ตอนที่ 49 สงครามปิดล้อมเมืองแอสคาล บทที่ 3


-- มุมมองของซิสติน่า --                                     
                                                                               
ช่วงเช้าของวันที่ 3 เดือน 4 ศักราชเอลติซปีที่ 837              

หลังได้รับรายงานการเคลื่อนทัพของกองทัพเจลโล่หุ้มเกราะ ชั้นก็ตัดสินใจยกเลิกภารกิจทวงคืนประตูทิศเหนือแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังหอคอยซึ่งเป็นที่ของศูนย์บัญชาการหลักภายในกำแพงชั้นในโดยในทันที

แต่ก็แน่นอนว่าคงจะปล่อยพวกกองพันอัศวินไวเวิร์นที่ประตูทิศเหนือเอาไว้เฉยๆไม่ได้ ดังนั้นชั้นจึงไม่ได้สั่งการให้หน่วยราชองค์รักษ์ถอนกำลัง และให้ทำการเตรียมพร้อมสำหรับการซุ่มโจมตีเอาไว้ตลอดเวลา

ถ้าหากกองพันอัศวินไวเวิร์นมีการเคลื่อนไหวอีกครั้งล่ะก็ พวกเค้าสามารถลงมือจัดการได้ในทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งยิง

แล้วพวกเราจะทำอะไรกันต่อดีล่ะจ๊ะ

เมื่อกลับมาถึงยังศูนย์บัญชาการหลักท่านพี่หญิงเฮเลน่าก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูเหมือนท่านพี่หญิงจะยังคงมีอาการตื่นเต้นจากภารกิจก่อนหน้านี้อยู่

นั่นสินะคะ ก่อนอื่นก็คงต้องเป็นเจ้านั่นล่ะ

ชั้นตอบท่านพี่หญิงเฮเลน่ากลับไปพร้อมทั้งชี้ไปยังอุปกรณ์เวทชิ้นหนึ่ง มันเป็นอุปกรณ์เวทที่ใช้ในการส่งภาพของศัตรูจากบนฟ้ามาที่จอภาพภายในศูนย์บัญชาการที่มีชื่อเรียกว่าโดรน

เจ้าโดรนที่ว่านี้มีขนาดเล็กมาก การเคลื่อนไหวของมันสามารถควบคุมให้เข้าไปใกล้เป้าหมายได้ดังใจ แถมแม้จะเข้าไปใกล้แค่ไหนมันก็ยังไม่มีการส่งเสียงใดๆอีก เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอุปกรณ์เวทสำหรับการสอดแนมเลยทีเดียว

ซึ่งก็แน่นอนว่าเจ้าโดรนเองก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เวทที่อาณาจักรออร์ธรอสได้มอบให้กับพวกเรา และด้วยอุปกรณ์เวทนี้ก็จะทำให้พวกเราสามารถสั่งการกองทัพทั้งหมดของพวกเราเพื่อตอบโต้ศัตรูได้โดยไม่จำเป็นต้องออกจากห้องบัญชาการไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว

สะ สุดยอด!! เจ้าโดรนนี่สุดยอดจริงๆเลยนะจ๊ะ ซิสติน่าจัง!!

เมื่อได้มองดูภาพถ่ายมุมสูงจากโดยเจ้าโดรนที่บินออกไป ท่านพี่หญิงเฮเลน่าก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ภาพและเสียงที่ชัดเจนราวกับได้มองและฟังด้วยตัวเองแบบนั้น ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ยังรู้สึกตื่นเต้นประทับใจ และยิ่งมันเป็นครั้งแรกของท่านพี่หญิงเฮเลน่าด้วยแล้วก็ยิ่งไม่แปลกที่จะแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา

เจ้าโดรนค่อยๆบินไปตามการควบคุมอย่างช้าๆและผ่านออกนอกกำแพงเมืองไป ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเราก็มองเห็นกองทัพเจลโล่หุ้มเกราะที่กำลังเคลื่อนทัพด้วยความเร็วสูง

รูปแบบขบวนทัพของศัตรูแบ่งออกเป็น 4 กอง 3 กองมุ่งหน้าไปมายังประตูเมืองทิศใต้ ส่วนอีกหนึ่งกองนั้นมุ่งตรงไปยังประตูเมืองทิศตะวันตก ด้วยความเร็วระดับนี้คงใช้เวลาอีกไม่ถึง 20 นาทีเท่านั้น

หัวหน้ากองอัศวินเกรโต้ ช่วยนำกองอัศวินและทหาร 2,000 นายจากส่วนกลางไปเสริมกำลังที่ประตูทิศใต้ทีนะคะ

รับทราบ!!

