ตอนที่ 48 สงครามปิดล้อมเมืองแอสคาล บทที่ 2



-- มุมมองของซิสติน่า --                                     

ช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 เดือน 4 ศักราชเอลติซปีที่ 837           

ชั้น ซิสติน่า รูทีน วิส แอสกรัม เจ้าหญิงอันดับที่ 3 แห่ง อาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัม ในตอนนี้ชั้นและท่านพี่หญิง เฮเลน่า เรทีน วิส แอสกรัม กำลังเตรียมตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อออกไปทำการสกัดกั้นกองพันอัศวินไวเวิร์นที่ลอบเข้ามาโจมตีประตูทิศเหนือของเมืองแอสคาลโดยที่พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัว

ตามจริงแล้วพวกเราได้รับรายงานเรื่องที่กองทัพผสมของพวกศาสนจักรจะบุกเข้ามาโจมตีในวันนี้มาจากหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรออร์ธรอสมาก่อนหน้านี้แล้ว

แต่เนื่องจากกองทัพของพวกเรามีอยู่เพียงไม่ถึง 8,000 นาย พวกเราไม่สามารถกระจายกำลังไปทั่วทั้งเมือง ดังนั้นพวกเราจึงเลือกที่จะวางกำลังส่วนใหญ่เอาไว้บริเวณใกล้กับประตูทิศตะวันตกและประตูทิศใต้ซึ่งเป็นทิศทางที่พวกนั้นกำลังเคลื่อนทัพมาแทน

พวกเรานั้นได้เดิมพันกับความเสี่ยงที่ประตูทิศเหนือจะถูกบุกโจมตีเอาไว้ แต่แล้วในท้ายที่สุดพวกเราก็ได้พ่ายแพ้ให้กับการเดิมพันในครั้งนี้

ทำไมน้องถึงไม่สั่งการให้หน่วย Beater ที่ประจำการอยู่เคลื่อนย้ายกำลังล่ะจ

ท่านพี่หญิงเฮเลน่าถามออกมาในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางไปยังประตูทิศเหนือด้วยพาหนะเวทมนต์ไอออน ฮาวล์

ถึงแม้ผู้ที่นำกองพันอัศวินไวเวิร์นเข้ายึดประตูเมืองทิศเหนือจะเป็นคู่รักเพลิงวินาศ แต่พวกเค้าก็ไม่มีทางต้านทานพลังของอาวุธเวทได้หรอกค่ะ เพราะงั้นเพียงแค่หน่วยราชองค์รักษ์ของดิชั้นกับท่านพี่หญิงก็เพียงพอแล้ว

เป็นเช่นนั้นเหรอจะ น่าทึ่งจริงๆเลยนะ Beater เนี่ย

ท่านพี่หญิงเฮเลน่าตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มในขณะที่ใช้มือลูบคลำ Beater หรือก็คืออาวุธเวทที่พวกท่านจอมเวทมอนให้ไปด้วย

นอกจากนั้นมันก็มีโอกาสที่การลอบโจมตีในครั้งนี้จะมีเบื้องหลัง....บางทีการลอบโจมตีในครั้งนี้อาจจะเป็นแผนในการหลอกล่อให้กองกำลังหลักของพวกเราแบ่งกำลังไปยังประตูทิศเหนือก็เป็นได้น่ะค่ะ

ใช่แล้วล่ะ มันมีความเป็นไปได้ที่การลอบเข้ามาโจมตีในครั้งนี้จะเป็นแผน ดังนั้นหากชั้นสั่งการให้หน่วย Beater ที่มีอยู่เพียงแค่ 80 นายเคลื่อนย้ายกำลังเพื่อไปช่วยเหลือประตูทิศเหนือล่ะก็ การป้องกันน่านฟ้าของเมืองทางทิศตะวันตกและทิศใต้จะอ่อนกำลังลงเป็นอย่างมาก

แล้วถ้าหากในเวลานั้นเกิดทัพหลักของพวกศาสนจักรเคลื่อนทัพเข้าโจมตีพอดีล่ะก็ ชั้นคิดว่าพวกเราคงจะต้องสูญเสียทั้งเมืองชั้นนอกและกำลังทหารอีกจำนวนมากไปอย่างแน่นอน ดังนั้นชั้นจึงตัดสินใจที่จะไปช่วยเหลือประตูเมืองทิศเหนือหน่วยราชองค์รักษ์เพียงแค่ 20 นายเท่านั้น

