ช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 เดือน 4 ศักราชเอลติซปีที่ 837 ในเวลาเดียวกันกับที่ยูเมะพาเหล่าราชองค์รักษ์และหน่วยเมดติดอาวุธของมาเรียเข้ายึดลานกว้างทางทิศใต้ของปราสาทแอสคาล
-- มุมมองของมายุ --
-- มุมมองของมายุ --
「มายุซามะ!! ดูนั่นสินะคะ!!」
ริเอลจังในชุดเมดพูดขึ้นมาและชี้นิ้วของเธอไปยังภาพที่เห็นเบื้องล่าง
เธอเป็นเด็กสาวเผ่าแมวขาวอายุเพียง 11 ปีที่ชั้นได้ช่วยชีวิตเอาไว้จากพวกโจรสลัด อีกทั้งเธอยังได้สูญเสียครอบครัวและเพื่อนฝูงในระหว่างการเดินทางมายังอาณาจักรออร์ธรอส
เพราะเหตุนั้นชั้นจึงได้รับเลี้ยงเธอเอาไว้
「นักบวชพวกนั้นบอกว่าตัวเองเป็นสาวกของพระเจ้าแท้ๆ
แล้วการใช้พวกมอนสเตอร์เป็นเครื่องมือทำสงครามเพื่อเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองนี่มันเป็นประสงค์ของพระเจ้ารึ ? 」
ชั้นพูดออกมาโดยที่พยายามอดกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้
ภาพที่ชั้นเห็นอยู่ในตอนนี้คือมอนสเตอร์จำนวนมาก
ในกลุ่มของพวกมอนสเตอร์นั้นมีทั้งเจ้ามอนสเตอร์หน้าตาคล้ายหมูที่มีชื่อว่า Orc หลายสิบตัว
และยังมีมอนสเตอร์หน้าตาคล้ายหมาที่ชื่อ Kobold อีกมากกว่าร้อยตัว
ซึ่งในตอนนี้พวกมันกำลังไล่ล่าสังหารพวกทหารที่บาดเจ็บ และชาวเมืองที่พยายามวิ่งหนีอย่างโหดเหี้ยม
「มายุซามะ พวกทหารเตรียมตัวพร้อมแล้วครับ!!!」
เอดก้าซังวิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ
เอดก้าซังนั้นเป็นพี่ชายของคุณหนูอาเรียผู้ปกครองอาณาเขตตระกูลเมลริส
อีกทั้งเค้าก็ยังมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทหารพรานที่ 1 ซึ่งเป็นกำลังหลักของพวกเราในครั้งนี้
ในครั้งนี้ทัตสึยะซังได้แบ่งกำลังออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้คนและควบคุมสถานการณ์รอบๆเมือง
สำหรับปาร์ตี้ของชั้นนั้นได้รับหน้าที่ในการทวงคืนและปกป้องประตูเมืองชั้นในทั้งสองประตูที่ถูกกองทหารของศาสนจักรยึดเอาไว้
สำหรับหน้าที่ของพวกเรานั้นจำเป็นจะต้องใช้กำลังคนเป็นจำนวนมาก
เพราะเหตุนั้นทัตสึยะซังจึงได้ให้ชั้นรับหน้าที่บัญชาการกองทหารพรานทั้งสองกองจำนวน
600 นาย หน่วยเมดติดอาวุธ 40 คน และนักรบเผ่าดาร์คเอล์ฟอีกจำนวน 100 คน
การจะยึดคืนประตูทั้งสองนั้นจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังคน
แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าแล้วชั้นคาดว่าพวกเราคงจะมีเวลาให้จัดการไม่มากนัก
「ชั้นคิดว่าพวกเราคงจะต้องแบ่งกำลังกันออกไปนะคะ
」
ชั้นหันไปปรึกษากับทุกคนเกี่ยวกับเรื่องการแบ่งกำลังคน
「พวกชั้นเองก็มีความคิดแบบเดียวกันค่ะ」
「สั่งการมาได้เลยค่ะ มายุซามะ」
และกับความคิดของชั้นทุกคนก็ดูจะมีความเห็นตรงกัน สงครามในครั้งนี้ไม่ใช่สงครามของพวกเรา
