ช่วงกลางดึกของวันที่ 11 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 836
เนื่องจากการประชุมได้จบลง
ภายในห้องรับรองตอนนี้จึงเพียงผม ยูฟีน่า เคานท์เตสเมลติน่า และมาเรียจังเท่านั้น
「มาถึงขั้นนี้แล้วผมก็ขอพูดตรงๆ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้แจ้งให้ทราบ
แต่หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว
ผมจะจัดงานแต่งและรับยูฟีน่ามาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องแน่นอนครับ」
กับคำพูดของผมนั้นเคานท์เตสเมลติน่าก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน
แต่ลูกสาวของเธอกลับมีท่าทีลนลานและตอบรับกลับมาด้วยความเขินอาย
「เอ๋!....ตะ....แต่ง...ค่ะ」
「อ๊าร่า หนุ่มสาวสมัยนี้ไฟแรงกันจังเลยนะจ๊ะ
แค่รู้จักกันไม่นานก็คิดถึงอนาคตกันแล้ว ทำเอาดิชั้นนึกไปถึงคุณสามีในสมัยที่เค้ายังหนุ่มๆเลย」
ถึงแม้จะเป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่อ่อนโยน
แต่กับคำพูดของเคานท์เตสเมลติน่านั้น ทำเอาผมรู้สึกเย็นวูบไปทั่วทั้งร่างกายเลยทีเดียว
「ถึงพวกเรารู้จักกันเพียงไม่นาน
แต่ผมก็รักยูฟีน่าไม่น้อยไปกว่าคู่หมั้นคนอื่นเลยนะครับ」
「ทัตสึยะซัง.....」
ผมพูดพร้อมกับกุมมือของยูฟีน่าเอาไว้
และบอกให้มาเรียจังนำเอากล่องเครื่องประดับที่ของได้เตรียมเอาไว้ออกมาให้ยูฟีน่าและเคานท์เตสเมลติน่าดู
「มันอาจจะไม่ใช่ของมีราคานัก
แต่ก็เป็นของที่ผมคัดเลือกมาอย่างดี ผมอยากจะมอบมงกุฎอัญมณีอันนี้ให้กับยูฟีน่าเป็นของหมั้นน่ะครับ」
「อ๊าร่า ช่างเป็นมงกุฎอัญมณีที่งดงามจริงๆ
ลูกว่างั้นมั๊ยยูฟีน่า」
เคานท์เตสเมลติน่าพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม มงกุฎอัญมณีตรงหน้าของพวกเราในตอนนี้เป็นมงกุฎเพชรที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีสีชมพูสดใสเป็นประกาย
เนื่องจากฐานะของยูฟีน่าในตอนนี้ไม่ได้เป็นเพียงบุตรสาวคนรองของตระกูลขุนนาง
แต่เธอเป็นถึงผู้ปกครองอาณาจักร ดังนั้นของสำหรับใช้ในการหมั้นจึงต้องถูกยกระดับขึ้นตามไปด้วย
「เอ๋...เอ่อ....แต่.....」
ยูฟีน่ามองมาทางผมด้วยสายตาเป็นกังวล
สำหรับเธอแล้วบางทีเธออาจจะคิดว่ามันมากเกินจนไป
「เธอไม่ชอบงั้นเหรอ อัญมณีสีชมพูที่ประดับอยู่นี่มันดูเข้ากับสีผมของเธอมากเลยนะ
แต่ถ้าเธอไม่ชอบผมจะลองไปหาของชิ้นอื่นดู.....」
「มะ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ชอบ
ชั้นชอบมันมากเลยค่ะ แต่มอบของล้ำค่าแบบนี้ให้กับชั้นที่เป็นเพียงคู่หมั้นลำดับที่
4 มันจะไม่ทำให้ยูเมะซามะโกรธเอาเหรอคะ....」
