ตอนที่ 50 แหวนต้องสาป


-- มุมมองของโรน่า --                      

ณ ระเบียงของปราสาทเวลล่า ช่วงเวลาเช้ามืดของวันที่ 11 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 836

ชั้นกำลังสัมผัสและมองดูแหวนอัญมณีสีน้ำทะเลที่สะท้อนกับแสงของดวงจันทร์จนเกิดเป็นประกายบนนิ้วมือข้างซ้าย

วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วนับตั้งแต่กองทหารจากเมืองเอเกียเข้าปิดกั้นสะพานและถนนทุกเส้นที่เชื่อมต่อเมืองเวลล่ากับจักรวรรดิ สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุแต่มันก็ทำให้กองอัศวินที่ 1 และพวกเราที่อยู่ในเมืองเวลล่าถูกโดดเดี่ยว

ฝ่ายตรงข้ามนั้นอ้างว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านเคานต์เกรฟี่ วอน โรเซนเบิร์ก ผู้ปกครองเมืองกูสตาฟและอาณาเขตของจักรวรรดิเอลติซในทวีปอากัสเตรีย

ถึงแม้จะเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อแต่ตราประทับของท่านเคานต์เกรฟี่ที่อยู่ในเอกสารคำสั่งนั้นเป็นของจริง กับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ท่านโรเดริกและท่านหญิงเซลฟีน่าได้ยื่นคำร้องขอให้ทหารจากเมืองเอเกียพวกนั้นกลับไปตรวจสอบคำสั่งอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

เนื่องจากเมืองเวลล่านั้นเป็นป้อมปราการชายแดนที่ไม่มีพื้นที่สำหรับเพาะปลูก พวกเราจึงจำเป็นต้องลำเลียงเสบียงอาหารมาจากเมืองเอเกีย ดังนั้นการถูกปิดเส้นทางทั้งหมดทำให้ผู้คนในเมืองและบรรดาทหารต่างพากันกังวล

นอกจากนั้นพวกเรายังไม่ได้รับข่าวสารใดๆจากกลุ่มอัศวินที่ไปส่งข่าวเลยแม้แต่น้อย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้า เกิดอะไรขึ้นกับเมืองกูสตาฟกันแน่นะ.....

ทัตสึยะซามะ......

ชั้นพึมพำออกมาถึงชายอันเป็นที่รัก ชายหนุ่มที่ชอบทวงหนี้และกลั่นแกล้งชั้นอยู่เสมอ ในคืนก่อนที่เค้าจะกลับไปนั้น ทัตสึยะซามะได้มอบแหวนอัญมณีสีน้ำทะเลวงนี้ให้กับชั้น มันเป็นแหวนต้องสาปที่จะคร่าชีวิตชั้นหากคิดจะหลบหนี

แต่ถึงแม้มันจะเป็นแหวนต้องสาป ชั้นก็ยังรู้สึกดีใจที่เค้าได้มอบมันให้กับผู้หญิงอย่างชั้น และถึงแม้ชั้นจะตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่เคียงข้างท่านหญิง แต่หากซักวันหนึ่ง หากท่านหญิงไม่ต้องการชั้นแล้วล่ะก็....บางที........

ทั้งๆที่ตัดสินใจไปแล้วแท้ๆ.......ทำไมกันนะ.......ทำไมชั้นถึงได้คิดถึงเค้ามากมายถึงขนาดนี้......

คิดถึงทัตสึยะซามะเหรอจ๊ะ โร น่า จางงง!

คะ คลอเดีย...!

ดีจังเลยนะ ได้จูบกับผู้ชายที่ทั้งเก่งกาจและหล่อเหลาแบบนั้น ชั้นเองก็อยากจะเจอผู้ชายดีดีแบบนั้นบ้างเหมือนกัน......

ดะ ดะ เด๋วสิ พูดอะไรของเธอ กะ กัน น่ะ

ชั้นพยายามบ่ายเบี่ยงกับคำพูดของคลอเดีย ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่คืนนั้นขั้นถูกขโมยเอาจูบแรกไป แต่หากจะให้ยอมรับกับเรื่องแบบนี้....มันก็น่าอายเกินไป....

ไม่ใช่แค่ชั้นหรอกนะ ทั้งท่านหญิง ทั้งพวกเมด คืนนั้นทุกคนก็มาแอบดูเธอกันทั้งนั้น......

วะ ว่า ไงนะ….!!?

ตอนแรกน่ะนะ ชั้นกับท่านหญิงคิดว่าเธอจะหนีไปตามทัตสึยะซามะไปแล้วซะอีกแหนะ......

คลอเดียยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจชั้นที่กำลังเขินจนหน้าแดงก่ำเลยแม้แต่นิด

ใช่แล้วล่ะโรน่า ชั้นน่ะคิดว่าเธอจะหนีไปแต่งงานซะอีกน๊า

ทะ ท่านหญิง!!?