ดังนั้นเป้าหมายจึงไม่ใช่ชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบแต่เป็นการช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
「ถ้างั้นก็.......อาโอยจัง อากาเนะจัง พวกเธอช่วยนำกองทหารพรานที่
2 จำนวน 300 นาย และนักรบดาร์คเอล์ฟอีก 50 นายไปช่วยเหลือผู้คนและยึดประตูเมืองชั้นในทิศใต้ทีนะคะ」
ชั้นหันไปสั่งการกับอาโอยจัง อากาเนะจัง รวมถึงพวกหัวหน้าของกองทหารทั้งหมด
และเมื่อพวกเค้าได้รับคำสั่งพวกเค้าก็รีบวิ่งออกไปจากห้องบัญชาการบนเรือเหาะในทันที
「พวกเราจะต้องเป็นกองหน้าในจัดการกับไอ้พวก Orc น่าเกลียด!! ยกดาบของพวกเจ้าขึ้นและใช้มันในการปกป้องผู้อ่อนแอ!!! ชัยชนะและเกรียติยศในครั้งนี้จะถูกบอกต่อไปจนชั่วลูกหลาน!!! ออกไปจัดการกับไอ้พวกนักบวชจอมปลอมและไอ้มอนสเตอร์หน้าหมูกัน!!!」
「「「โอ้!!!」」」
เอดก้าซังได้ออกคำสั่งให้กับกองทหารพรานที่ 1 ด้วยคำพูดปลุกใจที่ดูน่าเกรงขาม
จากนั้นพวกเค้าก็โรยตัวลงไปลงจากเรือเหาะด้วยเชือก พวกเค้าเข้าไปแทรกแซงพื้นที่การต่อสู้บริเวณประตูเมืองชั้นในทิศเหนือด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม
「ฝากเรื่องการสนับสนุนด้วยนะคะลูเชียเร่ซัง」
「วางใจได้เลยค่ะมายุซามะ!
พวกเราจะไม่ปล่อยให้มอนสเตอร์พวกนั้นเข้าทำอันตรายมายุซามะอย่างแน่นอน!!」
ลูเชียเร่ซังผู้เป็นผู้นำของเหล่านักรบดาร์คเอล์ฟตอบกลับคำพูดของชั้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งฝีมือการยิงธนูและการใช้เวทมนต์จากระยะไกลของพวกเค้านั้นเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
ดังนั้นชั้นจึงได้ฝากเรื่องการสนับสนุนจากแนวหลังให้พวกเค้าจัดการทั้งหมด
「ริเอลจัง ชิโฮะซัง พวกเราก็ออกล่ากันเถอะค่ะ!!」

「「「เอ้!! เอ้!!! โอ้!!!!」」」
ชั้นร่ายสกิล Enchant
Lighting LV9 ให้กับพวกเมดทุกคนที่ใช้อาวุธประชิดรวมถึงตัวชั้นเองและชิโฮะซัง
จากนั้นก็โรยตัวลงไปด้านล่างและวิ่งเข้าไปปะทะกับพวกมอนสเตอร์น่าเกลียดเหล่านั้นในทันที
ชั้นตวัดหอกแทงออกไป กลับตัวหลบไปอีกด้านและก็แทงออกไป
กระโดดเหยียบหลังพวก Orc ที่กำลังเสียหลักและแทงเข้าไปที่หลังคอ จากนั้นก็กระโดดพุ่งไปยังพวก Kobold
และฟาดหอกเข้าใส่จนพวกมันกระเด็นลอยออกไป
มอนสเตอร์ทุกตัวที่เข้ามาในระยะถูกพวกเราสังหารอย่างรวดเร็วและไร้ปราณี
ส่วนพวกที่ไม่อยู่ในระยะหรือพยายามจะหนีก็ได้ถูกเวทมนต์น้ำแข็งและลูกธนูจำนวนมากพุ่งเข้าใส่จากบนเรือเหาะ
เสียงอวดครวญของพวกมอนสเตอร์ดังก้องกังวาลไปทั่วสนามรบ
เมื่อได้โอกาสชิโฮะซังก็เริ่มพาพวกทหารที่บาดเจ็บรวมถึงพวกชาวเมืองที่ยังรอดชีวิตอพยพไปยังเรือเหาะของพวกเรา
ด้วยเวทมนต์ธาตุลมของชิโฮะซังทำให้การขนย้ายผู้คนนั้นสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่พวกเรานั้นไม่มีเวทรักษาจึงทำได้แค่เพียงให้ยาและรักษาบาดแผลเบื้องต้นเท่านั้น
หลังจากนี้คงจะต้องส่งตัวพวกที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสต่อไปให้กับพวกยูเมะซังช่วยรักษาให้
