-- มุมมองของทัตสึยะ –
นี่ก็ผ่านมากว่า 1
เดือนแล้วตั้งแต่ที่พวกเรากลับมาจากการทำสงครามกับพวกนักบวชแห่งศาสนจักรที่เมืองแอสคาล
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ผมได้ทุ่มกำลังส่วนใหญ่ในการสร้างอาณาจักรซิสเทียซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งใหม่ให้กับพวกชาวเมืองรวมถึงบรรดาขุนนางที่พวกเราได้ช่วยเหลือมา
ตัวเมืองหลวงที่สร้างขึ้นใหม่นั้นได้ใช้ชื่อของเมืองหลวงแห่งเดิมซึ่งก็คือเมืองแอสคาล
อาณาเขตของอาณาจักรซิสเทียซึ่งเป็นอาณาจักรใหม่นั้นมีพรมแดนเชื่อมต่อกับอาณาจักรออร์ธรอสไปทางทิศตะวันออก
จำนวนประชาการทั้งหมดที่ได้ทำการลงทะเบียนและเข้าไปอยู่อาศัยในเมืองแอสคาลแห่งใหม่นี้มีจำนวนมากถึง
32,716 คน
ด้วยจำนวนประชากรที่มากขนาดนี้ ในอนาคตพวกเค้าจะต้องกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับอาณาจักรออร์ธรอสในอนาคตได้อย่างแน่นอน
「ป้อมปราการแห่งใหม่ทางตะวันตกของอาณาจักรออร์ฟีน่าภายในอาณาเขตของท่านหญิงวิคตอเรีย
ได้ทำการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
ปัญหาความอดอยากของพวกชาวเมืองแถบนั้นก็ได้รับการแก้ไขแล้ว พวกโจรป่าที่ออกอาละวาดในพื้นที่แถบนั้นเองก็ถูกกองทหารของเรากวาดล้างไปจนหมดเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน」
ในขณะนี้ผมกำลังนั่งฟังรายงานของหน่วยข่าวกรองจากเอริจังอยู่ภายในห้องทำงาน
เนื่องจากตระกูลเวริสได้ขอเข้าร่วมกับอาณาจักรออร์ฟีน่า
ผมจึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้คนของเธอที่กำลังลำบาก
และในตอนนี้ปัญหาทั้งหมดก็ดูเหมือนจะถูกแก้ไขไปแล้วเรียบร้อย
「เข้าใจละ วันนี้ยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีกรึเปล่าล่ะ?」
「ค่ะ
มีอีกเรื่องที่คาดว่าจะเป็นปัญหากับพวกเราในอนาคตอีกเรื่องค่ะ」
「หืมม....มีอะไรเกิดขึ้นอีกงั้นเหรอ」
ผมถามเอริจังกลับไปโดยที่ใช้มือข้างหนึ่งลูบคลำก้นของเจ้าหญิงเฮเลน่าที่นั่งฟังรายงานอยู่ข้างๆผมอย่างเงียบๆไปด้วย
ถ้าฟังรายงานจบเมื่อไหร่ผมก็คาดว่าจะพาเจ้าหญิงแสนสวยคนนี้ไปทำอะไรสนุกๆทำในสวนด้านหลังคฤหาสน์เสียหน่อย....
「ดูเหมือนที่เมืองหลวงของจักรวรรดิเอลติซจะเกิดการปฏิวัติขึ้น
ตัวอดีตองค์จักรวรรดิได้ถูกสังหาร และเจ้าชายเลคซิอุสผู้ทำการปฏิวัติได้ขึ้นมายึดครองอำนาจทั้งหมดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ」
「เห....แล้วเจ้าชา...จักรพรรดิองค์ใหม่เป็นยังไงบ้างล่ะ」
「จักรพรรดิองค์ใหม่ในตอนนี้กำลังเร่งรวบรวมกำลังทหารจากบรรดาอาณาจักรอาณานิคม
และยังได้มีสะสมเสบียงและจัดเตรียมยุทโธปกรณ์สำหรับสงครามเอาไว้เป็นจำนวนมาก
คาดว่าเป้าหมายของจักรพรรดิองค์ใหม่คงจะเป็นอาณาจักรของเราแน่นอนแล้วค่ะ」
「เห้อ....อยู่กันสงบๆ....ไม่เป็นกันเลยนะเนี่ย」
ผมพึมพำออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ
「หากจักรวรรดิเอลติซรวบรวมกำลังทั้งหมดล่ะก็
น่าจะมีกำลังทหารมากกว่า 500,000 นายเลยนะคะ จะไม่เป็นไรจริงๆเหรอคะ」
เฮเลน่าที่ฟังรายงานอยู่ข้างๆผมถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ถึงแม้เฮเลน่าจะมาอยู่ข้างๆผมมากกว่าหนึ่งเดือนแล้วแต่ผมก็ไม่เคยให้เธอได้รับรู้ถึงกำลังรบที่แท้จริงของอาณาจักรออร์ธรอส
ดังนั้นการที่เธอแสดงอาการกังวลออกมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
「ไม่ต้องห่วงไปหรอก
อาณาจักรออร์ธรอสของผมไม่ได้มีแค่จอมเวทอย่างเดียวหรอกนะ」
「อย่างนั้นเหรอคะ....」
「ขอบใจมากนะเอริจัง ถ้ามีอะไรสำคัญก็รายงานเข้ามาได้ทุกเมื่อ....ไม่สิ....ถึงแม้จะไม่มีอะไรสำคัญ....แต่ถ้าเธอคิดถึงผมล่ะก็....มาหาได้ทุกเมื่อเลยนะ」
ผมหันไปพูดกับเอริจังด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นจึงอุ้มเจ้าหญิงเฮเลน่าออกไปยังสวนด้านหลังของคฤหาสน์และเข้าขย้ำเธอด้วยความหื่นกระหาย.......
นี่ก็ผ่านมากว่าครึ่งปีตั้งแต่ที่ผมมายังโลกใบนี้
ต่อจากนี้คงจะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น
ตัวผมเองก็อาจจะต้องจบชีวิตลงซักวันหนึ่ง แต่ไม่ว่าหลังจากนี้จะมีสิ่งใดเกิดขึ้น
ผมก็ไม่คิดจะที่จะมานึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแม้แต่น้อย เพราะมันคงจะไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกดีไปกว่าการที่มีสาวสวยไม่ซ้ำหน้าให้ระบายความใคร่ใส่ได้ตลอดเวลาอีกแล้ว......
----------------------------------------------------------------------------------------
-- มุมมองของอากิโอะ --
ผมได้ออกเดินทางจากอาณาจักรออร์ธรอสมายังทวีปยูลูฟ
ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพื่อพาตัวยูเอสทาสสาวเผ่าเอล์ฟที่ผมมาไปขโมยมาจากบารอนวิลเลี่ยมกลับมาพบกับครอบครัวของเธอ
ซึ่งสาวๆที่ตามผมมาในครั้งนี้ด้วยก็มี ริกะจัง คาเอเดะจัง ยุยนะ
เรเชียจากเผ่าผีเสื้อดำ ยูเอล่าจากเผ่ามังกรทมิฬ และเรียสจากเผ่าแมวดำ
ตัวยูเอสนั้นถึงแม้จะเป็นเอล์ฟแต่เธอก็ไม่ทราบที่อยู่ของเผ่าพันธุ์ของเธอในปัจจุบัน
การจะไปไล่ตามหาในป่าเขาทั่วทั้งทวีปก็เป็นไปได้ยาก
แถมผมเองก็ไม่ชอบทำเรื่องน่าเบื่อแบบนั้นซะด้วยสิ เพราะเหตุนั้นผมจึงได้วางแผนเอาไว้ว่าจะให้พวกเค้าออกมาหาพวกเราเอง
ดังนั้นผมจึงได้ตัดสินใจที่จะจัดตั้งกองกำลังสำหรับช่วยเหลือพวกทาสเผ่าเอล์ฟขึ้นมาและอาศัยชื่อเสียงในการดึงดูดพวกเอล์ฟให้เข้ามาหา
แน่นอนว่าหากไปพบเจอเข้ากับทาสเผ่าอื่นๆผมก็จะช่วยออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
และก็เนื่องจากผมไม่ต้องการให้เจ้าทัตสึมันเดือดร้อน
ดังนั้นกองกำลังที่ตั้งขึ้นนี้จึงไม่อาจจะนำสัญลักษณ์ของอาณาจักรออร์ธรอสมาใช้ได้
เพราะเหตุนั้นผมจึงได้ตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ว่า กองกำลังราชสีห์ภูเขาโดยมีสัญลักษณ์เป็นรูปราชสีห์ถือดาบ
และใช้โบรานสถานแห่งหนึ่งเป็นฐานที่มั่น
กองกำลังของผมบุกเข้าโจมตีเมืองต่างๆของจักรวรรดิและช่วยเหลือเหล่าทาสหลากหลายเผ่าพันธุ์ออกมามากมายจนในตอนนี้มีสมาชิกเพื่อมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกทาสที่ท่าทางแข็งแกร่งจะถูกฝึกฝนเพื่อเข้าร่วมกับกองกำลัง ส่วนพวกที่อ่อนแอจะถูกส่งตัวไปยังอาณาจักรออร์ธรอสเพื่อทำอาชีพอื่นๆ
และก็แน่นอนว่าผมได้คัดเอาเด็กสาวที่ผมถูกใจเอาไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่สำหรับผมเท่านั้น เด็กสาวที่ท่าทางจะถูกใจเจ้าทัตสึเองผมก็ได้คัดเอาไว้ให้เช่นเดียวกัน.....