ถึงยูฟีน่าจะพูดออกมาอย่างนั้น
แต่ดวงตาของเธอกลับไม่อาจจะละสายตาไปจากมงกุฎอัญมณีแสนงดงามตรงหน้าไปได้
「เมื่อก่อนแม่ยังเห็นลูกชอบเอาของในบ้านมาทำเป็นมงกุฎแล้วเล่นเป็นเจ้าหญิง.....」
「ทะ ท่านแม่คะ!!」
ยูฟีน่ารีบเอามือไปปิดปากท่านแม่ของเธอด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที
「เรื่องงานหมั้นเอาไว้เท่านี้ก่อนเถอะค่ะ
ทัตสึยะซามะชั้นได้รับคำตอบจากท่านพี่โรเดริกและท่านพี่หญิงเซลฟีน่ามาแล้วค่ะ」
「ตอบกลับในวันเดียวเลยงั้นเหรอ....」
การไปเมืองเวลล่าของยูฟีน่าในวันนี้ก็เพื่อเจรจาและทำข้อตกลงกับทางโรเดริกและเซลฟีน่าผู้ที่ปกครองเมืองเวลล่าอยู่ในขณะนี้
สำหรับผลของการเจรจานั้นทางโรเดริกไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆของทางเราแม้แต่อย่างเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ยังยอมถอนทหารออกจากเมืองเวลล่า และทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้ว่า
「หากทางจักรวรรดิมีคำสั่งลงมาล่ะก็
พี่จะเป็นคนนำกองทัพอัศวินบุกไปทำสงครามกับอาณาจักรของเธอด้วยตัวเอง」
การที่โรเดริกยอมถอนทหารและยกเมืองเวลล่าให้เรากับโดยง่ายนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะข่าวของเมืองกูสตาฟที่ยูฟีน่านำไปแจ้ง
อีกทั้งโรเดริกนั้นยังเป็นอัศวินที่ถูกแต่งตั้งโดยตรงจากจักรพรรดิ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เค้าจะยอมเข้าร่วมกับพวกเรา หลังจากถอนทหารออกไปแล้วเค้านำกำลังทั้งหมดไปบุกยึดเอาเมืองกูสตาฟกลับคืนมาด้วยมือของเค้าเอง
ส่วนเซลฟีน่านั้นหลังจากใช้เวลาทบทวนดูแล้วเธอก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของทางเรา
โดยข้อเสนอที่พวกเรามอบให้กับเซลฟีน่านั้น คือตำแหน่งดยุคหญิงของอาณาจักรออร์ฟีน่า
และอาณาเขตพื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่บ้านมิลัน
โดยพวกเราจะไปสร้างเมืองป้อมปราการขึ้นให้กับเธอในบริเวณนั้นด้วยเช่นกัน
「แบบนี้พวกเราก็มีโอกาสได้เจอกับทัตสึยะซามะบ่อยขึ้นแล้วนะจ๊ะโรน่า」
「อ่ะ เอ๋! เด๋วสิคะ! ทำไมถึงมองชั้นด้วยสายตาแบบนั้นล่ะคะ!!」
และก่อนที่ยูฟีน่าจะเดินทางกลับมานั้น
เธอก็ได้มอบชุดชั้นในที่ผมฝากไปให้กับโรน่าจังแบบลับๆเรียบร้อยแล้วด้วย และตอนที่เธอเห็นของนั้นก็ดูเหมือนยัยโรน่าจะเขินจนหน้าแดงก่ำเลยทีเดียว
หลังจากพูดคุยกันจบก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
เคานท์เตสเมลติน่าจึงบอกลากับพวกเราและกลับไปยังห้องของเธอ
