ตอนที่ 22 อาวุธของ 6 เทพธิดา



-- มุมมองของทัตสึยะ --

ทั้งสองคนถูกอัญเชิญมาต่อสู้อยู่ในใบโลกนี้เพื่อช่วยชีวิตของชั้น....คุณพ่อ....คุณแม่....

ในระหว่างการเดินทางเข้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจ ผมได้นำบันทึกเวทมนต์ที่เอริจังได้แอบขอยืมไปเมื่อปีก่อน หรือก็คือบันทึกที่สองผู้กล้าผู้ที่เป็นพ่อแม่ของไอโกะจังเหลือเอาไว้ไปให้กับไอโกะจังอ่าน

โดยเหตุผลที่ผมตัดสินใจให้ไอโกะได้อ่านบันทึกที่เก็บเรื่องราวสำคัญที่ไม่สามารถจะเปิดเผยให้กับใครรู้ได้นั้น มันก็เป็นเพราะในบันทึกเล่มนั้นได้มีการเขียนข้อความฝากถึงไอโกะเอาไว้ มันเป็นข้อความสำคัญที่เล่าถึงเหตุผลที่พ่อแม่ของเธอต้องมายังโลกใบนี้

ไอโกะจัง ถ้าหากเธอไม่ไหวล่ะก็ หลังจากเปิดประตูสุดท้ายแล้วเธอจะกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ หลังจากนั้นผมกับยูเมะจังและคนอื่นๆจะจัดการเรื่องทั้งหมดต่อเอง

ใช่แล้วค่ะไอโกะซัง วันนี้ปล่อยพวกเรื่องยุ่งยากไว้กับพวกชั้นแล้วกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะคะ

ผมและยูเมะจังเข้าไปปลอบโยนและบอกไอโกะจังที่กำลังอ่านบันทึกเรื่องพ่อแม่ด้วยแววตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาให้ไปกลับพักผ่อนก่อน ไอโกะจังนั้นเป็นคนที่คอยทำหน้าที่เหมือนกับพี่สาวที่พึ่งพาได้พวกเด็กสาวเกือบทุกคน เธอนั้นได้คอยแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งพาได้อยู่ตลอดเวลา แต่ถึงแม้เธอจะเข้มแข็งสักแค่ไหน กับเรื่องราวในครั้งนี้แล้ว ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าหากไอโกะจังกลับไปพักผ่อนและปล่อยเรื่องที่เหลือให้พวกเราจัดการแทน

ขอบคุณมากนะคะ ทัตสึยะซัง ยูเมะซัง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ นอกจากนั้นแล้วชั้นก็อยากจะได้เห็นวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจ ชั้นอยากจะได้เห็นสถานที่ที่พวกคุณพ่อคุณแม่เป็นสร้างขึ้นมาพร้อมกันด้วยน่ะค่ะ....

เข้าใจละ แต่ยังไงก็อย่าฝืนไปล่ะ หลังจากเสร็จธุระทั้งหมดที่นี่พวกเรายังมีการต่อสู้ครั้งสำคัญรออยู่ด้วยนะ

ผมตอบไอโกะจังกลับไปด้วยรอยยิ้มและเดินหน้าต่อไป โดยสำหรับเรื่องราวที่เขียนอยู่ในบันทึกนั้น มันมีเรื่องราวมากมายที่พ่อแม่ของเธออยากจะเล่าให้กับไอโกะจังได้ฟัง แต่ถ้าจะพูดถึงส่วนสำคัญที่สุดล่ะก็ มันก็คงจะเป็นเหตุผลที่พ่อแม่ของไอโกะจังต้องมาเป็นผู้กล้าในโลกใบนี้

ไอโกะจังตอนอายุ 4 ขวบนั้นเธอได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่ไร้ทางรักษา ทั้งหมอจากโรงบาลชื่อในญี่ปุ่นหรือจากต่างประเทศต่างก็ได้ลงความเห็นว่าไม่มีทางช่วยเหลือเธอได้ แต่แล้วในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนกำลังสิ้นหวังสุดๆนั้น เทพธิดาผู้ทรยศก็ได้ยื่นข้อเสนอไปให้กับทั้งสองคน และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนกับเรื่องหลอกลวงที่น่าเหลือเชื่อ แต่เนื่องจากมันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เพราะงั้นจึงทำให้ทั้งสองคนได้ตอบตกลงกับไป