แต่เนื่องจากชั้นไม่มีเวลามากพอจะไปดูแลพวกคนเจ็บ
ชั้นจึงได้สั่งให้พวกเมดจัดการไปตามความเหมาะสมโดยไม้ต้องรอคำสั่ง
ในเวลานี้พวกเราจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับภารกิจที่ไดรับมาจากทัตสึยะซังเสียก่อน
เมื่อคิดได้แบบนั้นชั้นก็เริ่มออกวิ่งไปยังแนวหน้าที่พวกเอดก้าซังกำลังต่อสู้อยู่
พวกเอดก้าซังกำลังตั้งขบวนทัพและเคลื่อนที่เข้าจัดการกับพวกมอนสเตอร์และกองทหารเกราะเหล็กของศาสนจักรที่ตั้งรับอยู่ด้านบนของกำแพง
การบุกขึ้นไปยังกำแพงนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องยาก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเอดก้าซังก็สามารถฝ่าขึ้นไปได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก
ซึ่งก็คงจะต้องขอบคุณผ้าคลุมกันไฟที่สามารถป้องกันลูกธนูไฟรวมถึงลูกไฟจากพวกอัศวินไวเวิร์นได้โดยอย่างไร้รอยขีดข่วน
「ขอเหยียบหน่อยนะคะ!!」
ชั้นกระโดดเหยียบไหลนายทหารคนหนึ่งเพื่อปีนขึ้นไปด้านบนกำแพงอย่างรวดเร็ว
และเมื่อมาถึงชั้นก็เหวี่ยงหอกขึ้นสูงและตวัดเข้าใส่กองทหารของศัตรูที่กำลังตั้งขบวนโล่ขึ้นมา
พวกทหารที่ถูกจู่โจมโดยคาดไม่ถึงกระเด็นลอยออกไป บ้างก็ร่วงหล่นไปยังด้านล่าง
บ้างก็กระแทกกับกำแพงหินจนสลบไป
กับพวกทหารศาสนจักรที่กำลังสับสนนั้นชั้นไม่ปล่อยให้พวกมันได้ตั้งตัว
「Estellreg
Skill: Chain Thunder!!!」
ชั้นเสียบหอกลงบนร่างของทหารศัตรูนายหนึ่งพร้อมกับใช้สกิลของหอก Estellreg
และเมื่อหอก Estellreg ได้รับมานานจำนวนมากไปจากร่างกายของชั้น มันก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา จากนั้นก็เกิดสายฟ้าเข้มข้นสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจำนวนมากหลั่งไหลออกไปตามพื้นและพุ่งเข้าใส่ยังทหารของพวกศัตรูทุกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายของพวกเค้าสลายเป็นเถ้าถ่าน
และเมื่อหอก Estellreg ได้รับมานานจำนวนมากไปจากร่างกายของชั้น มันก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา จากนั้นก็เกิดสายฟ้าเข้มข้นสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจำนวนมากหลั่งไหลออกไปตามพื้นและพุ่งเข้าใส่ยังทหารของพวกศัตรูทุกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายของพวกเค้าสลายเป็นเถ้าถ่าน
หอก Estellreg
นั้นเป็นอาวุธระดับ ☆☆☆☆☆☆☆ ที่ชั้นได้รับมาจากบอสใหญ่ของผู้พิทักษ์ในสุสานใต้ทะเล และสกิล Chain Thunder
ของมันก็เป็นสกิลวงกว้างที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องซ้ำๆให้กับศัตรูหลายต่อหลายคนได้ในการใช้เพียงครั้งเดียว
แต่เนื่องจากมันกินมานาค่อนข้างมากจึงไม่สามารถนำมาใช้ได้บ่อยนัก
「ท่านแสงสายฟ้าผู้เป็นเทพธิดาแห่งชัยชนะได้ส่งยิ้มมาให้กับพวกเราแล้ว!!
