--
มุมมองของทัตสึยะ --
「แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว....ชั้นขอเก็บมันเป็นความลับนะคะ
เพราะเด็กคนนั้นเองก็จะไม่อยากให้ทัตสึยะซามะได้มารับรู้ถึงเรื่องแบบนั้น....」
「เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ผมรับรู้งั้นเหรอ....เข้าใจละ
สำหรับเรื่องบางเรื่องแล้ว การที่เราไม่รู้มันก็อาจจะดีกว่าแบบนั้นสินะ」
แม้จะไม่รู้ว่าเอริจังจะได้ลงโทษตัวเองไปด้วยวิธีแบบไหน
แต่การที่เอริจังไม่อยากจะให้ผมได้มารับรู้นั้นก็หมายความว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากแน่ๆ
เพราะงั้นถึงแม้ในใจลึกๆแล้วผมจะอยากรู้
แต่ผมก็ไม่คิดที่จะฝืนใจให้เอริจังเล่าในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ
「ส่วนเรื่องสำคัญหลังจากนั้นก็....คงเป็นเรื่องบันทึกของอดีตผู้กล้า....ทัตสึยะซามะยังจำได้ไหมคะ
บันทึกเก่าๆที่ถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษ
บันทึกที่ได้หายไปจากชั้นหนังสือในห้องสมุดของคฤหาสน์โดยไร้ร่องรอยน่ะค่ะ」
「บันทึกของอดีตผู้กล้า….เธอหมายถึงบันทึกเก่าๆที่ตัวอักษรมันเลือนรางจนไม่มีใครสามารถอ่านได้นั่นน่ะ….เด๋วสิ หรือว่าคนที่ขโมยมันไปจะเป็นเอริจังเอง….เป็นแบบนั้นสินะ....?」
ถ้าเอริจังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
ผมก็คงจะลืมตัวตนของบันทึกเล่มที่ว่าไปแล้ว
ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมากกับการที่บันทึกเล่มนั้นถูกขโมยไป
แต่เนื่องจากมันไม่ได้เรื่องราวอะไรที่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันกับบันทึกเล่มนั้นเกิดขึ้นเลย
แถมหลังจากนั้นไม่ว่าผมจะออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองช่วยกันตามหาข้อมูลมากสักแค่ไหนก็ไม่ได้เจอร่องรอยเลยด้วย
เพราะงั้นผมจึงได้ลืมเรื่องนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของเอริจังที่เป็นหัวหน้าของหน่วยขาวกรองแล้วล่ะก็
การที่หน่วยข่าวกรองจะไม่สามารถตามหาร่องรอยได้นั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
「ใช่แล้วล่ะค่ะ
เป็นเด็กคนนั้นเองที่ได้ฉวยโอกาสแอบเข้าไปในคฤหาสน์ของทัตสึยะซามะ
ก็ในช่วงนั้นทัตสึยะซามะเอาแต่สนใจกลั่นแกล้งเหยื่อรายใหม่อย่างเวลน่าซามะจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์เลยนี่คะ
อุฟุฟุ」
「ฮะๆ…..เรื่องนั้นก็….ช่วยไม่ได้ล่ะมั้ง…..」
ผมยิ้มและตอบเอริจังกลับไปด้วยอาการเขินเล็กน้อย
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆใช่มั๊ยล่ะ
ก็ยัยเวลน่าในตอนนั้นน่ะน่ารักจะตายไป
แถมเธอยังเป็นเด็กสาวแต่งงานแล้วที่ยังคงเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่อีก กับเด็กสาวซึนเดเระสุดแสนจะน่ารักที่หาได้ยากแบบยัยเวลน่าแล้วเนี่ย
ไม่ว่าจะโลกไหนก็คงจะไม่สามารถหาตัวพบกันได้ง่ายๆ
เพราะงั้นแล้วจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลยหากตัวผมในตอนนั้นจะเอาแต่ให้ความสนใจในตัวเธอจนลืมคิดถึงเรื่องอื่นๆไป
「กับเรื่องของเวลน่าซามะก็เอาตามนั้นเถอะค่ะ
ส่วนเรื่องบันทึกของอดีตผู้กล้านั้นก่อนอื่นเลยก็คงจะต้องขอบอกก่อนว่ามันไม่ใช่บันทึกธรรมดาทั่วไป
แต่มันเป็นบันทึกเวทมนต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของหนึ่งใน 4 ผู้กล้า….」
โดยบันทึกเวทมนต์นั้นได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับเพื่อนผู้กล้าด้วยกันเป็นของขวัญ
