ตอนที่ 5 ผู้หลบหนีจากเมือง บทที่ 1


ช่วงเช้าของวันที่ 15 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837 ช่วงเวลาเดียวกันกับที่คาโอริและมายุเปิดฉากโจมตีเมืองป้อมปราการมินิทาริส

-- มุมมองของทัตสึยะ --

นี่ก็ผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้วตั้งแต่ที่ผมและคนอื่นๆภายในห้างสรรพสินค้า Seirien ถูกวาปมายังโลกใบนี้

ในช่วงหนึ่งปีมานี้ เอริจังและไอริจังช่วยกันหาวิธีในการกลับโลกเดิมมาตลอดแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า บันทึกต่างๆของผู้คนจากโลกของเราที่เคยถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้ที่พอจะค้นพบหรือหาซื้อมาได้ก็เก่ามากจนส่วนสำคัญหายไปเสียหมด

เพราะเหตุนั้นจึงทำให้พวกเราส่วนใหญ่ที่อยากจะกลับโลกเดิมได้ถอดใจกันไปแล้ว ตัวผมเองนั้นชอบโลกใบนี้มากจึงไม่ได้มีความคิดอยากจะกลับไปเท่าไหร่นัก ที่ยังห่วงอยู่ก็มีแต่เพียงเรื่องของมากิจังเท่านั้น แต่นี่ก็มันผ่านมาตั้งนานแล้ว เพราะงั้นมากิจังเองก็อาจจะลืมเรื่องของผมแล้วมีแฟนใหม่ไปแล้วก็เป็นได้

นอกจากมากิจังแล้ว ก็ยังมีเด็กสาวอีกคนที่ผม.....

พี่คะ คนของหน่วยข่าวกรองรายงานเข้ามาว่า มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังหลบหนีออกจากเมืองด้วยทางลับใต้ดินที่โซเฟียจังเคยบอกเอาไว้ค่ะ

ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องของมากิจังอยู่ ชิซึกุก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนดังเช่นในเวลาปกติ ทั้งๆที่พวกเราอยู่ในช่วงเวลาสงครามแท้ๆ แต่ชิซึกุกลับยังสงบได้ขนาดนี้ น้องสาวของผมเองก็โตขึ้นมากแล้วสินะ

มีคนกำลังคิดจะหนีงั้นเหรอ....รอพี่สักครู่นะ...

ลืมบอกไปนิด ในตอนนี้ผมก็กำลังถล่มเมืองที่ชื่อเมอร์เรียสซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ใกล้ๆกับเมืองหลวงของจักรวรรดิเลเรียสอยู่ แล้วทั้งๆที่อยู่ในเวลาแบบนี้ทำไมถึงยังมานั่งคิดถึงเรื่องของแฟนเก่าได้น่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นสงครามที่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสที่จะได้ตอบโต้อะไรเลยยังไงล่ะ.....

เนื่องจากทางจักรพรรดิของจักรวรรดิเลเรียสปฏิเสธที่จะส่งตัวเผ่าโลลิเทียกลับคืนมาให้ แถมเจ้านั่นยังประกาศสงครามกับพวกเราโดยไม่คิดจะเจรจา มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผมจะต้องมาสั่งสอนให้มันรู้ซะบ้างใช่มั๊ยล่ะ?

ทหารกว่า 20,000 นายที่คอยปกป้องกำแพงเมืองเมอร์เรียสถูกปืนใหญ่พลังเวทจากปีกแห่งรุ่งอรุณ Wing Of Dawnซึ่งเป็นเรือเหาะประจัญบานที่ผมภาคภูมิใจยิงถล่มซะเละเทะ บอกไม่ได้เลยว่ายังมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ไหม

เช่นเดียวกันกับกองทัพเรือเหาะของศัตรูที่ถูกยิงร่วงไปทั้งๆที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาใกล้เรือเหาะของพวกเราเลยด้วยซ้ำ ตัวกำแพงเมืองที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งสุดๆเองก็พลังทลายไปทั้งแถบจนไม่เหลือซาก ไอ้แบบนี้จะเรียกว่าสงครามยังไม่ได้เลยมั้ง รู้สึกเหมือนผมกำลังรังแกคนอ่อนแอไร้ทางสู้เลยล่ะ...