เพื่อแลกกับการช่วยชีวิตไอโกะจังจากโรคร้ายแรงที่ไร้ทางรักษา พ่อแม่ของไอโกะจังได้ตอบตกลงรับข้อเสนอจากเทพธิดาผู้ทรยศเรื่องการถูกอัญเชิญมาเป็นผู้กล้า มันเหมือนกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ เพียงแค่เวลาชั่วพริบตาที่มีแสงเจิดจ้าออกมาจากร่างกายของไอโกะจัง เธอก็ได้หายจากโรคร้ายแรงที่ไร้ทางรักษาอย่างไปทันทีราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

เมื่อได้เห็นไอโกะจังที่กลับมาแข็งแรงและยิ้มแย้มได้อีกครั้ง พ่อแม่ของไอโกะจังนั้นรู้สึกดีใจมาก แต่เนื่องจากทั้งสองคนไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากการฝากไอโกะจังเอาไว้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับทรัพย์สินที่ทั้งสองคนมีอยู่ทั้งหมด

ไอโกะจัง  ประตูใหญ่ตรงหน้าของพวกเรานี้เป็นประตูล็อคสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ช่วยเปิดมันทีนะ

เข้าใจแล้วค่ะ Mana Authorization!!

ไอโกะจังใช้มือข้างหนึ่งถือบันทึกเอาไว้ แล้วก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งทาบไปยังอัญมณีตรงบริเวณกึ่งกลางของประตูเพื่อลงทะเบียนมานาของเธอ จากนั้นไม่นานไอโกะจังก็สามารถทำการปลดล็อคประตูบานสุดท้ายเพื่อให้พวกเราผ่านเข้าไปยังด้านในของวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจได้สำเร็จ

อุว๊า!!! สุดยอดไปเลยค่ะ ที่นี่ดูลึกลับมากจริงๆ สมกับที่ได้วิศวกรชื่อดังอย่างคุณพ่อของไอโกะซังเป็นคนสร้างเลยนะคะ

เมื่อได้เห็นภายในของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยูเมะจังก็พูดออกมาด้วยแววตาเปล่งประกาย ลวดลายสลักอักษรต่างๆตามกำแพงและเสาหินที่ผมเคยเห็นในวันนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ในวันนี้พวกมันได้เรืองแสงสีทองออกมา มันจึงทำให้ความสวยงามของที่นี่เพิ่มสูงมากขึ้น

โดยเหตุผลที่ลวดลายสลักอักษรเรืองแรงออกมาได้นั้น ก็เป็นเพราะมานาที่คริสตันแห่งพลังของเผ่าปีศาจได้เก็บสะสมเอาไว้ได้สูงขึ้นกว่าในตอนนั้นมาก ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากการส่งคริสตันเวทมนต์ลงไปในแหวนสีเงินของพวกเราตลอดช่วงเวลาเกือบ 2 ปีนั่นเอง

งดงามจริงๆเลยค่ะ ตัวอักษรโบราณที่เรืองแสงพวกนี้ดูเหมือนกับที่เขียนอยู่บนวิหารศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเลยนะคะเนี่ย

นั่นคงเป็นเพราะท่านผู้กล้าที่สร้างที่นี่ขึ้นได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าเทพมามากแน่ๆเลยนะคะ เอลิเซ่ซามะ

ชั้นได้ยินมาว่าท่านผู้กล้าท่านนี้ได้สร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามมากมายไปทั่วโลกเลยนะคะ ปราสาทสูงเสียดฟ้าที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจักรวรรดิเอลติซเองก็เป็นหนึ่งในผลงานเหมือนกันค่ะ

เอลิเซ่ โซเฟียแล้วก็ฟลอร่า ทั้งสามคนที่เป็นผู้ถูกเลือกให้รับสืบทอดพลังของเทพธิดาได้พูดชื่นชมความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ออกมาด้วยความประทับใจที่แตกต่างกันไป ไอโกะจังกับมากิจังที่เข้าไปลองสำรวจอักษรภาพบนกำแพงต่างๆเองก็แสดงความรู้สึกตื่นเต้นออกมาไม่ต่างกัน

ที่นี่สวยมากจริงๆด้วยนะคะนายท่านคะ อ๊ะร่ะ เด็กคนนั้นก็คือ.....

