ตอนที่ 46 ไปหาโอนี่ซามะกันเถอะค่ะ


ย้อนกลับไปก่อนหน้าเล็กน้อย ในช่วงเช้าของวันที่ 2 เดือน 1 ศักราชเอลติซปีที่ 838

 -- มุมมองของรูริโกะ --                            


หลังจากที่ชั้นได้ใช้พรผู้กล้าโลกแห่งความฝันในการเปลี่ยนถ่ายมานาเพื่อชำระล้างมานาสีดำหรือก็คือคำสาปภายในร่างกายของซากุระโกะจังเพื่อนสนิทของชั้นอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายวัน ในสุดวันนี้ซากุระโกะจังก็ได้ฟื้นคืนสติกลับมาเป็นคนเดิมเหมือนกับที่ชั้นเคยรู้จักแล้วนะคะ

อุว๊า!! ไม่คิดเลยนะคะว่าจะได้มีโอกาสกลับมาทานอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นอีก รสชาติที่คุ้นเคยนี่สุดยอดไปเลยนะคะ!! รูริโกะจัง!!

หลังจากใช้ผ้าเช็ดปากช้าๆอย่างสง่างาม ซากุระโกะจังก็ค่อยๆพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

ใช่แล้วล่ะค่ะ! การได้ทานข้าวสวยเป็นอาหารเช้าแบบนี้เนี่ย! ดีกว่าไอ้ขนมปังรสชาติทื่อๆที่พวกเราได้ทานตอนอยู่จักรวรรดิเอลติซนั่นมากเลยนะคะ

ซึ่งก็แน่นอนว่าตัวชั้นเองนั้นก็ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกเดียวกัน ถึงแม้ความทรงจำของพวกเราสองคนในช่วงที่อยู่กับจักรวรรดิจะค่อนข้างเลือนรางเป็นอย่างมาก แต่ก็ดูเหมือนว่าร่างกายของพวกเราจะยังคงจดจำความเบื่อหน่ายกับรสชาติของอาหารในช่วงนั้นได้ค่อนข้างดีเลยล่ะค่ะ

ถ้านายท่านได้มาเห็นทั้งสองท่านทานอาหารเช้าอย่างมีความสุขถึงขนาดนี้ล่ะก็ นายท่านคงจะต้องดีใจมากแน่ๆเลยล่ะค่ะ!!

เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารเช้าของพวกเราอีกคน คุณเมดชื่อมาเรียซังที่กำลังตั้งท้องลูกของโอนี่ซามะอยู่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มน่ารักสดใส และถึงแม้ในภายนอกมาเรียซังจะมีฐานะเป็นเมด แต่เท่าที่ชั้นได้รู้จากพวกคุณเมดคนอื่นๆในคฤหาสน์มานั้น ตามจริงแล้วดูเหมือนว่ามาเรียซังจะเป็นขุนนางที่มีอำนาจมากคนหนึ่งของประเทศแห่งนี้ ช่างเป็นอะไรที่น่าตกใจจริงๆเลยนะคะ

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมขุนนางระดับนี้ถึงต้องมาเป็นเมดนั้น เท่าที่ชั้นได้รู้มาก็เหมือนว่ามันจะเป็นรสนิยมของโอนี่ซามะ ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆเลยว่าโอนี่ซามะของชั้นจะมีรสนิยมด้านผู้หญิงแบบนี้ บางทีหลังจากนี้หากได้ลองใส่ชุดเมดแบบนี้ไปให้โอนี่ซามะดูบ้างก็คงจะดีเหมือนกันนะคะ

โอนี่ซามะอยู่ที่เมืองกูสตาฟงั้นหรือคะ....?

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชั้นก็ถามมาเรียซังเกี่ยวกับโอนี่ซามะ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลายเป็นว่าในตอนนี้โอนี่ซามะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ และถึงแม้ชั้นจะไม่ทราบว่าเมืองกูสตาฟอยู่ที่ไหน แต่การที่โอนี่ซามะไปทำงานอยู่ต่างเมืองแบบนี้มันก็คงจะเป็นเรื่องยากหากชั้นอยากจะไปพบสินะคะ ?

ถึงแม้เมืองกูสตาฟจะอยู่ค่อนข้างไกล แต่ถ้าหากเดินทางไปด้วยเรือเหาะโดยสารความเร็วสูงล่ะก็ คงจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้น ถ้ายังไงจะให้ชั้นไปเตรียมการเลยไหมคะ ?

เอ๋!!? จะไม่เป็นการไปรบกวนการทำงานงานของโอนี่ซามะงั้นหรือคะ ?