「นี่ก็ดึกมากแล้ว..... ยังไงก็อย่าหักโหมจนเกินไปนะจ๊ะทั้งสองคน」
「ทะ ท่านแม่!! พูดอะไรกันคะ!!」
เคานท์เตสเมลติน่าพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้นก่อนจะรีบปิดประตูหนีไป
「เห้อ.....นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว…..」
หลังเคานท์เตสเมลติน่าออกจากห้องไปผมก็ล้มตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
การพบกับท่านแม่ของยูฟีน่านั้น
บางทีอาจจะทำให้สูญเสียพลังงานมากกว่าไปต่อสู้กับเผ่ามังกรก็เป็นได้
「ยินดีด้วยนะคะ นายท่าน ท่านหญิงยูฟีน่า」
มาเรียจังแสดงความยินดีกับพวกเราและเข้ามานวดไหล่ให้ผม
「ขอบใจนะมาเรียจัง」
「เธอก็ด้วยนะมาเรียจัง
ผมเองก็รักเธอไม่น้อยไปกว่าผู้หญิงคนอื่นเหมือนกันนะ」
ผมพูดพร้อมกับดึงมาเรียจังเข้ามาใกล้และประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากอันเย้ายวนและอ่อนนุ่มของเธอ
แต่เนื่องจากในวันนี้พวกเราเหนื่อยกับมามากแล้วผมจึงพาพวกเธอทั้งสองคนไปสนุกกันที่ห้องอาบน้ำและรีบเข้านอน
เช้าวันถัดมาผมก็ได้มาพบกับเด็กสาวน่ารักที่มีกิริยาท่าทางเหมือนกับพวกลูกคุณหนู
เธอมีชื่อว่า อาเรีย เมลริส เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลอัศวินเมลริส เธอมีเรือนผมสีทองเป็นประกาย
และเธอยังแต่งกายด้วยชุดโกธิคโลลิ ซึ่งมันเป็นสไตล์ชุดในแบบที่ผมชอบมากเลยทีเดียว
แต่ส่วนสำคัญที่สุดที่ดึงดูดสายตาของผมนั้นคือดวงตาของเธอ
ดวงตาข้างขวาของเธอเป็นสีม่วงส่วนข้างซ้ายนั้นเป็นสีคราม
เมื่อเด็กสาวตาสองสีที่ผมชื่นชอบมากเวลาดูอนิเมะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
หัวใจของผมจึงเต้นอย่างรุนแรงเพราะความตื่นเต้น กับเด็กสาวตรงหน้าคนนี้ผมคงจะไม่สามารถปล่อยให้เธอไปเป็นของคนอื่นได้
ดังนั้นถึงแม้จะต้องใช้วิธีขี้โกงผมก็คงต้องทำให้เธอมาเป็นของผมให้ได้
「เอ่อคือ.....เป็นอะไรหรือคะ ทัตสึยะซามะ....」
คุณหนูอาเรียถามขึ้นมาเพราะผมมัวแต่ตกตะลึงกับดวงตาสองสีของเธอ
「อ่ะ.....โทษทีนะ
เมื่อครู่ผมถูกดวงตาที่สุดแสนจะงดงามของเธอสะกดเอาไว้น่ะ」
「เอ๋! ขะ ขอโทษจริงๆค่ะ
ดิชั้นไม่คิดว่าดวงตาของชั้นจะส่งผลแบบนั้นกับทัตสึยะซามะ」
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดไปซักหน่อยจึงรีบก้มหัวและพูดขอโทษออกมา
แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วผมก็คงจะต้องใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ล่ะนะ
「นั่นสินะ ถ้าเธอยอมมาเป็นของผมล่ะก็
จะยกโทษให้ก็แล้วกัน แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้เธอไปไหนแน่ถ้าคิดจะปฏิเสธน่ะนะ.....」