ท่านเคานต์ออกัส ถึงในครั้งนี้จะลำบากซักหน่อย แต่ช่วยนำกองทหารส่วนตัวของท่านไปช่วยป้องกันประตูทิศตะวันตกด้วยนะคะ

โฮ่ๆ! ไม่ต้องห่วงไปหรอกเจ้าหญิงน้อย ให้ตาแก่ผู้นี้เป็นคนจัดการเอง

หน่วย beater ที่ 1 2 3 4 เตรียมพร้อม!! เมื่อศัตรูเข้ามาในระยะยิงให้เริ่มทำการโจมตีได้เลยค่ะ

รับทราบ พวกเราจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!!

ชั้นทำการออกคำสั่งให้ยังกองทหารหน่วยต่างๆให้เริ่มเคลื่อนพลไปยังประตูทั้ง 2 และหลังจากนั้นไม่นานการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

หน่วย beater ของเราได้เริ่มทำการโจมตีก่อนเพราะระยะยิงที่ไกลกว่าพลธนูของกองทัพเจลโล่อย่างมาก กระสุนเหล็กจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่กองทัพเจลโล่หุ้มเกราะที่วิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง

พวกเจลโล่นั้นถึงจะมีการติดเกราะเหล็กไปบางส่วนแต่มันก็ยังเป็นแค่เจลโล่ ดังนั้นพวกมันจึงถูกกระเหล็กสังหารจนล้มตายไปมากมาย แต่ทางฝ่ายศัตรูเองก็ไม่ได้โง่นัก พวกนั้นรีบจัดขบวนทัพใหม่แล้วนำรถโล่เหล็กกล้าหลายคันขึ้นมาด้านหน้า

กระสุนเหล็กของ beater นั้นไม่สามารถเจาะทะลุรถโล่เหล็กกล้าไปได้ หลังจากเคลื่อนทัพอย่างช้าๆโดยใช้รถโล่เหล็กกล้านำหน้าไม่นานนัก ในตอนนี้พวกนั้นก็หยุดทัพลงแล้ว

เครื่องยิงก้อนหินสินะ.....สั่งการออกไปยังทหารที่กำแพงให้หลบเข้าที่กำบังในทันที!!

แล้วมันก็เป็นไปตามที่ชั้นคิด พวกนั้นใช้รถโล่เหล็กกล้าป้องกันเอาไว้ด้านหน้าและใช้เครื่องยิงก้อนหินที่มีพลังทำลายสูงโจมตีใส่ประตูทิศใต้และทิศตะวันตก และถึงแม้พวกเราจะยิงโต้ตอบกลับไปด้วยเครื่องยิงก้อนหินเช่นเดียวกัน แต่ด้วยจำนวนที่แตกต่างจึงทำให้ฝ่ายเราตกเป็นรองอย่างชัดเจน

และเมื่อศัตรูเห็นกองทัพของเราเริ่มแตกตื่น หน่วยเจลโล่ที่ย้ายไปหลบด้านหลังก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกนั้นจัดขบวนโดยใช้หน่วยที่มีโล่เหล็กกล้าเป็นแถวหน้าและเริ่มวิ่งฝ่าดงกระสุนเข้ามายังกำแพง ก่อนจะใช้แท่นกระโดดในการบุกขึ้นมายังกำแพงเมืองของพวกเรา

ลูฟัส กระสุนสำรองของ Beater ที่ผลิตเสร็จแล้วพร้อมใช้งานยังมีเหลืออยู่อีกเท่าไหร่

ชั้นหันไปถามกับนายทหารช่างคนหนึ่งในระหว่างมองดูการสู้รบของทหารทั้งสองฝ่ายบนกำแพง

4,000 นัด สำหรับตอนนี้ ในช่วงเย็นของวันนี้น่าจะมีมาเพิ่มอีก 6,000 นัดครับ

น้อยมาก.....แบบนี้กระสุนเหล็กคงมีไม่พอจัดการศัตรูที่จะมาเสริมหลังจากนี้แน่ๆ คงถึงเวลาที่จะต้องใช้บทเพลงแห่งหายนะ จริงๆแล้วสินะ

ถ้าชั้นเป็นอะไรไปล่ะก็ ฝากที่เหลือด้วยนะคะท่านพี่........

ซิสติน่าจัง...

ยังไม่ทันได้พูดจบ ท่านพี่หญิงก็วิ่งเข้ามาโอบกอดร่างกายของชั้นในทันที

ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ถะ ถ้าพี่สาวคนนี้สามารถเป็นคนใช้งานมันได้ล่ะก็.....

ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะท่านพี่หญิง ก็มันเป็นโชคชะตาของชั้นนี่คะ......