กับคำแนะนำของมาเรียซังนั้น ชั้นถามกลับไปด้วยความรู้สึกกังวลใจ แล้วก็นอกจากเรื่องที่พวกเราอาจจะไปรบกวนการทำงานของโอนี่ซามะแล้ว การที่ให้พวกเราใช้เรือเหาะโดยสารความเร็วสูงสูงที่ดูแล้วน่าจะเหมาะสำหรับเรื่องเร่งด่วนก็ทำให้ชั้นรู้สึกแปลกใจมากเช่นเดียวกัน

เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เพราะที่เมืองกูสตาฟในตอนนี้ก็ถูกกองทหารของเราเข้าควบคุมจัดการดูแลทั่วทุกพื้นที่อย่างเรียบร้อยแล้วด้วย นอกจากนั้นนายท่านก็คงจะต้องดีใจมากหากได้พบกับรูริโกะซามะแน่ๆเลยล่ะค่ะ!!

เป็นแบบนั้นหรือคะ....?

ถึงแม้ชั้นจะไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าโอนี่ซามะจะมีหน้าที่ดูแลจัดการในเรื่องเกี่ยวกับการทหารของประเทศแห่งนี้หรืออะไรแบบนั้นนะคะ ช่างสุดยอดสมกับที่เป็นโอนี่ซามะของชั้นจริงๆเลยล่ะค่ะ

ชั้นรับรองได้เลยค่ะ!! จะรีบสั่งการเด๋วนี้เลยนะคะ!!

ถ้าเป็นแบบนั้นก็ขอรบกวนด้วยนะคะ มาเรียซัง!!

หลังจากที่ชั้นกุมมือมาเรียซังและตอบตกลงกลับไป มาเรียซังก็ยิ้มให้กับพวกเราและรีบออกจากห้องอาหารไปในทันที ซึ่งการเตรียมเรือเหาะโดยสารความเร็วสูงที่ว่านั่นก็ใช้เวลาเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

ขอบคุณที่ช่วยเตรียมการให้มากเลยนะคะ มาเรียซัง!!

รูริโกะซามะและซากุระโกะซามะเป็นแขกคนสำคัญของนายท่าน เพราะงั้นก็ช่วยดูแลทั้งสองท่านให้ดีด้วยนะคะ คาเชียจัง ราเวียจัง

「「รับทราบค่ะ!! มาเรียซามะ!!」」

หลังจากขอบคุณมาเรียซังเรียบร้อยแล้ว ชั้นกับซากุระโกะจังก็ได้ออกเดินทางไปยังเมืองกูสตาฟพร้อมกับคุณเมดตัวเล็กอีกสองคน และถึงแม้ชั้นจะไม่เข้าใจระบบการทำงานของเรือเหาะโดยสารความเร็วสูงก็ตาม แต่การที่คุณเมดตัวเล็กทั้งสองคนสามารถควบคุมมันได้อย่างเชี่ยวชาญราวกับมืออาชีพนั้นก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งสุดยอดไปมากๆเลยล่ะค่ะ!!

พวกคุณเมดของโอนี่ซามะเนี่ย ดูสุดยอดกันทุกคนเลยนะ เธอคิดเหมือนกันมั๊ยซากุระโกะจัง ?

นั่นสินะคะ ถึงแม้พวกคุณเมดทุกคนจะดูอายุยังน้อย แต่การทำงานต่างๆดูเรียบร้อยไร้ที่ติไม่ต่างไปจากพวกมืออาชีพเลยจริงๆนะคะ

ไม่ว่าจะเป็นพวกคุณเมดที่ช่วยจัดเตรียมเสื้อผ้าทรงผมในตอนที่พวกเราตื่นนอน พวกคุณเมดที่มีหน้าที่เสริฟอาหาร ทำความสะอาด ดูแลสวนดอกไม้ ทุกๆคนนั้นสามารถทำงานได้ไร้ที่ติราวกับมืออาชีพจริงๆเลยล่ะค่ะ

อ๊ะร่ะ!! นี่สินะคะคือเมืองกูสตาฟที่ว่า ? ดูแตกต่างจากเมืองสเตรเชียที่พวกเราจากมาอย่างมากเลยนะคะเนี่ย

ถึงแม้จะอยู่ในทวีปเดียวกัน แต่เพราะเป็นคนละประเทศ เพราะงั้นวัฒนธรรมต่างๆก็คงจะต่างกันสินะคะ

หลังจากพูดคุยกับซากุระโกะจังไปได้เพียงไม่นานนัก ในที่สุดพวกเราก็มาถึงยังเขตน่านฟ้าของเมืองกูสตาฟ โดยลักษณะของสิ่งก่อสร้างและอาคารต่างๆภายในเมืองรวมถึงต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ขึ้นอยู่กึ่งกลางเมืองนั้น แค่เพียงพวกเราได้มองดูผ่านๆก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าวัฒนธรรมของที่นี่นั้นมีความแตกต่างกับเมืองสเตรเชียของโอนี่ซามะเป็นอย่างมากเลยค่ะ

ซากุระโกะจัง!! ไปหาโอนี่ซามะกันเถอะค่ะ!!

