ตอนที่ 6 ผู้หลบหนีจากเมือง บทที่ 2



-- มุมมองของทัตสึยะ --                                       

ช่วงสายของวันที่ 15 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837

หลังจากสั่งการพวกทหารและพวกเมดให้ไปทำหน้าที่ตามจุดต่างๆเสร็จเรียบร้อย ผมและชิซึกุก็มาตั้งโต๊ะนั่งชิลกันอยู่บริเวณชายป่าที่ดูร่มรื่นและสวยงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างมาก

โดยตำแหน่งของพวกผมในตอนนี้อยู่ห่างออกมาจากเมืองเมอร์เรียสมาทางตะวันตกไปประมาณ 3 กิโลเมตร

รสเปรี้ยวๆของโยเกิร์ตนี่น่ะ เหมาะกับหน้าร้อนมากเลยล่ะค่ะ

ชิซึกุที่กำลังดื่มสตอเบอรี่โยเกิร์ตปั่นพูดออกมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มเปรี้ยวๆล่ะก็ พี่ชอบเจ้าน้ำเลม่อนปั่นนี่มากกว่านะ

ใช่แล้วล่ะ ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มรสเปรี้ยวล่ะก็ น้ำเลม่อนปั่นที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานเนี่ยเหมาะสมที่สุดแล้ว แล้วยิ่งเป็นช่วงหน้าร้อนก็ยิ่งทำให้น้ำผลไม้ปั่นหลากรสชาติอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ทางคนอื่นๆเป็นยังไงกันมั่งแล้วนะ

ขนาดแค่ Wing of Dawn ลำเดียวยังถล่มกองทัพเรือเหาะของจักรวรรดิเลเรียสซะเรียบเลยนี่ เพราะงั้นทางกลุ่มอื่นๆก็ไม่น่าจะมีปัญหา....นั่นสินะ.... พวกจอมเวทคนอื่นๆได้ส่งข่าวมาบ้างรึยังล่ะ มัลต้า

ผมหันไปถามมัลต้าด้วยน้ำเสียงสบายๆ ความจริงจะติดต่อกับพวกยูเมะจังในทันทีผ่านไปทางสกิลข้อความมันก็ได้อยู่หรอก แต่ผมอยากจะหลีกเลี่ยงการใช้มานาให้มากที่สุด นอกจากนั้นแล้วการใช้ระบบสื่อสารของทหารให้คุ้นชินเองก็เป็นเรื่องที่จำเป็นด้วยเช่นเดียวกัน

และในตอนนี้ก็ผ่านไปราว 1 ชั่วโมงแล้วตั้งแต่ผมออกคำสั่งโจมตีเมืองเมอร์เรียส ดังนั้นผมคิดว่าการต่อสู้ที่เมืองอื่นๆ 3 เมืองที่เองก็น่าจะใกล้จบลงแล้วเช่นเดียวกัน มันจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกับการสอบถามความคืบหน้า

จากข้อความที่ได้รับล่าสุดจากทางมิฮารุซามะนั้นดูเหมือนจะยังประสบปัญหากับการเจรจากับผู้บัญชาการทหารของเมืองป้อมปราการเอสต้าอยู่พอสมควร แต่คาดว่าอีกไม่นานก็คงสามารถหาข้อตกลงได้ค่ะ

มัลต้าที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ใกล้ๆด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เริ่มรายงานสถานการณ์ออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ยัยนี่น่ะช่วงหลังมานี่เอาแต่ตามติดมาเรียจังแทบจะตลอดเวลา แม้แต่ช่วงกลางคืนหากมีมาเรียจังอยู่ด้วยเธอก็จะทำตัวน่ารักและสร้างความสุขสมให้กับผมได้มากมายทีเดียว

