--
มุมมองของทัตสึยะ --
「「「「「โอ้วว!!!!!」」」」」
เสียงร้องตะโกนของพวกเราทุกคนดังก้องขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้เห็นภาพของอสูรต้องสาปขนาดใหญ่ได้ล่มลงและค่อยๆสูญสลายกลายเป็นควันหายไป
โดยเหตุผลที่เจ้าอากิโอะสามารถจัดการทำลายอสูรต้องสาปซึ่งมีพลังในการฟื้นฟูร่างกายตลอดเวลาไปได้ง่ายๆนั้น
มันก็เป็นเพราะอาวุธดาบคู่ที่อยู่ในมือของกันด้อมสีแดงสดที่เจ้าอากิโอะกำลังขับอยู่นั้น
เป็นอาวุธที่ส่วนใบมีดถูกเคลือบเอาไว้ด้วยโลหะในตำนานอย่างโอริฮารูก้อน ซึ่งเป็นโลหะพิเศษที่มีผลในการลบล้างผลของเวทมนต์ทุกอย่างนั่นเอง
「เจ้าอาคาทสึกิกันด้อมนั่นเท่มากเลยนะคะ
ถ้าเป็นไปได้นู๋ก็อยากจะเห็นทัตสึยะซังขับเจ้านั่นบ้างจังเลยค่ะ」
「ถึงจะเท่ไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของท่านฮารุกะจังสุดเท่คนนี้
แต่ชั้นก็ต้องขอยอมรับในความเท่ของเจ้ากันด้อมนั่นเลยค่ะ」
「นู๋เองก็อยากได้ลองขับหุ่นรบกันด้อมแบบนั้นออกไปต่อสู้เหมือนกันนะคะ
สร้างมาให้นู๋สักตัวบ้างได้มั๊ยคะ ทัตสึยะโอนี่จัง!!!」
「ในอนาคตถ้าสามารถผลิตกันด้อมรุ่นผลิตจำนวนมากออกมาได้ล่ะก็ ถึงตอนนั้นทุกคนก็คงจะมีโอกาสได้ลองขับล่ะ」
มายุจัง
ฮารุกะจังและไอริจังต่างก็พูดชื่นชมเจ้าอาคาทสึกิกันด้อมสีแดงสดของเจ้าอากิโอะด้วยด้วยแววตาเปล่งประกาย
แต่การจะสร้างเจ้าหุ่นรบกันด้อมขึ้นมาน่ะ
มันจำเป็นจะต้องใช้ทั้งทรัพยากรและเวลาอย่างมากมาย แถมการจะขับเคลื่อนของแบบนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญเนี่ย
มันก็ยังจำเป็นจะต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกมาก
ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องนั้นแล้วก็คงบอกได้ว่า
เจ้าอากิโอะที่สามารถนำเจ้ากันด้อมนั่นออกมาใช้งานจริงในสนามรบโดยใช้เวลาฝึกฝนเพียงแค่ไม่กี่วันน่ะ
มันเป็นพวกระดับอัจฉริยะแล้ว เพราะถึงแม้จะเป็นตัวผมเองซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับพลังมาจากเลโลเชีย
ผมก็มั่นใจเลยว่าตัวผมนั้นคงจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างน้อยก็หลายเดือนอย่างแน่นอน
「แต่การที่พวกจักรวรรดินั่นปลดบาร์เรียคุ้มกันเมืองหลวงออกนี่ก็เป็นอะไรที่เกินคาดหมายจริงๆนะคะ」
「นั่นสินะคะ
ชั้นก็นึกว่าพวกเราจะต้องมาเสียเวลาหาวิธีจัดการกับบาร์เรียยุ่งยากพวกนั้นซะอีก」
「สำหรับเรื่องนั้นผมคิดว่าทางฝ่ายนั้นคงต้องการที่จะตัดสินใจกับพวกเราอย่างเด็จขาดไปเลยล่ะมั้ง
เพราะบาร์เรียคุ้มกันที่มีขนาดใหญ่แบบนั้นเองก็คงจำเป็นจะต้องใช้มานามหาศาลในการใช้งานแน่ๆ
เพราะงั้นแทนที่จะไปเน้นการป้องกันซึ่งรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งก็ต้องถูกทำลาย
ก็สู้เอามานาทั้งหมดไปใช้ในการสร้างพวกอสูรต้องสาปขึ้นมาจัดการกับพวกเราให้เร็วที่สุดดีกว่า
แต่พวกนั้นเองก็คงจะไม่คิดว่าพวกเราจะสามารถจัดการกับอสูรต้องสาปได้รวดเร็วขนาดนี้ล่ะนะ」
เมื่อสองโลลิถูกกฎหมายเอลิซาเบธซังและโอลิเวียพูดถึงเรื่องของบาร์เรียคุ้มกันขึ้นมา
ผมก็ได้แสดงความคิดเห็นของผมเองกลับไป ในการสู้รบปกตินั้น
ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายป้องกันจะเป็นเปรียบที่ได้เปรียบ
แต่หากเอาแต่ป้องกันอย่างเดียวโดยไม่โจมตีสวนกลับไปล่ะก็
มันก็ยากที่จะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้
ยิ่งหากลองคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้แล้ว