หลังจากที่เรือเหาะของพวกเราลงจอดที่ลานกว้างบริเวณใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ ชั้นก็รีบจูงมือซากุระโกะจังเพื่อไปหาโอนี่ซามะในทันที

เด๋วสิรูริโกะจัง! รู้แล้วเหรอว่าโอนี่ซามะของเธออยู่ที่ไหนน่ะ ?

อ๊ะ!! ลืมไปเสียสนิทเลยค่ะ เอะเฮะเฮะ!!

อุว๊า!! น่าอายสุดๆเลยล่ะค่ะ!! เพราะรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมากที่จะได้เจอกับโอนี่ซามะก็เลยลืมไปเสียสนิท แล้วตอนนี้โอนี่ซามะอยู่ที่ไหนกันนะคะเนี่ย ? พอนึกเรื่องนี้ได้ชั้นก็รีบหันไปด้านหลังเพื่อถามคุณเมดตัวเล็กทั้งสองคน

ทัตสึยะซามะอยู่ในห้องทำงานบนเรือเหาะประจัญบานปีกแห่งรุ่งอรุณค่ะ พวกเราจะนำทางให้เอง เชิญตามพวกเรามาได้เลยนะคะ

หลังพูดจบ คุณเมดตัวเล็กทั้งสองคนก็เดินนำหน้าพวกเราไปยังเรือเหาะขนาดใหญ่ยักษ์ที่จอดอยู่ห่างจากตำแหน่งที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ไปไม่มากนัก

ดูเหมือนทุกๆคนบนนี้จะกำลังยุ่งวุ่นวายกันหมดเลยนะคะเนี่ย ?

หลังจากที่เข้าไปยังด้านในของเรือเหาะขนาดใหญ่ยักษ์ ชั้นก็พบเห็นผู้คนมากมายกำลังยุ่งวุ่นวายกันไปหมด บางคนก็กำลังหอบเอกสารกองใหญ่วิ่งไปมา บางคนก็กำลังพิมพ์เอกสารใส่เข้าไปในอุปกรณ์หน้าตาแปลกๆ บางคนก็กำลังใช้สมาร์ทโฟนพูดคุยพร้อมกับตรวจดูเอกสารในมืออีกข้างหนึ่งและยังวิ่งไปมาด้วยความคล่องแคล่วมากอีกด้วยนะคะ

เป็นเพราะพึ่งจะจบการต่อสู้ไปเมื่อคืนน่ะค่ะ ตอนนี้ทุกคนก็เลยต้องรีบจัดการเอกสารรายงานผลในพื้นที่ต่างๆกันอย่างเร่งรีบ

พึ่งจบการต่อสู้เมื่อคืนงั้นหรือคะ ?

ใช่แล้วค่ะ!! สุดยอดเลยใช่มั๊ยล่ะคะ!! ทั้งๆที่ในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากเพราะฝ่ายตรงข้ามจับตัวประกันเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่พวกท่านจอมเวทและกองทัพพันมิตรของอาณาจักรออร์ธรอสนั้นใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถเข้าควบคุมเมืองกูสตาฟที่มีกำลังทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นนายแห่งนี้ได้แล้วนะคะ!!

สุดยอดไปเลยนะคะ!! สมแล้วที่เป็นกองทัพของโอนี่ซามะ!!

ถึงแม้ชั้นจะไม่เข้าใจเรื่องราวที่คุณเมดตัวเล็กคนนี้พูดออกมาสักเท่าไหร่นัก แต่การที่เธอแสดงการชื่นชมกองทัพของโอนี่ซามะออกมาแบบนี้มันก็ทำให้ชั้นรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะงั้นชั้นจึงได้ตอบรับกลับไปด้วยรอยยิ้ม

นี่รูริโกะจัง บางทีพวกเราเองก็ควรจะหางานอะไรมาทำบ้างเหมือนกันนะ

นั่นสินะคะ หลังจากนี้ลองถามโอนี่ซามะดูดีกว่านะคะ

ซากุระโกะจังเข้ามาพูดกับมาชั้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะการได้มาเห็นผู้คนมากมายกำลังตั้งใจทำงานกันอย่างหนักแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้พวกเรารู้สึกลำบากใจกับการที่พวกเราเอาแต่คอยพึ่งพาโอนี่ซามะอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะงั้นพวกเราจึงได้ตัดสินใจที่จะขอให้โอนี่ซามะช่วยหางานบางอย่างที่พวกเราน่าจะพอช่วยทำได้

หลังจากนั้น พวกเราก็เดินผ่านบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาโอนี่ซามะยังห้องทำงานบนชั้นที่ 10 ของเรือเหาะ ซึ่งเป็นชั้นบนสุดที่ไม่อนุญาตให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ค่ะ

อุว๊าว!? มีแต่พวกเด็กๆเต็มไปหมดเลยนะคะเนี่ย ?

