ตอนที่ 56 ราชินีแห่งอาณาจักรซิสเทีย



-- มุมมองของซิสติน่า --

ช่วงเช้าของวันที่ 9 เดือน 4 ศักราชเอลติซปีที่ 837              

เมื่อลืมตาขึ้นมาชั้นก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ที่นี่ไม่ใช่ห้องของชั้นในปราสาทแอสคาล

นี่ชั้นอยู่.....ที่ไหนกันนะ......

ข้าวของต่างๆภายในห้องถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ โคมไฟที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยอัญมณีแสนงดงาม เครื่องเรือนแต่ละชิ้นดูหรูหรางดงามและแปลกตา บริเวณหน้าต่างถูกประดับด้วยผ้าม่านคุณภาพสูงที่มีสีสันสวยงาม

ชั้นเริ่มทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่ชั้นจะหมดสติไปชั้นถูกพวกราชองค์รักษ์พาตัวขึ้นไปยังดาดฟ้าหอคอยของศูนย์บัญชาการกองทัพ ในตอนนั้นดูเหมือนจะมีกองทัพเรือเหาะสีดำสนิทที่ประทับตราหมาป่าสองหัว....

สัญญาลักษณ์ของอาณาจักรแห่งเวทมนต์...นี่ก็หมายความว่าชั้นคงจะถูกพาตัวมาโดยพวกท่านจอมเวท....ไม่สิ......คงต้องพูดว่าตัวชั้นได้ถูกพวกท่านจอมเวทช่วยพามาลี้ภัยยังอาณาจักรออร์ธรอสอย่างปลอดภัยเสียมากกว่า....

คนอื่นๆจะเป็นยังไงกันบ้างนะ.....ท่านพ่อ....ท่านแม่.....ท่านพี่หญิงเฮเลน่าและพวกราชองค์รักษ์จะยังคงปลอดภัยดีมั๊ยนะ แต่หากเป็นพวกท่านจอมเวทล่ะก็ พวกท่านคงจะต้องช่วยเหลือเอาไว้แน่ๆ พวกท่านคงจะไม่ปล่อยให้พวกท่านพ่อถูกทำร้ายอย่างแน่นอน......

อุฟุฟุ.....ทะ..ทาตสึยะซาม๊า....

ในตอนที่กำลังคิดเรื่องต่างๆอยู่ชั้นก็ได้เสียงละเมอที่ฟังดูน่ารักของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาใกล้ๆ เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีทองเป็นประกายนอนอยู่ข้างกายของชั้นด้วยรอยยิ้ม....

เอลิเซ่จัง?....

เอลิเซ่และชั้นรู้จักกันตั้งแต่สมัยที่พวกเรายังเป็นเด็ก เธอเป็นเด็กสาวช่างฝันที่มักจะทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาอยู่เสมอ และการที่เธอมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับชั้นก็หมายความว่านี่คงจะเป็นห้องของเธอในอาณาจักรออร์ธรอส.......

ในตอนแรกที่ชั้นได้ทราบาว่าเอลิเซ่ตัดสินใจติดตามคณะราชทูตไปนั้นทำให้ชั้นรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก

แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจของเธอ จึงทำให้อาณาจักรของพวกเราสามารถสานความสัมพันธุ์กับพวกท่านจอมเวทได้ หากในวันนั้นเอลิเซ่ไม่ได้ตัดสินใจเดินทางไปหาพวกท่านจอมเวทด้วยตัวเองล่ะก็ หากเป็นแบบนั้นพวกเราทั้งสองคนอาจจะถูกสังหาร หรือไม่ก็จับตัวไปเป็นเชลย หรือกลายเป็นทาสความใคร่ของขุนนางโรคจิตซักคนแล้วก็เป็นไปได้

ขอบใจนะ เอลิเซ่จัง

ชั้นลูบไล้ใบหน้าของเพื่อนสมัยเด็กที่กำลังหลับอย่างอ่อนโยนและขอบคุณออกมา

ทะ..ทาตสึยะซาม๊า....!!!???

ในตอนนั้นเอลิเซ่ก็ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้เพียงแค่ลืมตาเท่านั้น เธอยังโผเข้ามากอดชั้นและจับชั้นกดลงไปบนเตียง

ดะ เด๋วสิ!! เอ เอลิเซ่….อุ๊บ..!!???

ริมฝีปากเล็กๆนุ่มๆของเอลิเซ่ประทับเข้ากับริมฝีปากของชั้นทำให้ชั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และไม่ว่าชั้นจะพยายามขัดขืนแค่ไหนก็ไม่สามารถผลักเอลิเซ่ให้ออกไปจากร่างกายของชั้นได้ ไม่ได้เจอกันเพียงไม่นาน นี่เธอไปเอาเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้มาจากไหนกันนะ.....

ทาตสึยะซาม๊า….ทาตสึยะซาม๊า….