มาเรียจัง สั่งให้กองพันแวร์วูล์ฟบุกเข้าเมืองได้ แล้วก็อย่าไปทำร้ายประชาชนหรือพวกทหารที่ยอมแพ้แล้วล่ะ

เนื่องจากผมได้สั่งให้กองพันแวร์วูล์ฟจำนวน 400 นายรออยู่ด้านล่างก่อนแล้ว ดังนั้นในเวลานี้จึงถึงเวลาที่พวกเค้าจะได้บุกเข้าไปยึดเมืองเสียที

รับทราบค่ะนายท่าน

เมื่อได้รับคำสั่งของผม มาเรียจังก็รีบไปสั่งการกองทหารให้บุกเข้ายึดเมืองในทันที

เอาล่ะชิซึกุ พวกเราไปดักรอพวกสาวๆที่กำลังหนีออกจากเมืองไปยังทางลับใต้ดินกันดีกว่า

ผมหันไปพูดกับชิซึกุด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายสุดๆ จากนั้นพวกเราก็นำเรือเหาะลงจอดยังบริเวณทางออกของทางลับซึ่งอยู่บริเวณเนินเขาห่างจากเมืองเมอร์เรียสไปไม่ไกลมากนัก



-- มุมมองของแอเรียส --

ชั้น แอเรียส ลา เมอร์เรียส บุตรสาวคนที่ 2 ของดยุคแอลรอสแห่งตระกูลเมอร์เรียสที่ปกครองอาณาเขตกว้างขวางและเมืองใหญ่น้อยมากมายทางตะวันออก ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงเซเลสเชียประมาณ 200 กิโลเมตร

น่าเบื่อจังเลยอ่ะ ไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำบ้างเลยเหรอไงน๊า!!

และในเช้าวันหนึ่งในขณะที่ชั้นกำลังเบื่อหน่ายอยู่กับชีวิตของลูกสาวขุนนางชั้นสูง ที่ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ภายในปราสาทเมอร์เรียสอยู่นั้น

ตูมมมมม!!」「ตูมมมมม!!」「ตูมมมมม!!」「ตูมมมมม!!

ก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้ง ห้องของชั้นเองก็สั่นไหวตามไปด้วย ถ้วยชาและข้าวของที่อยู่ในห้องหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย

อุว๊าว๊า!!! เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย ซิลเวียจัง

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สถาการณ์แบบนี้ทำให้ชั้นที่กำลังเบื่อหน่ายอยู่รู้สึกสนใจมากเลยค่ะ คือมันดูน่าสนุกยังไงไม่รู้สิ นี่มันกำลังจะมีเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะเนี่ย! การตื่นขึ้นของมอนสเตอร์ยักษ์จากใต้พิภพงั้นเหรอคะ!!

ลองดูที่บนฟ้านั่นสิคะ! คุณหนู!!

โอ้ ว๊าวววว !!!

พอชั้นมองออกไปนอกหน้าต่างตามที่ซิลเวียจังบอกนั้น ห่างออกไปไม่ไกลมากชั้นก็ได้เรือเหาะขนาดใหญ่ยักษ์สีดำสนิท ที่ด้านข้างของเรือเหาะลำนั้นมีตราสัญลักษณ์และลวดลายสีทองสลักเอาไว้ดูงดงาม

และก็ดูเหมือนว่าเจ้าเรือเหาะยักษ์ลำนั้นกำลังโจมตีเมืองของเราอยู่ล่ะค่ะ!! สุดยอดไปเลยล่ะค่ะ!! ใหญ่มากเลยล่ะค่ะ!! ใหญ่กว่าเรือเหาะหลวงของจักรวรรดิเลเรียสมากเลยนะคะเนี่ย สุดยอดไปเลยค่ะ!! ชั้นไม่เคยเห็นเรือเหาะลำใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยล่ะค่ะ!! อยากลองขึ้นไปจังเลยล่ะค่ะ!!

และในขณะที่ชั้นกำลังตื่นเต้นอยู่นั้น ประตูห้องของชั้นก็เปิดออก

มัวทำอะไรอยู่น่ะแอเรียส!! พวกเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่แล้วนะ รีบไปเก็บข้าวของ เอาแค่ของที่จำเป็นก็พอนะรู้มั๊ย!!

ท่านแม่ของชั้น แอสทีเรีย เวฟอน ลา เมอร์เรียส เปิดประตูเข้ามาโดยไม่มีการเคาะและยังพูดเสียงดังด้วยสีหน้าและท่าทางตื่นตระหนก ท่านแม่ในตอนนี้น่ะ ดูน่ากลัวมากๆเลยล่ะค่ะ!!