ใช่แล้วล่ะ เด็กคนนั้นก็คือ เรมิน่าจังที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ไงล่ะ

ส่วนมาเรียจังนั้น แม้เธอจะรู้สึกสนใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังไม่ยอมออกห่างไปจากตัวผมแม้แต่ก้าวเดียว เธอยังคงทำหน้าที่เป็นเมดส่วนตัวและคนคุ้มกันซึ่งคอยระวังรอบตัวผมอยู่ตลอดไม่เปลี่ยนแปลง นั่นจึงทำให้มาเรียจังเป็นคนแรกที่สามารถรับรู้ถึงตัวตนเด็กสาวผมสีบรอนซ์ทองที่กำลังเดินมาหาพวกเราด้วยรอยยิ้มที่แสนจะงดงาม


ทัตสึนี่จัง ยูเมะเน่จัง ไอโกะเน่จัง แล้วก็พวกโอเน่จังคนอื่นๆด้วย ยินดีต้อนเข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจนะคะ

เรมิน่าจังจับชายกระโปรงของเธอขึ้นเล็กน้อยก้าวท้าวซ้ายไปด้านหลังและย่อตัวลงก่อนจะกล่าวทักทายผมและทุกคนออกมาด้วยท่าทางที่สง่างาม ต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่พวกเราได้พบเจอกันเป็นครั้งแรก เรมิน่าจังในวันนี้ได้สลัดคราบโลลิไร้เดียงสาในสมัยก่อนของเธอออกไป เธอได้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวแสนสวยสมกับเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเป็นมิโกะแห่งเผ่าปีศาจ

ตั้งแต่วันนั้นก็เกือบ 2 ปีแล้วนี่นะ โตขึ้นมากเลยนะเรมิน่าจัง เธอกลายเป็นสาวสวยที่ทำให้ผมแทบจะลาสายไปไม่ได้เลยนะ

ผมพูดพร้อมกับเข้าไปลูบไล้เรือนผมสีบรอนซ์ทองของเรมิน่าด้วยความอ่อนโยน ถึงแม้ว่าร่างกายของเรมิน่าจังจะเติบโตขึ้นมามากในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา แต่เธอก็ยังคงแสดงรอยยิ้มออกมาตอบรับกับการทักทายที่อ่อนโยนของผม ถึงแม้บรรยากาศรอบตัวเธอจะเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่านิสัยการเป็นเด็กสาวขี้อ้อนของเธอในอดีตนั้นจะคงยังไม่หายไป

คิดถึงมากเลยนะจ๊ะเรมิน่าจัง คราวก่อนหายไปไม่ยอมมาบอกลากันก่อนเลย ทำเอาชั้นกับพวกพี่สาวคนอื่นๆเป็นห่วงกันแทบแย่เลยนะ

เอะเฮะเฮะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่ได้บอกลานะคะ ยูเมะเน่จัง

ยูเมะจังเข้าไปโอบกอดเรมิน่าจังและบ่นเรื่องที่ไม่ยอมบอกลากันด้วยความคิดถึง เรมิน่าก็ขอโทษและกอดยูเมะจังกลับไปด้วยรอยยิ้ม ไอโกะจังแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เธอเองก็ดูจะเป็นห่วงเรมิน่าจังที่หายตัวไปแบบไม่บอกเช่นเดียวกัน ส่วนพวกสาวๆคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักกับเรมิน่าจังมาก่อนก็พากันเข้าไปแนะนำตัวทักทายกับเรมิน่าด้วยรอยยิ้ม ภาพของพวกสาวๆที่เริ่มจะสนิทกันอย่างไวนั้นเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