ชั้นยิ้มและตอบคำขอโทษของท่านพี่หญิงเฮเลน่ากลับไปโดยฝืนยิ้มเอาไว้

บทเพลงแห่งหายนะ นั้นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิที่สืบทอดต่อกันมาของราชวงศ์แอสกรัม แต่ถึงอย่างนั้นในแต่ละรุ่นก็จะมีเพียงคนเดียวที่สามารถบรรเลงมันได้

ผลของบทเพลงแห่งหายนะ นั้นจะเข้าแทรกแซงความคิดและหัวใจของศัตรู ความเจ็บปวดที่ไดรับนั้นก็เหมือนดังเช่นชื่อของมัน แม้จะไม่ทำให้ถึงตายแต่มันก็เป็นความเจ็บปวดทรมานในระดับที่ไม่อาจจะอดทนเอาไว้ได้

มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของราชวงศ์แอสกรัม แต่ค่าตอบแทนในการเอามันมาใช้นั้นค่อนข้างหนักเอาการ เพราะความเจ็บปวดทรมานส่วนหนึ่งที่ศัตรูได้รับนั้นจะสะท้อนกลับมายังผู้ใช้ แต่ในเมื่อมันเป็นโชคชะตาของชั้นก็คงจะหลีกเลี่ยงมันไปไม่ได้

ชั้นเดินออกจากศูนย์บัญชาการหลักเข้ามายังอีกห้องหนึ่งที่ได้เตรียมเอาไว้พร้อมกับเมดสาวอีก 2 คน พวกเธอทั้งสองคนช่วยปลดเปลื้องชุดเกราะและเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนร่างกายของชั้นออก

สั่งการไปยังหน่วยเจลโล่ที่ประจำการอยู่ที่กำแพงทั้งหมด เมื่อบทเพลงแห่งหายนะ Song of Direfulเริ่มทำงานก็ให้บุกออกไปทำลายเครื่องยิงก้อนหินและบรรดาผู้บัญชาการกองทัพของศัตรูในทันที

ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว ชั้นปลดผ้าที่คลุมอยู่บนเครื่องดนตรีแห่งหายนะออกและเริ่มบรรเลงมันในทันที เสียงดนตรีที่ไพเราะราวกับเสียงนกที่ขับขานในยามเช้าดังกังวาลขึ้น แต่สำหรับกองทัพของศัตรูแล้วมันคงเป็นดังเสียงเรียกจากนรกที่ไม่อาจจะหลีกหนีไปได้

อรั่ก!!

เพราะในครั้งนี้ใช้บรรเลงใส่กองทหารของศัตรูกว่า 20,000 นายจึงทำให้ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับมานั้นมากขึ้นไปด้วย

「「ซิสติน่าซามะ!!」」

เมดสาวทั้งสองเข้ามาช่วยพยุงร่างกายที่บอบช้ำ และพวกเธอก็ยังช่วยซับเลือดที่ค่อยๆไหลรินออกมาจากบาดแผลตามร่างกาย....ยังไหว.....ชั้นยังทนไหว......

ความเจ็บปวดที่แสนสาหัสถาถมเข้ามายังร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นชั้นก็ยังหยุดบรรเลงบทเพลงแห่งหายนะ ไม่ได้ เร็วขึ้นอีก ดังขึ้นอีก ชั้นต้องทำให้กองทัพของศัตรูถอยร่นออกไปให้เมืองของเราให้ได้

ซิสติน่าจัง!! พะ พวกเราทำได้แล้ว พวกเราทำได้แล้วนะ!! ศัตรู ศัตรูถอยทัพแล้ว!!! ซะ ซิสติน่าจัง!!!!

เหมือนจะได้ยินเสียงท่านพี่หญิงเฮเลน่า เหมือนท่านพี่หญิงจะพูดว่าทำสำเร็จแล้วรึเปล่านะ

........ชั้นค่อยๆทรุดลงกับพื้นและไม่รู้สึกถึงสิ่งใดอีก.......

หลังจากนั้นไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่เมื่อชั้นลืมตาขึ้นมานั้น สิ่งแรกที่ปรากฏให้ชั้นได้เห็นก็คือ เรือเหาะสีดำเป็นมันวาวที่สลักตราหมาป่าสองหัวสีทอง เรือเหราะสีดำขนาดใหญ่โตหลายลำกำลังลอยอยู่ทั่วน่านฟ้าของเมืองแอสคาล........

5 ความคิดเห็น:

  1. เเละเเล้วก็จบลงด้วยดี ไม่ใช่ล่ะ XD

    ตอบลบ
  2. ก็ใกล้จะจบบที่ 3 แล้วล่ะครับ

    ตอบลบ
  3. แต่ว่าทำไมใช้อาวุทแล้วต้องถอดชุด

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ชุดก็เละหมดสิครับ ถ้าไม่ถอดออกน่ะ

      ลบ