ตอนที่ 42 หลบหนี บทที่ 3



-- มุมมองของยูฟีน่า --

ในช่วงเช้าของวันที่ 4 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 836

หลังจากที่เมื่อคืนได้ฟังเรื่องราวจากคนของกองอัศวินที่ 1 ชั้นก็คิดว่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าจะเกี่ยวข้องกัน ทั้งเรื่องในเมืองเวลล่า เรื่องที่พวกรอสซังถูกโจมตีในเมืองเอเกีย รวมถึงเรื่องการบุกโจมตีเมืองกูสตาฟ

ผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้คือ บารอนวิลเลี่ยมผู้ปกครองเมืองเวลล่างั้นเหรอ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แค่เพียงขุนนางเล็กๆอย่างบารอนคงจะไม่มีทางทำเรื่องใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้ เรื่องนี้มันจะต้องมีเบื้องหลังอีกแน่

แต่ถึงจะคิดได้อย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ในตอนนี้ชั้นจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อยเสียก่อน

ขอฝากด้วยนะคะ เอลซัง ราเซฟซัง

ไว้ใจได้เลยครับ จนกว่าท่านหญิงจะกลับมา พวกเราจะรวบรวมข้อมูลมาให้ได้มากที่สุดครับ!!

ภารกิจก่อนหน้านี้ของพวกเค้าคือการแจ้งข่าวการกระทำผิดของบารอนวิลเลี่ยม แต่ในตอนนี้ภารกิจนั้นมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เพราะงั้นชั้น ในฐานะบุตรสาวของตระกูลโรเซนเบิร์กจึงได้ออกคำสั่งกับพวกเค้าเสียใหม่

ถึงแม้จะเป็นคนจากกองอัศวินที่ 1 แต่หากเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสียใหม่ ก็คงไม่มีใครดูออก ดังนั้นชั้นจึงได้มอบหมายให้เอลซังและโจเซฟซังปลอมตัวเป็นนักผจญภัย ไปสืบหาข่าวสารตามหมู่บ้านที่อยู่รอบเมืองกูสตาฟ และคอยแจ้งให้กับพวกเราผ่านทางกิลด์นักผจญภัย

ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นขุนนาง แต่พวกเค้าก็ไม่มีทางเข้าไปแทรกแซงการทำงานของกิลด์นักผจญภัยได้ เพราะงั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นช่องทางการส่งข่าวสารที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว

ส่วนรอสซังและคนอื่นๆที่เหลือจะคอยคุ้มกันชั้นไปยังเมืองเวลล่า แต่ในระหว่างการเดินทาง พวกเราดันถูกกลุ่มทหารของเมืองเอเกียเจอตัวเข้า บางทีพวกเค้าอาจจะติดตามพวกรอสซังมา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ในสถานการณ์นี้พวกเราไม่มีทางเลือก จึงมีแต่ต้องเข้าปะทะกันเท่านั้น

การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้น เสียงปะทะกันของดาบและหอกดังก้องไปทั่วหุบเขา ถึงแม้ฝีมือจะไม่มากนักแต่พวกทหารก็มีจำนวนมากถึง 20 คน และนั่นทำให้ตัวชั้นต้องเข้าร่วมการต่อสู้

ยอมแพ้ซะดีกว่าน่า สาวน้อย....

ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ ดูจากท่าทางการกวัดแกว่งดาบแล้วเขาคงจะมีฝีมือไม่น้อย

นั่นสินะคะ ถ้าชั้นยอมแพ้ล่ะก็.....อาจจะดีกว่าก็ได้ เพียงแต่ชั้นมันเป็นพวกที่ชอบเอาชนะซะด้วยสิคะ

ปากกล้าดีนี่นาสาวน้อย เจ้าเป็นผู้หญิงในแบบที่ข้าชอบเลยล่ะ อยากรู้จริงๆว่าตอนที่ข้าได้เล่นสนุกกับร่างกายของเจ้า เจ้าจะครางเสียงแบบไหน…..!!

ไม่ปล่อยให้พูดจบชั้นชิงบุกเข้าโจมตีก่อน แต่ถึงจะเป็นการโจมตีทีเผลอ แต่ชายคนนั้นก็ยังรับการโจมตีของชั้นได้อย่างสบาย บางทีชั้นอาจจะเลือกคู่ต่อสู้ผิดไปซักหน่อย…..