พอขึ้นลิฟต์มาถึงยังชั้นที่ 10 พวกเราก็พบเข้ากับห้องโถงขนาดใหญ่อีกครั้ง แต่ในชั้นนี้กลับเต็มไปด้วยพวกเด็กๆตัวเล็กๆ ที่กำลังสนุกสนานไปกับการเล่นวีดีโอเกมและสื่อบันเทิงต่างๆเป็นจำนวนมาก บางกลุ่มก็กำลังอ่านหนังสือภาพ บางกลุ่มก็กำลังทานขนมกันอย่างสนุกสนานเลยล่ะค่ะ!!

พวกเธอเป็นเด็กๆที่กองอัศวินของพวกเราได้ช่วยออกมาจากคฤหาสน์ของพวกขุนนางจักรวรรดิชั่วน่ะค่ะ แต่เนื่องจากสภาพจิตใจของทุกคนนั้นย่ำแย่มากเพราะความอดอยากและถูกทำร้ายร่างกายมาหลายวัน เพราะงั้นหลังจากที่รักษาสภาพร่างกายเรียบแล้วร้อยแล้ว ทัตสึยะซามะก็ได้ออกคำสั่งให้ฟิลิเน่จังกับพวกเมดฝึกหัดช่วยหาอะไรสนุกๆมาทำให้เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจกลับมาน่ะค่ะ

แล้วก็เนื่องจากที่เมืองกูสตาฟแห่งนี้ไม่ได้มีการลงทะเบียนครอบครัวของพวกชาวเมืองเอาไว้ ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แค่การเฝ้ารอจนกว่าจะสามารถพิสูจน์ตัวผู้ปกครองของพวกเด็กๆได้ แต่ภายในเมืองตอนนี้ก็ยังค่อนข้างจะวุ่นวายอยู่ เพราะงั้นคาดว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันเลยล่ะค่ะ

งะ งั้นเหรอคะ....

พอได้ฟังเรื่องราวความเป็นจริงจากคุณเมดแล้ว ชั้นก็รู้สึกแย่กับพวกขุนนางของจักรวรรดิเอลติซมากขึ้นไปอีก แค่มาพรากพวกเด็กๆไปจากครอบครัวก็เป็นเรื่องที่แย่มากแล้ว ทั้งๆแบบนั้นแล้วทำไมถึงได้ใจร้ายถึงขนาดต้องมาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ด้วยนะคะเนี่ย ชั้นไม่เข้าใจความคิดของขุนนางชั่วพวกนั้นเลยจริงๆค่ะ

รู ริ โกะ จางงง!!!

และในระหว่างที่ชั้นกำลังคิดเรื่องของพวกขุนนางชั่วแห่งจักรวรรดิเอลติซอยู่นั้น ชั้นก็ได้ยินเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่คุ้นเคย และยังถูกเธอกระโดดเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังอีกด้วยล่ะค่ะ





ชิซึกุจัง!!!

แต่แล้วชั้นหันกลับไปเห็นหน้าเธอเข้า ชั้นก็ได้เผลอส่งเสียงเรียกชื่อของเธอออกมาด้วยความตกใจ นั่นก็เป็นเพราะเด็กสาวคนนี้เป็นทั้งญาติและเพื่อนสมัยเด็กที่ชั้นรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ

2 ความคิดเห็น:

  1. เมื่อไรชิสุคุจะโดนกินเนี่ย?
    อยากจะให้เธอโดนผู้ชายคนอื่นได้กินจนไอ้ทัตเสียดายว่าทำไมตรูถึงไม่ยอมกินน้องแท้ๆ ของตัวเองซะที ให้มันรู้สึกผิดหวังซะบ้าง (จริงๆ แล้วผมอยากดู NTR ตะหากล่ะคับ เป็นน้องสาวก็ยังดี หึๆ)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรื่องนี้ไม่ค้ำครับ น้องสาว ลูกสาว แท้ๆทัตสึยะไม่กินนะครับ ฮา....
      ส่วนชิซึกุเนี่ย สุดท้ายเธอก็จะแต่งงานกับ......ล่ะครับ
      แน่นอนว่าถึงจะเสียดายแต่ก็ต้องทำใจยอมรับล่ะครับ ฮา....

      ลบ