--
มุมมองของทัตสึยะ --
「ทั้งสองคนถูกอัญเชิญมาต่อสู้อยู่ในใบโลกนี้เพื่อช่วยชีวิตของชั้น....คุณพ่อ....คุณแม่....」
ในระหว่างการเดินทางเข้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจ
ผมได้นำบันทึกเวทมนต์ที่เอริจังได้แอบขอยืมไปเมื่อปีก่อน
หรือก็คือบันทึกที่สองผู้กล้าผู้ที่เป็นพ่อแม่ของไอโกะจังเหลือเอาไว้ไปให้กับไอโกะจังอ่าน
โดยเหตุผลที่ผมตัดสินใจให้ไอโกะได้อ่านบันทึกที่เก็บเรื่องราวสำคัญที่ไม่สามารถจะเปิดเผยให้กับใครรู้ได้นั้น
มันก็เป็นเพราะในบันทึกเล่มนั้นได้มีการเขียนข้อความฝากถึงไอโกะเอาไว้
มันเป็นข้อความสำคัญที่เล่าถึงเหตุผลที่พ่อแม่ของเธอต้องมายังโลกใบนี้
「ไอโกะจัง ถ้าหากเธอไม่ไหวล่ะก็
หลังจากเปิดประตูสุดท้ายแล้วเธอจะกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ หลังจากนั้นผมกับยูเมะจังและคนอื่นๆจะจัดการเรื่องทั้งหมดต่อเอง」
「ใช่แล้วค่ะไอโกะซัง
วันนี้ปล่อยพวกเรื่องยุ่งยากไว้กับพวกชั้นแล้วกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะคะ」
ผมและยูเมะจังเข้าไปปลอบโยนและบอกไอโกะจังที่กำลังอ่านบันทึกเรื่องพ่อแม่ด้วยแววตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาให้ไปกลับพักผ่อนก่อน
ไอโกะจังนั้นเป็นคนที่คอยทำหน้าที่เหมือนกับพี่สาวที่พึ่งพาได้พวกเด็กสาวเกือบทุกคน
เธอนั้นได้คอยแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งพาได้อยู่ตลอดเวลา
แต่ถึงแม้เธอจะเข้มแข็งสักแค่ไหน กับเรื่องราวในครั้งนี้แล้ว
ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าหากไอโกะจังกลับไปพักผ่อนและปล่อยเรื่องที่เหลือให้พวกเราจัดการแทน
「ขอบคุณมากนะคะ ทัตสึยะซัง ยูเมะซัง
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ นอกจากนั้นแล้วชั้นก็อยากจะได้เห็นวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจ
ชั้นอยากจะได้เห็นสถานที่ที่พวกคุณพ่อคุณแม่เป็นสร้างขึ้นมาพร้อมกันด้วยน่ะค่ะ....」
「เข้าใจละ แต่ยังไงก็อย่าฝืนไปล่ะ
หลังจากเสร็จธุระทั้งหมดที่นี่พวกเรายังมีการต่อสู้ครั้งสำคัญรออยู่ด้วยนะ」
ผมตอบไอโกะจังกลับไปด้วยรอยยิ้มและเดินหน้าต่อไป
โดยสำหรับเรื่องราวที่เขียนอยู่ในบันทึกนั้น
มันมีเรื่องราวมากมายที่พ่อแม่ของเธออยากจะเล่าให้กับไอโกะจังได้ฟัง
แต่ถ้าจะพูดถึงส่วนสำคัญที่สุดล่ะก็
มันก็คงจะเป็นเหตุผลที่พ่อแม่ของไอโกะจังต้องมาเป็นผู้กล้าในโลกใบนี้
ไอโกะจังตอนอายุ
4 ขวบนั้นเธอได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่ไร้ทางรักษา
ทั้งหมอจากโรงบาลชื่อในญี่ปุ่นหรือจากต่างประเทศต่างก็ได้ลงความเห็นว่าไม่มีทางช่วยเหลือเธอได้
แต่แล้วในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนกำลังสิ้นหวังสุดๆนั้น
เทพธิดาผู้ทรยศก็ได้ยื่นข้อเสนอไปให้กับทั้งสองคน
และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนกับเรื่องหลอกลวงที่น่าเหลือเชื่อ
แต่เนื่องจากมันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