หลังจากที่พวกสาวๆได้ทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขอให้เรมิน่าจังช่วยพาไปยังห้องเก็บอาวุธของเทพธิดาทั้ง 6 ที่เป็นเป้าหมายหลักสำหรับการเข้ามาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจในวันนี้ โดยอาวุธที่ว่านั้นก็เป็นอาวุธที่สร้างขึ้นมาจากต้นแบบอาวุธของเทพธิดาทั้ง 6 ที่ได้เคยพ่ายแพ้ให้กับเทพธิดาผู้ทรยศและถูกทำลายไปในสมัยสงคราม 10 เผ่าพันธุ์

โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างอาวุธเทพธิดานั้นก็คือโอริฮารูก้อน ซึ่งได้มาจากโกเลมมังกรสามหัวที่พวกเราได้เข้าไปต่อสู้ด้วยในทางลับใต้ดินตอนที่พวกเราไปทำสงครามกับจักรวรรดิเลเรียส โดยหลังจากที่ได้นำเจ้าโกเลมมังกรสามหัวกลับมาแล้ว เอริจังก็ได้แอบนำชิ้นส่วนของโอริฮารูก้อนออกมาและขอร้องให้เรมิน่าจังช่วยสร้างอาวุธของเทพธิดาขึ้นมาให้

นี่คืออาวุธเทพธิดาของชั้นหรือคะ ? ช่างเป็นอาวุธที่ดูสง่างามและแข็งแกร่งมากเลยนะคะ นายท่าน

อาวุธของเทพธิดาสีแดงแห่งความเกรี้ยวกราดWarcry Wrandicheนั้นเป็นขวานด้ามยาวสีแดง ที่ส่วนหัวขวานนั้นสามารถแยกชิ้นส่วนและพุ่งออกไปโจมตีศัตรูพร้อมกันหลายคนได้ ซึ่งหากดูจากโซ่ขนาดใหญ่หลายเส้นที่ติดตั้งเอาไว้ภายในด้านแล้ว มันก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับมาเรียจังที่มีความสามารถในการใช้อาวุธที่พลิกแพลงเป็นอย่างมาก

อาวุธของเทพธิดาสีเงินแห่งความปราดเปรื่องDual Dhevalierนั้นเป็นดาบยาวคู่สีเงิน ที่คมดาบแต่ละข้างนั้นจะมีการเคลือบพลังเวทพิเศษซึ่งทำให้ยากต่อการมองเห็นคมดาบ ดังนั้นจึงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับคู่ต่อสู้ในการป้องกัน สำหรับมากิจังที่ใช้พรผู้กล้าพร้อมกับดาบคู่มาตลอดแล้ว ก็น่าจะเรียกได้ว่ามันเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับเธอมาก

อาวุธของเทพธิดาสีน้ำตาลแห่งความเมตตาAlmena Aurorasนั้นเป็นไม้เทาด้ามยาวสีน้ำตาล ที่ส่วนหัวของไม้เท้านั้นมีประตูมิติบานใหญ่ที่ถูกรายล้อมไปด้วยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มันเป็นไม้เท้าที่เน้นความสามารถในเรื่องการควบคุมเหล่าอสูรรับใช้จากอีกมิติหนึ่ง สำหรับยูเมะจังที่เน้นการซัพพอร์ตด้วยอสูรรับใช้จากแนวหลังแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเธอ

อาวุธของเทพธิดาสีครามแห่งความโลภRrinity Reflectionนั้นเป็นโล่สีครามขนาดใหญ่ 3 อัน โดยความสามารถของโล่แต่ละอันนั้นจะแตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วก็จะเน้นไปที่การป้องกันและการสะท้อนกลับ แล้วทำไมเอริจังถึงได้สร้างอาวุธของเทพธิดาผู้ทรยศขึ้นมาด้วยงั้นเหรอ ? นั่นก็เป็นเพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุมอำนาจบนโลกใบนี้ของพระเจ้า

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากพวกเรายังไม่สามารถกำจัดเทพธิดาผู้ทรยศลงไปได้ล่ะก็ การจะนำอาวุธและพลังของเทพธิดาสีครามมาใช้นั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เนื่องจากเอริจังในโลกก่อนได้กลืนกินวิญญาณของเทพธิดาผู้ทรยศเข้าไป ดังนั้นจึงทำให้พวกเราสามารถนำพลังของเทพธิดาสีครามมาใช้ได้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันเป็นพลังที่ยังไม่สมบูรณ์นัก โดยผู้ที่ถูกเลือกให้มารับพลังนี้ไปนั้นก็คือโซเฟียจังนั่นเอง


