「ถึงจะฝืนตัวเองมากไปหน่อย
แต่เธอก็ทำได้ดีมากแล้วนะ ไอโกะจัง」
หลังการจูบอย่างดูดดื่มกับไอโกะจังในท่าอุ้มเจ้าหญิง ผมก็ปล่อยตัวเธอลงกับพื้นพร้อมกับถอดเสื้อคลุมออกมาเพื่อใช้คลุมร่างกายของเธอ
ส่วนเหตุผลที่ผมต้องจูบกับเธอในสถานการณ์เช่นนี้ก็เพื่อให้สกิล Mana Chaneling ของผมสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สำหรับสกิล Mana
Chaneling นั้นเป็นสกิลใหม่ที่ผมพึ่งจะได้มา
โดยสกิลนี้เป็นสกิลที่ช่วยให้เราสามารถที่จะส่งผ่านมานาในร่างกายของเราไปให้ผู้อื่นได้
แต่มีข้อกำจัดอย่างหนึ่งก็คือไม่สามารถส่งมานาไปให้กับผู้ที่มีมานาเหลือมากกว่าผมได้
ส่วนเงื่อนไขในการได้สกิลนี้มานั้นผมก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน
「ค่ะ.....」
ไอโกะจังตอบผมกลับมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ ทั้งๆที่บรรยากาศไม่ค่อยดีแต่พอได้เห็นไอโกะจังในสภาพที่สุดแสนน่ารักแถมยังอยู่ในสภาพยั่วยวนอย่างมากแบบนี้มันก็ทำให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมา
ให้ตายสิถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางเลือก
คงจะต้องรีบจัดการไอ้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อนสินะ
「พวกเธอเองก็ไม่เป็นไรสินะ」
ผมหันไปมองอัศวินสาวสองคนที่เป็นลูกน้องของไอโกะจัง ถึงแม้คาโอริจังและยูเมะจังจะช่วยรักษาบาดแผลให้แล้ว
แต่พวกเธอทั้งสองคนก็ยังดูไร้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุผลก็คงเหมือนกันกับไอโกะจังที่ถูกเจ้ามอนสเตอร์นี่ดูดเอาพลังมานาไป
「พะ....พวกเรา....ไม่....ไม่เป็นไร.....ค่ะ.....」
พวกเธอตอบกลับมาด้วยท่าทางเขินอายและน้ำเสียงที่อ่อนแรง แต่เนื่องจากตัวผมไม่ได้มีมานามากพอที่จะแบ่งให้กับพวกเธอทั้งสองคน
เพราะงั้นก็คงมีแต่ต้องปล่อยให้พวกเธออยู่ในสภาพแบบนี้ไปก่อน
ทำไมผมถึงได้รู้เรื่องแบบนี้งั้นเหรอ นั่นก็เพราะว่ายูเมะจังมีสกิล Mana Vision ที่สามารถมองเห็นการไหลเวียนของมานาในร่างกายของผู้คนรวมไปถึงพวกมอนสเตอร์และสิ่งมีชีวิตต่างๆได้
แล้วก็เป็นเพราะสกิลนี้อีกนั่นแหละ
จึงทำให้พวกเราที่กำลังอยู่บนท้องฟ้าสามารถตัดสินใจโจมตีเข้าใส่เจ้ามอนสเตอร์โดยตรงได้ในทันที
ถ้าหากไม่มียูเมะจังล่ะก็
พวกเราคงไม่สามารถมองเห็นตำแหน่งตัวจริงของเจ้ามอนสเตอร์ที่มีหนวดประหลาดมากมายงอกขึ้นมาได้แน่ๆ
「ถ้างั้นก็ถึงตาแกแล้วสินะ
ความผิดที่ยื่นมือเข้ามาแตะต้องร่างกายของไอโกะจังของผมน่ะ คงจะต้องให้แกชดใช้ด้วยความทุกทรมานยิ่งกว่าที่เธอได้รับอีกหลายเท่าล่ะนะ」
ผมแสยะยิ้มและมองไปยังผืนทรายที่ผมพึ่งจะใช้ค้อนทุบจนเป็นหลุมลึกลงไป
