ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของสงคราม



-- มุมมองของฟลอร่า --                         
                                                                   
ช่วงเช้าของวันที่ 15 เดือน 8 ศักราชเอลติซปีที่ 837

ในตอนนี้ชั้นกำลังทานอาหารเช้าร่วมกับเมดสาวเวลน่าและอัศวินหญิงโรน่าอยู่ภายในห้องอาหารหรูหราบนเรือเหาะของอาณาจักรออร์ธรอส ทั้งๆที่ชั้นเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิเอลติซ ทั้งๆที่พวกเราเป็นศัตรูกันแท้ๆแต่พวกเค้าก็ยังปฏิบัติต่อชั้นอย่างอ่อนโยน หรือพวกเค้าจะไม่ได้คิดว่าตัวชั้นเป็นศัตรูกันนะ.....

ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ชั้นถูกพาตัวมายังเรือเหาะขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากเหล็ก ซึ่งหากคิดตามปกติแล้วนั้น การจะสร้างเรือเหาะที่ใหญ่ขนาดนี้ด้วยเหล็กมันไม่ควรจะเป็นไปได้เลย ด้วยน้ำหนักที่มากมายนั้น จะต้องใช้มานาซักแค่ไหนถึงจะทำให้มันบินได้กันแน่นะ กับข้อเท็จจริงนี้จึงทำให้ชั้นพอจะเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงได้หวาดกลัวอาณาจักรเวทมนต์กันนัก

ละ ลองทานเจ้านี่ดูสิคะ ฟะ ฟลอร่า

โรน่าตักอาหารรูปร่างแปลกๆมาให้กับชั้น เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองตามที่ชั้นได้ขอร้องเอาไว้ แต่การที่เธอพยายามมากขนาดนี้มันกลับทำให้ท่าทางของเธอดูตลกเป็นอย่างมาก และนั่นทำให้ชั้นอดที่จะยิ้มออกมาในเวลาที่ได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของเธอไม่ได้

กรอบๆ นุ่มๆ อร่อยมากเลยค่ะ มันเรียกว่าอะไรเหรองั้นคะ เจ้าลูกกลมๆนี่น่ะ

ชั้นถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บนเรือเหาะลำนี้มีแต่สิ่งของแปลกๆเต็มไปหมด ทั้งอุปกรณ์เวทที่สะดวกสบายหลากหลายอย่าง ภาพวาดงดงามที่มีความสมจริงและน่าทึ่ง และอาหารที่ชั้นกำลังทานอยู่ตรงหน้านี้เองก็เป็นสิ่งที่ชั้นไม่เคยได้ทานมาก่อนเช่นเดียวกัน


เจ้านี่เรียกว่า คาราอาเกะนี่ค่ะ ถึงตัวคาราอาเกะที่กรอบนุ่มอร่อยไร้ที่ติอยู่แล้ว แต่หากได้ลองทานคู่กับซอสพวกนี้ดูล่ะก็ จะยิ่งอร่อยยิ่งขึ้นไปอีกมากเลยล่ะค่ะ

ผู้ที่ตอบคำถามของชั้นคือเวลน่า ในตอนแรกชั้นคิดว่าเธอเป็นเมดเพราะการแต่งกายของเธอ แต่ตามจริงแล้วตัวเธอนั้นกลับเป็นขุนนางและยังเป็นหนึ่งในคู่หมั้นของทัตสึยะซามะผู้ปกครองอาณาจักรเวทมนต์ โรน่าเองก็ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในคู่หมั้นของทัตสึยะซามะเช่นเดียวกัน

ในตอนแรกชั้นคิดว่าชายที่ชื่อทัตสึยะจะเป็นพวกขุนนางที่ต้องการตัวชั้นไปเพื่อใช้ในการแย่งชิงอำนาจ ไม่คิดเลยจริงๆว่าผู้ชายที่ต้องการตัวของชั้นจะเป็นถึงผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอสที่กำลังโด่งดัง หากเป็นเค้าคนนั้นที่โรน่าและเวลน่าพูดถึงล่ะก็ บางทีชีวิตของชั้นหลังจากนี้อาจจะดีกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้.....