แต่พอมาเรียจังไม่อยู่ใกล้ๆเธอก็จะเริ่มออกอาการในทันที เธอมักจะทำสีหน้าเบื่อหน่ายไร้อารมณ์อยู่ตลอด ทั้งๆที่ตอนเธอย้ายจากกองอัศวินเข้ามาเป็นเมดใหม่ๆยังน่ารักน่าเอ็นดูแท้ๆ เห็นทีหลังจากนี้ผมคงต้องอบรมเธออย่างจริงจังแล้วล่ะนะ

มิฮารุจังกำลังลำบากอยู่งั้นเหรอเนี่ย....บอกเธอไปว่าหากมีเรื่องอะไรสำคัญที่ตัดสินใจลำบากก็ให้รีบติดต่อมาแล้วกันนะ

จากข้อความที่เธอได้รับมานั้น ดูเหมือนผู้บัญชาการของเมืองป้อมปราการเอสต้าจะยอมแพ้แล้วก็จริง แต่ทางนั้นก็ยังต้องการให้มีการลงนามในเอกสารที่แน่นอน เพราะงั้นจึงยังมีการถกเถียงเรื่องข้อตกลงหลายๆอย่างอยู่เลยทำให้ล่าช้า

แต่ยังไงซะผมก็ยกให้มิฮารุจังเป็นคนจัดการแล้ว เพราะงั้นผมจึงตัดสินใจที่จะรอฟังรายงานสรุปผลโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหากทางนั้นไม่ขอร้องมา

ส่วนทางยูเมะซามะนั้น ดูเหมือนจะสามารถเจ้ายึดเมืองไอกิลัสของดยุคคราดิสได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไล่ตามพวกขุนนางและคนในตระกูลไอกิลัสที่กำลังหลบหนีอยู่ ซึ่งทางนั้นดูท่าจะเป็นพวกหัวแข็งและจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ คาดว่าอาจจะต้องทำการสังหารหมู่ก็เป็นได้ค่ะ

ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางด้านเมืองไอกิลัสที่ยูเมะจังเป็นคนดูแลจะจบได้ไม่สวยนัก นี่ผมทำให้ยูเมะจังกับฮารุกะต้องเหนื่อยอีกแล้วสินะ เอาไว้หลังจากนี้ผมจะให้รางวัลพวกเธอเยอะๆเพื่อเป็นการตอบแทน เพราะงั้นตอนนี้ก็ช่วยพยายามกันไปก่อนละกันนะ

ส่วนทางด้านเมืองป้อมปราการมินิทาริสนั้น คาโอริซามะและมายุซามะได้นำกองทัพของเราบุกเข้าทำการยึดปราสาทและตัวเมืองทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว พวกชาวเมืองเองก็ไม่มีท่าทีต่อด้าน และดูเหมือนจะยอมรับกองทหารของพวกเราอย่างปลาบปลื้มด้วยล่ะค่ะ

ทางคาโอริจังกับมายุจังดูเหมือนจะจบลงได้ด้วยดีแฮะ แบบนี้ก็ต้องให้รางวัลพวกเธอด้วยเยอะๆด้วยเช่นกันสินะ หุหุ

ส่วนทางด้านโซเฟียซามะนั้น กองกำลังที่นำไปก็สามารถจับกุมตัวเจ้าหญิงเอลริสเต้ได้กำหนดการแล้วเช่นเดียวกัน จากรายงานดูเหมือนว่าทางนั้นจะสามารถจบสงครามลงได้โดยที่ฝ่ายเราไม่มีการสูญเสียเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ

ทางด้านโซเฟียจังเองสามารถจับตัวเจ้าหญิงเอลริสเต้ได้โดยไม่บาดเจ็บสินะ บอกตามตรงผมล่ะเป็นห่วงเธอมากจริงๆ เจ้าหญิงเอลริสเต้นั้นได้ชื่อว่าเป็นนักดาบที่เก่งกาจมาก แถมเธอยังเป็นน้องสาวต่างแม่ของโซเฟียอีก ดังนั้นการที่ไดยินว่าโซเฟียสามารถจับกุมตัวเธอได้โดยไม่บาดเจ็บก็ทำให้ผมโล่งใจมาก