โดยเหตุผลที่ท่านแม่ของชั้นที่ปกติจะเป็นคนสุขุมและอ่อนโยนมาขืนเสียงกับชั้นแบบนี้นั้น ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าเป็นเพราะ เมืองเมอร์เรียสซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของตระกูลเมอร์เรียสกำลังถูกโจมตีอย่างหนักโดยเรือเหาะสีดำของอาณาจักรออร์ธรอสที่ชั้นได้เห็นจากทางหน้าต่าง

จากการโจมตีดังกล่าวนั้น ท่านแม่บอกว่าอีกไม่นานเมืองเมอร์เรียสแห่งนี้คงจะถูกยึด และถึงแม้ชั้นจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของการเมืองนัก แต่ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้พวกเราจะเป็นฝ่ายผิด

เพราะทางจักรวรรดิเลเรียสของเราเป็นฝ่ายไปประกาศสงครามแทนที่จะเลือกการเจรจา....เห้อ...ท่านช่างเป็นจักรพรรดิคนใหม่ที่งี่เง่าจริงๆ ว่างั้นมั๊ยล่ะคะ ?

เข้าใจแล้วค่ะ ท่านแม่!

เพราะไม่มีทางเลือก ชั้นจึงได้ทำตามที่ท่านแม่บอก

เห้อ พูดก็พูดเถอะค่ะ ความจริงแล้วชั้นเองก็อยากจะเจอพวกท่านจอมเวทมากกว่าวิ่งหนีไปตั้งเยอะ ไม่รู้ว่าทำไมท่านแม่ถึงต้องพาชั้นไปด้วยนะคะเนี่ย.....แต่มัน....ก็คงช่วยไม่ได้สินะคะ....

ชั้นรีบเก็บข้าวของที่จำเป็น หลักฐานยืนยันตัว เครื่องประดับและสิ่งของมีค่าที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ในเวลาจำเป็นใส่ลงในกระเป๋าเวทมนต์ จากนั้นจึงรีบตามไปพบกับท่านแม่ที่รออยู่บริเวณหน้าทางเข้าห้องลับ ซึ่งก็แน่นอนว่าซิลเวียจังเมดของชั้นเองก็จะหนีออกไปพร้อมๆกับพวกเราด้วย

ที่บริเวณหน้าทางเข้าห้องลับนั้น ท่านแม่และอัศวินหญิงอีกสิบกว่าคนรวมถึงพวกเมดอีกจำนวนหนึ่งได้มารอพร้อมสัมภาระอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อเห็นชั้นมาถึง ท่านแม่ก็ยกเชิงเทียนซึ่งเป็นเงื่อนไขสำหรับเปิดทางเข้าห้องลับ

พวกคุณอัศวินนำเข้าไปด้านในก่อนโดยถือโคมไฟเวทไปด้วย ภายในห้องลับนั้นมีประตูอยู่หลายประตู โดยพวกเราเลือกที่จะหนีไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดในการไปยังเมืองหลวง

ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมพวกเราถึงต้องไปเมืองหลวง แต่ชั้นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ เพราะเส้นทางนี้จะต้องผ่านเนินเขาและก็ป่า ดังนั้นหลังจากนี้พวกเราจะไปเจออะไรบ้างก็ไม่รู้นะคะ ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะไปเจอเข้ากับพวกมอนสเตอร์ลามกที่กำลังหื่นกระหายก็ได้ค่ะ

อุว๊า!! นี่ชั้นจะอาจจะเป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้วสินะคะ!!

ชั้นเดินตามท่านแม่ไปโดยมีซิลเวียและพวกเมดอีกหลายคนตามมาทางด้านหลัง ประมาณชั่วโมงกว่าๆในที่สุดพวกเราก็มาถึงยังแนวชายป่าซึ่งเป็นทางออก

อุว๊าต้นไม้เต็มไปหมดเลย!! นี่มันสุดยอดไปเลยค่ะ!! เนื่องจากชั้นไม่เคยได้ออกไปนอกเมืองเลยสักครั้ง ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ชั้นได้มองเห็นป่า มันดูงดงามลึกลับแล้วก็น่าหลงใหลมากเลยล่ะค่ะ

พะ พวกเธอเป็นใคร ทำไมถึงได้มารออยู่ที่นี่!!

หลังจากเดินมาได้สักพักหนึ่งคุณอัศวินก็หยุดและพูดขึ้นค่ะ...ดูเหมือนจะมีกลุ่มคนมีดักรอพวกเราอยู่ล่ะค่ะ..........พอมองดูดีดีแล้วก็เป็นกลุ่มคุณเมดล่ะค่ะ!!!

