ตอนที่ 47 สงครามปิดล้อมเมืองแอสคาล บทที่ 1


-- มุมมองของไอโอเรีย --                                   

ช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 เดือน 4 ศักราชเอลติซปีที่ 837           

หลังจากได้รับมอบหมายให้ควบคุมทัพหน้าของกองทัพผสม ในขณะนี้ข้ากำลังนำทัพหน้าจำนวน 3,010 นายมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมเมืองแอสคาสเพื่อเข้าโจมตีโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งรับได้ทัน

โดยทัพหน้าในครั้งนี้นั้นแบ่งออกเป็นกองพันอัศวินไวเวิร์นที่ข้าเป็นผู้บัญชาการจำนวน 2,000 นาย หน่วยจอมเวทของชาร์ล็อต 10 นาย และสุดท้ายคือหน่วยทหารราบเกราะเบาที่จะมารับหน้าที่ในการยึดประตูทิศเหนือ ซึ่งพวกเค้าซ้อนท้ายบนไวเวิร์นของพวกเรามาด้วยอีกจำนวน 1,000 นาย

กองพันอัศวินไวเวิร์นนั้นเป็นกองทัพอากาศของจักรวรรดิที่สามารถเคลื่อนทัพได้อย่างรวดเร็วแม้ในยามค่ำคืน ดังนั้นพวกเราจึงสามารถลอบเคลื่อนทัพอ้อมสันเขาเกราอานไปยังทิศเหนือของเมืองแอสคาสได้โดยที่พวกหน่วยสอดแนมของศัตรูไม่ทันได้รู้ตัว

แต่ก่อนหน้านั้นข้าคงจะต้องพูดถึงเหตุผลในการทำสงครามของพวกเราในครั้งนี้เสียก่อน

เมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ท่านพ่อของข้า ท่านเคานต์เอรอส วอน เมลตอน ได้รับจดหมายด่วนจากท่านสังฆราชโบลูซผู้มีฐานะและอำนาจสูงสุดในศาสนจักรและสภานักบวชแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัม

ส่วนเนื้อหานั้นข้าได้อ่านดูเช่นกัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องขอกำลังทหารเพื่อรากฐานและความมั่นคงของศาสนจักรที่กำลังถูกสั่นคลอนโดยเล่ห์กลของคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวว่าจอมเวทแห่งออร์ธรอส คนพวกนั้นแอบอ้างคำพูดของท่านเทพธิดาเซฟฟรานโดยใช้เวทมนต์ลวงตาและหมายจะเข้ายึดครองศาสนจักรไปเป็นของตนเอง

ดังนั้นทางสภานักบวชแห่งศาสนจักรจึงได้มีการลงมติที่จะทำการต่อต้านเหล่าจอมเวทแห่งออร์ธรอสอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป้าหมายแรกนั้นก็คือการควบคุมตัวราชาอัลฟรีดที่ 38 รวมถึงทุกคนในราชวงศ์ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับเหล่าจอมเวทแห่งออร์ธรอสด้วยกำลังทหารในทันที

และหากพูดถึงฐานะในทางการเมืองของท่านสังฆราชโบลูซแล้วล่ะก็ พูดได้ว่าท่านเป็นผู้ที่มีอำนาจทั้งด้านการปกครองและการทหารมากกว่าราชาอัลฟรีดที่ 38 ผู้เป็นราชาแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัมเสียอีก และอำนาจของท่านสังฆราชโบลูซนั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิแอสกรัม แต่ในจักรวรรดิเอลติซเองก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ให้ความเคารพนับถือในตัวท่าน

ดังนั้นกับคำพูดของท่านสังฆราชโบลูซแล้ว ท่านพ่อจึงได้ยอมรับการร้องขอทหารในครั้งนี้โดยไม่ลังเล.....ไม่สิจากสายตาของท่านพ่อที่ดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมากนั้น บางทีท่านพ่อก็อาจจะยังมีความลังเลอยู่บ้าง

เรื่องราวในครั้งนี้คงไม่ได้ง่ายดายนัก.....และยิ่งหากพวกเราปล่อยให้เหล่าจอมเวทแห่งออร์ธรอสเข้ามาควบคุมสภานักบวชและศาสนจักรเอาไว้ได้ล่ะก็ ขั้วอำนาจของโลกใบนี้ที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดิเอลติซคงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นบางทีท่านพ่อของข้าอาจจะกำลังขบคิดในเรื่องราวเหล่านั้นอยู่ก็เป็นได้