ซึ่งหากนับรวมเล่มของตัวคนสร้างแล้วก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 เล่ม
โดยเล่มที่
1 นั้นก็เป็นของอดีตผู้กล้าหนุ่มมัธยมปลายผู้หล่อเลิศไร้ที่ติ
คิริยามะ ยูโตะ ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเอลติซร่วมกันกับบุตรสาวของเทพธิดาผู้ทรยศ
โดยบันทึกเล่มนี้ได้ถูกส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นภายในราชวงศ์เอลติซและในปัจจุบันนั้นก็ได้อยู่ในมือของจักรพรรดิเลคซิอุส
สำหรับเล่มที่
2 นั้นเป็นของผู้กล้าสาวตัวเล็กผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบุญโลลิปริศนาไร้ชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนต์รักษา
แต่ในปัจจุบันบันทึกเล่มนี้ได้หายสาบสูญไปและยังไม่มีใครค้นพบ
ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เวทมนต์รักษาของศาสนจักรในปัจจุบันนั้นได้ลดถอยลงจนแทบจะไม่มีเหลืออยู่
เล่มที่
3 นั้นเป็นของผู้กล้าวิศวกรหนุ่ม
วาคาบะ ฮารุฮิโกะ และก็เป็นฮารุฮิโกะคนนี้เองที่ได้สร้างบันทึกเวทมนต์นี้ขึ้น
โดยฮารุฮิโกะนั้นเป็นผู้กล้าที่มีความสามารถสูงมากในการสร้างสรรค์อุปกรณ์เวท
นอกจากนั้นแล้วเค้ายังได้สร้างโบราณสถานและเมืองต่างๆมากมายซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เรื่องชื่อไปทั่วโลก
และเค้าก็ยังเป็นคนก่อตั้งจักรวรรดิเลเรียสขึ้นมาอีกด้วย
「โดยบันทึกของอดีตผู้กล้าฮารุฮิโกะนั้นก็คือบันทึกเล่มที่ยูกะซามะได้ไปพบเจอเข้าที่ห้องลับใต้ดินในเมืองเอเกีย
และยูกะซามะก็ได้มอบบันทึกเล่มนั้นให้กับทัตสึยะซามะ」
「หรือว่า….ความรู้ในด้านวิศวกรรมและยุธโทปกรณ์ของประเทศเราจะมาจากบันทึกเล่มนี้ที่ได้ถูกเอริจังแอบลอบเข้ามายืมเอาไป
?」
「อ๊ะร่ะ สมแล้วที่เป็นทัตสึยะซามะ ใช่แล้วล่ะค่ะ
แต่ว่าก่อนอื่นชั้นจะขอพูดถึงบันทึกเล่มสุดท้ายก่อนนะคะ」
สำหรับบันทึกเล่มสุดท้ายนั้นเป็นบันทึกของผู้กล้าสาวสวยที่มีชื่อว่า
วาคาบะ อนาสตาเซีย โดยเธอนั้นก็คือภรรยาต่างชาติของฮารุฮิโกะ
แต่เรื่องราวของเธอนั้นไม่ได้มีการถูกพูดถึงมากเท่าไหร่นัก
นั่นก็เพราะส่วนใหญ่แล้วเธอจะติดตามสามีไปตลอดและไม่เคยสร้างผลงานอะไรที่โดดเด่นด้วยตัวเธอเองคนเดียวเลย
「ในช่วงเวลาก่อนที่ วาคาบะ อนาสตาเซียซามะจะจบชีวิตลงไปนั้น
เธอได้ทำการผนึกบันทึกของเธอเข้าไปรวมอยู่ด้วยกันกับบันทึกของสามีเธอเพื่อซ่อนเนื้อหาสำคัญเอาไว้
ซึ่งเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะข้อมูลในบันทึกของเธอนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ใครทราบได้....」
「ข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ใครทราบได้งั้นเหรอ
? มันเป็นข้อมูลสำคัญแบบไหนกันล่ะ
?」
ในเมื่อได้ฟังมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็อยากที่จะได้รับรู้เรื่องราวความสำคัญทั้งหมด
เพราะการที่เอริจังถึงขนาดลงทุนแอบลอบเข้ามายืมเอาไปเนี่ย
มันก็แสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่อยู่ในบันทึกเล่มนั้นจะต้องมีความสำคัญมากจนแม้แต่ตัวผมเองในตอนนั้นก็ไม่อาจจะปล่อยให้รับรู้ได้
「ในบันทึกของอนาสตาเซียซามะนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อนของอาวุธเวทและอุปกรณ์เวททั้งหมดที่ฮารุฮิโกะซามะเป็นคนสร้าง
ตำแหน่งทางเข้าออกลับของโบราณสถานและเมืองต่างๆทั้งหมดที่ถูกสร้างก็ด้วย