ถึงปากจะไม่ดีแต่ฝีมือใช่เล่นเลยนะคะ ถ้าหากคุณสามารถเอาชนะชั้นได้ล่ะก็ จะครางให้ฟังทุกแบบที่ชอบเลยล่ะค่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดของชั้น เค้าก็แสยะยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจเช่นเดียวกับเวลาที่พวกมอนสเตอร์จ้องมองมาที่ร่างกายชั้นชั้น

กับผู้ชายแบบนี้ชั้นจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน ถ้าหากต้องเสียตัวให้กับคนแบบนี้ชั้นยอมตายเสียจะดีกว่า

ใช้ได้เลยนี่นะสาวน้อย ทั้งการเคลื่อนไหว ทั้งจังหวะของการลงดาบ ข้าชักจะอดใจรอไม่ไหวซะแล้วสิ คงจะต้องเอาจริงกันกันแล้วล่ะนะ

หลังพูดจบ ชายคนนั้นก็กระโดดถอยหลัง ตั้งท่าและเริ่มปล่อยจิตสังหารออกมา ซึ่งมันก็ทำให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปโดนสิ้นเชิง ถึงชั้นจะไม่ได้มีประสกการณ์มากนักแต่ชั้นก็รับรู้ถึงมันได้

มันคือความแตกต่างของพลัง เป็นความต่างชั้นที่ตัวชั้นมีแต่จะต้องยอมรับ

และอาจจะเพราะชั้นแสดงสีหน้าวิตกออกมา เค้าจึงพุ่งมาเข้าโจมตีด้วยความรวดเร็ว

โชคยังดีที่ชั้นยังพอมองการเคลื่อนไหวนั่นออกและหลบไปด้านข้างได้ทัน แต่เพราะต้องรับจิตสังหารที่รุนแรงแบบนั้นเข้าไป ทำให้ชั้นแทบจะยืนต่อไปไม่ไหว

ไม่สิ.....บางทีอาจจะเป็นเพราะเค้าตั้งใจให้เป็นแบบนั้น

อาจจะเป็นเพราะเค้าไม่ต้องการทำให้ร่างกายของชั้นเกิดบาดแผลจึงไม่คิดจะโจมตีเข้ามาตรงๆ นี่เค้าคิดจะทำแบบนั้นไปจนกว่าชั้นจะหมดแรงจับดาบหรือไงกัน

อันตราย ช่างเป็นคนที่อันตรายจริงๆ นั่นคือสิ่งที่ชั้นรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ

ทั้งๆที่บอกว่าเอาจริง แต่กลับโจมตีพลาด จริงๆแล้วคงจะไม่อยากจะทำร้ายชั้นสินะคะ

ก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง ใครจะอยากได้ผู้หญิงที่มีแผลเป็นเต็มตัวกันล่ะ

แต่ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ ระวังกลายจะเป็นฝ่ายถูกจัดการซะเองนะคะ

ชั้นพยายามรวบรวมสมาธิและตั้งท่าใหม่เพื่อเตรียมพร้อมเข้าโจมตี แต่ก่อนที่ชั้นจะได้ลงมือทำอะไร ชาช่าซังก็กระโดดเข้ามาขั้นกลางระหว่างพวกเราเสียก่อน

คู่ต่อสู้ของนายน่ะ คือชั้นคนนี้

ถึงจะไม่เคยรู้มาก่อน แต่กองอัศวินที่ 1 เนี่ย มีแต่สาวสวยงั้นเรอะ!!!

ชายคนนั้นพุ่งเข้าปะทะดาบกับชาช่าซัง แต่เนื่องจากฝีมือของทั้งคู่ค่อนข้างสูสี การต่อสู้จึงยังไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ

ไม่เป็นไรนะคะท่านหญิง!!

ข้ารับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาชั้นด้วยสีหน้ากังวล แต่พอเห็นชั้นไม่มีบาดแผลใดๆเธอก็โล่งใจ

ถึงจะน่าเสียดาย แต่ดูเหมือนในวันนี้จะยังไม่ถึงวันที่พวกเราต้องมาตัดสินผลแพ้ชนะกันนะคะ

ชั้นเดินเข้าไปพูดกับชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เนื่องจากพวกทหารคนอื่นๆได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว ในตอนนี้จึงเหลือเพียงเค้าคนเดียวเท่านั้น

ชิ!! มีแต่พวกไม่ได้เรื่องทั้งนั้น!!