แต่พอพูดถึงตัวของท่านสังฆราชโบลูซแล้ว ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้ที่มีทั้งอำนาจและทำตัวให้น่านับถือสักเพียงใด แต่เอาจริงๆแล้วตัวข้าเองนั้นก็ไม่ชอบสังฆราชโบลูซผู้นี้สักเท่าใดนัก หากเป็นไปได้ล่ะก็ ข้าอยากจะไปช่วยเหลือฝ่ายของท่านราชาอัลฟรีดที่ 38 เสียมากกว่า

นั่นก็เพราะในช่วงที่ผ่านๆมานั้น ข้าเคยได้พบกับสังฆราชโบลูซอยู่หลายครั้งภายในงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆที่ทางจักรวรรดิได้จัดขึ้น แต่ทุกๆครั้งเจ้านี่ก็มักจะเจ้ามองร่างกายของคู่หมั้นข้าด้วยสายตาหยาบโลนและน่ารังเกียจ

แต่ถึงจะไม่ชอบสักเพียงใดมันก็เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัว มันเป็นสิ่งที่ข้าไม่ควรจะนำมาปะปนไปกับงานของกองทัพ ยิ่งตัวข้าที่เป็นถึงขุนพลแดนเหนือขุนพลหอกอัคคีวินาศไอโอเรีย Flame Lancer Aioriaที่เป็นผู้บัญชาการกองพันอัศวินไวเวิร์น ข้าจึงยิ่งต้องแสดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเห็นเป็นตัวอย่าง ไม่เช่นนั้นมันอาจจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจกันในบรรดาลูกน้องได้

ดังนั้นข้าจึงพยายามลืมเลือนเรื่องชั่วๆมากมายที่เจ้าสังฆราชโบลูซได้ทำเอาไว้ และมุ่งมั่นไปกับการทำสงครามในครั้งนี้
                                                              
นะ นี่ ไอโอเรียคุง!!! ไอ โอ เรีย คุงงงง!!! ในที่สุด ในที่สุดพวกเรามาถึงประตูทิศเหนือแล้วนะ นี่ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่กันล่ะเนี่ย!!!

เนื่องจากข้ามัวแต่คิดเรื่องของเจ้าสังฆราชโบลูซอยู่จึงไม่ทันรู้ตัวว่าพวกเราเดินทางมาถึงยังเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว เพราะเหตุนั้นข้าจึงถูกเด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าบนไวเวิร์นดำดึงแก้มของข้าพร้อมกับส่งเสียงเรียกข้าด้วยท่าทางไม่พอใจ

ฮะ ฮะ ขอโทษด้วยนะชาร์ล็อต ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ

เด็กสาวสุดแสนน่ารักอายุ 13 ปีผู้นี้มีชื่อว่า ท่านหญิงชาร์ล๊อตเต้ วอน เอเลพาลน่า เธอเป็นบุตรสาวคนที่ 16 ของท่านดยุดออกัสโต้ วอน เอเลพาลน่า

ตัวเธอนั้นไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาแต่เป็นถึงจอมเวทอัจฉริยะที่ถูกผู้คนเรียกว่าเพลิงหายนะชาร์ล๊อตเต้ Flame of Destructionเธอนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยจอมเวท เป็นดั่งเทพีแห่งชัยชนะของกองพันอัศวินไวเวิร์น นอกจากนั้นแล้ว เด็กสาวผู้น่ารักคนนี้ก็ยังเป็นคู่หมั้นสุดที่รักของตัวข้าอีกด้วย

โถ่! ไอโอเรียคุงนี่ล่ะก็!! พวกเรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามนะ มัวแต่ทำเป็นเล่น เด๋วก็ได้กลายเป็นปุ๋ยให้พวกต้นหญ้าหน้ากำแพงเมืองเติบโตกันพอดี เอ้า!! เลิกเหม่อลอยและมาสั่งการได้แล้ว!! เค้าน่ะง่วงจะแย่แล้วนะรู้มั๊ย!!

