ตอนที่ 52 สงครามปิดล้อมเมืองแอสคาล บทที่ 6


                                       
ช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 เดือน 4 ศักราชเอลติซปีที่ 837 ในเวลาเดียวกันกับที่ยูเมะพาเหล่าราชองค์รักษ์และหน่วยเมดติดอาวุธของมาเรียเข้ายึดลานกว้างทางทิศใต้ของปราสาทแอสคาล

-- มุมมองของมายุ --
                                         
มายุซามะ!! ดูนั่นสินะคะ!!

ริเอลจังในชุดเมดพูดขึ้นมาและชี้นิ้วของเธอไปยังภาพที่เห็นเบื้องล่าง เธอเป็นเด็กสาวเผ่าแมวขาวอายุเพียง 11 ปีที่ชั้นได้ช่วยชีวิตเอาไว้จากพวกโจรสลัด อีกทั้งเธอยังได้สูญเสียครอบครัวและเพื่อนฝูงในระหว่างการเดินทางมายังอาณาจักรออร์ธรอส เพราะเหตุนั้นชั้นจึงได้รับเลี้ยงเธอเอาไว้

นักบวชพวกนั้นบอกว่าตัวเองเป็นสาวกของพระเจ้าแท้ๆ แล้วการใช้พวกมอนสเตอร์เป็นเครื่องมือทำสงครามเพื่อเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองนี่มันเป็นประสงค์ของพระเจ้ารึ ?

ชั้นพูดออกมาโดยที่พยายามอดกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้

ภาพที่ชั้นเห็นอยู่ในตอนนี้คือมอนสเตอร์จำนวนมาก ในกลุ่มของพวกมอนสเตอร์นั้นมีทั้งเจ้ามอนสเตอร์หน้าตาคล้ายหมูที่มีชื่อว่า Orc หลายสิบตัว และยังมีมอนสเตอร์หน้าตาคล้ายหมาที่ชื่อ Kobold อีกมากกว่าร้อยตัว ซึ่งในตอนนี้พวกมันกำลังไล่ล่าสังหารพวกทหารที่บาดเจ็บ และชาวเมืองที่พยายามวิ่งหนีอย่างโหดเหี้ยม

มายุซามะ พวกทหารเตรียมตัวพร้อมแล้วครับ!!!

เอดก้าซังวิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ เอดก้าซังนั้นเป็นพี่ชายของคุณหนูอาเรียผู้ปกครองอาณาเขตตระกูลเมลริส อีกทั้งเค้าก็ยังมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทหารพรานที่ 1 ซึ่งเป็นกำลังหลักของพวกเราในครั้งนี้

ในครั้งนี้ทัตสึยะซังได้แบ่งกำลังออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้คนและควบคุมสถานการณ์รอบๆเมือง สำหรับปาร์ตี้ของชั้นนั้นได้รับหน้าที่ในการทวงคืนและปกป้องประตูเมืองชั้นในทั้งสองประตูที่ถูกกองทหารของศาสนจักรยึดเอาไว้

สำหรับหน้าที่ของพวกเรานั้นจำเป็นจะต้องใช้กำลังคนเป็นจำนวนมาก เพราะเหตุนั้นทัตสึยะซังจึงได้ให้ชั้นรับหน้าที่บัญชาการกองทหารพรานทั้งสองกองจำนวน 600 นาย หน่วยเมดติดอาวุธ 40 คน และนักรบเผ่าดาร์คเอล์ฟอีกจำนวน 100 คน

การจะยึดคืนประตูทั้งสองนั้นจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังคน แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าแล้วชั้นคาดว่าพวกเราคงจะมีเวลาให้จัดการไม่มากนัก