หากเค้ายังดึงดันจะสู้ต่อล่ะก็ คงมีแต่ต้องถูกจัดการ เค้าจึงไม่มีทางเลือกและหาจังหวะหลบหนีไปจนได้

นี่แก!! คิดหนีเรอะ!!

อย่าตามไปนะคะ!

ชั้นรีบไปห้ามชาช่าซังเอาไว้ ในตอนนี้ไม่ใช่เวลามาจัดการกับทหารของศัตรูแค่คนเดียว พวกเรายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าต้องไปทำ

ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอคะ....

ในตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามากขนาดนั้นนะคะ รีบออกเดินทางกันเถอะค่ะ

หลังจากนั้นพวกเราก็ขโมยเอาเสบียงอาหารมาจากพวกทหารที่ถูกฆ่าไป และรีบออกเดินทางต่อในทันที

เนื่องจากมีพวกทหารตั้งด่านอยู่ตามถนนเป็นจำนวนมาก พวกเราจึงต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นในการหาช่องทาง กว่าจะไปถึงเขตของเมืองเวลล่าก็เสียเวลาไปถึง 6 วัน

ที่สะพานข้ามแม่น้ำทุกเส้นมีแต่พวกทหารของศัตรูอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ....

ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้นนะคะ แต่ไม่ว่าใครก็ถูกไล่กลับมาหมดเลย ดูเหมือนพวกนั้นจะปิดกั้นไม่ให้มีใครเดินทางไปยังเมืองเวลล่าได้เลยน่ะค่ะ

กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เรียกได้ว่าไม่แปลก ในการทำสงครามหากสามารถปิดกั้นช่องทางในการสื่อสารได้ ก็จะทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ

และยิ่งกับเมืองเวลล่าที่เป็นป้อมปราการแล้ว หากถูกปิดกั้นเส้นทางสำหรับส่งเสบียง แถมยังไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากที่อื่นได้ล่ะก็ ต่อให้กองอัศวินที่ 1 จะเก่งกาจแค่ไหนก็คงไม่อาจเอาชนะได้ เป็นแผนการที่เรียบง่ายแต่ได้ผลดี

พวกเราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะคะ ท่านหญิง.....

รอสซัง ไม่มีเส้นทางอื่นอีกแล้วเหรอคะ

พอชั้นถามออกไป รอสซังก็มีสีหน้าเป็นกังวลในทันที

เอ่อคือ.....ตามจริงแล้วถูกสั่งให้เก็บเป็นความลับน่ะครับ......

นี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าหากจะต้องการลงโทษล่ะก็ ชั้นจะเป็นคนรับโทษนั้นเอง เพราะงั้น.....

จะให้ท่านหญิงมารับโทษแทนไม่ได้หรอกครับ!!

ชั้นยังพูดไม่ทันจบ รอสซังก็รีบขัดขึ้นมาในทันที

ครั้งแรกเลยนะเนี่ย ที่เห็นนายพูดอะไรดีๆออกมาน่ะ

ว่าไงนะ ยัยกุหลาบเหี่ยวย่น!!

ทั้งสองคนช่วยหยุดด้วยค่ะ!! นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทะเลาะกันเองนะคะ

หลังหยุดการทะเลาะกันของทั้งสองคนได้ รอสซังก็เล่าเรื่องไม่น่าเชื่อให้พวกเราได้ฟัง มันเป็นเรื่องราวจอมเวทที่เก่งกาจกลุ่มหนึ่ง............
 

5 ความคิดเห็น:

  1. นับก้าวถอยหลังสู่การเข้าคุกของเทพทัต เอ้า 3 2 1...

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 มีนาคม 2559 เวลา 14:10

    เอาล่ะได้รู้ว่ามีพวกเทพทัตอยู่แล้ว เอ้า เดินหน้าเข้าไปเลย แม่สาวน้อย

    ตอบลบ
  3. อยากอ่านตินต่อไปเร็วๆแล้วคับ

    ตอบลบ
  4. นี่มันจะส่งอ้อยเข้าปากช้างชัดๆ

    ตอบลบ
  5. 5555 เห็นฉากต่อไปละ
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