กองพันอัศวินไวเวิร์นนั้นเป็นหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิเอลติซ แถมยังมีจำนวนมากถึง 2,000 นาย ดังนั้นหากคิดถึงตามปกติแล้วล่ะก็ มันคงจะไม่มีทางที่ทหารจำนวน 20 นายจะสามารถเอาชนะได้

แต่หากพวกเราใช้อาวุธเวทอย่าง beater ซุ่มโจมตีพวกนั้นจากระยะไกลล่ะก็ ต่อให้เป็นหน่วยไวเวิร์นดำของขุนพลหอกอัคคีวินาศไอโอเรียชั้นก็คิดว่าสามารถที่จะทำลายให้ย่อยยับลงได้อย่างไม่ยากนัก

ต้องขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะซิสติน่าซามะ แต่ดูเหมือนว่าประตูทิศเหนือจะถูกกองพันอัศวินไวเวิร์นยึดไปได้เรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ......

เด็กสาวจากหน่วยสื่อสารของอาณาจักรออร์ธรอสพูดขัดจังหวะขึ้นมาให้ระหว่างการสนทนาของชั้นกับท่านพี่หญิง เด็กสาวท่าทางเย็นชาคนนี้มีชื่อว่าลอร่าจัง เธอเป็นหนึ่งในคนจากอาณาจักรออร์ธรอสที่ถูกส่งตัวมาเพื่อช่วยสอนพวกเราเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เวท อาวุธเวทรวมถึงพานะเวทมนต์

อ เอ๋!!! นะ นั่นเรื่องจริงเหรอคะ จะ จากรายงานตอนที่พวกนั้นบุกเข้าโจมตี นะ นี่ยังผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำเลยนะคะ!!

ท่านพี่หญิงเฮเลน่าพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก ซึ่งชั้นก็พอเข้าใจอยู่ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่กองกำลังหลัก แต่ประตูทิศเหนือก็มีกองทหารรักษาการณ์ประจำอยู่ถึง 800 นาย ดังนั้นการที่ประตูทิศเหนือถูกยึดไปในเวลาไม่ถึง 10 นาทีจึงเป็นเรื่องที่ทำใจยอมรับได้ยากพอดู

ใจเย็นก่อนค่ะท่านพี่หญิง ถึงแม้จะเกิดกว่าที่คาดเอาไว้ซักหน่อย แต่พวกเรายังพอมีโอกาสอยู่ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะ

ใช่แล้วล่ะ ถึงแม้ประตูทิศเหนือจะถูกยึดไป แต่แผนการซุ่มโจมตีของเราก็ไม่ถูกทำลาย ดังนั้นหากทำลายกองพันอัศวินไวเวิร์นของไอโอเรียลงไปได้ล่ะก็ สถานการณ์ของพวกเราก็คงจะเรียกได้ว่าไม่แย่นัก

อีกอย่างหนึ่งก็คือพวกเรานั้นไม่ได้ตั้งใจจะเอาชนะกองทัพผสมของศาสนจักรมาตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งที่พวกเราเล็งเอาไว้นั้นคือการถ่วงเวลาให้มากที่สุด......

พวกเราน่ะยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากองทัพของจักรวรรดิอยู่ ดังนั้นหากสามารถถ่วงเวลาไปได้ซัก 2-3 วันล่ะก็ ถึงตอนนั้นกองทัพของพวกท่านจอมเวท กองทัพแห่งอาณาจักรออร์ธรอสจะต้องมาช่วยเหลือแน่

และเมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็แค่ทวงเอาเมืองชั้นนอกคืนมา หรือหากเหตุการณ์เลวร้ายหน่อยก็แค่ต้องขอลี้ภัยไปยังอาณาจักรออร์ธรอสเท่านั้นเอง

นะ นั่นสินะจ๊ะ พี่คงจะใจร้อนเกิน

คงเป็นเพราะความตื่นเต้นเท่านั้นน่ะค่ะ ตอนที่ชั้นเข้าสนามรบครั้งแรกเองก็ตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนั่นแหละค่ะ