เฮ้ยพวกแกน่ะ!!! ถึงเวลาออกล่าเหยื่อกันแล้วนะโว๊ยย!!!

「「「「โอ้!!!」」」」

เหล่าลูกน้องของข้าตอบรับคำสั่งกลับมาด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม จากนั้นพวกเราก็เริ่มแปรขบวนทัพโดยแบ่งกำลังออกมาเป็น 4 กอง ตั้งแถวหน้ากระดานและสั่งการให้ไวเวิร์นกางปีกออกเพื่อเตรียมพร้อมในการร่อนลง

ไวเวิร์น 2,000 ตัวร่อนลงไปยังประตูทิศเหนืออย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยลูกไฟเข้าโจมตีใส่กองทหารรักษาการณ์ ประตู และยุทโธปกรณ์ต่อต้านไวเวิร์นทั้งหลายที่ติดตั้งอยู่บนกำแพงเมืองในทันที

ตูมมม!!!!

ไม่ใช่เพียงเวทมนต์ของไวเวิร์นเท่านั้น แต่พวกหน่วยจอมเวทเองก็เริ่มร่ายเวทมนต์ลูกไฟขนาดใหญ่เข้าโจมตีประตูเมืองจนเกิดเป็นเสียงดังตูมมม!!!!ขึ้นมา

ส่วนเหล่าทหารรักษาการณ์ที่กำลังแตกตื่นจากการถูกโจมตีอย่างฉับพลันนั้นก็ถูกเหล่าไวเวิร์นพุ่งเข้าใส่ บ้างก็พุ่งเข้ากัดอย่างบ้าคลั่ง บ้างก็ฟาดหางเข้าใส่และดันพวกทหารลงไปด้านล่างของกำแพง ส่วนพวกอัศวินที่อยู่บนหลังไวเวิร์นเองก็แทงหอกเข้าใส่พวกทหารที่รอดชีวิต หรือพวกที่พยายามวิ่งหนี

ทหารของประเทศนี้มันกระจอกชะมัดเลยเว้ย!!

ผมตะโกนออกไปพร้อมกับควงหอกแล้วเหวี่ยงเข้าใส่พวกกองทหารรักษาการณ์หลายคนที่พยายามตั้งโล่รับการโจมตีจนพวกนั้นกระเด็นลอยไปไกล

Master of Flame: Flame Shower!!!

ชาร์ล็อตที่ซ้อนท้ายไวเวิร์นผมมานั้น เมื่อได้จังหวะเธอก็กระโดดหมุนตัวกลับหลังอย่างสวยงามพร้อมกับปล่อยเวทมนต์ที่เธอถนัด Flame Shower เข้าใส่กองหลังของศัตรูที่กำลังเล็งธนูเข้าใส่เหล่าไวเวิร์น

ถึงแม้จะมีลูกธนูจำนวนมากพุ่งสวนกลับมา แต่มันก็ถูกลูกไฟจำนวนมากว่า 50 ลูกของชาร์ล๊อตจังเผาผลาญไปจนสิ้น และลูกไฟเหล่านั้นก็พุ่งเข้าโจมตีใส่กองหลังของพวกศัตรูจนเละ เหล่าทหารที่ถูกลูกไฟโจมตีนั้นถูกเผาและกรีดร้องอย่างโหยหวย บางส่วนก็พยายามดิ้นรนวิ่งหนีไปแต่ก็ไปได้เพียงแค่ไม่กี่เก้าก่อนจะค่อยๆล้มลงและกลายเป็นเถ้าถ่านไป

อย่ายอมแพ้ชาร์ล็อตเชียวนะ!! ลุยฝ่าเข้าไปเลยเคออส!!!

กิเวิ๊นนนน!!!