「อากิโอะซัง ในที่สุดพวกเอล์ฟที่หลบซ่อนตัวอยู่ก็ได้ส่งทูตมาแล้วค่ะ」
「ขอบใจมากนะริกะจัง เธอยังคงทำงานได้ดีเสมอเลยนะ」
ผมพูดพร้อมกับดึงริกะจังเข้ามากอด และในที่สุดก็ผมก็ได้ติดต่อกับพวกเอล์ฟเสียที
ดูเหมือนเจ้าทัตสึได้เตรียมพื้นที่ทางตะวันออกของทวีปอากัสเตรียเอาไว้ให้กับพวกเอล์ฟแล้วด้วย
เอาเถอะ.....ก็หวังว่าพวกเอล์ฟจะไม่ทำอะไรโง่ๆจนทำให้ผมต้องใช้วิธีรุนแรงเพื่อบังคับให้ทำตามล่ะนะ.....
----------------------------------------------------------------------------------------
-- มุมมองของชิซึกุ –
「ตูมมม!!!!!!!!!!! ตูมมมมม!!!!!!!!!!! ตูมมม!!!!!!!!!!!
ตูมมมมมมม!!!!!!!!!!!」
บนหน้าจอปรากฏภาพของกองหินที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบระเบิดกระจุยอย่างรุนแรง
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ
「ยืนยันเป้าหมายการทดสอบ
กระสุนทั้งหมดจากปืนใหญ่เวทของกองเรือประจัญบานที่ 4 เข้าเป้าโดยไม่มีการคลาดเคลื่อนค่ะ!!!」
วาเนซซ่าจังผู้ช่วยของชั้นหันมารายงานผลการทดสอบยิงด้วยท่าทางตื่นเต้น
ในวันนี้ชั้นได้พาขุนนางหลายคนจากหลายอาณาจักรเข้าชมการทดสอบของกองเรือประจัญบานที่
4 ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพื่อทำให้พวกเค้าได้รับรู้ว่า กองทัพเรือของอาณาจักรออร์ธรอสในตอนนี้มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
「สุดยอด!!! นี่มันสุดยอดไปเลยค่ะชิซึกุซามะ
ถ้ามีอาวุธเวทแบบนี้พวกเราไม่มีทางแพ้กองทหารของจักรวรรดิเอลติซแน่นอนเลยค่ะ」
「เยี่ยมยอดที่สุด!!
พลังทำลายของปืนใหญ่เวทเกินกว่าที่ข้าได้คาดการณ์เอาไว้มาก
กลับไปถึงอาณาจักรมิลคาร์ทเมื่อไหร่
ข้าจะรีบรายงานองค์ราชาเพื่อร่างสนธิสัญญาในทันที!!」
「ทางอาณาจักรซิสเทียของพวกเราเองก็จะได้รับมอบเรือประจัญบานแบบนี้สำหรับใช้ในการป้องกันอาณาจักรเช่นเดียวกันกับอาณาจักรออร์ฟีน่าสินะคะ?」
「ถะ ถ้าท่านพ่อต้องการเป็นศัตรูกับอาณาจักรออร์ธรอสล่ะก็
อาณาจักรของพวกเราได้ล่มสลายแน่ๆเลยนะคะท่านพี่คะ!!」
จากผลการทดสอบที่ปรากฏตรงหน้า
เหล่าขุนนางของหลากลายอาณาจักรที่เข้าร่วมชมการทดสอบต่างก็แสดงความคิดเห็นออกมา
บ้างก็แสดงความประหลาดใจ
บ้างก็แสดงความประทับใจ บ้างก็แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว
แต่ไม่ว่าพวกเค้าจะมีความคิดเห็นแบบไหน สุดท้ายแล้วพวกเค้าก็คงจะถูกพี่ชายบังคับให้ร่างสนธิสัญญาเพื่อเชื่อมความสัมพันธุ์กับอาณาจักรออร์ธรอสของเราโดยไม่มีหนทางที่จะหลีกเลี่ยง
สำหรับพี่ชายนั้น ชั้นคิดว่าพี่ชายไม่ได้มีความต้องการที่จะทำสงครามซักเท่าไหร่นัก
จริงอยู่ที่อาณาจักรของเรามีทั้งอาวุธและกำลังทหารที่แข็งแกร่ง แต่การเข้าโจมตี
คร่าชีวิต และยึดครองสิ่งของของผู้อื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่พี่ชายต้องการ
「ไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะทุกท่าน ทางอาณาจักรออร์ธรอสเพียงต้องการผูกมิตรกับพวกท่านและช่วยพาตัวเผ่าโลลิเทียกลับบ้านเท่านั้น
พวกเราไม่มีความต้องการที่จะบุกรุกอาณาจักรของพวกท่านเลยแม้แต่น้อยค่ะ」
ชั้นพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด
เรื่องของอนาคตนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายเป็นคนตัดสินใจจัดการ
แต่อย่างน้อยชั้นก็อยากจะช่วยเป็นกำลังให้พี่ชายบ้างแม้เพียงซักนิดก็ยังดี.....
----------------------------------------------------------------------------------------
-- มุมมองของอดีตราชาอัลฟรีดที่ 38 --
「ดิชั้น ซิสติน่า รูทีน เลน ซิสเทีย
ขอสาบานว่า ดิชั้นจะปกครองอาณาจักรแห่งนี้ด้วยความชอบธรรม ความรัก และความกล้าหาญ ลูกหลานของราชวงศ์ซิสเทียทุกคนจะนำพาสันติสุขและสืบทอดเจตนารมของบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น
พวกเราจะนำพาอาณาจักรซิสไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเคียงคู่ไปกับอาณาจักรออร์ธรอสตลอดจนผืนแผ่นดินนี้จะกลายเป็นเถ้าธุลี」
บุตรสาวของเรากล่าวคำสาบานต่อหน้าประชาชนกว่าสามหมื่นคนที่มารวมตัวกันบริเวณลานกว้างนอกปราสาทและคุกเข่าลง
จากนั้นท่านคาดินัลเอลิเซ่ก็ได้นำมงกุฎทองคำขาวที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีเลอค่ามากมายสุดแสนจะงดงามสวมให้กับซิสติน่า
「「「ซิสติน่าซามะ!!! ซิสติน่าซามะ!!! ซิสติน่าซามะ!!!
ซิสติน่าซามะ!!!」」」
เมื่อซิสติน่าลุกขึ้นยืน
ผู้คนทั้งหลายก็ได้ส่งเสียงตะโกนเรียกขานชื่อของซิสติน่าดังก้องกังวานไปทั่วทั้งเมือง
ในวันนี้เป็นวันที่อาณาจักรซิสเทียซึ่งเป็นแห่งใหม่ได้ทำการก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์
บุตรสาวของเราได้ขึ้นปกครองอาณาจักรแห่งนี้ในฐานะราชินีแห่งอาณาจักรซิสเทียและคู่หมั้นของทัตสึยะซามะผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอส
「ถ้าข้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองล่ะก็
ข้าคงจะไม่มีทางเชื่อในเรื่องแบบนี้แน่ๆ
การที่ท่านส่งตัวเอลิเซ่ไปยังอาณาจักรเวทมนต์นั้นดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วล่ะนะ
ท่านดยุคกราเซีย」
ข้าขยับตัวหมากบนกระดานและหันไปกล่าวกับน้องเขยของข้า ดยุคกราเซีย หากในวันนั้นพวกเราไม่อนุญาตให้เอลิเซ่เดินทางไปยังอาณาจักรเวทมนต์ล่ะก็
บางทีสายเลือดของราชวงศ์แอสกรัมอันศักดิ์สิทธิอาจจะจบลงไปแล้วก็เป็นได้
「ผู้ที่ยืนกรานจะส่งตัวเอลิเซ่ไปให้ได้นั้นคือน้องสาวท่านต่างหาก
ตัวข้าเพียงแค่ช่วยดำเนินเรื่องให้เท่านั้น」
น้องเขยของเรากล่าวตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
สำหรับคนที่บุตรสาวที่งดงามอย่างดยุคกราเซียนั้น มันคงจะไม่มีสิ่งใดที่ดีไปกว่าการได้เห็นบุตรสาวของตัวเองได้สามีที่ดี
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งโลกอีกแล้ว
「แต่นี่มันก็เหลือเชื่อจริงๆนะ
ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจอมเวทจะสามารถสร้างเมืองแอสคาลขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว
แถมยังได้เตรียมทั้งพื้นที่เพาะปลูกแสะทั้งที่สำหรับทำปศุสัตว์ให้ประชาชนของพวกเราได้ตั้งตัวกันอีกต่างหาก」
การที่สามารถสร้างเมืองขนาดใหญ่โตเพียงพอจะรองรับคนจำนวนกว่าสามหมื่นได้นั้น
นอกจากพวกเค้าจะได้รับพลังมาจากเทพธิดาแล้ว มันคงไม่มีทางคิดเป็นสิ่งอื่นไปได้จริงๆ
ทั้งๆแบบนั้นกลับยังมีพวกโง่เขลาที่ยังคิดจะต่อต้าน
ข้าล่ะนึกสงสารคนพวกนั้นเสียจริง.....
「โฮ่ ดูเหมือนท่านจะแพ้ให้กับข้าเสียแล้วนะ ท่านอัลฟรีด」
「นี่ข้าแพ้อีกแล้วรึเนี่ย ช่างเป็นเกมกระดานที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก」
โลกในตอนนี้ไม่ใช่โลกของคนแก่อย่างพวกเราอีกต่อไปแล้ว
ยุคสมัยใหม่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงได้มาถึงแล้ว
และหากยังมีใครที่ไม่ยอมคิดที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการและความคิดเก่าๆนั้น
พวกเค้าก็คงจะต้องพ่ายแพ้ไปเหมือนดังเช่นหมากกระดานนี้
----------------------------------------------------------------------------------------
ก็จบกันไปแล้วสำหรับบทที่ 3 『 The Magic Kingdom อาณาจักรแห่งมนตราและศรัทธาของผู้คน』 ตั้งแต่เขียนมาก็ผ่านไปปีกว่าแล้วนะเนี่ย
เหลือเชื่อจริงๆที่สามารถเขียนนิยายมาได้ยาวนานขนาดนี้ ฮา....
สำหรับเนื้อเรื่องในบทต่อไปซึ่งเป็นบทที่ 4 จะมีชื่อว่า 『 The Holy War สงครามศักดิ์สิทธิและอดีตคนรักผู้พัดพราก』
ซึ่งคงจะต้องใช้เวลามากมายในการวางโครงเรื่องของบทที่ 4 เหมือนเดิม
ดังนั้นเราจะหายหน้าหายตาไปซัก 3 เดือน ล่ะมั้ง ฮา....
และก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ทัตสึยะกับมากิ จะได้กลับมาเจอกันในบทนี้ การที่ทั้งสองคนต้องมาอยู่คนละฝ่ายและเข้าปะทะกันนั้นเป็นสิ่งที่ผมได้คิดเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่องนี้
แต่เหตุการณ์จะเป็นไปในทิศทางไหนนั้นต้องติดตามชมกันต่อไป
แล้วก็สุดท้ายนี้ เด็กสาวผมสีเงินที่โผล่มาบ่อยๆในบทที่ 3
จะได้รับการเฉลยแล้วว่าเป็นใครถึงแม้ส่วนใหญ่จะรู้ๆกันอยู่แล้วก็ตามทีนะ ฮา.....
แอดมีรูปของมากิไหมคับ ยังไม่เห็นหน้าตาเลย
ตอบลบยังไม่ได้ดีไซน์เลยครับ ฮา -0-//
ลบซะงั้นอ่ะ =_=lll
ลบเนื้อเรื่องกำลังเข้าเลยทีเดียว รออ่านต่อนะครับ
ตอบลบรอนานหน่อยครับรอบนี้ พึ่งจบบที่ 3 ไป
ลบได้เวลาอ่านแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
ตอบลบนิยายสนุกมากครับ ขอบคุณมาก รออ่านตอนต่อไป
ตอบลบงันสาวผมเงิน ก็หัวหน้าเมดสินะ
ตอบลบ