-- มุมมองของไมร่า --
เนื่องจากมีรายงานมาว่ากลุ่มอัศวินของเมืองท่ากัลน่าได้นำกำลังทหารมาปิดถนนสายหลักบริเวณนอกเมืองอาเมริส
ท่านหญิงอาเรียจึงรีบวางมือจากงานที่ทำอยู่และออกไปดูเหตุการณ์ที่บริเวณนอกกำแพงกำแพงเมืองด้วยตัวเอง
ส่วนตัวชั้นที่เป็นเมดส่วนตัวของท่านหญิงอาเรียนั้น
หลังจากแจ้งเรื่องให้กับมาเรียซามะผู้เป็นหัวหน้าเมดของทัตสึยะซามะได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
ชั้นก็รีบตรงไปยังห้องเก็บยุทโธปกรณ์สำคัญของปราสาทอาเมริสเพื่อนำเอาอุปกรณ์เวทต่างๆออกมาเตรียมพร้อม
ซึ่งหลังจากเตรียมการและสั่งงานให้กับพวกเมดติดอาวุธคนอื่นๆเรียบร้อยแล้ว
ชั้นก็รีบนำกองกำลังส่วนตัวตามท่านหญิงอาเรียออกไปในทันที
「อาเรีย เมลริส!! ทั้งๆที่เธอเป็นแค่ลูกสาวของอัศวินบ้านนอกแท้ๆ
แล้วไอ้จดหมายบังคับให้ยอมแพ้โดยไร้ข้อโต้แย้งที่ส่งมานี่มันหมายความว่ายังไงกันคะ」
ณ บริเวณนอกกำแพงเมืองอาเมริส
อัศวินสาวในชุดสีขาวผู้มีเรือนผมสีทองงดงามได้ชูจดหมายที่มีตราประทับของตระกูลเมลริสขึ้นมา
และเนื่องจากเธอพูดจากดูถูกท่านหญิงอาเรียโดยไม่ไว้หน้า
พวกทหารรักษาการณ์และผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นจึงได้แสดงท่าทางไม่พอใจพร้อมกับตะโกนเถียงกลับไป
「นี่แก!! กล้าดียังไงถึงได้มาพูดจาเสียมารยาทต่อหน้าทานหญิงอาเรียแบบนี้กัน」
「อย่ามาพูดจาว้ายร้ายท่านหญิงอาเรียนะคะ!!」
「ใช่แล้ว!! มาทางไหนก็รีบใสหางด้วนๆของพวกแกกลับไปซะ」
「ถึงพวกเธอจะเป็นลูกขุนนางของจักรวรรดิ
แต่หากยังจะมาทำตัวเสียมารยาทที่นี่ล่ะก็ ระวังแม้แต่ที่จะอยู่อาศัยก็จะไม่มีเหลือนะคะ」
อีกฝ่ายนั้นได้นำกำลังทหารมากกว่า 50
นายมาขวางกั้นบริเวณถนนสายหลักจนทำให้เกิดเหตุวุ่นวายและสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
เนื่องจากเมืองอาเมริสแห่งนี้พึ่งจะสร้างเสร็จเพียงไม่นาน
ดังนั้นถนนสายหลักเส้นนี้จึงเป็นถนนเพียงสายเดียวสำหรับการเดินทางค้าขายระหว่างอาณาเขตของเมืองอาเมริสและอาณาจักรออร์ธรอส
「ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะซิซิลี่ซัง กับคุณที่เป็นถึงหลานสาวของท่านบารอนเฮ๊กซ์นั้น
ดิชั้นไม่ได้คาดคิดเลยจริงๆค่ะว่าคุณจะไม่สามารถทำความเข้าใจกับจดหมายฉบับนี้ได้」
แต่ถึงแม้จะโดนดูถูกหรือว่าร้ายสักแค่ไหนท่านหญิงอาเรียก็ยังคงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
แต่ไม่ว่าท่านหญิงอาเรียจะพยายามตอบกลับไปอย่างสุภาพเพียงใด
อีกฝ่ายก็ยังคงเอาแต่แสดงอาหารโมโหมากขึ้นไปกว่าเดิมเท่านั้น
「นะ
นี่เธอจะบอกว่าชั้นอ่านจดหมายของไม่ออกหรือยังไงกันยะ!!」
「เอ๋! ท่านพี่อ่านเนื้อความในจดหมายไม่ออกเช่นนั้นหรือคะ」
