ช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 19 เดือน 12 ศักราชเอลติซปีที่ 836
แต่ละปาร์ตี้เริ่มทำการรายงานผลเข้ามา
ปาร์ตี้ของฮารุกะจังและยูเมะจังที่เข้าโจมตีกองทหารรักษาการณ์บนกำแพงเมืองทิศตะวันออกนั้น
พวกเธอได้เข้ายึดหอควบคุมและคลังอาวุธเอาไว้ได้ทั้งหมด พวกทหารที่ยอมแพ้ต่างก็ถูกจับมัดและขังรวมกันเอาไว้
จากนั้นพวกเธอก็ทำการปิดผนึกประตูเมืองที่ถูกยูกะจังทำลายไปด้วยเวทมนต์
Create Stone และปล่อยให้ทหารเผ่ามนุษย์สัตว์
100 คนทำการเฝ้าเอาไว้ ก่อนจะรีบรุกคืบไปยังประตูเมืองทิศใต้
ที่ประตูทิศใต้ของเมืองในตอนนี้มีพวกชาวเมืองจำนวนมากกำลังพากันอพยพเพื่อหนีออกไปจากเมือง
สำหรับพวกที่สามารถหนีออกไปได้แล้วก็คงต้องปล่อยไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่พวกที่เหลือนั้นผมได้ฝากให้ยูเมะจังสั่งให้ทุกคนกลับไปที่บ้าน นั่นก็เพราะพวกเรามีความจำเป็นที่จะต้องสำรวจและจัดการเรื่องต่างๆอีกมากมาย
ซึ่งก็แน่นอนว่าหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ยินดีที่ปล่อยชาวเมืองทุกคนที่ต้องการจะอพยพ ให้สามารถย้ายออกไปยังเมืองอื่นๆได้โดยไม่มีการบังคับ
จากนั้นเพียงไม่นานประตูเมืองทิศใต้ก็ถูกปิดผนึกด้วยเวทมนต์
Create Stone
เช่นเดียวกับประตูทางทิศตะวันตก และถ้าหากรวมกับทางลับใต้ปราสาทเอเกียที่ยูกะจังและนานามิจังคอยเฝ้าอยู่แล้วล่ะก็
เรียกได้ว่าในตอนนี้เมืองเอเกียถูกพวกเราปิดเส้นทางเข้าออกทางบกโดยสมบูรณ์
ส่วนทางปาร์ตี้ของไอริจังและเคย์โกะจังนั้น
ดูเหมือนพวกเธอจะมีปัญหานิดหน่อยในการเจรจากับเรือบรรทุกสินค้าของพวกพ่อค้า
ถึงแม้ว่าจะท่าเรือของเมืองเอเกียจะเป็นท่าเรือสำหรับกองทัพ
แต่ดูเหมือนจะมีพวกพ่อค้าบางส่วนที่มีเส้นสายกับพวกขุนนางเข้ามาใช้งานอยู่ด้วย
และพ่อค้าพวกนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ยอมให้พวกเธอเข้าไปตรวจค้น
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก่อน
ดังนั้นผมจึงได้ฝากเรื่องนี้ให้กับไอโกะจังเป็นคนไปจัดการ ถ้าหากเป็นไอโกะจังล่ะก็
ผมไม่คิดว่าจะมีใครกล้าขัดขืนหรือคิดเล่นตุกติกอะไรกับเธออย่างแน่นอน