ด้านในนั้นค่อยๆปรากฏร่างของมอนสเตอร์ผู้ที่เป็นเจ้าของหนวดประหลาดมากมายเหล่านี้
ชื่อของมันก็คือ Mercrown
ซึ่งเป็นราชาของพวก Merman
ส่วนหัวของมันดูๆไปก็คล้ายกับปลาทูน่าอยู่เหมือนกัน
ซึ่งชื่อของมันก็คงจะมาจากมงกุฎอัญมณีขนาดใหญ่ที่ถูกสวมอยู่บนหัวของมันล่ะมั้ง
「ถ้างั้นก็
มื้อเย็นของวันนี้ขอเป็นชาชิมิก็แล้วกันนะคะ」
ฮารุกะจังเป็นคนแรกที่เริ่มทำการโจมตี เธอวาปหลบหนวดมากมายเข้าไปที่ด้านหลังของเจ้า
Mercrown พร้อมทั้งหมุนตัวและตวัดเคียวอันใหญ่ยักษ์ของเธอเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
「ชะ ชั้นเองก็ไม่ยอมแพ้หรอก.....」
ยัยโรน่าที่เห็นฮารุกะจังเริ่มเปิดฉากโจมตีก็รีบวิ่งเข้าไปในทันที
เพียงแต่เธอยังไม่มีความสามารถในการเคลื่อนที่สูงพอ
จึงทำให้หลบเจ้าหนวดประหลาดได้เพียงแค่ไม่กี่เส้นและถูกหนวดของเจ้า Mercrown จับเอาไว้ในที่สุด
「ให้ตายสินอกจากเรื่องอย่างว่าแล้วไม่ได้เรื่องเลยจริงๆนะยัยนี่.....」
ผมบ่นออกมาก่อนจะส่งสัญญาณไปบอกให้สเตล่าเข้าไปช่วยเหลือเธอ
ความจริงแล้วหากพอจะมีเวลาล่ะก็
ผมเองก็อยากที่จะมองดูยัยโรน่าถูกหนวดของเจ้า Mercrown ลวนลามไปอีกซักพัก
แต่เนื่องจากยังมีอีกหลายเรื่องต้องรีบไปจัดการเพราะงั้นคงจะมาทำเป็นเล่นไม่ได้
「สมกับเป็นโรน่าซังเลยนะคะ
วิ่งเข้าหาเรื่องอย่างว่าได้ตลอดเวลาเลย」
「ดะ เด๋วสิคะ!! มัวแต่พูดอะไรอยู่กันคะเนี่ย!!」
สเตล่าพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังตวัดดาบอันใหม่ที่ผมมอบให้ เธอกระโดดหลบไปมาอย่างเชี่ยวชาญและในที่สุดก็สามารถทำลายหนวดทั้งหมดที่ของเจ้า
Mercrown และช่วยยัยโรน่าออกมาจนได้
「มาเรียจัง พวกเราก็ลุยกันเถอะ」
ผมยกค้อนเหล็กขึ้นและรีบกระโดดลงไปในหลุมทรายโดยมีมาเรียจังคอยช่วยหลอกล่อและปัดป้องการโจมตีจากหนวดของเจ้า
Mercrown ให้
ด้วยการโจมตีประสานของผม ฮารุกะจังและมาเรียจังทำให้เจ้า Mercrown
เริ่มที่จะจะเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีเพราะได้รับความเสียหายไปมาก แต่ถึงงั้นมันก็ยังไม่สามารถรับมือพวกเรา
3 คนที่มีความรวดเร็วสูงได้ง่ายๆ
มาเรียจังใช้มีดสั้นปัดป้องการโจมตีในขณะที่ใช้มีดจากเวทมายาเฉือดเฉือนไปตามครีบของเจ้า
Mercrown ส่วนฮารุกะจังก็ใช้ความได้เปรียบจากการวาปไปหลอกล่อสายตาของเจ้า
Mercrown และโจมตีเข้าไปบริเวณดวงตาและใบหน้า
ส่วนตัวผมนั้นเนื่องจากไม่ถนัดในการใช้อาวุธมีคมจึงเน้นโจมตีด้วยการฟาดค้อนเข้าไปในจุดที่เป็นกระดูกอ่อน
「ตอนนี้แหละยูเมะจัง!!!」
หลังจากการต่อสู้ผ่านไปหลายนาทีก็มาถึงเวลาปิดฉาก การโจมตีของพวกเรานั้นถึงแม้จะสร้างความเสียหายได้รวดเร็วแต่ด้วยพลังในการฟื้นฟูชีวิตอันมหาศาลของเจ้า