ไม่ทันรู้ตัว....ท่านหญิงเซลฟีน่าก็พูดขึ้นมาพร้อมกับโอบกอดตัวชั้นจากทางด้านหลัง พอถูกท่านหญิงโอบกอดแบบนี้แล้ว ความกังวลมากมายในหัวใจของชั้นก็พอจะลดลงได้บ้าง

ไม่ต้องห่วงหรอกนะโรน่า ทัตสึยะซามะน่ะไม่มีทางปล่อยให้คนรักของเค้าต้องเป็นอันตรายหรอก เพราะงั้นเค้าจะต้องมาช่วยพวกเราแน่นอน ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะเป็นวันนี้ก็ได้นะจ๊ะ

วะ วันนี้.....ตะ...แต่พวกทหารของเมืองเอเกียปิดล้อมทุกเส้นทาง......

ไม่สิ.....ต่อให้ถูกปิดล้อมทุกเส้นทางแต่ทัตสึยะซามะก็ยังสามารถใช้กริฟฟอนมาหาพวกเราได้ แต่ทำไมถึงต้องเป็นวันนี้ล่ะ.....

กับชั้นที่กำลังทำท่าทางสงสัยอยู่นั้น ท่านหญิงก็ยิ้มตอบ และเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ชั้นฟัง ส่วนคลอเดียนั้นดูเหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอจึงไม่มีท่าทางแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่พวกเราแทบจะอยู่ด้วยกันตลอด แต่ชั้นกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยงั้นเหรอ.....

เรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวาน หน่วยสอดแนมของพวกเราได้รายงานข้อมูลแปลกๆเข้ามา ทหารของเมืองเอเกียที่ปิดกั้นเส้นทางอยู่ตามจุดต่างๆนั้น ได้ถูกกองทหารลึกลับในชุดเกราะสีดำเข้าโจมตี

กองทหารลึกลับเหล่านั้นมีฝีมือที่เรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ ไม่แน่ว่าบางทีพวกนั้นอาจจะมีฝีมือเหนือกว่าอัศวินของกองอัศวินที่ 1 เสียอีก พวกเค้าเพียงแค่ไม่ถึง 10 คนก็สามารถกวาดล้างกองทหารกว่า 100 คนที่ปิดกั้นเส้นทางอยู่ตามจุดต่างๆได้โดยไร้บาดแผล

มันเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าน่าเหลือเชื่อ ราวกับเป็นเพียงเรื่องโกหกที่ถูกกุขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนหวาดกลัว ไม่เพียงแค่เก่งกาจแต่กองทหารพวกนั้นยังมีพาหนะสร้างจากเหล็กที่วิ่งได้รวดยิ่งกว่าเจลโล่ความเร็วสูงหลายเท่าตัว

ไร้ทางสู้ ไร้ทางหนี กองทหารของเมืองเอเกียถูกกำจัดไปคนแล้วคนเล่าจนหมดสิ้น กับเรื่องที่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น ท่านหญิงคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของทัตสึยะซามะ มีเพียงพวกเค้าเท่านั้นที่น่าจะมีพลังมากพอจะทำเรื่องแบบนี้ได้.....

ไม่สินอกจากพวกเค้าแล้ว.....ก็คงจะมีเพียงเผ่าปีศาจที่มีตัวตนอยู่เพียงในหนังสือนิทานเท่านั้น.......

ถ้าเป็นทัตสึยะซามะล่ะก็คงสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้ในวันเดียว.....

ก่อนที่ท่านหญิงจะพูดจบพวกเราก็ได้ยินเสียงแตรสัญญาณดังขึ้น มันไม่ได้เป็นเสียงแตรสัญญาณเตือนภัยสงคราม แต่เป็นเสียงสัญญาณสำหรับร้องขอการเจรจา

แงงงงงงว----แงงงงงงว----แงงงงงงว----!!!

แงงงงงงว----แงงงงงงว----!!!

กับเสียงที่ได้ยินนั้นร่างกายของชั้นก็ขยับไปเองโดยไม่รู้ตัว และกว่าจะรู้สึกตัว ชั้นก็ได้มาอยู่ที่หน้าประตูเมืองเสียแล้ว

 ที่หน้าประตูเมืองเวลล่า มียานพาหนะรูปร่างประหลาด 2 คันจอดเอาไว้อยู่ มันเป็นยานพาหนะที่สร้างจากเหล็กสีดำตามที่ชั้นได้ฟังจากท่านหญิง และเมื่อชั้นเดินเข้าไปใกล้ ยานพาหนะเหล่านั้นก็เปิดออก

เด็กสาวผมสีชมพูที่ดูคุ้นเคยกระโดดลงมาจากยานพาหนะคันนั้น เธอเป็นเด็กสาวที่ข้ารับใช้ของตระกูลโรเซนเบิร์กอย่างชั้นไม่อาจจะลืมได้ลง

ทะ ท่านหญิง ยูฟีน่า!!…..มาทำอะไร...เอ้ย....ขอโทษค่ะ.....ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะท่านหญิง กลับมาจากเมืองมาลอฟตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย

โร น่า จางงงงง คิด ถึง จัง เลย น๊า !!!!

