ตอนที่ 58 บทส่งท้าย



-- มุมมองของทัตสึยะ –

นี่ก็ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วตั้งแต่ที่พวกเรากลับมาจากการทำสงครามกับพวกนักบวชแห่งศาสนจักรที่เมืองแอสคาล

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ผมได้ทุ่มกำลังส่วนใหญ่ในการสร้างอาณาจักรซิสเทียซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งใหม่ให้กับพวกชาวเมืองรวมถึงบรรดาขุนนางที่พวกเราได้ช่วยเหลือมา

ตัวเมืองหลวงที่สร้างขึ้นใหม่นั้นได้ใช้ชื่อของเมืองหลวงแห่งเดิมซึ่งก็คือเมืองแอสคาล อาณาเขตของอาณาจักรซิสเทียซึ่งเป็นอาณาจักรใหม่นั้นมีพรมแดนเชื่อมต่อกับอาณาจักรออร์ธรอสไปทางทิศตะวันออก

จำนวนประชาการทั้งหมดที่ได้ทำการลงทะเบียนและเข้าไปอยู่อาศัยในเมืองแอสคาลแห่งใหม่นี้มีจำนวนมากถึง 32,716 คน

ด้วยจำนวนประชากรที่มากขนาดนี้ ในอนาคตพวกเค้าจะต้องกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับอาณาจักรออร์ธรอสในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ป้อมปราการแห่งใหม่ทางตะวันตกของอาณาจักรออร์ฟีน่าภายในอาณาเขตของท่านหญิงวิคตอเรีย ได้ทำการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ปัญหาความอดอยากของพวกชาวเมืองแถบนั้นก็ได้รับการแก้ไขแล้ว พวกโจรป่าที่ออกอาละวาดในพื้นที่แถบนั้นเองก็ถูกกองทหารของเรากวาดล้างไปจนหมดเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน

ในขณะนี้ผมกำลังนั่งฟังรายงานของหน่วยข่าวกรองจากเอริจังอยู่ภายในห้องทำงาน เนื่องจากตระกูลเวริสได้ขอเข้าร่วมกับอาณาจักรออร์ฟีน่า ผมจึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้คนของเธอที่กำลังลำบาก และในตอนนี้ปัญหาทั้งหมดก็ดูเหมือนจะถูกแก้ไขไปแล้วเรียบร้อย

เข้าใจละ วันนี้ยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีกรึเปล่าล่ะ?

ค่ะ มีอีกเรื่องที่คาดว่าจะเป็นปัญหากับพวกเราในอนาคตอีกเรื่องค่ะ

หืมม....มีอะไรเกิดขึ้นอีกงั้นเหรอ

ผมถามเอริจังกลับไปโดยที่ใช้มือข้างหนึ่งลูบคลำก้นของเจ้าหญิงเฮเลน่าที่นั่งฟังรายงานอยู่ข้างๆผมอย่างเงียบๆไปด้วย ถ้าฟังรายงานจบเมื่อไหร่ผมก็คาดว่าจะพาเจ้าหญิงแสนสวยคนนี้ไปทำอะไรสนุกๆทำในสวนด้านหลังคฤหาสน์เสียหน่อย....

ดูเหมือนที่เมืองหลวงของจักรวรรดิเอลติซจะเกิดการปฏิวัติขึ้น ตัวอดีตองค์จักรวรรดิได้ถูกสังหาร และเจ้าชายเลคซิอุสผู้ทำการปฏิวัติได้ขึ้นมายึดครองอำนาจทั้งหมดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ

เห....แล้วเจ้าชา...จักรพรรดิองค์ใหม่เป็นยังไงบ้างล่ะ

จักรพรรดิองค์ใหม่ในตอนนี้กำลังเร่งรวบรวมกำลังทหารจากบรรดาอาณาจักรอาณานิคม และยังได้มีสะสมเสบียงและจัดเตรียมยุทโธปกรณ์สำหรับสงครามเอาไว้เป็นจำนวนมาก คาดว่าเป้าหมายของจักรพรรดิองค์ใหม่คงจะเป็นอาณาจักรของเราแน่นอนแล้วค่ะ

เห้อ....อยู่กันสงบๆ....ไม่เป็นกันเลยนะเนี่ย

ผมพึมพำออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ

หากจักรวรรดิเอลติซรวบรวมกำลังทั้งหมดล่ะก็ น่าจะมีกำลังทหารมากกว่า 500,000 นายเลยนะคะ จะไม่เป็นไรจริงๆเหรอคะ