อุว๊า! มีพวกคุณเมดสาวสวยจำนวนมากกำลังยืนรอต้อนรับพวกเราอยู่ล่ะค่ะ!! พวกเมดในปราสาทเมอร์เรียสที่ว่าสวยแล้วยังสวยสู้พวกเธอไม่ได้เลยนะคะเนี่ย!!!

ต้องขอโทษด้วยที่มาขัดขวางการเดินทางในนะคะท่านดัชเชสแอสทีเรีย ดิชั้นมีชื่อว่า มาเรีย เป็นเมดส่วนตัวของทัตสึยะซามะและหัวหน้าหน่วยเมดติดอาวุธ ทัตสึยะซามะมีความต้องการที่จะเชิญทั้งสองท่านร่วมงานเลี้ยงน้ำชา ได้โปรดตามพวกเรามาด้วยนะคะ

คุณเมดสาวสวยผมแดงจับชายกระโปรงขึ้น ย่อตัวลงทักทายและพูดกับพวกเราด้วยท่าทางสง่างาม เธอช่างเป็นคุณเมดที่สวยมากจริงๆเลยค่ะ!! ขนาดชั้นเองยังรู้สึกได้ถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แพร่กระจายออกมาจากตัวเธอเลยล่ะค่ะ แถมน้ำเสียงของเธอเองก็ฟังดูไพเราะน่าหลงใหลมากด้วยล่ะค่ะ!!

นี่เธอเป็นคุณเมดหรือเจ้าหญิงกันแน่คะเนี่ย ช่างน่าสงสัยสุดๆเลยล่ะค่ะ!!

ชะ ช่วย ถะ ถอยไปก่อนค่ะ ท่านดัชเชส คุณหนู

คุณอัศวินหญิงพูดอะไรกันคะนั่นน่ะ!! ให้ถอยไปไหนเหรอคะ พวกเค้ามาเชิญพวกเราร่วมงานเลี้ยงน้ำชานะคะ!! นี่มันเสียมารยาทมากเลยนะคะที่ไปปฏิเสธการเชิญจากเจ้านายของคุณเมดที่สง่างามถึงเพียงนี้น่ะค่ะ

ลดอาวุธลงเถอะค่ะเซเรนซัง อัศวินทุกท่านก็ด้วยนะคะ ไม่มีทางที่พวกคุณจะสามารถเอาชนะหน่วยเมดติดอาวุธของอาณาจักรออร์ธรอสได้หรอกค่ะ และยิ่งผู้นำในครั้งนี้เป็นถึงเมดระดับออบซิเดียนเมดร้อยศาสตรา มาเรียซามะด้วยแล้ว เพราะงั้นแหละค่ะ ท่านดัชเชส คุณหนู ได้โปรดทำตามที่มาเรียซามะพูด อย่าได้คิดที่จะขัดขืนเลยค่ะ

ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดนั้น ซิลเวียจังเมดส่วนตัวของชั้นก็ได้เข้าไปคั่นกลางและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ เธอพูดว่าเมดร้อยศาสตราล่ะค่ะ อุว๊า เท่สุดๆไปเลยล่ะค่ะ

ซิลเวีย!! นะ นี่เธอเป็นใครกันแน่!!

แต่กับคำพูดของซิลเวียจังนั้น ท่านแม่ของชั้นกับตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะท่านแม่? วันนี้ท่านแม่ดูน่ากลัวมากเลยนะคะ....

หลังจากนั้นพวกคุณอัศวินอยู่ๆก็ล้มลงไปกับพื้นหมดเลยล่ะค่ะ ท่านแม่ที่เห็นพวกอัศวินล้มลงไปกันหมดก็เข้ามากอดชั้นไว้แน่นเลยล่ะค่ะ!!

อุว๊า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะคะ?

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ชั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลยล่ะค่ะ พวกเราคงต้องไปแต่งตัวเพื่อที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาสินะคะ? ชั้นไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นในป่ามาก่อนแต่ก็จะทำให้ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ!!!

5 ความคิดเห็น:

  1. ซื่อไปไหมหนูแอเรียส อายุเท่าไหร่เนี่ย /โดนขุ่นแม่คุณหนูตบกระเด็น

    ตอบลบ
  2. สะ...สิบขวบ!! ท่านมายุมิมีแปลนปล่อยตอนต่อไปช่วงไหนครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. 10ขวบ เพราะงั้น ก็ต้องเป็นช่วงวันที่ 10 ล่ะมั้งครับ คิดว่านะ

      ลบ