เพราะงั้นจึงทำให้ทั้งสองคนได้ตอบตกลงกับไป
เพื่อแลกกับการช่วยชีวิตไอโกะจังจากโรคร้ายแรงที่ไร้ทางรักษา
พ่อแม่ของไอโกะจังได้ตอบตกลงรับข้อเสนอจากเทพธิดาผู้ทรยศเรื่องการถูกอัญเชิญมาเป็นผู้กล้า
มันเหมือนกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
เพียงแค่เวลาชั่วพริบตาที่มีแสงเจิดจ้าออกมาจากร่างกายของไอโกะจัง
เธอก็ได้หายจากโรคร้ายแรงที่ไร้ทางรักษาอย่างไปทันทีราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
เมื่อได้เห็นไอโกะจังที่กลับมาแข็งแรงและยิ้มแย้มได้อีกครั้ง
พ่อแม่ของไอโกะจังนั้นรู้สึกดีใจมาก
แต่เนื่องจากทั้งสองคนไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่แล้ว
ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากการฝากไอโกะจังเอาไว้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับทรัพย์สินที่ทั้งสองคนมีอยู่ทั้งหมด
「ไอโกะจัง
ประตูใหญ่ตรงหน้าของพวกเรานี้เป็นประตูล็อคสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ช่วยเปิดมันทีนะ」
「เข้าใจแล้วค่ะ Mana Authorization!!」
ไอโกะจังใช้มือข้างหนึ่งถือบันทึกเอาไว้
แล้วก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งทาบไปยังอัญมณีตรงบริเวณกึ่งกลางของประตูเพื่อลงทะเบียนมานาของเธอ
จากนั้นไม่นานไอโกะจังก็สามารถทำการปลดล็อคประตูบานสุดท้ายเพื่อให้พวกเราผ่านเข้าไปยังด้านในของวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจได้สำเร็จ
「อุว๊า!!!
สุดยอดไปเลยค่ะ ที่นี่ดูลึกลับมากจริงๆ สมกับที่ได้วิศวกรชื่อดังอย่างคุณพ่อของไอโกะซังเป็นคนสร้างเลยนะคะ」
เมื่อได้เห็นภายในของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ยูเมะจังก็พูดออกมาด้วยแววตาเปล่งประกาย
ลวดลายสลักอักษรต่างๆตามกำแพงและเสาหินที่ผมเคยเห็นในวันนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม
เพียงแต่ในวันนี้พวกมันได้เรืองแสงสีทองออกมา
มันจึงทำให้ความสวยงามของที่นี่เพิ่มสูงมากขึ้น
โดยเหตุผลที่ลวดลายสลักอักษรเรืองแรงออกมาได้นั้น
ก็เป็นเพราะมานาที่คริสตันแห่งพลังของเผ่าปีศาจได้เก็บสะสมเอาไว้ได้สูงขึ้นกว่าในตอนนั้นมาก
ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากการส่งคริสตันเวทมนต์ลงไปในแหวนสีเงินของพวกเราตลอดช่วงเวลาเกือบ
2 ปีนั่นเอง
「งดงามจริงๆเลยค่ะ ตัวอักษรโบราณที่เรืองแสงพวกนี้ดูเหมือนกับที่เขียนอยู่บนวิหารศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเลยนะคะเนี่ย」
「นั่นคงเป็นเพราะท่านผู้กล้าที่สร้างที่นี่ขึ้นได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าเทพมามากแน่ๆเลยนะคะ
เอลิเซ่ซามะ」
「ชั้นได้ยินมาว่าท่านผู้กล้าท่านนี้ได้สร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามมากมายไปทั่วโลกเลยนะคะ
ปราสาทสูงเสียดฟ้าที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจักรวรรดิเอลติซเองก็เป็นหนึ่งในผลงานเหมือนกันค่ะ」