ที่ซ่อนอาวุธของอดีตผู้กล้ารวมไปถึงสมบัติศักดิ์
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีข้อมูลลับที่อันตรายสุดๆอย่างวิธีผ่านเข้าไปยังสถานที่หลบซ่อนของเหล่าทายาทจากเผ่าต่างๆที่ได้หลบหนีไปในสงคราม
สถานที่เก็บซ่อนศิลาแห่งพระเจ้า
และก็ยังมีความลับของประเทศต่างๆที่ไม่ควรจะถูกเปิดเผยรวมอยู่อีกด้วยน่ะค่ะ」
「เป็นข้อมูลสำคัญที่อันตรายมากจริงๆเลยนะนั่น….」
เพียงแค่คิดถึงก็ทำให้ผมรู้สึกหนาววูบไปถึงสันหลัง
เพราะหากข้อมูลเหล่านั้นตกมาอยู่ในมือผมแล้วล่ะก็
ผมไม่มีความมั่นใจเลยที่จะสามารถเก็บข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ได้ทั้งหมด และหากข้อมูลสำคัญพวกนั้นได้หลุดรอดออกไปยังคนนอกโดยความผิดพลาดของผมแล้วล่ะก็
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมานั้นคงจะไม่สามารถประเมินได้เลย
อย่างเช่นวิธีผ่านเข้าไปยังที่ซ่อนตัวของพวกเผ่าต่างๆที่รอดชีวิตไปได้นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่อันตรายสุดๆ
เพราะถ้าหากเจ้าอากิโอะได้รับรู้เข้าล่ะก็
เจ้านั่นคงจะมุ่งหน้าไปในทันทีโดยไม่สนใจคนรอบข้างแน่ๆ
และถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมันก็มีโอกาสสูงที่เรื่องราวจะรู้ไปถึงเทพธิดาผู้ทรยศ
เพราะงั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เอริจังจะตัดสินใจปกปิดมันเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
「ถึงจะพูดแบบนั้นแต่การจะอ่านบันทึกภาษาอังกฤษแบบนั้นได้มันก็จำเป็นจะต้องเป็นคนในโลกของเราเท่านั้น….ไม่สิ
เพราะเป็นบันทึกเวทมนต์ที่ถูกสร้างโดยผู้กล้า
ดังนั้นมันก็อาจจะมีวิธีการเปิดอ่านที่พิเศษหรืออะไรแบบนั้นซ่อนอยู่ใช่รึเปล่า ?」
「อ๊ะร่ะ สมกับเป็นทัตสึยะซามะสุดที่รักของชั้น
ก็เป็นตามที่คิดนั่นล่ะค่ะ
โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการเปิดอ่านบันทึกเวทมนต์นั้นก็คือมานาของผู้สืบทอดสายเลือดเจ้าของบันทึก
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่สืบทอดสายเลือดมา
หากมานาไม่เข้มข้นมากพอก็จะไม่สามารถเปิดอ่านเนื้อหาภายในได้หรอกนะคะ
ส่วนเรื่องที่บันทึกได้ถูกเขียนเป็นภาษาของโลกเรานั้น
ชั้นคิดว่าพวกผู้กล้าในสมัยนั้นคงจะต้องการป้องกันไม่ให้เนื้อหาภายในถูกเปิดเผยไปยังคนนอกได้โดยง่าย
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่มาจากโลกของ ขอเพียงแค่มีสกิล Translation หรือสกิลสำหรับการถอดรหัสอักษรอื่นๆก็สามารถอ่านได้แล้วล่ะค่ะ」
สกิลแปลภาษากับสกิลถอดรหัสงั้นเหรอ
? จะว่าไปแล้วก็นั่นสินะ
เพราะการที่พวกเราสามารถพูดคุยและอ่านเขียนภาษาบนโลกใบนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆนั้นก็เป็นเพราะสกิล
Translation ดังนั้นหากผู้คนบนโลกนี้จะมีคนที่มีสกิลภาษาแบบเดียวกันกับพวกเราอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
「เด๋วสิ
ถ้าหากการเปิดอ่านบันทึกนั้นจำเป็นจะต้องใช้มานาของผู้สืบทอดสายเลือดเจ้าของบันทึกล่ะก็…..แล้วทำไมเอริจังถึงสามารถเปิดอ่านบันทึกเล่มนั้นได้ล่ะ….หรือว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของผู้กล้า ?」
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
แต่หากเอริจังเป็นผู้สืบทอดสายเลือดจากผู้กล้าในอดีตนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ก็นะ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวทั่วไปเลยสักนิดด้วยน่ะสิ
