ท่านแม่ของเธอรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็...ท่านคงจะรีบส่งคงมาลอบสังหารชั้นเหมือนกับที่เคยทำในอดีตในทันทีเป็นแน่!!

หลังจากพูดจบ ชั้นก็พุ่งเข้าใส่เอลรีสจังด้วยดาบเวทมนต์ Elunadite ที่ได้รับมาจากทัตสึยะในทันที 


ความจริงแล้วหากชั้นสั่งให้พวกเมดจัดการล่ะก็ การจะจับเป็นเธอนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่สำหรับชั้นแล้ว แม้จะแค่เพียงสักเล็กน้อยชั้นก็ยังอยากจะให้เกรียติเธอ เพราะถึงแม้ในตอนนี้พวกเราจะเป็นศัตรูกัน แต่ในอดีตพวกเราสองคนก็เคยได้เล่นสนุกด้วยกันอยู่เสมอๆ

เพราะงั้นแล้วอย่างน้อยชั้นก็อยากจะเป็นคนจัดการกับเธอด้วยตัวเอง ชั้นจะเอาชนะเธอให้ได้ ชั้นจะเป็นคนสอนให้เธอได้รับรู้ว่าการหันคมดาบเข้าใส่ทัตสึยะซามะนั้นจะต้องเจอกับสิ่งใด



-- มุมมองของเอลรีสเต้ --                      

ตรงหน้าของชั้นในตอนนี้คือท่านพี่หญิง โซฟีเนียโอเน่ซามะ กับท่านพี่หญิงที่ชั้นทั้งรักและเคารพเสมอมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กนั้นไม่มีทางที่ชั้นจะจำผิดไปได้

และก็เพราความรู้สึกที่ดีใจสุดๆของชั้น มันจึงทำให้ชั้นลืมเรื่องแผนการและสิ่งที่ท่านแม่สั่งมาทั้งหมดไปโดยไม่รู้ตัว.....

ในวันที่ชั้นได้ทราบข่าวว่าท่านพี่หญิงเสียชีวิตไปแล้วนั้น หัวใจของชั้นรู้สึกเจ็บปวดราวกับโลกใบนี้ได้ล่มสลายไปแล้ว ตัวชั้นได้ร้องไห้คืนแล้วคืนเล่าจนล้มป่วย ความเป็นจริงที่ท่านพี่หญิงสุดที่รักของชั้นต้องมาเสียชีวิตลงเพราะขุนนางบางกลุ่มที่ต้องการแย่งชิงอำนาจนั้นช่างเป็นความจริงที่โหดร้ายยิ่งนัก

โซฟีเนียโอเน่ซามะนั้นเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความสง่างามและอ่อนโยน รอยยิ้มของท่านพี่หญิงนั้นดึงดูดหัวใจทั้งเหล่าคนหนุ่มและหญิงสาว ความฉลาดเฉลียวและความกล้าหาญของเธอเองก็โดดเด่นยิ่งกว่าทุกๆคนในราชวงศ์เลเรียส เพราะเหตุนั้นเธอจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการสืบทอดบัลลังก์

แต่แล้วก็เป็นเพราะเรื่องนั้นจึงทำให้เธอถูกลอบสังหารพร้อมกันกับอดีตราชินีผู้เป็นมารดาของเธอ ยังรวมถึงริคน้องชายแท้ๆของเธอ เหล่าข้ารับใช้และอัศวินผู้กล้าอีกหลายนายด้วย

และนั่นก็คือสิ่งที่ท่านแม่ได้เล่าให้ชั้นฟัง แต่กับสิ่งที่ท่านพี่หญิงตรงหน้าของชั้นพูดกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง.....เรื่องราวการลอบสังหารในครั้งนั้นเป็นฝีมือท่านแม่งั้นเหรอ?.....

จริงอยู่ว่าเพราะเรื่องในครั้งนั้นจึงทำให้ท่านแม่ของชั้นได้ขึ้นมาเป็นราชินีแทน แต่บางทีท่านพี่หญิงอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็ได้.....บางทีถ้าหากพวกเราได้ลองพูดคุยกันล่ะก็....