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมกังวลก็คือเรื่องที่เอริจังได้บอกกับผมเอาไว้ก่อนหน้านี้ห้ามยื่นมือเข้าไปแตะต้องเจ้าหญิงเอลริสเต้อย่างเด็จขาด แม้แต่แค่คิดก็ไม่ได้ด้วยนะคะ!!เพราะเธอไม่ยอมอธิบายรายละเอียดผมจึงไม่เข้าใจนัก

แต่จากคำพูดที่จริงจังของเอริจังนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเจ้าหญิงคนนี้น่าจะเป็นตัวอันตราย แต่เนื่องจากเอริจังได้สัญญาว่าจะไปเดทกับผมเพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่เข้าไปยุ่งกับเจ้าหญิงเอลริสเต้

เพียงแค่คิดถึงว่าผมจะได้มีโอกาสไปเดทกับเอริจังผมก็รีบยอมตกลงโดยไร้เงื่อนไขในทันที ก็แน่นอนล่ะ เอริจังนั้นไม่ว่าพวกจะใช้ลูกไม้ยังไงเธอก็สามารถหลบเลี่ยงได้ตลอด เพราะงั้นการที่เธอให้โอกาสผมในครั้งนี้จึงมีค่ามากกว่าเจ้าหญิงที่ผมไม่เคยเห็นหน้าตั้งเยอะเลยใช่มั๊ยล่ะ

แล้วก็มีข้อความจากคาโอริซามะที่พึ่งส่งมาถึงด้วยค่ะ คาโอริซามะจะจัดงานเลี้ยงดูตัวให้กับพวกทหารที่มีผลงานดีและยังโสดในวันมะรืนนี้ เพราะงั้นจึงของให้ทัตสึยะซามะรีบจัดการธุระทางด้านนี้ให้เสร็จโดยเร็วด้วยค่ะ.....!!!!

คาโอริจังจะจัดงานเลี้ยงดูตัวให้พวกทหารงั้นเหรอ....เป็นความคิดที่ดีเลยนะนั่น เนื่องจากอาณาจักรออร์ธรอสกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา และยังต้องเผชิญกับสงครามอยู่บ่อยๆ ดังนั้นการให้พวกทหารรีบแต่งงานมีครอบครัว และมีลูกเอาไว้สืบทอดกันไวๆจึงเป็นเรื่องที่สมควรทำก่อนอย่างมาก

พอพูดจบมัลต้าก็รีบวิ่งออกไปในทันที....เห้ยๆนี่เธอจะรีบไปไหนล่ะนั่น.....

แต่พอผมหันไปมองยังทางที่เธอเดินไปผมก็หายสงสัยในทันที นั่นก็เพราะว่าพวกมาเรียจังที่ออกไปรับตัวผู้ที่หลบหนีออกจากเมืองนั้นได้กลับมาถึงแล้ว

แต่ถึงงั้นก็เถอะ.....ถึงผมจะเข้าใจว่าเธอหลงรักมาเรียจังมากสักแค่ไหนก็ตามที แต่นี่มันจะมากไปหน่อยแล้วนะ......ผมตัดสินใจละ....คืนนี้ผมจะจัดเธอให้หนัก....ผมจะทำให้เธอซะบ้างว่าใครเป็นเจ้านาย....แล้วถ้าเกิดเธอยังไม่เชื่อฟังผมอีกล่ะก็....ผมจะไม่ให้เธอได้ทำเรื่องลามกกับมาเรียจังอีกเลย!!!

หึหึ....ผมแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา.....

ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะคะนายท่าน ดิชั้นได้ไปเชิญท่านดัชเชส แอสทีเรียซามะ และบุตรสาว ท่านหญิงแอสเรียส มาตามที่สั่งแล้วค่ะ

มาเรียพูดพร้อมกับโค้งตัวลงอย่างสง่างาม โดยที่ข้างๆมียัยมัลต้าเกาะแขนของเธออยู่ด้วยแววตาเป็นประกาย

ทำได้ดีมากมาเรียจัง เอาไว้ผมจะให้รางวัลเธอทีหลังนะ

ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวมาเรียจังอย่างอ่อนโยน

ขอบพระคุณมากค่ะ

หลังจากมาเรียจังถอยไปแล้ว ท่านดัชเชสแสนสวยและลูกสาวที่สุดแสนจะน่ารักของเธอก็ก้าวออกมาด้านหน้า

ดิชั้น แอสทีเรีย เวฟอน ลา เมอร์เรียส และบุตรสาว แอสเรียส ลา เมอร์เรียส การที่ได้มาพบกับท่านจอมเวทผู้โด่งดังแห่งอาณาจักรออร์ธรอสในวันนี้นั้น ถือเป็นเกียรติอย่างมากค่ะ

แอ แอสเรียส ลา เมอร์เรียส ทะ ที่ได้รับเชิญในวันนี้ ตะ ต้องขอขอบคุณมากเลยค่ะ

ทั้งสองคนจับชายกระโปรงขึ้น ก้าวเท้าข้างหนึ่งไปด้านหลังและย่อตัวลงพร้อมกับกล่าวแนะนำตัวออกมาด้วยท่าทางสง่างาม ซึ่งดูเหมือนตัวอาเรียสจังที่เป็นลูกสาวจะค่อนข้างตื่นเต้น คำพูดของเธอจึงยังติดขัดอยู่บ้าง แต่สำหรับเด็กสาวที่มีอายุเพียง 10 ปีแล้ว ก็ถือว่าเธอทำได้ดีมากทีเดียว

ผม มาเอคาวะ ทัตสึยะ ผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอส ที่ได้มาพบกับสุภาพสตรีแสนงดงามทั้งสองในวันนี้ ก็นับเป็นเกียรติของผมเองเช่นเดียวกันครับ

ผมเองก็ลุกขึ้นโค้งคำนับกลับไปตามมารยาทเช่นเดียวกัน

ดิชั้น มาเอคาวะ ชิซึกุ ถึงพี่ชายจะเจ้าชู้ไปบ้าง เพราะงั้นต้องขอให้ท่านดัชเชสให้อภัยพี่ชายของดิชั้นด้วยนะคะ

ชิซึกุเองก็ลุกขึ้นยืน จับชายกระโปรงด้วยมือทั้งสองข้าง ย่อตัวลงพร้อมกับกล่าวทักทายด้วยท่าทางสง่างามเช่นเดียวกัน แต่ไม่เห็นจะต้องไปพูดเรื่องความเจ้าชู้ของผมเลยนี่นา อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายทุกคนที่ต้องอ่อนโยนกับเหล่าสาวสวยที่ได้เจอกันอยู่แล้วใช่มั๊ยล่ะ

หลังจากกล่าวทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว ผมก็เชิญทั้งสองคนนั่งร่วมโต๊ะน้ำชาที่พวกเราได้จัดเตรียมเอาไว้ ซึ่งก็แน่นอนว่าผมดึงตัวแอเรียสจังที่แสนน่ารักเข้ามานั่งใกล้ๆผม

วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน เพราะงั้นผมขอแนะนำน้ำเลม่อนปั่นซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ผมชอบ แต่ถ้าท่านดัชเชสต้องการดื่มชาล่ะก็ สั่งกับพวกเมดที่อยู่ด้านหลังได้......

ไม่ต้องไปสนใจพี่ชายของชั้นแล้วทำตัวตามสบายได้เลยนะคะ แอเรียสจังก็ไม่ต้องตื่นเต้นแล้วลองดื่มน้ำโยเกิร์ตสตอเบอรี่นี่ดูนะ.....

นี่ชิซึกุ พี่กำลังแนะนำเครื่องดื่มให้ทั้งสองคนอยู่นะ....