「แหม แหม ซิซิลี่จังนี่ล่ะก็ ถ้าเป็นแบบนั้นก็รีบบอกพวกเราตั้งแต่แรกก็ได้นี่นา」
「ไม่ใช่!! ชั้นจะอ่านจดหมายแค่นี้ไม่ออกได้ยังไงกันเล่า!!」
ทั้งๆที่อ่านจดหมายของท่านหญิงอาเรียออกแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายภายในจดหมายได้
กับเรื่องนี้แล้ว บางทีชั้นก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของท่านหญิงซิซิลี่อยู่เหมือนกัน
นั่นก็เพราะท่านหญิงอาเรียมักจะพูดถึงเรื่องยากๆอยู่เสมอ
กับตัวชั้นที่มีความรู้เพียงเล็กน้อยนั้น การจะทำความเข้าใจกับหลายๆสิ่งที่ท่านหญิงอาเรียพูดก็เป็นไปได้ยากเช่นเดียวกัน
แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียง การโต้เถียงกันของทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
จนทำให้ทัตสึยะซามะต้องเป็นคนออกมาจัดการด้วยตัวเอง
「「ทะ ทัตสึยะซามะ!」」
「「ทัตสึยะซามะ!!! ยูเมะซามะ!!!」」
เพียงแค่ทัตสึยะซามะเหยียบย่างเข้ามาใกล้
เพียงแค่นั้นก็ทำให้การทะเลาะเบาะแว้งของทั้งสองฝ่ายก็ยุติลงในทันที
บรรดาทหารรักษาการณ์ที่อยู่รอบๆต่างเก็บอาวุธพร้อมทั้งปรับรูปขบวนเพื่อแสดงความเคารพ
ส่วนพวกชาวบ้านทั้งหลายที่มามุงดูอยู่ก็พากันคุกเข่าลงกับพื้น
หรือแม้แต่พวกเด็กๆที่ยังไม่รู้ความเองก็เช่นกัน
เพียงแค่พวกเค้าได้เห็นทัตสึยะซามะเท่านั้น พวกเค้าก็หยุดส่งเสียงเอะอะโวยวายและคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพเช่นเดียวกัน
「ทะ ทัตสึยะซามะ……ทัตสึยะซามะเนี่ยหรือว่าจะเป็น.....」
ดูเหมือนว่าท่านหญิงซิซิลี่จะไม่เคยพบกับทัตสึยะซามะมาก่อน
ดังนั้นเธอจึงมีท่าทีร้อนรนและมองไปรอบๆด้วยความตกใจ
「เป็นพวกเธองั้นเหรอที่นำกำลังมาขัดขวางเส้นทางการค้าขายสินค้าของผมน่ะ」
ทัตสึยะซามะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
โดยปกติแล้วทัตสึยะซามะนั้นเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยน ยิ่งกับพวกเราที่เป็นเด็กสาวแล้วนั้น
ทัตสึยะซามะก็มักจะมาพูดเล่นหยอกล้ออย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ชั้นรู้สึกถึงความกดดันและความน่ากลัวของทัตสึยะซามะผู้ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเทพสงครามทมิฬ
「ดิชั้น ซูซี่ วอน เอลแกรม ดิชั้นต้องขอโทษแทนท่านพี่หญิงสำหรับการเสียมารยาทในครั้งนี้ด้วยค่ะ」
ท่านหญิงซูซี่หนึ่งในอัศวินสาวที่ติดตามท่านหญิงซิซิลี่มาด้วยรีบออกมากล่าวขอโทษกับเรื่องเสียมารยาทที่เกิดขึ้นทั้งๆที่ขาทั้งสองข้างของเธอยังคงสั่น
ต่อหน้าแรงกดดันอันมหาศาลของทัตสึยะซามะแล้ว การกระทำที่กล้าหาญของเธอที่แสดงออกมาในครั้งนี้นั้นเรียกได้ว่าน่านับถือ
「แต่ถึงแม้มันจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทต่อท่านจอมเวท