ชั้นคิดว่าพวกเราคงจะต้องแบ่งกำลังกันออกไปนะคะ

ชั้นหันไปปรึกษากับทุกคนเกี่ยวกับเรื่องการแบ่งกำลังคน

พวกชั้นเองก็มีความคิดแบบเดียวกันค่ะ

สั่งการมาได้เลยค่ะ มายุซามะ

และกับความคิดของชั้นทุกคนก็ดูจะมีความเห็นตรงกัน สงครามในครั้งนี้ไม่ใช่สงครามของพวกเรา ดังนั้นเป้าหมายจึงไม่ใช่ชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบแต่เป็นการช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถ้างั้นก็.......อาโอยจัง อากาเนะจัง พวกเธอช่วยนำกองทหารพรานที่ 2 จำนวน 300 นาย และนักรบดาร์คเอล์ฟอีก 50 นายไปช่วยเหลือผู้คนและยึดประตูเมืองชั้นในทิศใต้ทีนะคะ

ชั้นหันไปสั่งการกับอาโอยจัง อากาเนะจัง รวมถึงพวกหัวหน้าของกองทหารทั้งหมด และเมื่อพวกเค้าได้รับคำสั่งพวกเค้าก็รีบวิ่งออกไปจากห้องบัญชาการบนเรือเหาะในทันที

พวกเราจะต้องเป็นกองหน้าในจัดการกับไอ้พวก Orc น่าเกลียด!! ยกดาบของพวกเจ้าขึ้นและใช้มันในการปกป้องผู้อ่อนแอ!!! ชัยชนะและเกรียติยศในครั้งนี้จะถูกบอกต่อไปจนชั่วลูกหลาน!!! ออกไปจัดการกับไอ้พวกนักบวชจอมปลอมและไอ้มอนสเตอร์หน้าหมูกัน!!!

「「「โอ้!!!」」」

เอดก้าซังได้ออกคำสั่งให้กับกองทหารพรานที่ 1 ด้วยคำพูดปลุกใจที่ดูน่าเกรงขาม จากนั้นพวกเค้าก็โรยตัวลงไปลงจากเรือเหาะด้วยเชือก พวกเค้าเข้าไปแทรกแซงพื้นที่การต่อสู้บริเวณประตูเมืองชั้นในทิศเหนือด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม

ฝากเรื่องการสนับสนุนด้วยนะคะลูเชียเร่ซัง

วางใจได้เลยค่ะมายุซามะ! พวกเราจะไม่ปล่อยให้มอนสเตอร์พวกนั้นเข้าทำอันตรายมายุซามะอย่างแน่นอน!!

ลูเชียเร่ซังผู้เป็นผู้นำของเหล่านักรบดาร์คเอล์ฟตอบกลับคำพูดของชั้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง ทั้งฝีมือการยิงธนูและการใช้เวทมนต์จากระยะไกลของพวกเค้านั้นเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน ดังนั้นชั้นจึงได้ฝากเรื่องการสนับสนุนจากแนวหลังให้พวกเค้าจัดการทั้งหมด

ริเอลจัง ชิโฮะซัง พวกเราก็ออกล่ากันเถอะค่ะ!!
                                         

「「「เอ้!! เอ้!!! โอ้!!!!」」」

ชั้นร่ายสกิล Enchant Lighting LV9 ให้กับพวกเมดทุกคนที่ใช้อาวุธประชิดรวมถึงตัวชั้นเองและชิโฮะซัง จากนั้นก็โรยตัวลงไปด้านล่างและวิ่งเข้าไปปะทะกับพวกมอนสเตอร์น่าเกลียดเหล่านั้นในทันที

ชั้นตวัดหอกแทงออกไป กลับตัวหลบไปอีกด้านและก็แทงออกไป กระโดดเหยียบหลังพวก Orc ที่กำลังเสียหลักและแทงเข้าไปที่หลังคอ จากนั้นก็กระโดดพุ่งไปยังพวก Kobold และฟาดหอกเข้าใส่จนพวกมันกระเด็นลอยออกไป

มอนสเตอร์ทุกตัวที่เข้ามาในระยะถูกพวกเราสังหารอย่างรวดเร็วและไร้ปราณี ส่วนพวกที่ไม่อยู่ในระยะหรือพยายามจะหนีก็ได้ถูกเวทมนต์น้ำแข็งและลูกธนูจำนวนมากพุ่งเข้าใส่จากบนเรือเหาะ เสียงอวดครวญของพวกมอนสเตอร์ดังก้องกังวาลไปทั่วสนามรบ