ไอโกะจังนั้นหน้าที่ของเธอคือการรวบตัวพวกขุนนางคนสำคัญที่อยู่ในเมือง
ซึ่งเธอก็สามารถเข้าไปควบคุมตัวขุนนางทุกคนที่ยูฟีน่ามอบรายชื่อไปให้ และนำตัวมาเข้าพบพวกเราที่ปราสาทเอเกียได้อย่างครบถ้วน
สำหรับการทำงานของเธอนั้น เรียกว่าไร้ที่ติเลยทีเดียว
สุดท้ายก็คือปาร์ตี้ของอากิโอะและยูยะ
ในการบุกเข้ายึดทำการกองอัศวินในครั้งนี้นั้น
เจ้าอากิโอะได้บุกเข้าไปถล่มซะราบ ถึงแม้พวกนั้นจะพยายามต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ สุดท้ายก็ล้มตายกันนับไม่ถ้วน
แต่เจ้าอากิโอะก็ยังพอออมมือเอาไว้บ้าง
จึงยังเหลือพวกอัศวินสาวๆหลายคนที่ยังรอดชีวิต
และถูกส่งมาให้ผมที่ปราสาท แต่ในตอนนี้ผมยังไม่มีเวลาไปดูแลพวกเธอ
ดังนั้นจึงยกเรื่องนี้ให้ยูฟีน่าช่วยจัดการให้
ในตอนนี้น่ะผมกำลังจัดการเรื่องสำคัญอยู่
เรื่องสำคัญที่ว่านั้นก็เกี่ยวข้องกับเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม
เด็กสาวคนนี้ก็คือ เวลล่า ลูกสาวของบรารอนวิลเลี่ยม
และภรรยาอย่างถูกต้องของบารอนเอลเก้น ผู้ปกครอง.....ไม่สิ
คงจะต้องเรียกว่าอดีตผู้ปกครองเมืองเอเกียแล้วล่ะนะ
「ไม่ชอบงั้นเหรอ
ผมคิดว่าเด็กสาวน่ารักอย่างเธอจะชอบน้ำผลไม้แบบนี้ซะอีกนะ」
ตั้งแต่ถูกพาตัวเข้ามาในห้องรับรอง เธอก็เอาแต่นั่งหน้าบึ้งอยู่ตลอด
เธอไม่ยอมดื่มน้ำผลไม้ และยังไม่ยอมทานคุ๊กกี้ช็อคโกแลต
ที่ผมให้คาโอริจังช่วยเตรียมมาให้เลยแม้แต่นิดเดียว
「อยากจะทำอะไรก็ทำเลยสิ!! จะมัวมาเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระอยู่ทำไมล่ะ!!」
เวลน่าตะคอกใส่ผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนจะเชิดหน้าใส่
ดูเหมือนเธอจะพอเข้าใจ ว่าทำไมเชลยศึกอย่างเธอถึงได้ถูกพาตัวมาหาผมในเวลาแบบนี้
จริงอยู่ว่ากับเด็กสาวน่ารักอย่างเธอนั้น
ผมก็อยากจะได้มาครอบครอง ไหนๆก็ได้มีโอกาสมาอยู่ในโลกที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ
ผมจึงอยากจะครอบครองเด็กสาวทุกคนที่ผมต้องการ
แต่ถึงแบบนั้นผมก็ไม่ชอบที่จะไปบังคับหรือขืนใจพวกเธอ
「เห......ทั้งๆที่เธอยังอายุแค่ 13 ปี แต่กลับคิดถึงแต่เรื่องอย่างว่างั้นเหรอ......」
「ก แกว่าไงนะ!!