อาวุธของเทพธิดาสีม่วงแห่งความเย่อหยิ่งGatery Gegunirนั้นเป็นหอกยาวสีม่วงที่สามารถแยกออกมาเป็นหลายส่วนได้ โดยหากแยกส่วนออกมาล่ะก็ แต่ละส่วนจะทำการเชื่อมต่อกันด้วยสายฟ้าสีม่วง ซึ่งทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่คล้ายกับแส้สำหรับใช้ในการโจมตีระยะไกล มันเป็นอาวุธที่ดูจะต้องใช้ความคิดในการใช้งานเป็นอย่างมาก แต่ผมก็หวังว่าฟลอร่าจังจะสามารถใช้งานมันได้ล่ะนะ

อาวุธของเทพธิดาสีทองแห่งความรักShtische Symphonyนั้นเป็นคันธนูสีทองขนาดใหญ่ที่มีการติดสายหลายเส้นคล้ายกับพิณ มันเป็นอาวุธสำหรับโจมตีการระยะไกลด้วยลูกศรเวทมนต์หลากหลายแบบ โดยในบรรดาลูกศรหลายแบบนั้นก็มีประเภทที่บรรจุเวทฟื้นฟูพลังต่างๆเพื่อเอาไว้สำหรับสนันสนุนให้พวกพ้องได้ด้วย นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับเอลิเซ่จังที่มีความรอบคอบในการใช้เลือกใช้เวทมนต์ที่หลากหลายเป็นอย่างมาก

ส่วนอาวุธของทัตสึนี่จังก็ตามนู๋มาทางด้านนี้เลยนะคะ

หืมม!!? มีอาวุธที่เป็นของผมด้วยงั้นเหรอ ? ผมไม่เห็นจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ

เอริเน่จังบอกว่าอยากจะเซอร์ไพรส์ทัตสึนี่จังน่ะค่ะ

เซอร์ไพรส์งั้นเหรอ!? ฮ่าส์...นี่ทำให้ผมตกใจมากๆเลยล่ะ...สมกับเป็นเอริจัง ความสามารถในการกลั่นแกล้งผมไม่ลดลงเลยนะเนี่ย…….แต่เรื่องนั้นก็เรื่องนั้น......นี่เรมิน่าจัง หลังจากที่จัดการกับเทพธิดาผู้ทรยศได้แล้ว เธอจะไม่ลองออกไปอาศัยอยู่กับพวกเราที่ด้านนอกดูหน่อยเหรอ ?

ถึงแม้ในตอนนี้จะยังไม่ปลอดภัยเพราะยังมีตัวตนอย่างเทพธิดาผู้ทรยศอยู่ แต่หากพวกเราสามารถจัดการกับเทพธิดาผู้ทรยศไปได้แล้วล่ะก็ ถึงตอนนั้นผมก็อยากจะให้เรมิน่าจังออกไปอาศัยอยู่ที่ด้านนอกกับพวกเรา และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยกลับเข้ามาเป็นครั้งคราว

นั่นสินะคะ สำหรับเรื่องนั้นคงจะยังให้คำตอบในทันทีไม่ได้ เอาไว้นู๋จะลองค่อยๆตัดสินใจดู ขอบคุณที่เป็นห่วงนู๋มากเลยนะคะ ทัตสึนี่จัง

เรมิน่าจังพูดพร้อมกับเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ จากนั้นเธอก็จูงมือผมเข้าไปที่ห้องลับแห่งหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน และภายในนั้นผมก็ได้พบกับอาวุธที่เอริจังเป็นคนแอบสร้างเอาไว้ให้กับผม.....

2 ความคิดเห็น:

  1. เลี้ยงต้อยไว้สอยเอง ชัวร์!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แน่นอนอยู่แล้ว --0-- ไม่ตกไปถึงเจ้าลูกชายหรอก ฮา

      ลบ