เฮเลน่าที่ฟังรายงานอยู่ข้างๆผมถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ถึงแม้เฮเลน่าจะมาอยู่ข้างๆผมมากกว่าหนึ่งเดือนแล้วแต่ผมก็ไม่เคยให้เธอได้รับรู้ถึงกำลังรบที่แท้จริงของอาณาจักรออร์ธรอส ดังนั้นการที่เธอแสดงอาการกังวลออกมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

ไม่ต้องห่วงไปหรอก อาณาจักรออร์ธรอสของผมไม่ได้มีแค่จอมเวทอย่างเดียวหรอกนะ

อย่างนั้นเหรอคะ....

ขอบใจมากนะเอริจัง ถ้ามีอะไรสำคัญก็รายงานเข้ามาได้ทุกเมื่อ....ไม่สิ....ถึงแม้จะไม่มีอะไรสำคัญ....แต่ถ้าเธอคิดถึงผมล่ะก็....มาหาได้ทุกเมื่อเลยนะ

ผมหันไปพูดกับเอริจังด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงอุ้มเจ้าหญิงเฮเลน่าออกไปยังสวนด้านหลังของคฤหาสน์และเข้าขย้ำเธอด้วยความหื่นกระหาย.......

นี่ก็ผ่านมากว่าครึ่งปีตั้งแต่ที่ผมมายังโลกใบนี้ ต่อจากนี้คงจะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ตัวผมเองก็อาจจะต้องจบชีวิตลงซักวันหนึ่ง แต่ไม่ว่าหลังจากนี้จะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ผมก็ไม่คิดจะที่จะมานึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแม้แต่น้อย เพราะมันคงจะไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกดีไปกว่าการที่มีสาวสวยไม่ซ้ำหน้าให้ระบายความใคร่ใส่ได้ตลอดเวลาอีกแล้ว......


----------------------------------------------------------------------------------------


-- มุมมองของอากิโอะ --

ผมได้ออกเดินทางจากอาณาจักรออร์ธรอสมายังทวีปยูลูฟ ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพื่อพาตัวยูเอสทาสสาวเผ่าเอล์ฟที่ผมมาไปขโมยมาจากบารอนวิลเลี่ยมกลับมาพบกับครอบครัวของเธอ

ซึ่งสาวๆที่ตามผมมาในครั้งนี้ด้วยก็มี ริกะจัง คาเอเดะจัง ยุยนะ เรเชียจากเผ่าผีเสื้อดำ ยูเอล่าจากเผ่ามังกรทมิฬ และเรียสจากเผ่าแมวดำ

ตัวยูเอสนั้นถึงแม้จะเป็นเอล์ฟแต่เธอก็ไม่ทราบที่อยู่ของเผ่าพันธุ์ของเธอในปัจจุบัน การจะไปไล่ตามหาในป่าเขาทั่วทั้งทวีปก็เป็นไปได้ยาก แถมผมเองก็ไม่ชอบทำเรื่องน่าเบื่อแบบนั้นซะด้วยสิ เพราะเหตุนั้นผมจึงได้วางแผนเอาไว้ว่าจะให้พวกเค้าออกมาหาพวกเราเอง

ดังนั้นผมจึงได้ตัดสินใจที่จะจัดตั้งกองกำลังสำหรับช่วยเหลือพวกทาสเผ่าเอล์ฟขึ้นมาและอาศัยชื่อเสียงในการดึงดูดพวกเอล์ฟให้เข้ามาหา แน่นอนว่าหากไปพบเจอเข้ากับทาสเผ่าอื่นๆผมก็จะช่วยออกมาด้วยเช่นเดียวกัน

และก็เนื่องจากผมไม่ต้องการให้เจ้าทัตสึมันเดือดร้อน ดังนั้นกองกำลังที่ตั้งขึ้นนี้จึงไม่อาจจะนำสัญลักษณ์ของอาณาจักรออร์ธรอสมาใช้ได้ เพราะเหตุนั้นผมจึงได้ตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ว่า กองกำลังราชสีห์ภูเขาโดยมีสัญลักษณ์เป็นรูปราชสีห์ถือดาบ และใช้โบรานสถานแห่งหนึ่งเป็นฐานที่มั่น