จริงด้วยนะคะ แค่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้รสชาติของคาราอาเกะเปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้งแล้ว นี่ช่างเป็นอาหารที่สมกับอาณาจักรเวทมนต์จริงๆเลยค่ะ

หลังจากนั้นพวกเราก็ทานอาหารอีกหลากหลายอย่างกันอย่างสนุกสนาน และในตอนนั้นเองก็มีเด็กสาวในชุดเมดคนหนึ่งเดินเข้ามา

มายุซามะและคาโอริซามะได้นำเฮลฮาวล์และทหารจากกองพันแวร์วูล์ฟ 200 นายเข้าประชิดเมืองป้อมปราการมินิทาริสแห่งจักรวรรดิเลเรียสตามกำหนดการเรียบร้อยแล้ว โดยทางฝั่งของเมืองป้อมปราการมินิทาริสนั้นมี เจ้าหญิงเอลรีสเต้ เอเลน ลา เลเรียส เป็นผู้บัญชาการกองทัพด้วยตัวเอง

เมดสาวกล่าวรายงานต่อไปโดยไม่ได้สนใจว่าตัวชั้นเองก็นั่งอยู่ด้วย นี่พวกเค้าไม่ได้คิดในเรื่องที่ควรจะปิดบังรายงานด้านการทหารกับชั้นที่เป็นคนนอกเลยงั้นเหรอ....

และท่านจอมเวททั้งสองยังได้มีคำสั่งให้พวกเราเตรียมความพร้อมเอาไว้ หากหน่วยเรือเหาะจู่โจมของจักรวรรดิเลเรียสตามมาเสริมกำลังให้ล่ะก็ ให้เข้าโจมตีได้ทันทีโดยมีคำสั่งให้เน้นการจับกุมตัวเชลยให้ได้มากที่สุดด้วยค่ะ

หลังรายงานจบเมดสาวก็เดินจากไป ซึ่งหากคิดตามรายงานของเมดสาวเมื่อครู่นี้แล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าเรือเหาะที่ชั้นกำลังอยู่ลำนี้เองก็จะต้องเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันสินะ....

น่าสงสารจริงๆเลยนะคะเจ้าหญิงเอลรีสเต้เนี่ย เพราะไปถูกใจเจ้านั่น....ทัตสึยะซามะเข้าก็เลยต้องมาตกที่นั่งลำบาก

เวลน่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ นี่เธอหมายความยังไงกันนะเรื่องที่ว่าน่าสงสารเนี่ย....

น่าสงสารอะไรกันล่ะคะ!! ที่เกิดสงครามขึ้นก็เป็นเพราะฝ่ายนั้นไม่ยอมรับข้อเสนอการส่งตัวเผ่าโลลิเทียกลับคืนมา!! แถมเจ้าจักรพรรดิงี่เง่านั่นก็เป็นฝ่ายประกาศสงครามกับพวกเราก่อนด้วยนะคะ!!

แต่กับคำพูดของเวลน่านั้น โรน่าก็รีบคัดค้านขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจ และทั้งๆที่ทั้งสองคนนี้ดูจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่พวกเธอก็ดูสนิทกันมากเช่นเดียวกัน.....

อุฟุฟุ! สมกับที่เป็นคนโปรดจริงๆนะคะ โรน่าจังเนี่ย ไม่ว่าเจ้านั่น....ไม่ว่าทัตสึยะซามะจะทำอะไรเธอก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกเสมอเลยสินะ เธอเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กับคนขี้โกงอย่างเจ้านั่น....สำหรับทัตสึยะซามะแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เนี่ย เค้าคงจะต้องวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบที่ต้องการอยู่แล้วล่ะค่ะ

มะ ไม่ใช่นะคะ!! ทัตสึยะซามะน่ะไม่ได้เป็นคนแบบนั้นเลยนะคะ!!! ทัตสึยะซามะน่ะเป็นคนที่อ่อนโยนแล้วก็ใจกว้าง!! เป็นคนที่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นและยังคอยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออยู่เสมอ!! ทัตสึยะซามะน่ะ ถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองและเข้าปกป้องชีวิตของคนอย่างชั้นเลยนะคะ!!!

อ่อนโยนและใจกว้างอะไรนั่นก็แค่แผนการนั่นแหละค่ะ เจ้านั่นน่ะ ก็แค่ใช้ความอ่อนโยนมาหลอกลวงหญิงสาวให้ตกหลุมรัก เพราะงั้นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอเองก็ต้องเป็นแผนการที่วางเอาไว้เพื่อให้ได้หัวใจของเธอนั่นแหละค่ะ!!

คนที่แอบขโมยเสื้อผ้าของทัตสึยะซามะมาดมขณะช่วยตัวเอง แล้วยังร้องครางเสียงดังออกมานอกห้องเนี่ย!! กล้าพูดสินะคะว่าทั้งหมดนั่นก็เป็นแผนที่ทัตสึยะซามะวางเอาไว้น่ะค่ะ!!