เอลิเซ่ยังคงร้องเรียกชื่อทัตสึยะซามะออกมาไม่มีหยุด เธอดูดซอกคอของชั้นอย่างเร่าร้อนก่อนจะงับเข้าที่ใบหูเบาๆ และยังพยายามจะถอดเสื้อของชั้นออกอีกด้วย

ฟุเนี๊ยยย!!!......เอลิเซ่......ฟุนร๊า!!......เอ..เอลิเซ่!!!….ดาเมมม๊!!!!

เนื่องจากความรู้สึกแปลกๆชั้นจึงได้เผลอส่งเสียงแปลกๆออกมา หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงจะเกิดเรื่องน่าอายขึ้นแน่ๆ ดังนั้นชั้นจึงพยายามดิ้นอย่างสุดแรงจนทำให้พวกเราทั้งสองคนก็กลิ้งตกลงไปจากเตียง

โอ๊ย!!!.....เจ็บอ่า......อะเร๊ะ!....ซิส..ติน่า..ซามะ?....ทำไมถึงได้แต่งตัวน่าหวาดเสียวแบบนี้ล่ะคะ?

ฮ่า!..........ฮ่า!........นะ....ในที่สุด.....ในที่สุดก็ตื่นแล้วสินะ...เอลิเซ่จัง....

ชั้นหอบหายใจออกมาก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมาและจัดเสื้อคลุมนอนให้เข้าที่เข้าทางเสียใหม่ ส่วนเอลิเซ่นั้นถึงแม้จะตื่นแล้วแต่เธอก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและมองดูชั้นด้วยท่าทางแปลกใจ.....

เอาล่ะ เธอตื่นแล้วสินะ ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยสิ นี่ชั้นหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว? หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านพ่อและคนอื่นๆ? อาณาจักรของพวกเราเป็นยังไงบ้าง?

อืมมม...เรื่องมันค่อนข้างยาวอยู่นะคะ.....ตั้งแต่วันนั้นก็.....ผ่านมาได้ 5 วันแล้ว....รายละเอียดลึกๆแล้วชั้นเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน......แต่จะเล่าให้ฟังคร่าวๆตามที่ชั้นเข้าใจมาก็แล้วกันนะคะ

หลังจากนั้นเอลิเซ่ก็ค่อยๆเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง สำหรับสงครามที่เมืองหลวงแอสคาลนั้น ทัตสึยะซามะได้เป็นคนกลางในการเข้าเจรจากึ่งข่มขู่ให้ทั้งสองฝ่ายหยุดสงครามลงชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน ดูเหมือนจะบอกเอาไว้ว่าหากไม่ทำตามล่ะก็ จะไม่ปล่อยให้ดวงอาทิตย์กลับมาทอแสงอีก......

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำได้ยังไงแต่หากเป็นเรื่องจริงล่ะก็ ต่อให้เป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมที่มีประวัติยาวนานแค่ไหนก็คงได้ล่มสลายลงในเวลาไม่นานเป็นแน่ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงยอมรับข้อเสนอและทำสนธิสัญญาสงบศึกชั่วคราว

หลังจากนั้นทัตสึยะซามะก็ได้เข้าพบกับราชาคนปัจจุปันของอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัม ราชาอัลฟรีดที่38 ท่านพ่อของชั้นเพื่อทำการเจรจา โดยทางอาณาจักรออร์ธรอสได้กล่าวโทษเกี่ยวกับเรื่องที่มีขุนนางของเราคนหนึ่งได้กักตัวเด็กสาวเผ่าโลลิเทียเอาไว้ไม่ยอมส่งตัวคืนให้กับอาณาจักรออร์ธรอส

สำหรับเรื่องนี้ชั้นเองก็ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่จากขอหาดังกล่าวทำให้ราชาอัลฟรีดต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับทางอาณาจักรออร์ธรอสเป็นทรัพย์สมบัติจำนวนมากพร้อมด้วยประชาชนทั้งหมดที่ยังมีชีวิตภายในเมืองแอสคาลรวมถึงผู้คนที่ได้อพยพหนีสงครามเข้ามาด้วยเช่นกัน

จากเรื่องข้างต้นนั้นดูเหมือนว่าทัตสึยะซามะจะทำไปเพื่อให้อาณาจักรออร์ธรอสสามารถช่วยเหลือประชาชนทั้งหมดของอาณาจักรเราไปได้โดยถูกต้อง ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดที่จ่ายไปนั้นจะถูกใช้เป็นค่าใช้จ่ายให้กับพวกเค้าในการไปตั้งตัวบนผืนแผ่นดินใหม่

ผืนแผ่นดินใหม่เหรอคะ?

เนื่องจากสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของผืนแผ่นดินชั้นจึงได้ถามออกไป

เป็นพื้นที่ทางตะวันออกของทวีปอากัสเตรียน่ะค่ะ พื้นที่แถบนั้นเรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียวนะคะ ในตอนนี้ก็ได้เริ่มต้นสร้างเมืองหลวงของอาณาจักรแห่งใหม่ขึ้นแล้วด้วยค่ะ

แล้วเอลิเซ่ก็เล่าต่อไป ในตอนนี้พวกท่านจอมเวทได้ทำการสร้างเมืองแอสคาลขึ้นมาใหม่บนแผ่นดินผืนนั้น ตามกำหนดการแล้วจะแล้วเสร็จและให้ผู้คนเข้าไปอาศัยอยู่ได้ในอีก 30 วัน

การที่สามารถสร้างเมืองขนาดใหญ่ให้รองรับคนจำนวนหลายหมื่นคนได้ในเวลาเพียง 30 วันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับพวกท่านจอมเวทที่ได้สร้างอะไรหลายๆอย่างที่อยู่เหนือสามัญสำนึกแล้วก็คงจะเป็นไปได้.....