เมื่อได้โอกาสชิโฮะซังก็เริ่มพาพวกทหารที่บาดเจ็บรวมถึงพวกชาวเมืองที่ยังรอดชีวิตอพยพไปยังเรือเหาะของพวกเรา ด้วยเวทมนต์ธาตุลมของชิโฮะซังทำให้การขนย้ายผู้คนนั้นสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก

แต่พวกเรานั้นไม่มีเวทรักษาจึงทำได้แค่เพียงให้ยาและรักษาบาดแผลเบื้องต้นเท่านั้น หลังจากนี้คงจะต้องส่งตัวพวกที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสต่อไปให้กับพวกยูเมะซังช่วยรักษาให้ แต่เนื่องจากชั้นไม่มีเวลามากพอจะไปดูแลพวกคนเจ็บ ชั้นจึงได้สั่งให้พวกเมดจัดการไปตามความเหมาะสมโดยไม้ต้องรอคำสั่ง

ในเวลานี้พวกเราจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับภารกิจที่ไดรับมาจากทัตสึยะซังเสียก่อน เมื่อคิดได้แบบนั้นชั้นก็เริ่มออกวิ่งไปยังแนวหน้าที่พวกเอดก้าซังกำลังต่อสู้อยู่

พวกเอดก้าซังกำลังตั้งขบวนทัพและเคลื่อนที่เข้าจัดการกับพวกมอนสเตอร์และกองทหารเกราะเหล็กของศาสนจักรที่ตั้งรับอยู่ด้านบนของกำแพง การบุกขึ้นไปยังกำแพงนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเอดก้าซังก็สามารถฝ่าขึ้นไปได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก

ซึ่งก็คงจะต้องขอบคุณผ้าคลุมกันไฟที่สามารถป้องกันลูกธนูไฟรวมถึงลูกไฟจากพวกอัศวินไวเวิร์นได้โดยอย่างไร้รอยขีดข่วน

ขอเหยียบหน่อยนะคะ!!

ชั้นกระโดดเหยียบไหลนายทหารคนหนึ่งเพื่อปีนขึ้นไปด้านบนกำแพงอย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงชั้นก็เหวี่ยงหอกขึ้นสูงและตวัดเข้าใส่กองทหารของศัตรูที่กำลังตั้งขบวนโล่ขึ้นมา พวกทหารที่ถูกจู่โจมโดยคาดไม่ถึงกระเด็นลอยออกไป บ้างก็ร่วงหล่นไปยังด้านล่าง บ้างก็กระแทกกับกำแพงหินจนสลบไป

กับพวกทหารศาสนจักรที่กำลังสับสนนั้นชั้นไม่ปล่อยให้พวกมันได้ตั้งตัว

Estellreg Skill: Chain Thunder!!!

ชั้นเสียบหอกลงบนร่างของทหารศัตรูนายหนึ่งพร้อมกับใช้สกิลของหอก Estellreg 

และเมื่อหอก Estellreg ได้รับมานานจำนวนมากไปจากร่างกายของชั้น มันก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา จากนั้นก็เกิดสายฟ้าเข้มข้นสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจำนวนมากหลั่งไหลออกไปตามพื้นและพุ่งเข้าใส่ยังทหารของพวกศัตรูทุกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายของพวกเค้าสลายเป็นเถ้าถ่าน

หอก Estellreg นั้นเป็นอาวุธระดับ ☆☆☆☆☆ ที่ชั้นได้รับมาจากบอสใหญ่ของผู้พิทักษ์ในสุสานใต้ทะเล และสกิล Chain Thunder ของมันก็เป็นสกิลวงกว้างที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องซ้ำๆให้กับศัตรูหลายต่อหลายคนได้ในการใช้เพียงครั้งเดียว แต่เนื่องจากมันกินมานาค่อนข้างมากจึงไม่สามารถนำมาใช้ได้บ่อยนัก

ท่านแสงสายฟ้าผู้เป็นเทพธิดาแห่งชัยชนะได้ส่งยิ้มมาให้กับพวกเราแล้ว!! เข้าไปจัดการไอ้พวกทหารของศาสนจักรจอมปลอมให้สิ้นซาก!!