เคออส ไวเวิร์นดำคู่หูของผมสยายปีกออกกว้าง จากนั้นเธอก็กระโจนขึ้นไปบนฟ้าและวกตัวกลับมาปล่อยลูกไฟสีดำหลายลูกเข้าใส่กองทหารรักษาการณ์ที่ยังเหลือรอดและยังพุ่งทะลวงแนวของศัตรูเข้าไปโดยไม่เกรงกลัว

ส่วนผมที่อยู่บนหลังของเคออสก็ตวัดหอกเข้าแทงใส่บรรดานายทหารของศัตรูอย่างต่อเนื่อง กองทหารของศัตรูนั้นทั้งอ่อนแอและมีจำนวนน้อยกว่า พวกเราจึงได้รับชัยชนะรับสามารถยึดครองประตูทิศเหนือของเมืองแอสคาลมาได้โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น

วันนี้เองก็ทำได้ดีเลยนี่นาไอโอเรียคุง ห้าวววว!!!! เค้าง่วงแล้วล่ะ ถ้างั้นที่เหลือก็ฝากจัดการต่อด้วยนะ

หลังจากจัดการถล่มศัตรูอยู่ฝ่ายเดียวและยึดเอาศูนย์บัญชาการภายในประตูทิศเหนือมาได้เรียบร้อยแล้ว ชาร์ล็อตที่ทำท่าทางง่วงนอนก็รีบไปหาสถานที่สำหรับนอนพักผ่อนในทันที

ดะ เด๋วสิ!! ชาร์ล็อต!!

โดยไม่ฟังเสียงของผม ชาร์ล็อตหยิบหมอนประจำตัวออกมาจากกระเป๋ามิติซึ่งเป็นสมบัติประจำตระกูลเอเลพาลน่าและปิดประตูห้องเข้าใส่ผมอย่างแรงในทันที

ชาร์ล็อตนั้นเป็นเด็กสาวที่ไม่ค่อยชอบแสงอาทิตย์ซักเท่าไหร่นัก เพราะงั้นกว่าเธอจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็คงเป็นในช่วงเย็นเลยทีเดียว และถึงแม้ผมจะเป็นคู่หมั้น แต่ถ้าเข้าไปรบกวนการนอนของเธอเข้าล่ะก็ ชีวิตของผมเองก็อาจจะจบลงไม่สวยก็ได้ เพราะงั้นเพื่อความสงบสุขของโลกแล้ว ผมจึงไม่มีทางเลือกและได้แต่ปล่อยให้เธอได้นอนพักผ่อนไปอย่างเต็มที่เท่านั้น

ท่านไอโอเรีย พวกเราเข้าประจำตำแหน่งต่างๆสำหรับการตั้งรับเรียบร้อยแล้ว ส่วนพวกเชลยศึกเองก็ถูกจับไปขังเอาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกันครับ!!

หัวหน้ากองทหารเกราะเบาที่มีหน้าที่ในการประตูทิศเหนือรายงานงานออกด้วยน้ำเสียงที่สีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังใจ พวกเขาเองก็ทำหน้าที่ในการยึดครองประตูทิศเหนือได้อย่างยอดเยี่ยมตามคำสั่ง

ทำได้ดีมาก พวกนายไปพักก่อนก็ได้ แต่อย่าได้ลืมหน้าที่ของตัวเองไปเสียล่ะ

รับทราบครับ!!!

หัวหน้ากองทหารเกราะเบาวิ่งกลับไปทำงานของเขาต่อ ส่วนผมนั้นยังมีภารกิจที่จะต้องทำต่อ เพราะการบุกเข้ายึดประตูทิศเหนือนั้นไม่ใช่ภารกิจหลักของกองพันอัศวินไวเวิร์นในครั้งนี้

ภารกิจที่แท้จริงของพวกเราน่ะ คือการทำให้กองทัพของเมืองแอสคาลที่ไปรวมกันบริเวณประตูทิศใต้แตกตื่นและเสียกำลังใจ และก็ยังต้องพยายามหลอกล่อให้พวกนั้นแบ่งกำลังทหารกลับมาทวงเอาประตูทิศเหนือคืนไปอีกด้วย

ถ้างั้นพวกเราก็มาทำภารกิจต่อไปของพวกเรากันเถอะ

ผมหันไปสั่งการกองพันอัศวินไวเวิร์นที่กำลังรอคำสั่งอยู่บริเวณลานกว้างใต้กำแพงเมืองทิศเหนือ

「「「「โอ้!!!」」」」

เสียงตอบรับของบรรดาลูกน้องดังก้องขึ้นในทันทีที่ได้รับคำสั่ง จากนั้นทุกคนก็กระโดดขึ้นขี่ไวเวิร์นคู่หูของพวกเขาและเริ่มกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

3 ความคิดเห็น: