ตอนที่ 41 การพัฒนาแบบก้าวกระโดด


 
-- มุมมองของบิสเก็ต –

ในช่วงบ่ายของวันที่ 9 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 836

ชั้นกำลังดื่มมอคค่าหนึ่งในกาแฟที่ชื่นชอบอยู่ภายในร้านกาแฟที่เปิดอยู่ใกล้ๆกับอาคารสำนักงาน เพียงแต่ในวันนี้ชั้นไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว


รสชาติดีนะคะ มอคค่าเนี่ย.....

เนื่องจากไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ชั้นจึงยกเรื่องรสชาติของกาแฟที่ดื่มอยู่เป็นประจำขึ้นมา ถึงแม้จะบอกว่าทานเป็นประจำ แต่ความจริงแล้วชั้นก็พึ่งจะได้ดื่มกาแฟครั้งแรกตอนที่ย้ายมาทำงานที่นี่

บิสเก็ตซังชอบกาแฟสินะคะ ชั้นชอบพวกเครื่องดื่มที่ใส่นมเยอะๆมากกว่าน่ะค่ะ

ยูเมะซามะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง แต่กับอีกฝ่ายที่เป็นถึงคู่หมั้นของทัตสึยะซามะแล้วยังไงชั้นก็ไม่สามารถสงบใจลงได้จริงๆ

ถ้าเป็นพวกมิลค์เชค ดิชั้นก็ชอบเหมือนกันค่ะ จะว่าไปแล้ว เครื่องดื่มพวกนี้มีขายอยู่ทั่วไปในประเทศของยูเมะซามะงั้นหรือคะ……

สำหรับตัวชั้นที่ได้รับเงินเดือนจากกิลด์แถมยังมีที่พักและอาหารให้ฟรีนั้น แทบจะไม่ต้องนำเงินไปใช้ทำอะไร ดังนั้นแล้วส่วนใหญ่ชั้นก็หมดเงินไปกับเครื่องดื่มหรูหราพวกนี้

แต่หากคิดถึงคนทั่วไปที่ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำรงชีวิตยังไม่ค่อยเพียงพอแล้ว การที่พวกเค้าจะสามารถซื้อเครื่องดื่มที่หรูหราพวกนี้เป็นประจำได้เนี่ย ไม่ว่ายังไงก็นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ

ในเมืองที่ชั้นเคยอยู่นั้น ร้านกาแฟแบบนี้มีเปิดอยู่แทบจะทั่วทุกหัวมุมถนนเลยล่ะค่ะ

ยูเมะซามะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูเหงาๆ บางทีเธอคงจะคิดถึงบ้านเกิดอยู่ล่ะมั้ง ความเหงาจากการที่พลัดหลงมาอยู่ในแผ่นดินของประเทศอื่นที่ไม่รู้จักเนี่ย ชั้นก็พอจะทำความเข้าใจได้อยู่หรอก

ในตอนที่ชั้นทำงานอยู่ที่กิลด์พ่อค้าสาขาเมืองเวลล่านั้น มีพนักงานมากมายที่ถูกย้ายจากเมืองอื่นที่ห่างไกลมาเสมอๆ พวกเค้าเหล่านั้นก็มักจะพร่ำเพ้อถึงบ้านเกิดของตัวเองอยู่เสมอๆเช่นเดียวกัน

ขอโทษที่ถามไปโดยไม่คิดนะคะ.....เอ่อ.....มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ที่เรียกดิชั้นมาในวันนี้มีอะไรอยากจะให้ช่วยงั้นเหรอคะ

เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันแย่ลงกว่าเดิม ชั้นจึงตัดสินใจตัดเข้าบทสนทนาหลัก ในวันนี้ชั้นได้ถูกเรียกให้มาพบกับยูเมะซามะเพื่อพูดคุยธุระบางอย่าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่ดูจากที่ยูเมะซามะแต่งตัวเต็มยศแบบนี้ชั้นคิดว่าบางทีมันคงจะต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

ปกติแล้วยูเมะซามะจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูน่ารักๆสบายๆ แต่ในวันนี้เธอใส่ชุดเครื่องแบบของจอมเวทแห่งออร์ธรอส ชุดวันพิชสีขาวที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยระบาย กับเสื้อคลุมสีดำที่ปักตราสัญลักษณ์แห่งออร์ธรอสนั้นดูสวยงามเข้ากับตัวเธอมากเลยทีเดียว

จะให้พูดมันก็ค่อนข้างยาก ยังไงก็ลองไปดูกันเลยดีกว่านะคะ

จากนั้นยูเมะซามะก็เดินออกไปนอกร้าน และอัญเชิญหนึ่งในอสูรรับใช้ของเธอออกมา

อสูรรับใช้ที่ยูเมะซามะเรียกออกมาในครั้งนี้ถูกเรียกว่า Elecshion ถึงแม้ชั้นจะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์อื่นมากนัก แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวของเจ้าม้าสีขาวตรงหน้ามาบ้าง