ตัวชั้นเองก็ไม่ใช่คนที่จะใจเย็นได้ในสงคราม แต่ถึงจะตื่นเต้น หวาดกลัว หรือรู้สึกแย่แค่ไหนก็จำเป็นจะต้องอดทนและคิดในแง่บวกเข้าไว้ ก็พวกเราน่ะเป็นเจ้าหญิง เป็นราชวงศ์ที่คอยค้ำจุนอาณาจักรแห่งนี้ เพราะงั้นหากพวกเราแสดงอาการแย่ๆออกมาล่ะก็ พวกบรรดาลูกน้องและทหารคงจะไม่มีใจออกไปสู้รบกันพอดี

หลังจากนั้นไม่นานนักพวกเราก็มาถึงจุดที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับการซุ่มโจมตี ในตอนแรกนั้นพวกเราตั้งใจจะเดินทางไปยังประตูทิศเหนือเพื่อทำการสนับสนุนให้กับทหารรักษาการณ์ แต่เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วพวกเราจึงเข้าประจำยังจุดซุ่มโจมตีที่อยู่บริเวณใจกลางเมืองทิศเหนือ

บรรดาชาวเมืองนั้นได้อพยพเข้าไปยังเมืองชั้นในทั้งหมดแล้ว ดังนั้นบ้านเรือนต่างๆในเมืองชั้นนอกจึงว่างเปล่า และพวกเราก็ใช้บ้านเรือนเหล่านั้นเป็นที่หลบซ่อนตัว เจาะรูเล็กน้อยบริเวณหลังคาเพื่อใช้ในการเล็งยิง

เป็นไปตามที่คาดการเอาไว้ ในตอนนี้กองพันอัศวินไวเวิร์นกำลังเข้ามาใกล้ระยะโจมตีแล้ว ขอคำสั่งในการเริ่มโจมตีด้วยค่ะ

ลอร่าจังที่สังเกตการณ์ศัตรูผ่านอุปกรณ์เวทที่ชื่อกล้องส่องทางไกลอยู่บริเวณยอดหอคอยแห่งหนึ่งทำการรายงานผ่านทางอุปกรณ์เวทที่ชื่อวิทยุสื่อสารเข้ามา

ทุกหน่วยเปิดฉากโจมตีได้!!!

เมื่อตรวจสอบว่าทุกคนประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ชั้นก็ออกคำสั่งไปยังหน่วยราชองค์รักษ์ทุกคนผ่านทางวิทยุสื่อสารเช่นเดียวกับลอร่าจัง

และเมื่อทุกคนได้ยินคำสั่ง พวกเค้าก็เริ่มทำการเล็งเป้าหมายไปยังส่วนคอขอเหล่าไวเวิร์นซึ่งเป็นจุดอ่อนจากนั้นก็เหนี่ยวไก Beater ที่อยู่ในมือทันที

กระสุนเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากปากกระบอกของ Beater เข้าโจมตีใส่กองพันอัศวินไวเวิร์นที่กำลังมุ่งหน้าไปทางประตูเมืองชั้นในอย่างแม่นยำ ความรุนแรงของกระสุนเหล็กจาก Beater นั้นเหนือชั้นกว่าลูกธนูเหล็กหลายเท่า ดังนั้นหากพวกไวเวิร์นถูกกระสุนเหล็กโจมตีเข้าล่ะก็ เพียงแค่นัดเดียวก็ทำให้ไวเวิร์นที่มีเกล็ดแข็งแกร่งปลุกคลุมร่างกายร่วงลงสู่พื้นได้แล้ว

หนึ่งคน สองคน เหล่าอัศวินและเหล่าไวเวิร์นคู่ใจของพวกเค้าต่างร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความแตกตื่นบนฟากฟ้า เหล่าอัศวินไวเวิร์นทำได้เพียงแค่แปรขบวนทัพเพื่อป้องกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่อาจจะหาสาเหตุหรือทิศทางในการโจมตีของพวกเราได้
                            
เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึง 5 นาที ซากศพมากมายของกองพันอัศวินไวเวิร์นที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดก็จักรวรรดิก็ปรากฏให้เห็นทั่วท้องถนนรวมถึงบนหลังคาของบ้านเรือนต่างๆ

เมื่อโดนลอบโจมตีจากศัตรูที่ไม่สามารถมองเห็นได้นั้นก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตายหรือถอยหนี และแล้วกองพันอัศวินไวเวิร์นที่ไร้หนทางต่อสู้ก็เริ่มถอยหนีกระจัดกระจายกันไปด้วยความวุ่นวาย

ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่พอได้มาเห็นกับตาในสถานการณ์จริงก็ทำเอาชั้นพูดไม่ออก Beater นั้นเป็นอาวุธเวทที่เรียกได้ว่ามีพลังในโจมตีน้อยที่สุดแล้วหากเทียบกับอาวุธเวทอื่นๆที่อาณาจักรออร์ธรอสสร้างขึ้นมา แต่ทั้งๆแบบนั้นมันก็ยังสร้างความย่อยยับให้กับศัตรูอย่างมากในเวลาเพียงแค่นี้.......