แต่ก่อนที่ชั้นจะได้พูดอะไรออกไปนั้น ท่านพี่หญิงก็ชักดาบที่ดูงดงามและทรงพลังออกมา เธอมองตรงมายังชั้นด้วยจิตสังหารที่รุนแรงก่อนจะพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ชั้นอย่างไร้ปราณี

ดะ เด๋วสิคะ!! ชะ ชั้นไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับ.....

ไม่ทันได้รู้ตัวชั้นก็กระโดดถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีของท่านพี่หญิงและยังชักดาบขึ้นมาตั้งท่าเพื่อป้องกันตัว ถึงแม้ในใจของชั้นจะไม่ได้อยากจะต่อสู้ แต่ร่างกายของชั้นกลับตอบสนองต่อจิตสังหารนั้นด้วยตัวเอง.....

ถ้าหากเธอไม่อยากสู้ล่ะก็....ถ้างั้นก็รีบวางอาวุธยอมแพ้แล้วมาเป็นทาสความใคร่ของทัตสึยะซามะสิคะ!!!

ท่านพี่หญิงยังคงโจมตีเข้ามาโดยไม่ลังเล

แข็งแกร่งมาก!!! วิถีดาบของท่านพี่หญิงนั้นเฉียบคมราวและหนักหน่วงกับราชสีห์ที่กำลังล่าเหยื่อ ทั้งความรวดเร็วและการตอบสนองที่ว่องไวนั่นก็เรียกได้ว่าไม่ต่างไปจากพญาไวเวิร์น นอกจากนั้นแล้วยังดูงดงามราวกับกำลังร่ายรำ

ว่าแต่ ทำไมถึงต้องเป็นทาสความใคร่ของทัตสึยะซามะด้วยล่ะคะ? ชั้นน่ะไม่ค่อยสนใจผู้ชายสักเท่าไหร่ เพราะงั้นถ้าหากเป็นทาสความใคร่ของท่านพี่หญิงเองล่ะก็ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ได้งั้นหรือคะ?

เด๋วสิคะ!!!....อยากบอกนะคะว่า เจ้าคนที่ชื่อทัตสึยะอะไรนั่นมันบังคับให้ท่านพี่หญิงเป็นทาสความใคร่น่ะ!!!

มะ หมายความไงกันคะ!!? จะ เจ้านั่นมันทำอะไรกับท่านพี่หญิงกันแน่...

แค่หันคมดาบเข้าหาทัตสึยะซามะยังไม่พอ!! นี่เธอยังกล้าพูดจาไม่สุภาพกับทัตสึยะซามะออกมาอีกงั้นเหรอ!!! หลังจากเอาชนะเธอได้แล้วชั้นคงจะต้องสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกซะบ้างแล้วนะ!! ชั้นจะทำให้เธอนอนร้องไห้ไปตลอดทั้งคืนเลย!!!!

เอ๋!! เอ๋!!!!??? นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะเนี่ย!!?? ละ แล้วไอ้ที่ว่าจะสั่งสอนนั่นน่ะ สั่งสอนอะไรกันล่ะคะนั่นน่ะ!! ระ หรือว่าจะเป็นเรื่องลามก.......

อุ อุว๊า!! มะ ไมได้นะคะ!!! จะทำเรื่องแบบนั้นในที่แบบนี้ไม่ได้นะคะ!!! พะ เพราะงั้นปะ...ไปที่ห้อง....

แต่แทนที่จะหยุด โซฟีเนียโอเน่ซามะกลับไม่ได้สนใจฟังที่ชั้นพูด เธอยังคงโจมตีเข้าใส่ชั้นด้วยท่วงท่าที่งดงาม อะไรล่ะนั่นไอ้การโจมตีเข้าจุดบอดต่อเนื่อง 4 ครั้งนั่นน่ะ นี่ขนาดชั้นมีสกิล Sword LV4 กับ Parry LV5 ยังแทบจะป้องกันเอาไว้ได้ไม่ทันเลยนะคะ นี่ท่านพี่หญิงไปฝึกมาจากไหนกันแน่คะเนี่ย....