มะ ไม่ใช่นะคะ!!! นะ นะ นั่นน่ะไม่ใช่เสียงของชั้นนะคะ ล ละ แล้วชั้นก็ไม่ได้ช่วยตัวเองด้วยนะคะ!!! นะ นั่น เป็นเสียงจากทีวีต่างหากล่ะคะ ชะ ใช่แล้ว มะ มันเป็นเสียงจาก DVD อนิเมะสาวน้อยเวทมนต์ที่กำลังโดนเจ้าสัตว์ประหลาดร้อยหนวดลวมลามต่างหากล่ะคะ!!!

อาร๊า ยอมรับแล้วสินะคะว่าชอบดู DVD อนิเมะลามกพวกนั้นน่ะค่ะ!!

มะ ไม่ใช่นะคะ นะ นั่นน่ะเป็นเพราะเจ้านั่นเปิดทิ้งเอาไว้ต่างหากล่ะคะ!!! ชะ ชั้นน่ะ ไม่มีทางที่จะอยากถูกหนวดอะไรนั่นลวมลามอยู่แล้วล่ะค่ะ!!!

และพวกเค้าทั้งสองคนก็ยังคงถกเถียงเรื่องราวของทัตสึยะซามะกันต่อโดยที่ไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้ และทั้งๆที่เป็นแบบนั้นก็ยังไม่มีใครคิดจะเข้าไปห้าม....แต่ทุกคนกลับเฝ้ามองดูทั้งคู่ด้วยแววตาอบอุ่น

มันช่างเป็นปริศนาที่ยากจะเข้าใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชั้นเข้าใจได้ดี นั่นก็คือทั้งสองคนนั้นต่างก็หลงรักทัตสึยะซามะจากก้นบึ้งของหัวใจ......

เวลาผ่านไปครู่หนึ่งพวกเราก็ถูกเรียกตัวให้ไปยังสะพานเดินเรือ เพราะเหตุนั้นทั้งสองคนจึงเลิกถกเถียงกันและรีบไปยังสะพานเดินเรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อ

และเมื่อพวกเรามาถึงยังสะพานเดินเรือ ชั้นก็ได้เห็นภาพของสนามรบจากหลายมุมมองแสดงอยู่บนจอภาพขนาดใหญ่หลายจอปรากฏอยู่ตรงหน้า การที่สามารถเห็นภาพจากระยะไกลได้ชัดเจนขนาดนี้นั้น บางทีพวกเค้าคงจะต้องใช้อุปกรณ์เวทชั้นสูงที่ราคาแพงมากแน่ๆ

ในนามของท่านจอมเวทมายุซามะและคาโอริซามะ ขอให้พวกท่านรีบวางอาวุธและยอมแพ้ซะ พวกเรานั้นมีเป้าหมายเพียงการช่วยเหลือเผ่าโลลิเทียที่ถูกจับมาเป็นทาสเท่านั้น

เพราะงั้นหากพวกท่านยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ล่ะก็ ท่านจอมเวททั้งสองได้ให้สัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายหรือแย่งชิงสิ่งใดไปจากพวกท่านโดยเด็จขาด แน่นอนว่าข้อเสนอนี้รวมถึงเหล่าประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองป้อมปราการมินิทาริสแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

บนหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดได้ปรากฏภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเกราะสีดำขี่นกเจลโล่อยู่บริเวณด้านนอกกำแพงเมืองห่างออกไปไม่ถึง 50 เมตร ชายหนุ่มผู้นี้คงจะเป็นตัวแทนในการเจรจาของฝ่ายอาณาจักรออร์ธรอสในครั้งนี้

สมกับที่เป็นคาโอริซามะ ตั้งใจจะเล่นตลกแล้วโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับเจ้าหญิงเอลรีสเต้โดยตรงเลยสินะคะเนี่ย

หลังจากมองดูภาพของชายหนุ่มที่ปรากฏบนจอ เวลน่าก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าสนุกสนาน แต่ชั้นไม่เข้าใจเลยซักนิดจึงถามเธอออกไป

เวลน่า ที่พูดนั่นหมายความว่าอย่างไรกันเหรอคะ

นี่น่ะเป็นสงครามที่ฝ่ายจักรวรรดิเลเรียสเป็นคนเริ่ม นั่นก็หมายความว่าทางจักรวรรดิเลเรียสได้เตรียมพร้อมที่จะทำสงครามอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะยอมแพ้ง่ายๆนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นคาโอริซามะกลับยื่นข้อเสนอยอมแพ้ให้กับเจ้าหญิงเอลรีสเต้ที่มีกำลังทหารมากกว่า 10,000 นาย แถมยังมีกำแพงหินป้องกันที่สูงใหญ่แบบนั้น ด้วยกำลังทหารเพียง 200 นายเนี่ย ไม่ว่าจะมองยังไงก็คงเรียกได้ว่าเป็นเรื่องตลกไม่ใช่เหรอคะ

ทั้งๆที่มีทหารเพียงแค่ 200 นาย แต่ดันเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอให้ยอมแพ้….นั่นสินะคะ.....ถึงแม้ชั้นจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสงครามนัก แต่ไม่ว่าจะมองยังไงทางฝ่ายเจ้าหญิงเอลรีสเต้ก็น่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แบบนี้ก็ต้องไม่มีทางที่จะยอมแพ้อยู่แล้ว.......