ในสมัยสงคราม 10 เผ่าพันธุ์นั้น Elecshion เป็นสัตว์พาหนะที่มีเพียงราชาของเผ่าพันธุ์เอเฟียเท่านั้นที่ได้ขึ้นขี่ ว่ากันว่าหากใครที่ไม่เหมาะสมคิดจะขึ้นไปขี่มันล่ะก็ จะต้องจบลงด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสหรือบางรายก็อาจถึงตาย

ทั้งๆที่เป็นถึงพาหนะของราชา แต่มันกลับมีทีท่าโอนอ่อนต่อยูเมะซามะเป็นอย่างมาก พริบตาที่ถูกยูเมะซามะลูบไล้ไปตามร่างกาย เจ้า Elecshion ที่ดูน่าเกรงขามก็กลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักไปเลยทีเดียว

เพราะเรื่องที่เคยได้ยินมาทำให้ชั้นเสียเวลาทำใจไปมากกว่าจะขึ้นไปขี่บนหลังของมันได้ ถ้าหากเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ยูริซังฟังล่ะก็ มีหวังถูกเธออ้อนวอนให้เล่าความรู้สึกตอนที่ได้ขี่มันตลอดทั้งคืนเป็นแน่

ไม่ชอบพวกสัตว์งั้นเหรอคะ.....

อาจจะเป็นเพราะชั้นแสดงท่าทีไม่เหมาะสมออกมา จึงทำให้ยูเมะซามะแสดงสีหน้าเศร้าๆออกมา

ปะ เปล่าค่ะ คะ แค่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน......น่ะค่ะ

ถ้าหากเด็กสาวตรงหน้าเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาล่ะก็ บางทีชั้นอาจจะสามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปได้อย่างตรงไปตรงมา

จากนั้นไม่นาน Elecshion ก็พาพวกเรามาถึงยังอาคารแห่งหนึ่ง

เอ่อ....ที่นี่มัน.....โรงงานผลิตบิสกิตสำหรับส่งออก.....สินะคะ

เบื้องหน้าของชั้นในตอนนี้คืออาคารหินสีขาวขนาดสูงใหญ่ โดยปกติแล้วหากไม่ได้รับอนุญาตล่ะก็ ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่จากกิลด์พ่อค้าอย่างชั้น ก็ไม่สามารถจะเข้าไปได้

ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้บิสกิตรูปแบบใหม่หลายอย่างที่บรรดาเด็กสาวจากกลุ่มกิจกรรมวิจัยขนมคิดค้นขึ้น ได้ปรับปรุงจนสร้างออกมาได้สำเร็จแล้ว พวกเธอก็เลยอยากจะฟังความคิดเห็นของบิสเก็ตซังน่ะค่ะ

จากนั้นชั้นก็เดินตามยูเมะซามะเข้าไปด้านใน ภายในนั้นเป็นห้องโถงกว้างที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนมีเด็กสาวและอุปกรณ์เวทแปลกๆเรียงรายอยู่

แค่เพียงเดินผ่านก็ได้ชั้นก็เริ่มกลิ่นหอมหวานของบิสกิตและครีมผลไม้รสชาติต่างๆ ก่อนหน้านี้ชั้นเคยได้ลิ้มลองรสชาติของบิสกิตไส้ครีมหลากรสมาหลายครั้ง ของหอมหวานของครีมผลไม้ ความกรอบอร่อยของบิสกิตที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวนั้นไม่ว่าใครก็คงต้องติดใจ

เวลาผ่านไปเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นนับจากที่ชั้นได้มาถึงเมืองแห่งนี้ ด้วยเวลาเพียงแค่นั้นพวกเค้ากลับสามารถพัฒนาฝีมือแรงงาน จนสามารถผลิตบิสกิตหลากรสชาติเหล่านั้นออกมาได้แล้วงั้นหรือ

ถึงจะคิดว่าสมแล้วที่เป็นพวกท่านจอมเวท แต่ชั้นก็คิดว่ามันเร็วเกินไป หากเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ อีกไม่นานบิสกิตพวกนี้คงจะเข้าไปแทนที่สินค้าอื่นจนหมด

บิสกิตเหล่านี้ไม่เพียงแค่เป็นของที่ทานง่ายถูกใจผู้คนเท่านั้น แต่มันยังเก็บเอาไว้ได้นานแตกต่างจากขนมปังชนิดอื่น

ด้วยคุณสมบัติและรสชาติของมันนั้น หากคิดว่าในอนาคตมันจะถูกนำไปใช้เป็นเสบียงอาหารของกองทัพแทนขนมปังแบบเก่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ไม่ใช่เพียงกองทัพเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัย พ่อค้า หรือนักเดินทางอื่นๆ ที่จำเป็นต้องค้างแรมนอกสถานที่เป็นประจำนั้น พวกเค้าคงจะหันมาเลือกพกพาบิสกิตที่สามารถเก็บไว้ได้นานแถมยังราคาถูกกว่าเป็นแน่

ไม่ค่อยสบาย.......รึเปล่าคะ......