ในฐานะลูกหลานขุนนางของจักรวรรดิแล้วนั้น
การปล่อยให้ผู้คนจากประเทศอื่นมาสร้างเมืองและถนนหนทางบนอาณาเขตที่ตระกูลของตัวเองดูแลนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ค่ะ」
ท่านหญิงซูซี่ยังคงพูดต่อทั้งๆที่ยังหวาดกลัว สำหรับตระกูลเอลแกรมนั้น
ในสมัยก่อนเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงและได้รับมอบหมายจากทางจักรวรรดิให้ดูแลปกป้องผู้คนในพื้นที่แถบนี้
การกระทำที่กล้าหาญของผู้คนในตระกูลของเธอนั้นเป็นการกระทำที่กล้าหาญและน่ายกย่อง
แม้แต่ในช่วงวิกฤตที่บรรดาขุนนางคนอื่นๆต่างหวาดกลัวและได้ทอดทิ้งทั้งเมืองและหมู่บ้านแถบนี้ไป
พวกเธอก็ยังคงช่วยเหลือผู้คนที่รอดชีวิตและรวมรวบผู้คนที่พอจะต่อสู้ได้มาปกป้องเมืองท่ากัลน่าเอาไว้
「ชะ ใช่แล้ว!! อาณาเขตพื้นที่แถบนี้เป็นของพวกเราตระกูลเอลแกรม จริงอยู่ที่ช่วงเดือนที่ผ่านมาเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นจนต้องอพยพไปที่เมืองท่ากัลน่า
แต่ในตอนนี้เรื่องราวได้สงบลงแล้ว เพราะงั้นจะเป็นจอมเวทหรืออะไรก็ช่าง
ในฐานะที่พวกเรามีสิทธิอันชอบธรรมเหนือผืนดินนี้
นายก็ควรจะคืนมันมาให้กับพวกเราถึงจะถูกสิ!!」
หลังจากบรรยากาศความกดดันเริ่มคลายลง ท่านหญิงซิซิลี่ก็ได้ลุกขึ้นและยึดอกพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยภาคภูมิใจของตระกูล
「สิทธิอันชอบธรรมอย่างงั้นเหรอ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ」
กับคำพูดของท่านหญิงซิซิลี่นั้น
ทัตสึยะซามะได้ตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนยิ้มแย้ม
แต่ภายในแล้วชั้นคิดว่ามันดูน่ากลัวเสียมากกว่า
「เข้าใจผิด.....!?......ดิชั้นเข้าใจอะไรผิดเหรอคะ....!?」
กับสีหน้าแปลกใจของท่านหญิงซิซิลี่นั้น
ทัตสึยะซามะได้แสยะยิ้มและกล่าวคำพูดที่พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่อาจจะโต้เถียงได้ออกมา
「ใช่แล้วล่ะ
เดิมทีทวีปอากัสเตรียแห่งนี้น่ะเป็นของเผ่าพันธุ์โลลิเทีย ไม่ใช่เพียงแค่ผืนดิน
ทั้งต้นไม้ใบหญ้า ทั้งก้อนหินหรือฝุ่นทราย หรือแม้กระทั่งเสบียงอาหาร เสื้อผ้า
อาวุธและข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดที่พวกเธอสวมใส่อยู่เองก็ด้วย」
「เพราะงั้นหากจะอ้างถึงสิทธิอันชอบธรรมล่ะก็
นอกจากชีวิตของพวกเธอแล้ว พวกเธอก็ควรจะคืนทั้งอาณาเขต ที่ดิน
และข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดที่บรรพบุรุษของพวกเธอได้แย่งชิงเอาไปให้แก่พวกเราที่ได้รับสิทธิในการครอบครองโดยตรงมาจากเผ่าพันธุ์โลลิเทียสิ」
คำพูดของทัตสึยะซามะที่กล่าวถึงความชอบธรรมอันแท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนได้หลงลืมไป