เอลิเซ่
โซเฟียแล้วก็ฟลอร่า
ทั้งสามคนที่เป็นผู้ถูกเลือกให้รับสืบทอดพลังของเทพธิดาได้พูดชื่นชมความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ออกมาด้วยความประทับใจที่แตกต่างกันไป
ไอโกะจังกับมากิจังที่เข้าไปลองสำรวจอักษรภาพบนกำแพงต่างๆเองก็แสดงความรู้สึกตื่นเต้นออกมาไม่ต่างกัน
「ที่นี่สวยมากจริงๆด้วยนะคะนายท่านคะ อ๊ะร่ะ เด็กคนนั้นก็คือ.....」
「ใช่แล้วล่ะ เด็กคนนั้นก็คือ
เรมิน่าจังที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ไงล่ะ」
ส่วนมาเรียจังนั้น
แม้เธอจะรู้สึกสนใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
แต่เธอก็ยังไม่ยอมออกห่างไปจากตัวผมแม้แต่ก้าวเดียว เธอยังคงทำหน้าที่เป็นเมดส่วนตัวและคนคุ้มกันซึ่งคอยระวังรอบตัวผมอยู่ตลอดไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นจึงทำให้มาเรียจังเป็นคนแรกที่สามารถรับรู้ถึงตัวตนเด็กสาวผมสีบรอนซ์ทองที่กำลังเดินมาหาพวกเราด้วยรอยยิ้มที่แสนจะงดงาม

「ทัตสึนี่จัง ยูเมะเน่จัง ไอโกะเน่จัง แล้วก็พวกโอเน่จังคนอื่นๆด้วย
ยินดีต้อนเข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจนะคะ」
เรมิน่าจังจับชายกระโปรงของเธอขึ้นเล็กน้อยก้าวท้าวซ้ายไปด้านหลังและย่อตัวลงก่อนจะกล่าวทักทายผมและทุกคนออกมาด้วยท่าทางที่สง่างาม
ต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่พวกเราได้พบเจอกันเป็นครั้งแรก เรมิน่าจังในวันนี้ได้สลัดคราบโลลิไร้เดียงสาในสมัยก่อนของเธอออกไป
เธอได้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวแสนสวยสมกับเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเป็นมิโกะแห่งเผ่าปีศาจ
「ตั้งแต่วันนั้นก็เกือบ 2 ปีแล้วนี่นะ
โตขึ้นมากเลยนะเรมิน่าจัง เธอกลายเป็นสาวสวยที่ทำให้ผมแทบจะลาสายไปไม่ได้เลยนะ」
ผมพูดพร้อมกับเข้าไปลูบไล้เรือนผมสีบรอนซ์ทองของเรมิน่าด้วยความอ่อนโยน
ถึงแม้ว่าร่างกายของเรมิน่าจังจะเติบโตขึ้นมามากในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา
แต่เธอก็ยังคงแสดงรอยยิ้มออกมาตอบรับกับการทักทายที่อ่อนโยนของผม
ถึงแม้บรรยากาศรอบตัวเธอจะเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน
แต่ดูเหมือนว่านิสัยการเป็นเด็กสาวขี้อ้อนของเธอในอดีตนั้นจะคงยังไม่หายไป
「คิดถึงมากเลยนะจ๊ะเรมิน่าจัง
คราวก่อนหายไปไม่ยอมมาบอกลากันก่อนเลย
ทำเอาชั้นกับพวกพี่สาวคนอื่นๆเป็นห่วงกันแทบแย่เลยนะ」
「เอะเฮะเฮะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่ได้บอกลานะคะ ยูเมะเน่จัง」
ยูเมะจังเข้าไปโอบกอดเรมิน่าจังและบ่นเรื่องที่ไม่ยอมบอกลากันด้วยความคิดถึง
เรมิน่าก็ขอโทษและกอดยูเมะจังกลับไปด้วยรอยยิ้ม
ไอโกะจังแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เธอเองก็ดูจะเป็นห่วงเรมิน่าจังที่หายตัวไปแบบไม่บอกเช่นเดียวกัน