กองกำลังของผมบุกเข้าโจมตีเมืองต่างๆของจักรวรรดิและช่วยเหลือเหล่าทาสหลากหลายเผ่าพันธุ์ออกมามากมายจนในตอนนี้มีสมาชิกเพื่อมากขึ้นเรื่อยๆ พวกทาสที่ท่าทางแข็งแกร่งจะถูกฝึกฝนเพื่อเข้าร่วมกับกองกำลัง ส่วนพวกที่อ่อนแอจะถูกส่งตัวไปยังอาณาจักรออร์ธรอสเพื่อทำอาชีพอื่นๆ และก็แน่นอนว่าผมได้คัดเอาเด็กสาวที่ผมถูกใจเอาไว้ก่อนแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่แค่สำหรับผมเท่านั้น เด็กสาวที่ท่าทางจะถูกใจเจ้าทัตสึเองผมก็ได้คัดเอาไว้ให้เช่นเดียวกัน.....

อากิโอะซัง ในที่สุดพวกเอล์ฟที่หลบซ่อนตัวอยู่ก็ได้ส่งทูตมาแล้วค่ะ

ขอบใจมากนะริกะจัง เธอยังคงทำงานได้ดีเสมอเลยนะ

ผมพูดพร้อมกับดึงริกะจังเข้ามากอด และในที่สุดก็ผมก็ได้ติดต่อกับพวกเอล์ฟเสียที ดูเหมือนเจ้าทัตสึได้เตรียมพื้นที่ทางตะวันออกของทวีปอากัสเตรียเอาไว้ให้กับพวกเอล์ฟแล้วด้วย

เอาเถอะ.....ก็หวังว่าพวกเอล์ฟจะไม่ทำอะไรโง่ๆจนทำให้ผมต้องใช้วิธีรุนแรงเพื่อบังคับให้ทำตามล่ะนะ.....


----------------------------------------------------------------------------------------


-- มุมมองของชิซึกุ –

ตูมมม!!!!!!!!!!! ตูมมมมม!!!!!!!!!!! ตูมมม!!!!!!!!!!! ตูมมมมมมม!!!!!!!!!!!

บนหน้าจอปรากฏภาพของกองหินที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบระเบิดกระจุยอย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ

ยืนยันเป้าหมายการทดสอบ กระสุนทั้งหมดจากปืนใหญ่เวทของกองเรือประจัญบานที่ 4 เข้าเป้าโดยไม่มีการคลาดเคลื่อนค่ะ!!!

วาเนซซ่าจังผู้ช่วยของชั้นหันมารายงานผลการทดสอบยิงด้วยท่าทางตื่นเต้น ในวันนี้ชั้นได้พาขุนนางหลายคนจากหลายอาณาจักรเข้าชมการทดสอบของกองเรือประจัญบานที่ 4 ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพื่อทำให้พวกเค้าได้รับรู้ว่า กองทัพเรือของอาณาจักรออร์ธรอสในตอนนี้มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน

สุดยอด!!! นี่มันสุดยอดไปเลยค่ะชิซึกุซามะ ถ้ามีอาวุธเวทแบบนี้พวกเราไม่มีทางแพ้กองทหารของจักรวรรดิเอลติซแน่นอนเลยค่ะ

เยี่ยมยอดที่สุด!! พลังทำลายของปืนใหญ่เวทเกินกว่าที่ข้าได้คาดการณ์เอาไว้มาก กลับไปถึงอาณาจักรมิลคาร์ทเมื่อไหร่ ข้าจะรีบรายงานองค์ราชาเพื่อร่างสนธิสัญญาในทันที!!

ทางอาณาจักรซิสเทียของพวกเราเองก็จะได้รับมอบเรือประจัญบานแบบนี้สำหรับใช้ในการป้องกันอาณาจักรเช่นเดียวกันกับอาณาจักรออร์ฟีน่าสินะคะ?

ถะ ถ้าท่านพ่อต้องการเป็นศัตรูกับอาณาจักรออร์ธรอสล่ะก็ อาณาจักรของพวกเราได้ล่มสลายแน่ๆเลยนะคะท่านพี่คะ!!