อย่าขี้โกงสิคะ นู๋ก็อยากจะแนะนำเครื่องดื่มให้กับแอเรียสจังเหมือนกันนี่นา....

แล้วผมกับชิซึกุก็เริ่มทะเลาะกันเรื่องเครื่องดื่มและของหวานนานาชนิด.....

อุฟุฟุ ช่างเป็นพี่น้องที่สนิทกันจังเลยนะคะ

นะ นู๋ขอน้ำเลม่อนปั่นกับไอศกรีมการาเมลค่ะ!!

หลังจากพักผ่อนกันสักครู่หนึ่ง ท่านดัชเชสแอสทีเรียก็เริ่มเข้าประเด็นจริงจัง

ดิชั้นขอถามตรงๆเลยนะคะ ทัตสึยะซามะต้องการจับตัวพวกเราแม่ลูกเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับท่านดยุคแอลรอสงั้นหรือคะ

ดูเหมือนจะทำให้เข้าใจผิดไปสินะ ผมไม่ใช่พวกขี้แพ้ที่จะมาจับผู้หญิงเป็นตัวประกันอะไรแบบนั้น สิ่งที่ผมต้องการน่ะ ก็คือการรับท่านหญิงแอเรียสเป็นคู่หมั้นอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้นผมก็อยากจะเชื่อมความสัมพันธุ์กับตระกูลเมอร์เรียสและคอยสนับสนุนเรื่องต่างๆให้กับจักรวรรดิเลเรียสในอนาคต

กับคำถามของท่านดัชเชสผมก็ตอบกลับไปตรงๆ หลังจากเอาชนะจักรวรรดิเลเรียสได้แล้ว ผมก็วางแผนเอาไว้ว่าจะให้เจ้าหญิงเอลริสเต้ได้สืบทอดราชบังลังก์แทน ผมไม่ได้มีความคิดที่จะยึดเอาประเทศนี้มาเป็นของตัวเองเลย

เพราะงั้นหลังจากที่ช่วยปลดปล่อยเผ่าโลลิเทียที่ถูกจับตัวไว้รวมถึงพวกทาสเผ่าอื่นๆได้แล้ว ผมก็จะพาพวกเค้ากลับไปพบกับครอบครัวที่อาณาจักรออร์ธรอส ผมไม่ได้ต้องการจะแบ่งแยกประเทศนี้แต่อย่างใด อย่างมากก็คงขอพื้นที่รอบเมืองป้อมปราการมินิทาริสเพื่อใช้ในการเพาะปลูกพืชบางชนิดเพียงเท่านั้น

เรื่องที่จะรับแอเรียสจังเป็นคู่หมั้นก็เป็นความต้องการจริงๆของผม ตั้งแต่แรกแล้วผมก็ไม่ได้มีความคิดที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการต่อรอง

แน่นอนว่าผมไม่ได้คิดที่จะแตะต้องเธอที่ยังเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 10 ปี ผมจะรอให้เธอโตเป็นสาวเสียก่อน ซึ่งก็คงจะใช้เวลาอีกเพียงไม่กี่ปี และเธอก็จะต้องกลายเป็นสาวสวยอย่างแน่นอน ดังนั้นในช่วงนี้ผมตัดสินใจที่จะคอยดูแลปกป้องเธอไปจนกว่าจะถึงวันนั้น....

คะ คู่หมั้น!! ทะ ทัตสึยะซามะ จะ จะ รับ นะ นู๋เป็นคู่หมั้นเหรอคะ!!!

เมื่อได้ยินคำว่าคู่หมั้น แอเรียสจังที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็พูดขัดขึ้นมาด้วยท่าทีเขินอาย ท่าทางน่ารักๆของเธอทำเอาผมอยากจะดึงเธอเข้ามากอดในทันทีแต่ก็ต้องอดทนไว้ก่อนล่ะนะ หุหุ.....