นะ นี่มัน!! สะ สุดยอด!! ดะ ดูสิซิสติน่าจัง คะ แค่แปปเดียวก็ทำให้กองพันอัศวินไวเวิร์นที่แข็งแกร่งกว่า 2,000 นายถอยทัพหนีกลับไปได้แล้ว บะ แบบนี้ต่อให้พวกนั้นมีกำลังทหารมากกว่า 50,000 นาย กะ ก็คงไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้แน่ๆ

ถึงแม้คำพูดจะตะกุกตะกักไปบ้างแต่ท่านพี่หญิงก็แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกประทับใจอย่างรุนแรง แน่นอนว่าตัวชั้นเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่การรบในครั้งนี้ชั้นเป็นผู้บัญชาการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้

หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 ให้ประจำอยู่ที่นี่และทำการโจมตีอีกครั้งหากพวกกองพันอัศวินไวเวิร์นกลับมา

รับทราบ!!

หน่วยที่ 3 และหน่วยที่ 4 ให้ถอนกำลังและกลับมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ พวกเราจะออกเดินทางต่อในทันที เพื่อไปทำลายกองกำลังของศัตรูบริเวณประตูทิศเหนือ

รับทราบ!!

หลังจากสั่งการให้ทุกหน่วยเรียบร้อยแล้ว ชั้นและท่านพี่หญิงเฮเลน่าก็รีบมุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือต่อในทันที

พวกนั้นวางกำลังป้องกันตามจุดต่างๆเอาไว้อย่างแน่นหนามากเลยค่ะ ด้วยโล่เหล็กกล้าขนาดใหญ่แบบนั้นพวกเราคงใช่ Beater ทำลายทิ้งไม่ได้ง่ายๆแน่

ลอร่าจังพูดขึ้นในระหว่างสอดแนมกองทัพศัตรูผ่านกล้องส่องทางไกล ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะรับรู้ถึงความสามารถของอาวุธเวทในมือของพวกเราแล้ว ถึงแม้กระสุนเหล็กของ beater พลังทำลายสูงแต่มันก็ไม่มีพลังมากพอในการเจาะทะลวง ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เห็นทีคงจะไม่สามารถยึดเอาประตูทิศเหนือกลับคืนมาได้ง่ายๆอย่างที่คิดเอาไว้ซะแล้ว

เอ่อ.....แล้วก็......

แต่ในระหว่างที่ชั้นกำลังคิดทบทวนถึงแผนการอยู่นั้น ลอร่าจังก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอคะ…..

ชั้นถามออกไป ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะงั้นไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็คงมีแต่จะต้องหาวิธีแก้ปัญหาและผ่านมันไปให้ได้เท่านั้น

มีรายงานขากนหน่วยข่าวกรองเข้ามาน่ะค่ะ กองทัพเจลโล่หุ้มเกราะ 20,000 นายได้เคลื่อนที่ผ่านที่ราบอากาสมาด้วยความเร็วสุดสูง คาดว่าอีกไม่ถึง 30 นาทีพวกนั้นคงเข้าโจมตีประตูทิศใต้ของเมืองแอสคาลแล้วล่ะค่ะ....

.....ในที่สุดทัพหลักของพวกนั้นก็มาถึงแล้วสินะคะ…..

ชั้นถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินรายงานจากลอร่าจัง.....เห็นทีเวลาที่จะต้องใช้บทเพลงแห่งหายนะ คงจะมาถึงแล้วสินะ.......

4 ความคิดเห็น:

  1. แอดจะให้เทพทัตกินองค์หญิงของอาณาจักรนี้ด้วยหรอคับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ซิสติน่าเป็นเพื่อนสนิทของเอลิเซ่
      เพราะงั้น....คิดว่าไม่น่าจะรอดหรอกนะครับ ฮา......

      ลบ
  2. ขอคิดตอนต่อไปในเบบตัวเองแปป XD

    ตอบลบ