Mercrown จึงทำให้การต่อสู้ไม่จบลงง่ายๆ
เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องโจมตีด้วยเวทมนต์ที่ทรงพลังในครั้งเดียวเพื่อปิดฉาก
「Schapen Squad skill: Overdrive!!!!」
ยูเมะจังที่ใช้เวลาในช่วงที่พวกเราต่อสู้ค่อยๆรวบรวมมานาอย่างช้าๆด้วยสกิล
Mana Drain ของเธอ
และในตอนนี้เธอก็มีมานามากพอที่จะสั่งให้อสูรรับใช้นักรบแกะทั้งหกของเธอใช้ท่าไม้ตายออกมาได้แล้ว
พลังมานาเข้มข้นจนมองเห้นด้วยตาเปล่าที่อยู่รอบตัวยูเมะจังเริ่มถูกนักรบแกะทั้งหกแปรเปลี่ยนเป็นพลังเวทอันมหาศาล
วงเวทขนาดใหญ่ 6 อัน
ปรากฏขึ้นใต้เท้าของนักรบแกะทั้งหกก่อนจะเกิดเป็นลำแสงหกสีพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
「ท้องฟ้าสวยจัง......」
มาเรียจังพึมพำออกมาในขณะที่แหงนมองท้องฟ้า ท้องฟ้าสีครามที่เคยสว่างไสวอยู่จนถึงก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นท้องฟ้าหลากสีที่มืดครึ้มในชั่วพริบตา
และเพื่อไม่ให้โดนลูกหลงไปด้วยผมจึงรีบอุ้มมาเรียจังขึ้นด้วยท่าเจ้าหญิงและถอยห่างออกมาจากเจ้า
Mercrown ในทันที
ส่วนยัยฮารุกะจังที่มีเซ้นส์ด้านการต่อสู้ดีที่สุดนั้นแน่นอนว่าเธอได้ถอยออกไปก่อนหน้าพวกผมแล้ว
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีแสงหกสีจำนวนมากจากท้องฟ้าก็พุ่งเข้าโจมตีใส่เจ้า
Mercrown
อย่างต่อเนื่องราวกับฝนดาวตก
「คิโอววววว!!!!!!」
เสียงโอดครวญไปด้วยความเจ็บปวดของเจ้า Mercrown
ดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณหลายต่อหลายครั้ง
ถึงแม้เจ้านี่จะสามารถฟื้นฟูชีวิตได้อย่างรวดเร็วแค่ไหนก็ไม่สามารถทนทานเอาไว้ได้และตายลงในที่สุด
「ปลายักษ์ค่ะนายท่าน ปลายักษ์ล่ะค่ะ!!」
มาเรียจังที่ยังกอดผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยพูดพร้อมกับชี้ไปยังกลุ่มควันในบริเวณที่เจ้า
Mercrown ตาย
เนื่องจากสายตาของมาเรียจังดีกว่าผมมากจึงไม่แปลกที่เธอจะมองเห็นสิ่งที่เหลืออยู่ภายใต้หมอกควันจำนวนมากนั่น
หลังจากหมอกควันสลายไปพื้นที่บริเวณที่ถูกโจมตีก็ปรากฏสิ่งที่เหลืออยู่
นั่นก็คือปลามากุโร่ขนาดยักษ์ ดูจากขนาดคร่าวๆแล้วผมคิดว่าความยาวของมันคงมากกว่า
30 เมตรเสียอีก ตัวใหญ่ขนาดนี้คงจะสามารถเลี้ยงคนทั้งเมืองได้หลายวันเลยทีเดียว
นอกจากปลามากุโร่ยักษ์แล้วก็ยังมีมงกุฎอัญมณีที่ดูหรูหราตกอยู่ด้วยเช่นกัน
แต่เนื่องจากพวกเรามีของแบบนั้นเยอะแยะมากพออยู่แล้วทุกคนจึงหันไปสนใจเจ้าปลามากุโร่ยักษ์กันเสียมากกว่า
「ฮ่า ฮ่า ตัวใหญ่ สมกับเป็นของรางวัลสำหรับชั้นคนนี้เลยนะคะเนี่ย!!」
ฮารุกะจังยึดอกพูดพร้อมกับนำเจ้าปลามากุโร่ยักษ์เก็บเข้าไปใน Inventory