「อ๊ะร่ะ ทัตสึยะซามะได้ยินชื่อ วาคาบะ ฮารุฮิโกะ และ วาคาบะ
อนาสตาเซีย แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือคะ ?」
「วาคาบะงั้นเหรอ ? วาคาบะ….วาคาบะ ไอโกะ…..ไอโกะจัง!!!?」
ผมตะโกนชื่อไอโกะจังออกไปด้วยความตกใจ
ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคนที่สืบทอดสายเลือดจาดผู้กล้าสองคนนั้นจะเป็นไอโกะจัง
ไม่สิ
เดิมทีแล้วไอโกะเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งด้วยนี่.....เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่นะ
「ใช่แล้วล่ะค่ะ ยังดีนะคะเนี่ยที่ทัตสึยะซามะยังพอจะจำชื่อเต็มของหนึ่งในคนรักของตัวเองได้บ้าง
ไม่งั้นไอโกะซามะที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจทุกวินาทีเพื่อทัตสึยะซามะคงเสียมากแน่ๆเลยล่ะค่ะ
อุฟุฟุ」
「แล้วไอโกะจังก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยกันกับเธองั้นเหรอ
?」
「อ๊ะร่ะ ไอโกะซามะไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรด้วยหรอกค่ะ
สิ่งที่เธอทำนั้นก็แค่การถ่ายเลือดและมานาตามที่เด็กคนนั้นร้องขอไปเท่านั้นเองล่ะค่ะ」
「เห
นั่นก็หมายความว่าการจะอ่านบันทึกนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้สืบทอดสายเลือด ขอเพียงแค่นำมานาของผู้สืบทอดสายเลือดมาใช้เป็นกุญแจในการเปิดอ่านอะไรแบบนั้นงั้นสินะ
?」
แต่สำหรับเนื้อหาภายในรวมถึงเรื่องราวของไอโกะจังนั้น
เอริจังบอกว่าเธออยากจะให้ผมไปสอบถามกับไอโกะจังก่อนเพื่อให้เธอเป็นคนตัดสินใจ
และถ้าหากไอโกะจังต้องการจะรับรู้ความจริงก็ให้เธอเปิดอ่านบันทึกที่ถูกซ่อนเอาไว้
แต่การที่ได้มารับรู้ความจริงว่าไอโกะจังเป็นบุตรสาวแท้ๆของ วาคาบะ ฮารุฮิโกะ และ
วาคาบะ อนาสตาเซีย นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น
เอริจังก็เล่าเรื่องราวต่อไปเกี่ยวกับการเชิญชวนผู้คนที่สามารถจะทำประโยชน์ให้กับทัตสึยะได้เข้ามาในประเทศ
อย่างเรื่องของยูฟีน่าที่ควรจะต้องถูกจับกุมตัวไปยังเมืองเอเกียนั้น
การที่เธอสามารถหลบหนีมายังเมืองของพวกเราก็เป็นผลจากการแทรกแซงของเอริจังเช่นเดียวกัน
เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตระกูลเนอราเชียถูกกองทัพเมอร์แมนโจมตีเองก็ด้วย
เรื่องที่เอลิเซ่เดินทางมาหาพวกเราพร้อมกับศาสนจักรเองก็ด้วย
ต้นกำเนิดที่แท้จริงของสงครามระหว่างจักรวรรดิเลเรียสกับประเทศของพวกเราเองนั้นก็เป็นเพราะเอริจังได้ทำการดัดแปลงเนื้อหาข้อมูลประเทศของพวกเราที่จักรวรรดิเลเรียสได้รับ
เรื่องที่เด็กสาวอย่างยูมีน่าได้เข้าร่วมกับคณะราชทูตของจักรวรรดิเอลติซเองก็เช่นเดียวกัน
เหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวผมทั้งหมดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นล้วนแล้วแต่ถูกเอริจังแทรกแซง
เธอได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดให้ไปในทางที่ดีขึ้น
แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือกว่าการคาดการณ์ของเอริจัง
ซึ่งนั่นก็คือการที่ร่างกายของมากิจังได้ถูกใช้เป็นกับดักเพื่อทำลายล้างพวกเราด้วยมนตราคืนชีพอสูร
เวทมนต์ต้องห้ามสุดเลวร้ายที่เมื่อทำงานขึ้นมาแล้วก็จำเป็นจะต้องมีการสังเวยอย่างน้อยหนึ่งชีวิตเพื่อปลุกชีพอสูรชั่วร้ายให้ตื่นขึ้นมา......