เหมือนกับทุกครั้งที่ท่านหญิงกลับมาบ้านเธอจะพุ่งเข้ามากลั่นแกล้งชั้นก่อนเสมอ ท่านหญิงตัวน้อยเมื่อหลายปีก่อนนั้น ในตอนนี้ได้เติบโตกลายเป็นหญิงสาวที่งดงาม แต่ทั้งที่กลายเป็นหญิงสาวที่งดงามก็ยังไม่เลิกนิสัยแปลกๆเสียที.....

มะ ไม่ นะคะ! อย่าดึงกระโปรงชั้นสิคะ ท่านหญิงโตแล้วนะคะ!!

เอ๋!! แต่ชั้นอยากจะเห็นชั้นในที่เคยซื้อให้เธอเมื่อปีก่อนนี่นา

ท่านหญิงคะ ทะ ที่นี่มันหน้าเมืองนะคะ หน้าเมืองค่ะ!!

เอ๋......จะบอกว่าถ้าเป็นที่อื่นจะยอมโชว์ให้ทุกคนดูงั้นเหรอ ชั้นไม่อยู่ด้วยแค่ไม่นาน ใจกล้าไม่เบาเลยนะเธอเนี่ย

มะ ไม่ใช่แล้วค่ะ แล้วสรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะเนี่ย แล้วคนพวกนั้นเอ่อ....

ที่ด้านหลังของท่านหญิงยูฟีน่านั้น มีกลุ่มคนหน้าตาน่ากลัวในชุดเกราะเหล็กสีดำอยู่เกือบ 10 คน ซึ่งในบรรดาคนพวกนั้นไม่มีคนที่ชั้นรู้จักอยู่เลย…..

ไม่ใช่.......ทัตสึยะซามะ........งั้นเหรอ........

กำลังคิดถึงชายอันเป็นที่รักอยู่งั้นเหรอ เสียใจด้วยนะจ๊ะ ทัตสึยะซามะกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างปราสาทก็เลย......

สร้างปราสาทอยู่นี่เอง.......เอ๋!!.....ทำไมท่านหญิงถึงรู้....!!??

เอาไว้ค่อยไปคุยกันต่อข้างในแล้วกันนะ….

หลังจากนั้นท่านหญิงยูฟีน่าก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียดและเดินเข้าไปภายในเมืองเวลล่า แต่การมาเยือนใครนี้นั้นท่านหญิงไม่ได้มาในฐานะครอบครัว แต่เป็นการมาเยือนในฐานะราชทูตของประเทศศัตรู....

13 ความคิดเห็น:

  1. งงนิดหน่อยแหะ จะมายึดเมือง?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่แล้วครับ ยูฟีน่าต้องการเมืองแถบพื้นที่ทางเหนือทั้งหมด

      ลบ
  2. ตีเมืองแย่งเมียคืน 555+ ไม่ใช่และ
    จะไปเป็นเมืองขึ้นเค้าก็ต้องมีเมืองก่อนสินะยูจัง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่แล้วครับ ต้องยึดเมืองก่อน -0-//

      ลบ
  3. ตีเมืองแย่งเมียคืน 555+ ไม่ใช่และ
    จะไปเป็นเมืองขึ้นเค้าก็ต้องมีเมืองก่อนสินะยูจัง

    ตอบลบ
  4. เด๋วตอนหน้าได้มีดราม่าในครอบครัว(แต่อยู่คนละฝ่าย)แน่ๆ

    ปล. ยังไงๆ โรน่าก็ยังน่าแกล้งมากที่สุดอยู่วันยังค่ำ เอิ๊กๆ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ26 มีนาคม 2559 เวลา 04:30

    ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ยูฟี่ก็ยังชอบแกล้งโรน่าจัง lllOrz

    ตอบลบ
  6. มีฉากที่เทพทัตไปจูบกับโรน่าแล้วมอบแหวนไหมคับ ลองย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆแล้วไม่เจอคับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รอตอนย้อนเนื้อเรื่องของโรน่าในช่วงบทที่ 3 ที่กำลังมาถึงในอีกไม่นานนี้ครับ ตอนนี้อ่านแบบงงๆ กับบางตอนที่ยังไม่บอกเนื้ิอหาบางส่วนไปก่อน

      ลบ
    2. ตามนั้นเลยครับ เนื้อเรื่องของโรน่าจังอยู่ในบทที่ 3 ครับ

      เนื้อเรื่องช่วงนี้จะเป็นบทของยูฟีน่าเป็นหลักน่ะครับ ฮา.....

      ลบ