「ดะ เด๋วสิคะ!! จะยึดเอาไปเป็นของตัวเองแบบนั้นไม่ได้นะคะ
ฮารุกะซามะ」
「ถ้าฮารุกะจังทานเข้าไปคนเดียวล่ะก็
ได้กลายเป็นยัยอ้วนแน่ๆเลยนะจ๊ะ」
「ถ้าฮารุกะซามะเอาไปทานดิบๆคนเดียวล่ะก็
คืนนี้ชั้นก็ไม่ต้องเหนื่อยทำอาหารให้ทานแล้วสินะคะ」
「ถ้างั้นชั้นขอรับทัตสึยะซามะไปเป็นรางวัล.....」
「「「ไม่ได้เด็จขาด!!!」」」
หลังจากการต่อสู้จบลงพวกสาวๆก็เริ่มเปิดฉากแย่งชิงส่วนแบ่งของเจ้านั่นกัน
พวกเธอทุกคนดูจะตื่นเต้นกับเจ้ามากุโร่ยักษ์กันมาก
ถึงแม้ผมจะไม่ได้ยินรายละเอียดที่พวกเธอคุยกันแต่พวกเธอก็ดูสนุกสนานกันดีผมจึงไม่คิดจะเข้าไปยุ่งและเดินกลับไปหาไอโกะจังที่กำลังนั่งพักอยู่แทน
「ทัตสึยะซัง.....」
ถึงแม้มานาของไอโกะจังจะฟื้นฟูกลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะยังรู้สึกไม่ค่อยดีนักผมจึงนั่งลงข้างๆและค่อยๆลูบไล้เรือนผมของเธออย่างอ่อนโยน
「ยังไม่สบายใจอยู่งั้นเหรอ」
「ทั้งๆที่ทัตสึยะซังกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือเผ่าผีเสื้อแสงจันทร์......แต่ชั้นกลับทำให้ต้องมาเสียเวลาแบบนี้..........แถมยังประหมาดจนส่งผลให้ทำงานผิดพลาด......ปกป้องลูกน้องตัวเองก็ยังไม่ได้........」
ไอโกะจังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แต่ถึงเธอจะทำผิดพลาดแค่ไหน ในฐานะคนรักแล้วผมก็มีหน้าที่ที่จะต้องคอยปลอบโยนเธอ
「ถ้าเรื่องเผ่าผีเสื้อแสงจันทร์ผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
พวกลูกน้องของเธอเองก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น นั่นสินะถ้าจะถามหาคนผิดล่ะก็ ผมเองก็ผิดด้วยเหมือนกันที่ไม่ได้ห้ามเธอเอาไว้」
ในตอนที่ผมได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตนี้ผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ออกคำสั่งห้ามพวกเธอเอาไว้ แถมยังมัวแต่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการแก้แค้นของสเตล่าทำให้มาถึงที่นี่ช้า
เพราะงั้นผมเองก็เรียกได้ว่ามีส่วนผิดด้วยเช่นกัน
「ทัตสึยะซัง.....」
「เอาเป็นว่าผมจะลงโทษเธอให้หนักเอง...........เพราะงั้นคืนนี้ก็ช่วยมาหาผมด้วยนะ......」
ผมเข้าไปกระซิบข้างๆหูของไอโกะจังเบาๆ ใช่แล้วล่ะในเมื่อเป็นแบบนี้ก็มีแต่จะต้องลงโทษเธอเท่านั้น
เท่านี้ไอโกะจังก็คงจะลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วกลับไปร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว
แน่นอนว่าการลงโทษในครั้งนี้คงจะต้องใช้เวลามากซักหน่อยเพราะผมไม่ได้เจอกับไอโกะจังมาตั้งหลายวันแล้วนี่นา...............
ไม่กินแล้วสินะปลา กินอย่างอื่นแทน
ตอบลบปลามันจานรอง นี่สิจานหลัก
ตอบลบ