ตัวชั้นนั้นเริ่มฝึกฝนการใช้ดาบจากพวกราชองค์รักษ์ตั้งแต่ชั้นอายุ 8 ปี ซึ่งเหตุผลหลักๆก็เพื่อที่จะได้ยืนเคียงข้างท่านพี่หญิง เพื่อป้องกันท่านพี่หญิงผู้ที่จะขึ้นปกครองจักรวรรดิเลเรียสในอนาคต เพราะเหตุนั้นชั้นจึงได้ทุ่มเทฝึกฝนการใช้ดาบอย่างหนัก

แตกต่างจากชั้นที่เลือกเรียนวิชาการต่อสู้และการทหาร ในตอนนั้นท่านพี่หญิงเลือกที่จะเล่าเรียนในเรื่องการปกครองและการทูต ก็เพราะงั้นแหละชั้นจึงไม่นึกไม่ฝันเลยว่าท่านพี่หญิงจะชำนาญการใช้ดาบมากมายถึงขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นโซฟีเนียโอเน่ซามะที่ชั้นรัก.....

หยุดพล่ามไร้สาระแล้วมารับการลงโทษแล้วได้นะคะ!!!

ท่านพี่หญิงยังคงโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ดาบแต่เธอยังเตะเข้าที่แขนซ้ายของชั้นอย่างแรงด้วย....อุว๊า.....ท่านพี่หญิงจะรุนแรงไปแล้วนะคะ...

ฟุเนี๊ยะ!! ชะ ช่วยอ่อนโยนกับชั้นให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอค๊า!!!

ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วการถูกท่านพี่หญิงทำอะไรแรงๆแบบนี้ก็ทำให้ชั้นรู้สึกดีอยู่นิดๆเหมือนกัน.....

และแล้วการต่อสู้เพื่อสารความสัมพันธุ์ของพวกเราที่ไม่ได้เจอกันนานก็ดำเนินต่อไปอีกกว่าชั่วโมง.....



-- มุมมองทหารหญิงของกองทัพจักรวรรดิเลเรียส --

ชั้นและบรรดาทหารอีกจำนวนกว่าพันนายได้หลบหนีออกจากเมืองป้อมปราการมินิทาริสตามคำสั่งของเจ้าหญิงเอลรีสเต้ พวกเราที่รอดพ้นจากเวทมนต์แปลกประหลาดของพวกจอมเวทแห่งอาณาจักรออร์ธรอสนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิดหากเทียบกับกำลังทหารทั้งหมดที่ประจำการอยู่ในป้อมปราการมินิทาริส

โดยจุดมุ่งหมายที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปก็คือเมืองหลวงของจักรวรรดิเลเรียสเมืองเซเลสเชีย พวกเรามีหน้าที่ต้องกลับไปเพื่อแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้น เข้าร่วมกับทัพหลักของจักรวรรดิและหาวิธีตอบโต้

ในครั้งนี้เพื่อให้พวกเราสามารถหลบหนีไปได้ เจ้าหญิงเอลรีสเต้ได้ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อถ่วงเวลา ถึงชั้นจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมคนที่เป็นถึงเจ้าหญิงถึงต้องใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อแต่ชั้นก็รู้สึกเคารพเจ้าหญิงเอลรีสเต้จากใจจริง

เพื่อให้การกระทำที่กล้าหาญของเจ้าหญิงเอลรีสเต้ไม่เสียเปล่าชั้นและบรรดาทหารทั้งหมดจึงรีบเร่งฝีเท้าของเจลโล่เพื่อให้ไปถึงเมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด

แต่แล้วความหวังของพวกเราก็ถูกทำลายลงเพราะมีกองอัศวินของศัตรูมาดักอยู่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำซึ่งเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการจะไปให้ถึงเมืองหลวง

ชั้นสเตล่า มัลฟราวด์ หัวหน้ากองอัศวินที่ 3 แห่งออร์ธรอส!! ด้วยความเมตตาที่คาโอริซามะและมายุซามะมอบให้ พวกเราขอสัญญาว่าจะไว้ชีวิตเหล่าหทารกล้าแห่งจักรวรรดิเลเรียสที่ยอมวางอาวุธและยอมแพ้!! เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตโดยไม่จำเป็นขอให้ทุกท่านรีบตัดสินใจด้วย!!!