เอดก้าซังตะโกนเสียงดังเพื่อปลุกใจพวกทหาร พวกเค้าใช้จังหวะที่นี้กองทหารของศัตรูกำลังสับสนจากการถูกโจมตีด้วยสกิลของชั้นเข้าบดขยี้ศัตรูอย่างย่อยยับ

เพียงแค่ไม่นานหลังจากนั้นพวกเราก็สามารถยึดเอาประตูเมืองชั้นในทิศเหนือกลับคืนมาได้ แต่แล้วในตอนที่พวกเรากำลังจะเริ่มวางกำลังป้องกันก็ได้มีพวกอัศวินศักดิ์สิทธิหลายคนปรากฏตัวขึ้น ซึ่งทุกคนที่มานั้นล้วนแล้วแต่เป็นอัศวินสาวสวยในชุดเกราะสีขาวแวววาวระยิบระยับสลักลวดลายกางเขนสีทองอันงดงาม

เมื่อเข้ามาใกล้พวกเธอก็ได้เร่งความเร็วให้กับพวกเจลโล่และกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง พวกเธอเข้าปะทะกับกองทหารพรานของเราที่ตั้งรับอยู่บริเวณด้านล่างของกำแพงเมืองด้วยดาบและโล่ ท่วงทาในการต่อสู้และการเคลื่อนไหวของพวกเธอนั้นดูงดงามกว่าทหารทั่วไปมาก

ดูเหมือนพวกเราจะมีของขวัญไปมอบให้กับทัตสึยะซังนอกเหนือไปจากประตูเมืองชั้นในนี่แล้วนะคะ เอดก้าซัง

ชั้นพูดออกมาด้วยรอยยิ้มในขณะที่มองดูการต่อสู้ของพวกเธอจากด้านบนของกำแพงเมือง

เป็นของขวัญที่งดงามและล้ำค่าด้วยสินะครับ

เอดก้าตอบรับกับคำพูดของชั้นด้วยรอยยิ้มทีดูชั่วร้าย กับผู้คนที่เป็นมิตรและเข้าหาพวกเราด้วยความนอบน้อมพวกเราก็จะตอบแทนพวกเค้ากับไปด้วยไมตรี

แต่กับผู้คนที่ได้หันคมดาบเข้าหาพวกเรานั้น พวกเค้าก็จะต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะรับการโต้ตอบกลับไปด้วยความโหดร้ายเช่นเดียวกัน

อย่าปล่อยให้พวกเธอหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!!!

ชั้นกำหอกในมือแน่น กระโดดลงพุ่งไปจากกำแพงเมืองพร้อมทั้งซัดอัศวินสาวคนหนึ่งตกลงไปจากหลังของเจลโล่ จากนั้นชั้นก็ได้ตะโกนเพื่อออกคำสั่งให้กับทหารของพวกเราทุกคน

ด้วยคำสั่งของชั้นในครั้งนี้ทำให้เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิสาวสวยทั้งหมดถูกจับกลับไปในฐานะเชลยสงคราม

ถึงแม้ภายนอกจะฟังดูโหดร้ายไปเสียหน่อย แต่การช่วยปลดปล่อยพวกเธอออกจากศาสนจักรจอมปลอมที่แสนชั่วร้ายนั้นก็อาจจะทำให้พวกเธอทุกคนได้รับชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมในภายหลังก็เป็นไปได้.....

2 ความคิดเห็น:

  1. มายุจัง... ความคิดของหนูในตอนนี้... เริ่ดมวากกกกกก!!

    ปล. ป่าสนับสนุน 1 เสียงจ๊ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. บทน้อย แต่พอมีบทแล้วมาแรง -0-//

      ลบ