คำพูดเหล่านั้นทำให้หัวใจของผู้คนสั่นสะท้านไปทั่วบริเวณ ด้วยคำพูดของทัตสึยะซามะในครั้งนี้คงไม่มีใครที่จะสามารถโต้เถียงกลับไปได้
「ดิชั้นต้องขอโทษแทนคำพูดไร้เดียงสาของท่านพี่หญิงอีกครั้งด้วยค่ะ」
「ไร้เดียงสา! เธอพูดอะไรของเธ...........อู๊.....อื๊ออออ!!」
และผู้ที่ได้ก้าวออกมาทำลายความเงียบงันที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณก็คือท่านหญิงซูซี่
ท่านหญิงกล่าวคำพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งก่อนจะก้มหัวลงขอโทษด้วยท่าทางที่สง่างาม
ส่วนท่านหญิงซิซิลี่ที่กำลังพูดอะไรบางอย่างนั้น เธอได้ถูกอัศวินสาวอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆปิดปากเอาไว้ในทันที
「เอาเถอะ ต่อหน้าสาวงามอย่างพวกเธอแล้ว
จะให้ผมมาถือโทษกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็คงไม่ดี
เอาเป็นว่าผมจะทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่พี่สาวเธอพูดก็แล้วกัน」
ทัตสึยะซามะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ซึ่งหากดูจากแววตาของทัตสึยะซามะในครั้งนี้แล้ว
ดูเหมือนว่าท่านหญิงซูซี่จะทำให้ทัตสึยะซามะสนใจในตัวของเธอได้ไม่น้อย
「ต้องขอขอบคุณสำหรับน้ำใจในครั้งนี้จริงๆค่ะ แต่สำหรับพวกเราแล้วนั้น
อาณาเขตพื้นที่ในแถบนี้มีความสำคัญยิ่ง ดังนั้นแล้วดิชั้นจะขอยื่นข้อเสนอซักหน่อยจะได้มั๊ยคะ」
ถึงแม้จะไม่มีข้อโต้แย้งกับคำพูดของทัตสึยะซามะ
ท่านหญิงซูซี่ก็ยังคงยืนหยัดที่จะทวงเอาอาณาเขตพื้นที่ของตระกูลเอลแกรมกลับคืนมา
「เห........ข้อเสนองั้นเหรอ........ถ้าเป็นสิ่งที่น่าสนใจล่ะก็น่ะ..........นั่นสินะลองว่ามาสิ」
「เพื่อให้เรื่องทุกอย่างสามารถยุติลงได้โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ
ดิชั้นขอให้ท่านหญิงอาเรีย เมลริส ผู้ปกครองเมืองอาเมริสและอาณาเขตพื้นที่แถบนี้ ยอมรับการดวลจากพวกเราอัศวินแห่งเมืองท่ากัลน่าทั้ง 5 คนค่ะ」
กับข้อเสนอของท่านหญิงซูซี่นั้น ทัตสึยะซามะได้ตอบรับด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายจนทำให้ชั้นอดคิดไม่ได้ว่า
บางทีเรื่องทุกอย่างนั้นทัตสึยะซามะอาจจะคาดการณ์และต้องการให้มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้
-- Extra --
「ในที่สุดเรื่องราวก็จบลงด้วยดีนะคะ」
ห่างจากประตูเมืองไม่มาก บนยอดหอคอยแห่งหนึ่งภายในเมืองอาเมริส
เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินเป็นประกายถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ภารกิจที่เธอได้รับมาในครั้งนี้คือการทำให้อาณาเขตและหัวใจของผู้คนทางตะวันตกทั้งหมดกลายมาเป็นของอาณาจักรออร์ธรอส
และเพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องมาล้มตายโดยไม่จำเป็นเหมือนครั้งก่อน เธอจึงได้ให้คำสัญญาและขอลงมือจัดการเรื่องทั้งหมดในครั้งนี้ด้วยตัวเอง
เพื่อการนั้น เด็กสาวถึงกับต้องใช้วิธีสกปรกอย่างการปลุกเจ้า
Mercrown ขึ้นมาจากการหลับใหลอันช้านาน
หรือแม้แต่การล่อลวงเหล่ามอนสเตอร์จำนวนมากเข้าโจมตีหมู่บ้านต่างๆ
แต่ถ้าหากเธอไม่ได้เป็นคนที่คอยควบคุมดูแลด้วยตัวเองแล้วล่ะก็
บางทีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอาจจะมากมายยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่าก็เป็นได้
ดังนั้นหากพูดถึงผลลัพธ์แล้วล่ะก็ ถือว่าเธอทำภารกิจที่ได้รับออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว
「จริงอยู่ว่าในครั้งนี้เธอสามารถทำความปรารถนาของพวกเราให้เป็นจริงตามที่ได้สัญญาเอาไว้
แต่สำหรับพวกเราแล้ว
การที่เธอถึงกับต้องเปรืองตัวขนาดนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยนะคะ」
「ถึงแม้การเกลี้ยกล่อมท่านไวส์เคานต์เดอรานจะเปลืองตัวไปบ้าง
แต่การที่สามารถช่วยเหลือชีวิตของท่านหญิงโนเอลและพวกเด็กๆให้สามารถหนีออกไปได้ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่ใช่เหรอคะ......」
ในคืนนั้นเด็กสาวถึงกับยอมหลับนอนกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก เหตุผลนั้นก็เพียงเพื่อทำให้ไวส์เคานต์เดอรานยอมเชื่อและทำตามในสิ่งที่เธอพูด
ด้วยเสน่ห์จากเรือนร่างที่งดงามดุจดอกไม้แรกแย้มของเด็กสาว
เพื่อการที่จะได้ครอบครองตัวเธอนั้น แม้จะต้องส่งตัวลูกสาวไปยังมือศัตรูด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจยากเย็นแต่อย่างใด
「แต่ด้วยความสามารถของเธอแล้ว
พวกเราเชื่อว่าเธอสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมชายผู้นั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ」
เด็กสาวนั้นมีความสามารถมากมายรอบด้าน สำหรับเธอแล้วนั้น เพียงแค่ใช้วาจาและกิริยาท่าทางอันทรงเสน่ห์
มันก็น่าจะเกินพอแล้ว
「จริงอยู่ว่าบางทีหากตัวชั้นได้พยายามมากกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะก็......แต่ว่านะคะ.....สำหรับตัวชั้นแล้ว.....กับชายชาตรีที่ต้องมาตายด้วยมือของชั้นแบบไร้ซึ่งความผิดใดๆแล้วนั้น......อย่างน้อยก่อนที่จะลงมือชั้นก็อยากจะให้เค้าได้รับของขวัญที่ล้ำค่า.......」
เด็กสาวตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันว่างเปล่า......
(ถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นแล้ว......ทำไมล่ะ.....ทำไมภายในหัวใจของเธอถึงได้รู้สึกเจ็บปวดและทุกทรมานเช่นนี้......)
ขอบใจจร้า
ตอบลบขอบใจจร้า
ตอบลบขอบครับ
ตอบลบเปลืองตัวจริงๆอะแหละ แล้วพวกนี้เป็นใครกัน
ตอบลบ