แล้วพวกท่านพ่อล่ะคะ?

เรื่องนั้นก็....

เอลิเซ่จังทำท่าทางลังเลเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็เล่าออกมา ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะให้ท่านพี่หญิงเฮเลน่ารวมถึงตัวชั้นแต่งงานกับทัตสึยะซามะ แต่ตัวท่านพ่อและท่านแม่และขุนนางผู้ใหญ่อีกหลายคนนั้นปฏิเสธไม่ยอมลี้ภัยและจะอยู่สู้กับพวกนักบวชของศาสนจักรให้ถึงที่สุด

แต่สุดท้ายแล้วท่านพี่หญิงเฮเลน่าได้ไปขอร้องทัตสึยะซามะให้ช่วยเหลือ เพราะเหตุนั้นพวกท่านจอมเวทจนใช้วิธีรุนแรงนิดหน่อยในการบังคับพาตัวพวกท่านพ่อท่านแม่และขุนนางคนอื่นๆไป แน่นอนว่าการพาตัวพวกท่านไปนั้นพวกนักบวชแห่งศาสนจักรคงไม่ยอมอยู่เฉยและต้องตามมาเอาเรื่องอีกแน่

ดังนั้นเพื่อให้เรื่องราวสามารถจบลงได้ด้วยดี พวกท่านจอมเวทจึงจัดฉากขึ้นมาโดยการเรียกดวงดาวจากฟากฟ้าตกลงมาใส่ปราสาทแอสคาล ด้วยพลังทำลายมหาศาลของดวงดาวทำให้ปราสาททั้งหลังและพื้นที่โดยรอบปราสาทหายไปในทันที

เนื่องจากไม่สามารถค้นหาศพหรือหลักฐานอะไรมายืนยันได้ พวกท่านจอมเวทเองก็ได้ปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบอกว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเท่านั้น

เรื่องราวทั้งหมดจบลงไปโดยที่พวกนักบวชแห่งศาสนจักรรวมถึงบรรดาขุนพลของจักรวรรดิเอลติซที่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ไม่สามารถที่จะกล่าวอ้างอะไรได้อีก แน่นอนว่าลึกๆแล้วพวกนั้นคงไม่พอใจ แต่ถึงจะไม่พอใจยังไงก็คงไม่กล้าจะแข็งข้อกับพวกท่านจอมเวทที่สามารถทำได้แม้กระทั่งการสั่งให้ดวงดาวตกลงมาจากบนฟากฟ้า

เป็นเช่นนั้นสินะคะ......สมกับเป็นพวกท่านจอมเวท.....ทำอะไรลงไปแต่ละอย่างไม่สามารถคาดคิดได้เลยนะคะเนี่ย.....

ตอนนี้ชั้นก็เริ่มจะชินแล้วล่ะค่ะ...ฮะ...ฮะ...ฮะ...

เอลิเซ่พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม......

แล้วก็ยังมีอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซิสติน่าซามะนะคะ

เรื่องสำคัญอะไรหรือคะ….?

ชั้นถามกลับไปด้วยท่าทางกังวล จะว่าไปแล้ว....ตัวชั้นเองก็ถูกมอบให้กับทัตสึยะซามะแล้วงั้นสินะ....การที่จะได้มีสามีคนเดียวกันกับเอลิเซ่และท่านพี่หญิงเฮเลน่าเนี่ยไม่เคยคิดมาก่อนเลย.....บางทีเอลิเซ่คงจะพูดถึงเรื่องนี้ล่ะมั้งนะ....

ดูเหมือนว่าซิสติน่าซามะจะถูกแต่งตั้งให้เป็นราชินีแห่งอาณาจักรใหม่น่ะค่ะ

ฟุเนนนนนน๊!!!?

หลังจากหลับไปยาวนานถึง 5 วันเพราะผลข้างเคียงจากการฝืนใช้เครื่องดนตรีแห่งหายนะ ในวันนี้ตัวชั้นก็ได้กลายเป็นราชินีแห่งอาณาจักรซิสเทียไปซะแล้วล่ะค่ะ.....

3 ความคิดเห็น:

  1. เรียกดาวตกแบบนี้คุ้นๆนะครับ ถ้าตกใส่โรงงานมาโค รีแอคเตอร์ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝีมือใคร #เซฟิรอธก็มา

    ตอบลบ
  2. เรียกดาวตกแบบนี้คุ้นๆนะครับ ถ้าตกใส่โรงงานมาโค รีแอคเตอร์ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝีมือใคร #เซฟิรอธก็มา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คนเรียกเมเทโอได้มีเยอะนะท่าน -0-

      ลบ