ไอพวกชั้นต่ำ!! ผู้ชายอย่างแกมันก็ดีแต่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นไม่ใช่เหรอไง!!」
ผมแค่จะพูดล้อเล่นนิดหน่อย แต่ดันถูกเธอด่ากลับมาซะขนาดนั้น
ทั้งๆที่หน้าตาก็ออกจะน่ารักแท้ๆ ถ้ายอมเป็นเด็กดีล่ะก็
ผมคิดว่าจะให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขแท้ๆ
「ทั้งๆที่ในตอนนี้เธออยู่ในฐานะเชลยศึกที่จะถูกฆ่าทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ยังกล้าพูดกับผมขนาดนี้ ใจกล้าไม่เบานี่นา....」
ผมพูดพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
แน่นอนว่าที่พูดไปนั้นก็เพื่อจะขู่เด็กสาวอย่างเธอ แต่ทั้งๆที่ได้ยินแบบนั้น
เธอกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวความตายที่กำลังจะถูกมอบให้เลย
「......เอาเลยสิ จะฆ่าชั้นก็ทำได้เลย!! ดีเหมือนกัน
ชั้นเองก็เบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่เพื่อเป็นของเล่นให้กับพวกผู้ชายอย่างนายแล้ว!!」
ผมเองก่อนหน้านี้ก็เคยได้ฟังเรื่องราวของเธอมาจากยูฟีน่าอยู่บ้าง
ดูเหมือนเธอจะถูกพ่อบังคับให้มาแต่งงาน
เพื่อเป็นตัวประกันในการขอความสนับสนุนด้านกำลังทหารจากบารอนเอลเก้น
และดูจากท่าทางของเธอก็ทำให้ผมพอเข้าใจ
เธอคงจะต้องฝืนใจและอดทนมามาก สำหรับโลกใบนี้นั้น
ลูกสาวขุนนางส่วนใหญ่แทบจะไม่มีทางเลือกในการแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก
พวกเธอมักจะถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลเป็นส่วนใหญ่
「เห.....เธอไม่เสียดายชีวิตเลยงั้นสินะ.......อืมม.....งั้นผมจะส่งเธอไปขายเป็นทาส...........ไม่สิ
ส่งเธอไปให้พวกมอนสเตอร์น่าเกลียดบนภูเขาน่าจะดีกว่าล่ะมั้ง......」
พอได้ยินคำพูดของผมในครั้งนี้สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
「...........ข...เข้าใจแล้ว..........」
เวลน่าใช้มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
กับภาพของเด็กสาวที่กำลังปาดน้ำตรงหน้านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกต้องการเธอมากขึ้น
ทั้งๆที่พยายามฝืนทำตัวเข้มแข็ง
แต่ภายในกลับเปราะบาง เป็นเด็กสาวน่ารักที่ผมอยากจะได้เธอมาครอบครอง
「.......ผมแค่ล้อเธอเล่นน่ะ…….พวกเราจะมาคุยกันดีดีหน่อยไม่ได้เหรอ......」
ผมเดินเข้าไปใกล้และยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับเธอ
「.................ต้องการ...............อะไร......................」
เวลน่าเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆ ใบหน้าของเด็กสาวที่เคยงดงามในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ผมค่อยๆยื่นมือไปลูบเรือนผมของเธอช้าๆอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดออกไปว่า
「นั่นสินะ....สิ่งที่ผมต้องการ..............ก็คงเป็นหัวใจอันแสนบริสุทธิ์ของเธอ..........」
「อย่ามาพูดบ้าๆนะ!! ใครจะไปชอบคนที่คิดจะส่งชั้นไปให้กับพวกมอนสเตอร์กัน!!」
แล้วผมก็ถูกเธอตะคอกใส่อีกครั้ง
กับเด็กผู้หญิงเอาใจยากคนนี้ เห็นทีคงจะต้องใช้เวลาอีกมาก กว่าจะสามารถทำให้เธอยอมเปิดใจให้ได้
ดังนั้นผมจึงปล่อยเธอไว้ตามลำพัง และลงไปหายูกะจังที่กำลังเฝ้าทางลับใต้ดินที่เชื่อมต่อกับภายนอก
「ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นสินะ ยูกะจัง」
「เรื่องแปลกๆไม่มีหรอกค่ะ แต่พอลองสำรวจห้องต่างๆดู
ชั้นก็เจอหนังสือแปลกๆที่น่าสนใจเข้าน่ะค่ะ」
ยูกะจังพูดพร้อมกับยื่นหนังสือเล่มหนึ่งมาให้กับผม
ภายในทางลับใต้ดินนั้น นอกจากจะมีทางเชื่อมออกไปด้านนอกเมืองแล้ว มันก็ยังมีห้องเก็บของอยู่อีกหลายห้อง
และหนึ่งในนั้นก็มีห้องหนึ่ง ที่ได้เก็บรวบรวมหนังสือจำนวนมากเอาไว้
ในโลกนี้หนังสือเป็นสิ่งมีค่าที่หาได้ยากมาก
หนังสือทุกเล่มถูกผลิตขึ้นมาด้วยการเขียนมือ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเหมือนกันแต่มันก็อาจจะมีหลายส่วนที่แตกต่าง
「เห....แปลกงั้นเหรอ........นี่มัน!!」
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ค่อนข้างจะเก่ามาก
ตัวอักษรในแต่ละหน้านั้นเลือนรางจนแทบจะอ่านไม่ออก.....แต่หลังจากเปิดดูด้านในแล้วผมก็พบว่ามันแปลกจริงๆ
「แปลกใช่มั๊ยล่ะคะ
ถึงแม้ตั้งแต่มาอยู่ในโลกนี้จะไม่เคยเห็นหนังสือมาก่อน แต่พวกตัวอักษรในใบปลิวโฆษณา
หรือเมนูอาหารตามร้านค้าต่างๆก็จะใช้อักษรเฉพาะที่มีแต่ในโลกนี้
แต่ว่าในหนังสือเล่มนี้กลับถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษ...............อุ!!」
「ทำได้ดีมากเลยยูกะจัง แบบนี้ผมก็ต้องให้รางวัลเธอสินะ........」
ผมพูดพร้อมกับดึงยูกะจังเข้ามาในอ้อมกอด
ซึ่งมันก็ทำให้เธอตกใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะขัดขืน
และพูดออกมาเบาๆ
「........เอ่อ......คือ..........จะดีเหรอคะ............ยังมีเด็กสาวที่สวยกว่าชั้นอีกหลายคนกำลังรออยู่นะคะ.........」
「เธอไม่ชอบผมเหรอ ยูกะจัง」
「กับผู้ชายที่เอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง
เพื่อช่วยชั้นออกมาจากขุมนรก กับทัตสึยะซังแล้ว........ไม่มีทางที่ชั้นจะไม่ชอบหรอกค่ะ」
ยูกะจังตอบกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
และนั่นก็ทำให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมา ผมจึงอุ้มยูกะจังเข้าไปในห้องมืดๆแห่งหนึ่ง
และนั่นก็ทำให้เช้าวันนี้ กลายเป็นรุ่งเช้าที่สดใสไปในทันที
ตอนหน้าจะเป็นบทสรุป หรือก็คือตอนสุดท้ายของบบที่ 2 นี้แล้วนะครับ
ตอบลบซึ่งหลังจากเขียนตอนหน้าแล้ว คงจะต้องหายตัวยาวไปเตรียมพลอตเรื่องของบทที่ 3 อีกครับ
ชิ เทพทัตมันไม่ใช่สาย NTR เต็มขั้นรึนี่ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็เก็บ 1 ในนางเอกได้อีกคนแล้ว
ตอบลบปล. หายไปนานมากจนเกือบลงแดงตาย รีบกลับมาลงต่อไวๆ นะครับ
นี่ก็หายไปนานนะตัว ยังจะหายไปอีกเหยอ
ตอบลบแต่ว่าทัตซึหมีกะอากิหื่นนี่ มันแข่งเกมส์ล่าแต้มกันอยู่หรือเปล่าหว่า
ไม่มีการยอมกันแม้แต่น้อย
ขอบคุณจ้า อย่าหายไปนานนะ
ตอบลบขอบคุณจ้า อย่าหายไปนานนะ
ตอบลบขอบคุณครับ เจ้าอากิ...พวกตัวผู้ฆ่าซะเหี้ยนเลย ยังดีที่ในนั้นมีสาวๆถึงได้มีคนรอดมาบ้าง ไม่งั้นก็ตายทั้งหน่วย
ตอบลบขอบคุณสำหรับตอนใหม่ครับ เตรียมพลอตเรื่องของ บทที่3 แต่อย่าหายไปนานนะครับ เดียวคนอ่านลงแดงแย่ครับ
ตอบลบเทพอากิเน้นสายสัดเวท เทพทัตเน้นโลลิ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