ผมแสยะยิ้มแล้วพูดกดดันออกไป
ในบรรดาผู้หญิงทั้งหมดของผมนั้น เธอเป็นคนแรกที่ทำให้ผมคิดจะใช้วิธีชั่วร้ายแบบนี้
「อ่ะ เอ๋............เอ๋!!!!!!!!!!!?????????」
「ฮะ ฮะ ผมล้อเล่นน่ะ ก็ช่วยไม่ได้นี่นา
ดันมาเจอกับเด็กสาวแสนสวยอย่างเธอเข้า
ถ้าปล่อยเธอไปเป็นของผู้ชายคนอื่นล่ะก็ผมคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่เลยล่ะ.....」
ผมรีบเปลี่ยนมาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
กับผมที่เป็นถึงผู้ปกครองของอาณาจักรออร์ธรอสนั้น ไม่ว่ายังไงเธอก็มีแต่ได้ประโยชน์
ดังนั้นพูดไปเพียงแค่นี้เธอก็น่าจะเข้าใจ และยอมเป็นของผมแล้วล่ะนะ
「.........เอ่อคือ........ถ้าดิชั้นยอมเป็นของทัตสึยะซามะ........」
「กังวลเรื่องของครอบครัวงั้นเหรอ
หรือเรื่องของจักรวรรดิกันล่ะ」
「ค....แค่เล็กน้อย แค่เพียงเล็กน้อยก็ได้ ช่วยแบ่งเสบียงอาหารและอาวุธให้กับพวกชาวบ้านที่กำลังลำบาก........ขอร้องล่ะค่ะจะให้ชั้นเป็นของเล่นหรือเป็นทาสก็ได้
ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วยเถอะค่ะ」
คุณหนูอาเรียยืนขึ้นและก้มหัวขอร้อง
ดูเหมือนหมู่บ้านของเธอจะประสบปัญหาอย่างหนักจากเรื่องที่กองทัพกบฏได้ทำการปิดกั้นเส้นทาง
แต่ถึงพวกกองทัพกบฏจะทำให้ผู้คนเดือดร้อนไปมาก.........ในใจลึกๆของผมกลับรู้สึกขอบคุณพวกมันที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอกับเด็กสาวคนนี้.......
แน่ะ หาโอกาสอย่างไวเลย
ตอบลบเย้ๆมาแล้ว ขอบคุณจ้า
ตอบลบเทพทัตก็ยังไม่เข็ดสินะ555
เย้ๆมาแล้ว ขอบคุณจ้า
ตอบลบเทพทัตก็ยังไม่เข็ดสินะ555
เล้วเลวเนอะ 55555
ตอบลบสมาชิกฮาเร็มเพิ่ม 1ea
ตอบลบกว่าจะจบเรื่องสงสัยมีเป็น 100 คนแหงมๆ
ลบชิ สุดท้ายเทพทัตก็ยังรอด เติมทรูไปเยอะล่ะสิ ถึงรอดเขียงบั่นคอลูกเขยมาได้ แถมไม่วายรีบคว้าสาวเพิ่มอีกคนแถมใช้แผนตะล่อมอีกต่างหาก
ตอบลบขุ่นแม่ใจดีกว่าที่คิดเอาไว้ซะได้ วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ลบหวังว่าตอนจบ คงไม่โดนเมียตัวเองเอามีดปักอกหรอกนะ
ตอบลบอันนี้ก็ไม่แน่นะครับ คงต้องรอติดตามกันต่อไป.....แต่ยังอีกนานมากเลยครับ
ลบเพราะกะว่าเนื้อเรื่องหลักจะจบลงในบทที่ 5
แล้วต่อเนื้อเรื่องเสริมในบทที่ 6 อีกหน่อยล่ะมั้งครับ...
เห็นสาวตาสองสีที่สุดจะแฟนตาซีอย่างนี้ นึกว่าจะเสร็จเจ้าอากิซะอีก หรือที่เทพทัตรีบเพราะกลัวเจ้าอากิมาเจอ
ตอบลบนั่นสิครับอากิมาเจอเด๋วจะยุ่งต้องรีบจัดก่อน
ลบเสร็จหมีอีกนึงคน ตำรวจคับทางนี้คร้าบบบบบบบ......
ตอบลบ