ยูเมะซามะถามออกมาด้วยความเป็นห่วง บางทีความรู้กังวลของชั้นคงจะแสดงออกมาทางสีหน้า

อ้ะ ขอโทษค่ะ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยมากเกินไปหน่อยน่ะค่ะ

จากนั้นพวกเราก็เดินมาถึงยังห้องแห่งหนึ่งที่ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก เอกสารมากมายวางระเกะระกะอยู่กลางห้อง

ยูเมะซัง บิสเก็ตซัง ทางนี้เลยค่ะ

เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งโบกมือให้กับพวกเรา และเมื่อเดินไปถึง ชั้นก็พบกับกล่องขนมที่ดูหรูหราสวยงามวางเรียงรายอยู่ ไม่เพียงแค่บิสกิตหลากรส แต่พวกเค้ายังพัฒนารูปแบบหีบห่อที่สวยงามเหล่านี้ออกมาด้วยงั้นเหรอ

นี่เป็นตัวอย่างสินค้าของพวกเราที่จะทำการส่งออกในต้นปีหน้าน่ะค่ะ อยากจะให้ลองชิมเพื่อขอความคิดเห็นน่ะค่ะ

หลังจากที่ได้ทดลองชิมดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอันไหนก็ล้วนแต่มีรสชาติถูกปาก ความรู้สึกของชั้นในตอนนี้ราวกับได้หลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนของเหล่าขนมหวานในนิทาน ด้วยรสชาติที่หลากหลายทำให้ตอนนี้ชั้นลืมเรื่องอื่นๆที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ไปจนหมด

จากนั้นพวกเราก็เริ่มพูดคุยและแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องต่างๆ พวกเราแลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องรสชาติ พูดคุยถึงรูปแบบการวางขายและส่งออก

ไม่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น แต่ยังมีเด็กสาวอีกหลายคนแวะเวียนกันเข้ามา พวกเธอต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มเวลาได้พูดถึงขนมหลากหลายแบบที่กำลังคิดค้น มันเป็นความฝันของเหล่าเด็กสาวที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตอยากจะได้ลิ้มลอง ช่วงเวลาตลอดบ่ายของวันนี้กลายเป็นงานสังค์สรรค์ย่อยๆของเหล่าหญิงสาวที่ชิ่นชอบขนม

เมื่อชั้นกลับไปถึงห้อง ชั้นก็คิดย้อนถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นและทำการเขียนรายงาน สิ่งที่ชั้นได้เรียนรู้ในวันนี้มีมากมาย และเรื่องหนึ่งชั้นมั่นใจก็คือ การที่ประเทศของพวกเค้าสามารถพัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดดนั้น มันไม่ได้เป็นเพราะพวกเค้ามีเวทมนต์ที่แข็งแกร่ง

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเค้าพัฒนาได้อย่างรวดเร็วนั้น คือการนำเอาแนวความคิดใหม่ๆของผู้คนทุกชนชั้นมาพัฒนาไปร่วมกัน

ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ ขุนนาง อัศวิน พ่อค้า ชาวบ้านทั่วไปหรือแม้แต่ทาส หากผู้คนสามารถรับฟัง สามารถเข้าใจกัน สามารถช่วยเหลือกันและกันได้ล่ะก็ บางทีความเจริญรุ่งเรืองเหมือนกับสมัยก่อนที่จะเกิดสงคราม 10 เผ่าพันธุ์นั้น อาจจะหวนคืนกลับมาได้อีกครั้ง

11 ความคิดเห็น:

  1. พัฒนาสินค้าออกมาตีตลาดสินะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ9 มีนาคม 2559 เวลา 22:24

    โรงงานผลิตขนมสินะครับ ระวังโดนบิ๊กมัมมายึดไปนะครับ รายนั้นยิ่งโมโหที่โรงงานสาขาเกาะเงือกผลิตไม่ทันอยู่

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คงมีคนคิดจะมายึดอยู่ครับ แต่ไม่รู้จะรอดกลับไปไหม

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ10 มีนาคม 2559 เวลา 13:32

      อ้าว! มีคนมายึดจริงๆซะงั้น กะจะเล่นแค่มุกวันพีชเฉยๆนะเนี่ย

      ลบ
  3. คำตอบ
    1. คงไม่เกิน 60 ตอนครับ

      ลบ
    2. สอบถาม
      ริโทเน่ไม่แปลต่อแล้วเหรอคับ

      ลบ
    3. ตอนนี้ยังครับ น่าจะเดือนหน้า

      ลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. รอตอนต่อไปครับ สนุกมากเลย

    ตอบลบ