อัศวินสาวคนหน้าตาตีคนหนึ่งนามว่าสเตล่าได้วิ่งออกมาด้านหน้ากองทัพของพวกเราและประกาศก้องไปทั่วบริเวณด้วยเสียงดังกังวาล พวกเรานั้นมีภารกิจสำคัญที่ต้องไปแจ้งข้อมูลการรบ แถมตัวชั้นเองก็ไม่อยากจะทำให้การเสียสละของเจ้าหญิงต้องมาสูญเปล่าจึงไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้

แต่ดูเหมือนพวกทหารส่วนใหญ่จะไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเค้ารีบกระโดดลงไปจากเจลโล่ วางอาวุธ และคุกเข่าให้กับศัตรูเพื่อร้องขอชีวิตในทันที ไอ้เจ้าคนอ่อนแอพวกนี้มันอะไรกันนะ!!

อย่าไปฟังพวกมัน!! พวกมันก็แค่อัศวินเด็กๆไม่กี่คนเท่านั้น!! ข้าจะเป็นคนนำหน้าไปเปิดทางให้เอง!! พวกเราต้องฝ่าไปให้ถึงเมืองหลวงเซเลสเชียให้ได้!!

อัศวินนายหนึ่งที่นำขบวนส่งเสียงตะโกนก้อง เค้าชักดาบเหล็กกล้าออกจากฝัก เร่งเจลโล่และวิ่งกระโจนเข้าใส่อัศวินสาวตรงหน้าในทันที ด้วยการนำของท่านอัศวินผู้กล้าหาญ ตัวชั้นและเหล่าทหารที่ไม่ยอมแพ้อีกหลายสิบนายก็รีบเร่งเจลโล่เพื่อตามไปในทันที

แต่ในจังหวะที่เข้าปะทะ อัศวินที่สวมใส่ชุดเกราะเหล็กกล้ากองหน้าของพวกเราก็ได้ถูกอัศวินสาวที่ชื่อสเตล่าผู้นั้นฟันขาดสองท่อนไปพร้อมกับดาบและชุดเกราะราวกับอาวุธและชุดเกราะเหล่านั้นเป็นเพียงเศษกระดาษ.....

หนึ่งคน สองคน สามคน.....และอีกนับไม่ถ้วน.....เหล่าอัศวินที่สังหารอย่างง่ายดายแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีเพียงแค่คนเดียว

ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นเป็นยิ่งกว่าฝันร้าย เหล่าทหารผู้ที่ได้เห็นภาพนี้ต่างหวาดกลัว พวกเค้ารีบทิ้งอาวุธและลงจากเจลโล่ไปคุกเข่าในทันที ตัวชั้นแม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้

นี่พวกเรากำลังต่อสู้อยู่กับสิ่งใดกัน? เวทมนต์ประหลาดที่ทำลายกำแพงหินและกองทัพนับหมื่นได้เพียงชั่วพริบตา อัศวินสาวอายุน้อยที่สามารถตัดผ่านชุดเกราะเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดาย พลังอำนาจที่ท้วมท้นราวกับปีศาจสั่นคลอนหัวใจของทหารทุกนายในสนามรบ

ไร้ความหวัง ไร้ทางสู้ เมื่อทหารหมดกำลังใจการต่อสู้ในครั้งนี้จึงได้ยุติลง พวกเราได้พ่ายแพ้ไปโดยที่ไม่สามารถแม้แต่จะสร้างบาดแผลให้กับศัตรูเลยแม้สักคน.....

2 ความคิดเห็น:

  1. โซเฟียเริ่ม S แล้ว นึกไม่ถึงว่าตัวจริงเธอคือเจ้าหญิงนะเนี่ย แปลกใจมากๆ ส่วนเอลรีสจังนี่เป็น M สินะ ท่าจะเข้ากันได้ดี ตอนท้ายๆ นี่ สเตลล่าโหดได้ใจมั่กๆ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. บทที่แล้วไม่มีบทเลย บทนี้เลยต้องจัดเยอะหน่อยโซเฟียจัง -0-//

      ลบ