เข้าไปจัดการไอ้พวกทหารของศาสนจักรจอมปลอมให้สิ้นซาก!!」
เอดก้าซังตะโกนเสียงดังเพื่อปลุกใจพวกทหาร
พวกเค้าใช้จังหวะที่นี้กองทหารของศัตรูกำลังสับสนจากการถูกโจมตีด้วยสกิลของชั้นเข้าบดขยี้ศัตรูอย่างย่อยยับ
เพียงแค่ไม่นานหลังจากนั้นพวกเราก็สามารถยึดเอาประตูเมืองชั้นในทิศเหนือกลับคืนมาได้
แต่แล้วในตอนที่พวกเรากำลังจะเริ่มวางกำลังป้องกันก็ได้มีพวกอัศวินศักดิ์สิทธิหลายคนปรากฏตัวขึ้น
ซึ่งทุกคนที่มานั้นล้วนแล้วแต่เป็นอัศวินสาวสวยในชุดเกราะสีขาวแวววาวระยิบระยับสลักลวดลายกางเขนสีทองอันงดงาม
เมื่อเข้ามาใกล้พวกเธอก็ได้เร่งความเร็วให้กับพวกเจลโล่และกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง
พวกเธอเข้าปะทะกับกองทหารพรานของเราที่ตั้งรับอยู่บริเวณด้านล่างของกำแพงเมืองด้วยดาบและโล่
ท่วงทาในการต่อสู้และการเคลื่อนไหวของพวกเธอนั้นดูงดงามกว่าทหารทั่วไปมาก
「ดูเหมือนพวกเราจะมีของขวัญไปมอบให้กับทัตสึยะซังนอกเหนือไปจากประตูเมืองชั้นในนี่แล้วนะคะ
เอดก้าซัง」
ชั้นพูดออกมาด้วยรอยยิ้มในขณะที่มองดูการต่อสู้ของพวกเธอจากด้านบนของกำแพงเมือง
「เป็นของขวัญที่งดงามและล้ำค่าด้วยสินะครับ」
เอดก้าตอบรับกับคำพูดของชั้นด้วยรอยยิ้มทีดูชั่วร้าย
กับผู้คนที่เป็นมิตรและเข้าหาพวกเราด้วยความนอบน้อมพวกเราก็จะตอบแทนพวกเค้ากับไปด้วยไมตรี
แต่กับผู้คนที่ได้หันคมดาบเข้าหาพวกเรานั้น
พวกเค้าก็จะต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะรับการโต้ตอบกลับไปด้วยความโหดร้ายเช่นเดียวกัน
「อย่าปล่อยให้พวกเธอหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!!!」
ชั้นกำหอกในมือแน่น
กระโดดลงพุ่งไปจากกำแพงเมืองพร้อมทั้งซัดอัศวินสาวคนหนึ่งตกลงไปจากหลังของเจลโล่
จากนั้นชั้นก็ได้ตะโกนเพื่อออกคำสั่งให้กับทหารของพวกเราทุกคน
ด้วยคำสั่งของชั้นในครั้งนี้ทำให้เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิสาวสวยทั้งหมดถูกจับกลับไปในฐานะเชลยสงคราม
ถึงแม้ภายนอกจะฟังดูโหดร้ายไปเสียหน่อย
แต่การช่วยปลดปล่อยพวกเธอออกจากศาสนจักรจอมปลอมที่แสนชั่วร้ายนั้นก็อาจจะทำให้พวกเธอทุกคนได้รับชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมในภายหลังก็เป็นไปได้.....
มายุจัง... ความคิดของหนูในตอนนี้... เริ่ดมวากกกกกก!!
ตอบลบปล. ป่าสนับสนุน 1 เสียงจ๊ะ
บทน้อย แต่พอมีบทแล้วมาแรง -0-//
ลบ