แอเรียส!! อย่าพูดสอดขึ้นมาระหว่างที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกันสิ!!

ขะ ขอโทษค่ะ ท่านแม่......

หลังจากถูกดุ แอเรียสจังก็แสดงสีหน้าซึมออกมาชั่วครู่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็หันมาขยิบตาให้กับผมราวกับว่าไอ้ที่ทำหน้าซึมนั้นเป็นเพียงการแสดง....ดูเหมือนเด็กคนนี้เองก็ใจร้อนอยากที่จะเป็นของผมเร็วๆเหมือนกัน......

ตัดสินใจละ....คืนนี้ผมจะลองหาโอกาสย่องเข้าหาเธอเวลาที่แม่ของเธอเผลอ....แน่นอนว่าจะต้องเก็บความบริสุทธิ์ของเธอเอาไว้ก่อน....

ดิชั้นได้ทราบมาว่าทัตสึยะซามะนั้นได้หมั้นหมายกับเด็กสาวแล้วมากกว่า 10 คน นอกจากนั้นแล้วบุตรสาวของดิชั้นก็ยังมีอายุได้เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น ดังนั้นหากเทียบกับคู่หมั้นคนอื่นๆที่มากด้วยความสามารถแล้วนั้น การที่บุตรสาวของดิชั้นจะมีบุตรชายคนโตให้กับทัตสึยะซามะเพื่อสืบทอดการปกครองอาณาจักรออร์ธรอสก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นดิชั้นจึงถามอยากจะทราบว่าทัตสึยะมีแผนที่จะจัดการกับอนาคตของบุตรสาวของดิชั้นและหลานๆที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคตอย่างไรน่ะค่ะ

หลังจากผมพูดเรื่องคู่หมั้นออกไป ท่านดัชเชสไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจแต่กลับถามคำถามกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าเก่า

สำหรับเรื่องอนาคตของพวกเด็กๆที่จะเกิดมา ผมก็ได้เตรียมการเอาไว้หลายอย่างแล้ว

ผมได้พูดถึงแผนการที่ผมวางไว้ในอนาคตเกี่ยวกับการขยายตัวเมืองหลวงสเตรเชียออกไปด้านนอกอีกราว 8 กิโลเมตร ซึ่งก็จะทำให้กำแพงเมืองของเมืองสเตรเชียนั้นขยายออกไปถึงบริเวณชายแดนที่ติดกับอาณาจักรออร์ฟีน่าในทันที

เมืองสเตรเชียในตอนนี้น่ะเรียกได้ว่าแออัดมาก ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคงจะมีผู้คนที่อพยพย้ายถิ่นเข้ามามากขึ้นจนล้นอย่างแน่นอน เพราะงั้นจึงจำเป็นจะต้องวางแผนการรับมืออย่างเร่งด่วน

และในโครงการนี้ ผมก็อยากจะให้คู่หมั้นของผมหลายๆคนที่มีความสามารถในด้านการปกครอง ได้รับหนึ่งในเขตเมืองชั้นนอกที่สร้างขึ้นใหม่ไปดูแลและสืบทอดต่อไปยังลูกๆของพวกเธอ ซึ่งก็แน่นอนว่าหากถ้าท่านหญิงแอเรียสไม่ได้มีความต้องการจะปกครองเมืองล่ะก็ ผมก็ยังมีคิดจะสนับสนุนให้เริ่มต้นทำธุรกิจอื่นๆที่สนใจ

อาณาจักรออร์ธรอสในตอนนี้ได้มีการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่มากมายหลายแห่ง แต่เมืองแห่งใหม่เกือบทั้งหมดนั้นได้ถูกปกครองโดยบรรดาอดีตหัวหน้าเผ่าต่างๆที่ผมแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง
                                           