เด๋วสิ!! แล้วหนึ่งชีวิตที่ได้ถูกสังเวยนั่นเป็นใครกันล่ะ!!?
「สำหรับเรื่องนั้นแล้วก็ถือว่าเป็นโชคดีนะคะที่ชั้นพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับมนตราคืนชีพอสูรอยู่บ้าง
เพราะงั้นแทนที่จะต้องทำการเสียสละหนึ่งชีวิต ชั้นและเทพธิดาเลซาเรียจึงได้ช่วยกันแก้ไขดัดแปลงจนในที่สุดก็สามารถแบ่งรูปแบบการสังเวยชีวิตให้กลายเป็นการสังเวยวิญญาณ
4 ส่วนแทนได้สำเร็จ
วิญญาณ
1 ส่วนของทัตสึยะซามะ
วิญญาณอีก 1 ส่วนของมากิซามะ และสุดท้ายก็คือวิญญาณอีก 2
ส่วนซึ่งถือเป็นครึ่งหนึ่งของเด็กคนนั้น สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว
การที่ได้เสียสละแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อคนที่เธอรักอย่างทัตสึยะซามะนั้นเป็นความต้องการสูงสุดของเธอ
แม้แต่การสูญเสียโอกาสที่จะได้กลับมาเกิดใหม่เองเธอก็ไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิด....ช่างเป็นเด็กสาวที่โง่ที่สุดเลยจริงๆล่ะค่ะ....」
「เอริจัง….」
กับความเป็นจริงที่ได้มารับรู้ในครั้งนี้ทำให้ผมเจ็บปวดหัวใจถึงขีดสุด
ทั้งๆที่เอริจังพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผมและเพื่อนๆทุกคนมาตลอดเวลา
ทั้งๆที่เธอได้พยายามอย่างเต็มที่โดยลำพังเพียงแค่คนเดียวมาตลอด
ทั้งๆที่เธอต้องเจ็บปวดกับการทำร้ายผู้คนอย่างไม่รู้จบ
ทั้งๆแบบนั้นแล้วเธอก็ยังเลือกที่จะเสียสละแม้แต่ชีวิตของตัวเธอเองเพื่อผมอีก....
「แต่ถึงแม้จะบอกว่าเป็นโชคดีที่เด็กคนนั้นยังสามารถที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้จากการสูญเสียวิญญาณไปเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง
แต่หากปล่อยเธอทิ้งเอาไว้นานโดยไม่รีบทำการช่วยเหลือแล้วล่ะก็....」
「เอริจัง…...ไม่ว่าเธออยากจะให้ทำอะไรผมก็พร้อมจะทำทุกอย่าง…..ช่วยบอกวิธีช่วยเหลือเอริจังในโลกของผมได้หรือเปล่า ?」
ไม่ว่าการช่วยเหลือเอริจังนั้นจะเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากสักแค่ไหน
แต่ผมก็จะต้องช่วยชีวิตเอริจังเอาไว้ได้
กะแล้วว่าจะต้องไม่ยอมเผยเรื่องบทลงโทษของตัวเองแน่ๆ แต่ก็พอเดาได้ว่าเป็นอะไร
ตอบลบนี่น่าแปลกใจที่สุดคือเรื่องประวัติของไอโกะจังนี่แหล่ะ ไม่นึกเลยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่สุดในเรื่องบันทึกที่เอริจังแอบ"ยืม"ไปด้วย
หุหุ ไอโกะจังเป็นตัวละครหลักตัวเดียวไม่ได้มีการบอกถึงความเป็นมา 0...0 แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นเด็กกำพร้า 0...0 แต่ความจริงแล้วพ่อแม่ของเธอได้พาเธอไปฝากไว้เพราะถูกอัญเชิญไปต่างโลก
ลบ