ส่วนพวกสาวๆคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักกับเรมิน่าจังมาก่อนก็พากันเข้าไปแนะนำตัวทักทายกับเรมิน่าด้วยรอยยิ้ม
ภาพของพวกสาวๆที่เริ่มจะสนิทกันอย่างไวนั้นเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
หลังจากที่พวกสาวๆได้ทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ขอให้เรมิน่าจังช่วยพาไปยังห้องเก็บอาวุธของเทพธิดาทั้ง 6
ที่เป็นเป้าหมายหลักสำหรับการเข้ามาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจในวันนี้
โดยอาวุธที่ว่านั้นก็เป็นอาวุธที่สร้างขึ้นมาจากต้นแบบอาวุธของเทพธิดาทั้ง 6
ที่ได้เคยพ่ายแพ้ให้กับเทพธิดาผู้ทรยศและถูกทำลายไปในสมัยสงคราม 10 เผ่าพันธุ์
โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างอาวุธเทพธิดานั้นก็คือโอริฮารูก้อน
ซึ่งได้มาจากโกเลมมังกรสามหัวที่พวกเราได้เข้าไปต่อสู้ด้วยในทางลับใต้ดินตอนที่พวกเราไปทำสงครามกับจักรวรรดิเลเรียส
โดยหลังจากที่ได้นำเจ้าโกเลมมังกรสามหัวกลับมาแล้ว เอริจังก็ได้แอบนำชิ้นส่วนของโอริฮารูก้อนออกมาและขอร้องให้เรมิน่าจังช่วยสร้างอาวุธของเทพธิดาขึ้นมาให้
「นี่คืออาวุธเทพธิดาของชั้นหรือคะ ? ช่างเป็นอาวุธที่ดูสง่างามและแข็งแกร่งมากเลยนะคะ
นายท่าน」
อาวุธของเทพธิดาสีแดงแห่งความเกรี้ยวกราด『Warcry Wrandiche』นั้นเป็นขวานด้ามยาวสีแดง
ที่ส่วนหัวขวานนั้นสามารถแยกชิ้นส่วนและพุ่งออกไปโจมตีศัตรูพร้อมกันหลายคนได้
ซึ่งหากดูจากโซ่ขนาดใหญ่หลายเส้นที่ติดตั้งเอาไว้ภายในด้านแล้ว
มันก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับมาเรียจังที่มีความสามารถในการใช้อาวุธที่พลิกแพลงเป็นอย่างมาก
อาวุธของเทพธิดาสีเงินแห่งความปราดเปรื่อง『Dual Dhevalier』นั้นเป็นดาบยาวคู่สีเงิน
ที่คมดาบแต่ละข้างนั้นจะมีการเคลือบพลังเวทพิเศษซึ่งทำให้ยากต่อการมองเห็นคมดาบ ดังนั้นจึงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับคู่ต่อสู้ในการป้องกัน
สำหรับมากิจังที่ใช้พรผู้กล้าพร้อมกับดาบคู่มาตลอดแล้ว ก็น่าจะเรียกได้ว่ามันเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับเธอมาก
อาวุธของเทพธิดาสีน้ำตาลแห่งความเมตตา『Almena Auroras』นั้นเป็นไม้เทาด้ามยาวสีน้ำตาล
ที่ส่วนหัวของไม้เท้านั้นมีประตูมิติบานใหญ่ที่ถูกรายล้อมไปด้วยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
มันเป็นไม้เท้าที่เน้นความสามารถในเรื่องการควบคุมเหล่าอสูรรับใช้จากอีกมิติหนึ่ง
สำหรับยูเมะจังที่เน้นการซัพพอร์ตด้วยอสูรรับใช้จากแนวหลังแล้ว
นี่ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเธอ
อาวุธของเทพธิดาสีครามแห่งความโลภ『Rrinity Reflection』นั้นเป็นโล่สีครามขนาดใหญ่
3 อัน โดยความสามารถของโล่แต่ละอันนั้นจะแตกต่างกันไป
แต่โดยรวมแล้วก็จะเน้นไปที่การป้องกันและการสะท้อนกลับ แล้วทำไมเอริจังถึงได้สร้างอาวุธของเทพธิดาผู้ทรยศขึ้นมาด้วยงั้นเหรอ
? นั่นก็เป็นเพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุมอำนาจบนโลกใบนี้ของพระเจ้า
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
หากพวกเรายังไม่สามารถกำจัดเทพธิดาผู้ทรยศลงไปได้ล่ะก็
การจะนำอาวุธและพลังของเทพธิดาสีครามมาใช้นั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เนื่องจากเอริจังในโลกก่อนได้กลืนกินวิญญาณของเทพธิดาผู้ทรยศเข้าไป
ดังนั้นจึงทำให้พวกเราสามารถนำพลังของเทพธิดาสีครามมาใช้ได้เป็นกรณีพิเศษ
ซึ่งก็แน่นอนว่ามันเป็นพลังที่ยังไม่สมบูรณ์นัก
โดยผู้ที่ถูกเลือกให้มารับพลังนี้ไปนั้นก็คือโซเฟียจังนั่นเอง
อาวุธของเทพธิดาสีม่วงแห่งความเย่อหยิ่ง『Gatery Gegunir』นั้นเป็นหอกยาวสีม่วงที่สามารถแยกออกมาเป็นหลายส่วนได้
โดยหากแยกส่วนออกมาล่ะก็ แต่ละส่วนจะทำการเชื่อมต่อกันด้วยสายฟ้าสีม่วง ซึ่งทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่คล้ายกับแส้สำหรับใช้ในการโจมตีระยะไกล
มันเป็นอาวุธที่ดูจะต้องใช้ความคิดในการใช้งานเป็นอย่างมาก แต่ผมก็หวังว่าฟลอร่าจังจะสามารถใช้งานมันได้ล่ะนะ
อาวุธของเทพธิดาสีทองแห่งความรัก『Shtische Symphony』นั้นเป็นคันธนูสีทองขนาดใหญ่ที่มีการติดสายหลายเส้นคล้ายกับพิณ
มันเป็นอาวุธสำหรับโจมตีการระยะไกลด้วยลูกศรเวทมนต์หลากหลายแบบ
โดยในบรรดาลูกศรหลายแบบนั้นก็มีประเภทที่บรรจุเวทฟื้นฟูพลังต่างๆเพื่อเอาไว้สำหรับสนันสนุนให้พวกพ้องได้ด้วย
นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับเอลิเซ่จังที่มีความรอบคอบในการใช้เลือกใช้เวทมนต์ที่หลากหลายเป็นอย่างมาก
「ส่วนอาวุธของทัตสึนี่จังก็ตามนู๋มาทางด้านนี้เลยนะคะ」
「หืมม!!? มีอาวุธที่เป็นของผมด้วยงั้นเหรอ
? ผมไม่เห็นจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ」
「เอริเน่จังบอกว่าอยากจะเซอร์ไพรส์ทัตสึนี่จังน่ะค่ะ」
「เซอร์ไพรส์งั้นเหรอ!? ฮ่าส์...นี่ทำให้ผมตกใจมากๆเลยล่ะ...สมกับเป็นเอริจัง
ความสามารถในการกลั่นแกล้งผมไม่ลดลงเลยนะเนี่ย…….แต่เรื่องนั้นก็เรื่องนั้น......นี่เรมิน่าจัง
หลังจากที่จัดการกับเทพธิดาผู้ทรยศได้แล้ว
เธอจะไม่ลองออกไปอาศัยอยู่กับพวกเราที่ด้านนอกดูหน่อยเหรอ ?」
ถึงแม้ในตอนนี้จะยังไม่ปลอดภัยเพราะยังมีตัวตนอย่างเทพธิดาผู้ทรยศอยู่
แต่หากพวกเราสามารถจัดการกับเทพธิดาผู้ทรยศไปได้แล้วล่ะก็
ถึงตอนนั้นผมก็อยากจะให้เรมิน่าจังออกไปอาศัยอยู่ที่ด้านนอกกับพวกเรา
และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยกลับเข้ามาเป็นครั้งคราว
「นั่นสินะคะ สำหรับเรื่องนั้นคงจะยังให้คำตอบในทันทีไม่ได้
เอาไว้นู๋จะลองค่อยๆตัดสินใจดู ขอบคุณที่เป็นห่วงนู๋มากเลยนะคะ ทัตสึนี่จัง」
เรมิน่าจังพูดพร้อมกับเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ
จากนั้นเธอก็จูงมือผมเข้าไปที่ห้องลับแห่งหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน
และภายในนั้นผมก็ได้พบกับอาวุธที่เอริจังเป็นคนแอบสร้างเอาไว้ให้กับผม.....
เลี้ยงต้อยไว้สอยเอง ชัวร์!!
ตอบลบแน่นอนอยู่แล้ว --0-- ไม่ตกไปถึงเจ้าลูกชายหรอก ฮา
ลบ