แล้วทีนี้หากฝ่ายเจ้าหญิงเอลรีสเต้แพ้ขึ้นมาล่ะก็ พวกทหารก็คงจะไปโทษเธอที่ไม่ยอมรับข้อเสนอตั้งแต่แรก ส่วนพวกชาวเมืองนั้นถ้าหากกองทัพไม่ไปทำร้ายพวกเค้าล่ะก็ พวกเค้าเองก็คงจะต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อให้กองทัพของฝ่ายเราพึงพอใจอย่างแน่นอน เท่านี้ทัตสึยะซามะและทหารของฝ่ายเราก็สามารถครอบครองทุกอย่างที่ต้องการ โดยไม่ต้องไปห่วงว่าพวกชาวเมืองจะขัดขืนขึ้นมาในอนาคตยังไงล่ะคะ

กับคำพูดของเวลน่านั้น ชั้นพอจะเข้าใจอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าใครก็คงจะไม่คิดที่จะไปต่อสู้กับกองทัพที่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีกำลังมากกว่าคง 50 เท่าแน่ๆ

และยิ่งเป็นพวกชาวเมืองทั่วไปยิ่งแล้วใหญ่ บางทีพวกเค้าคงจะยอมเชื่อฟังและยกทุกอย่างให้เพื่อรักษาชีวิตตัวเองแน่ แถมความผิดทั้งหมดยังจะถูกโยนไปให้กับเจ้าหญิงเอลริสเต้ที่ไม่ยอมรับข้อเสนอยอมแพ้ในตอนแรกด้วย....

การที่ต้องมาสูญเสียความเชื่อมั่นจากทหารและประชาชนนั้น สำหรับเจ้าหญิงที่เป็นผู้บัญชาการอย่างเธอแล้ว มันคงจะทำให้เธอไม่สามารถอยู่ในประเทศแห่งนี้ต่อไปได้แน่ เพราะงั้นหลังจากนี้ ทัตสึยะซามะก็จะสามารถพาตัวเธอไปได้โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่คิดจะขัดขืนอย่างแน่นอน.....

และหลังจากนั้นเค้าก็จะคอยช่วยเยียวยาหัวใจของเธอ และทำให้เธอตกหลุมรัก นี่สินะที่เวลน่าได้บอกเอาไว้ ว่าทุกอย่างนั้นเป็นแผนการที่ทัตสึยะซามะได้วางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว.....

แต่ถึงจะเป็นพวกท่านจอมเวท กับทหารเพียงแค่ 200 นายนั้น จะสามารถเอาชนะได้จริงงั้นหรือคะ....

กับคำพูดของชั้นนั้น โรน่าที่กำลังยุ่งกับการสั่งการพวกกองอัศวินให้เตรียมพร้อมตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

ลองดูด้วยตาของตัวเองน่าจะทำให้เข้าใจได้ดีกว่านะคะ

นั่นสินะ.....การที่เห็นด้วยตาของตัวเองนั้นคงจะดีที่สุดแล้ว......ชั้นหันไปมองดูยังจอภาพที่กำลังฉายภาพของสงครามหลายมุมมองอยู่ด้วยความตื่นเต้น

ซึ่งก็เป็นไปตามที่เวลน่าพูด เจ้าหญิงเอลริสเต้ผู้บัญชาการทหารฝ่ายจักรวรรดิได้ปฏิเสธข้อเสนอยอมแพ้ และเริ่มสั่งการให้พวกทหารเตรียมตั้งรับการโจมตี และแล้วสงครามระหว่าง 200 ปะทะ 10,000 ก็เริ่มเปิดฉากขึ้น

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดของจอมมารไม่มีโครเข้าถึงหรอกน่ สาวน้อยยิ่งถลำลึกไปเท่าไหรฝ่ายที่จะถูกอ่านเป็นพวกเจ้าเสียเอง...และมันจะจบด้วยการปรับทัศนคติบนเตียงก็....เป็น....ได้....

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ปรับทัศนคติกันเลยทีเดียว หุหุ

      ลบ