จากผลการทดสอบที่ปรากฏตรงหน้า เหล่าขุนนางของหลากลายอาณาจักรที่เข้าร่วมชมการทดสอบต่างก็แสดงความคิดเห็นออกมา

บ้างก็แสดงความประหลาดใจ บ้างก็แสดงความประทับใจ บ้างก็แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว แต่ไม่ว่าพวกเค้าจะมีความคิดเห็นแบบไหน สุดท้ายแล้วพวกเค้าก็คงจะถูกพี่ชายบังคับให้ร่างสนธิสัญญาเพื่อเชื่อมความสัมพันธุ์กับอาณาจักรออร์ธรอสของเราโดยไม่มีหนทางที่จะหลีกเลี่ยง

สำหรับพี่ชายนั้น ชั้นคิดว่าพี่ชายไม่ได้มีความต้องการที่จะทำสงครามซักเท่าไหร่นัก จริงอยู่ที่อาณาจักรของเรามีทั้งอาวุธและกำลังทหารที่แข็งแกร่ง แต่การเข้าโจมตี คร่าชีวิต และยึดครองสิ่งของของผู้อื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่พี่ชายต้องการ

ไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะทุกท่าน ทางอาณาจักรออร์ธรอสเพียงต้องการผูกมิตรกับพวกท่านและช่วยพาตัวเผ่าโลลิเทียกลับบ้านเท่านั้น พวกเราไม่มีความต้องการที่จะบุกรุกอาณาจักรของพวกท่านเลยแม้แต่น้อยค่ะ

ชั้นพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด เรื่องของอนาคตนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายเป็นคนตัดสินใจจัดการ แต่อย่างน้อยชั้นก็อยากจะช่วยเป็นกำลังให้พี่ชายบ้างแม้เพียงซักนิดก็ยังดี.....


----------------------------------------------------------------------------------------


-- มุมมองของอดีตราชาอัลฟรีดที่ 38 --

ดิชั้น ซิสติน่า รูทีน เลน ซิสเทีย ขอสาบานว่า ดิชั้นจะปกครองอาณาจักรแห่งนี้ด้วยความชอบธรรม ความรัก และความกล้าหาญ ลูกหลานของราชวงศ์ซิสเทียทุกคนจะนำพาสันติสุขและสืบทอดเจตนารมของบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น พวกเราจะนำพาอาณาจักรซิสไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเคียงคู่ไปกับอาณาจักรออร์ธรอสตลอดจนผืนแผ่นดินนี้จะกลายเป็นเถ้าธุลี

บุตรสาวของเรากล่าวคำสาบานต่อหน้าประชาชนกว่าสามหมื่นคนที่มารวมตัวกันบริเวณลานกว้างนอกปราสาทและคุกเข่าลง

จากนั้นท่านคาดินัลเอลิเซ่ก็ได้นำมงกุฎทองคำขาวที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีเลอค่ามากมายสุดแสนจะงดงามสวมให้กับซิสติน่า

「「「ซิสติน่าซามะ!!! ซิสติน่าซามะ!!! ซิสติน่าซามะ!!! ซิสติน่าซามะ!!!」」」

เมื่อซิสติน่าลุกขึ้นยืน ผู้คนทั้งหลายก็ได้ส่งเสียงตะโกนเรียกขานชื่อของซิสติน่าดังก้องกังวานไปทั่วทั้งเมือง

ในวันนี้เป็นวันที่อาณาจักรซิสเทียซึ่งเป็นแห่งใหม่ได้ทำการก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์ บุตรสาวของเราได้ขึ้นปกครองอาณาจักรแห่งนี้ในฐานะราชินีแห่งอาณาจักรซิสเทียและคู่หมั้นของทัตสึยะซามะผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอส

ถ้าข้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองล่ะก็ ข้าคงจะไม่มีทางเชื่อในเรื่องแบบนี้แน่ๆ การที่ท่านส่งตัวเอลิเซ่ไปยังอาณาจักรเวทมนต์นั้นดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วล่ะนะ ท่านดยุคกราเซีย

ข้าขยับตัวหมากบนกระดานและหันไปกล่าวกับน้องเขยของข้า ดยุคกราเซีย หากในวันนั้นพวกเราไม่อนุญาตให้เอลิเซ่เดินทางไปยังอาณาจักรเวทมนต์ล่ะก็ บางทีสายเลือดของราชวงศ์แอสกรัมอันศักดิ์สิทธิอาจจะจบลงไปแล้วก็เป็นได้