อย่างเช่นเมืองซอร์เทลซึ่งเป็นเมืองของเผ่าพันธุ์โลลิเทียนั้นก็ได้ไวส์เคานต์อูลุเซียแห่งเผ่าผีเสื้อน้ำค้างซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กของโอลิเวียขึ้นปกครอง ดังนั้นการจะให้มีมนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารคงไม่ใช่เรื่องดีนัก

เพราะเหตุผลดังกล่าวผมจึงได้ตัดสินใจที่จะขยายเมืองสเตรเชียออกไปอีกชั้นหนึ่ง และผมก็จะแบ่งพื้นที่เมืองชั้นนอกแห่งใหม่ออกเป็น 12 เขต โดยที่ในแต่ละเขตนั้นผมจะให้บรรดาคู่หมั้นหลายๆคนที่มีความสามารถในด้านการปกครองเข้าไปดูแลจัดการในอนาคต

และมันก็แน่นอนว่าพื้นที่เหล่านั้นจะทำการสืบทอดไปยังลูกๆของพวกเธอด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยแผนการนี้ผมคิดว่ามันน่าจะทำให้ ท่านดัชเชสแอสทีเรีย ที่เป็นห่วงถึงอนาคตของแอเรียสสามารถยอมรับมันได้

เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าทัตสึยะซามะเตรียมการในเรื่องของอนาคตเอาไว้มากถึงเพียงนั้น ดิชั้นก็ยินดีที่จะสนับสนุน เพราะงั้นแล้วดิชั้นก็คงจะต้องขอความกรุณาให้ช่วยดูแลบุตรสาวที่ยังด้อยความรู้ของดิชั้นในอนาคต แต่ในปัจจุบันแอเรียสพึ่งจะมีอายุได้เพียง 10 ปีเท่านั้น เพราะฉะนั้นดิชั้นคงจะปล่อยให้เธอไปอยู่กับทัตสึยะซามะเพียงลำพังไม่ได้ ดังนั้นเอาเป็นว่าดิชั้นจะขอติดตามไปด้วยเพื่อช่วยอบรมแอเรียสให้กลายเป็นสุภาพสตรีที่เหมาะสมกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของทัตสึยะซามะนะคะ
                                                           
ท่านดัชเชสตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่สง่างาม ดูเธอจะค่อนข้างพึงพอใจกับแผนการในอนาคตของผมมากทีเดียว

หลังจากนั้นผมกับท่านดัชเชสแอสทีเรียก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งหนึ่งในเรื่องสำคัญก็คือการที่ผมอยากจะสนับสนุนให้ลูกชายคนโตของเธอ เอลวิน แต่งงานกับเจ้าหญิงเอลริสเต้และขึ้นปกครองจักรวรรดิเลเรียสร่วมกัน

โดยเรื่องนี้ท่านดัชเชสเองก็เห็นด้วยกับผม และพวกเราก็ได้ทำข้อตกลงกันอย่างลับๆ จากนั้นผมก็ได้พาท่านดัชเชสและแอเรียสจังขึ้นเรือเหาะและเดินทางกลับไปยังเมืองเมอร์เรียสเพื่อพูดคุยกับดยุคแอลรอส

ท่านดัชเชสแอสทีเรียนั้นเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง ดังนั้นผมคิดว่าเธอคงจะสามารถช่วยเหลืองานของผมได้มากในอนาคต เพื่อการนั้นแล้วผมเองก็จะช่วยสนับสนุนลูกชายรวมทั้งผู้คนในตระกูลของเธอเพื่อเป็นการตอบแทน

และก็แน่นอนว่าลูกสาวคนโตของเธอที่กำลังเรียนอยู่ในเมืองหลวงเองผมก็คิดจะไปรับตัวมาทีหลังล่ะนะ.......

3 ความคิดเห็น:

  1. บักทัต เทครัว เทครัว เทครัว :)

    ตอบลบ
  2. ทัตคุง ก็ก้าวสู่การเป็น lolicon เต็มตัว ถ้ากิน 10 ขวบด้วย เลเวลคงเพิ่มสัก 200+

    ตอบลบ