ผู้ที่ยืนกรานจะส่งตัวเอลิเซ่ไปให้ได้นั้นคือน้องสาวท่านต่างหาก ตัวข้าเพียงแค่ช่วยดำเนินเรื่องให้เท่านั้น

น้องเขยของเรากล่าวตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม สำหรับคนที่บุตรสาวที่งดงามอย่างดยุคกราเซียนั้น มันคงจะไม่มีสิ่งใดที่ดีไปกว่าการได้เห็นบุตรสาวของตัวเองได้สามีที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งโลกอีกแล้ว

แต่นี่มันก็เหลือเชื่อจริงๆนะ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจอมเวทจะสามารถสร้างเมืองแอสคาลขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว แถมยังได้เตรียมทั้งพื้นที่เพาะปลูกแสะทั้งที่สำหรับทำปศุสัตว์ให้ประชาชนของพวกเราได้ตั้งตัวกันอีกต่างหาก

การที่สามารถสร้างเมืองขนาดใหญ่โตเพียงพอจะรองรับคนจำนวนกว่าสามหมื่นได้นั้น นอกจากพวกเค้าจะได้รับพลังมาจากเทพธิดาแล้ว มันคงไม่มีทางคิดเป็นสิ่งอื่นไปได้จริงๆ ทั้งๆแบบนั้นกลับยังมีพวกโง่เขลาที่ยังคิดจะต่อต้าน ข้าล่ะนึกสงสารคนพวกนั้นเสียจริง.....

โฮ่ ดูเหมือนท่านจะแพ้ให้กับข้าเสียแล้วนะ ท่านอัลฟรีด

นี่ข้าแพ้อีกแล้วรึเนี่ย ช่างเป็นเกมกระดานที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

โลกในตอนนี้ไม่ใช่โลกของคนแก่อย่างพวกเราอีกต่อไปแล้ว ยุคสมัยใหม่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงได้มาถึงแล้ว และหากยังมีใครที่ไม่ยอมคิดที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการและความคิดเก่าๆนั้น พวกเค้าก็คงจะต้องพ่ายแพ้ไปเหมือนดังเช่นหมากกระดานนี้


----------------------------------------------------------------------------------------

ก็จบกันไปแล้วสำหรับบทที่ 3 The Magic Kingdom อาณาจักรแห่งมนตราและศรัทธาของผู้คน ตั้งแต่เขียนมาก็ผ่านไปปีกว่าแล้วนะเนี่ย เหลือเชื่อจริงๆที่สามารถเขียนนิยายมาได้ยาวนานขนาดนี้ ฮา....

สำหรับเนื้อเรื่องในบทต่อไปซึ่งเป็นบทที่ 4 จะมีชื่อว่า The Holy War สงครามศักดิ์สิทธิและอดีตคนรักผู้พัดพราก

ซึ่งคงจะต้องใช้เวลามากมายในการวางโครงเรื่องของบทที่ 4 เหมือนเดิม ดังนั้นเราจะหายหน้าหายตาไปซัก 3 เดือน ล่ะมั้ง ฮา....

และก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ทัตสึยะกับมากิ จะได้กลับมาเจอกันในบทนี้ การที่ทั้งสองคนต้องมาอยู่คนละฝ่ายและเข้าปะทะกันนั้นเป็นสิ่งที่ผมได้คิดเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่องนี้ แต่เหตุการณ์จะเป็นไปในทิศทางไหนนั้นต้องติดตามชมกันต่อไป

แล้วก็สุดท้ายนี้ เด็กสาวผมสีเงินที่โผล่มาบ่อยๆในบทที่ 3 จะได้รับการเฉลยแล้วว่าเป็นใครถึงแม้ส่วนใหญ่จะรู้ๆกันอยู่แล้วก็ตามทีนะ ฮา.....

8 ความคิดเห็น:

  1. แอดมีรูปของมากิไหมคับ ยังไม่เห็นหน้าตาเลย

    ตอบลบ
  2. เนื้อเรื่องกำลังเข้าเลยทีเดียว รออ่านต่อนะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รอนานหน่อยครับรอบนี้ พึ่งจบบที่ 3 ไป

      ลบ
  3. ได้เวลาอ่านแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว

    ตอบลบ
  4. นิยายสนุกมากครับ ขอบคุณมาก รออ่านตอนต่อไป

    ตอบลบ
  5. งันสาวผมเงิน ก็หัวหน้าเมดสินะ

    ตอบลบ