แม้ว่าทางจักรวรรดิเอลติซจะยังมีเทพธิดาผู้ทรยศแอบหนุนหลังอยู่
แต่พวกเราก็มีทั้งเทพธิดาทั้ง 6 และยังมีกำลังรบที่มากกว่าหลายเท่า
เพราะงั้นหนทางเดียวที่ฝ่ายจักรวรรดิจะชนะได้นั้นก็คงมีแต่การทุ่มทกสิ่งทุกอย่างที่เหลืออยู่เพื่อไปกับเสริมกำลังให้กับพวกอสูรต้องสาปที่เป็นกำลังรบเดียวที่เหลืออยู่ในครั้งนี้
「แต่เป็นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับพวกเรามากเลยนะคะ
เพราะพวกยูเมะซามะที่กำลังใช้พลังของเทพธิดาเองก็จะได้ไม่ต้องมารับภาระหนักมากด้วย」
「ชั้นเองก็อยากจะรีบจบเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ให้เร็วที่สุด
แล้วก็จะได้รีบกลับไปหาวิธีช่วยเหลือเอริจังเหมือนกันค่ะ」
「ถ้างั้นพวกเราก็รีบไปจัดการกับพวกสวะที่ยังเหลืออยู่ในปราสาทนั่นและจบสงครามครั้งนี้กันดีกว่านะคะ
ทัตสึยะซัง」
สเตล่า
คาโอริจังและไอโกะจัง ถึงแม้พวกเธอทั้ง 3 คนนั้นจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป
แต่ทั้ง 3 คนก็มีความรู้สึกที่อยากจะจบสงครามที่ยาวนานครั้งนี้ให้เร็วที่สุดนั้นเหมือนๆกัน
ซึ่งก็แน่นอนว่าผมตัวเองก็รู้สึกเหมือนกันกับพวกเธอ
พวกเรานั้นจำเป็นจะต้องรีบจบสงครามครั้งนี้ให้เร็วที่สุด
เพื่อไม่ให้ร่างกายพวกยูเมะจังที่กำลังใช้พลังของเทพธิดาต้องมารับภาระหนักต่อเนื่องมากจนเกินไป
เพื่อที่จะได้รีบกลับไปหาวิธีช่วยเหลือเอริจังที่ยังไม่ฟื้น
เพื่อปลดปล่อยวิญญาณของชาวบ้านชาวเมืองและผู้บริสุทธิ์มากมายที่ถูกจักรวรรดินำมาสังเวยไปกับพิธีกรรมคำสาปมรณะในครั้งนี้
「ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเราได้ต่อสู้ร่วมกันหลายต่อหลายครั้ง!!! ในทุกๆครั้งนั้นก็อาจจะมีการสูญเสียที่ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้!!!!
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะต้องสู้!!! เหล่าพันธมิตรและผู้กล้าหาญแห่งอาณาจักรออร์ธรอส!!!!!
จงไปต่อสู้และนำชัยชนะกลับมามอบให้กับพวกพ้องครอบครัวและผู้คนที่พวกเรารัก!!!!」
「「「「「โอ้วว!!!!!」」」」」
หลังจากผมพูดจบลง
เสียงตะโกนของทุกคนก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งดาดฟ้าของเรือเหาะ
โดยทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะในตอนนี้นั้นล้วนแล้วแต่ถืออาวุธที่มีการเคลือบโลหะในตำนานโอริฮารูก้อนอยู่ในมือ
แต่เนื่องจากพวกเรามีโอริฮารูก้อนอยู่อย่างจำกัด เพราะงั้นนอกจากดาบคู่ในมือกันด้อมและอาวุธของเหล่าเทพธิดารวมถึงของตัวผมเองที่สร้างขึ้นมาโดยตรงแล้ว
อาวุธที่พวกเราสามารถนำมาเคลือบโอริฮารูก้อนได้นั้นจึงมีเพียงแค่ 66 ชิ้นเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนเพียงแค่เล็กน้อย
ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหากับการบุกเข้าไปโจมตีปราสาทเอลติซในครั้งนี้
นั่นก็เพราะเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าทั้ง 66 คนที่อยู่ตรงหน้าผมทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง
ทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้รับฝากฝังความหวังมาจากผู้คนมากมาย
เป็นผู้ที่พร้อมจะเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องอนาคตของโลกใบนี้
「เอาล่ะ
ถ้างั้นก็ถึงเวลาเฉิดฉายของท่านฮารุกะจังผู้แสนจะงดงามคนนี้....ฟุเคี๊ยะ!!!」
ในขณะที่หลายคนกระโดดขึ้นหลังอสูรรับใช้คู่ใจและกำลังมุ่งตรงไปยังปราสาทเอลติซที่เป็นเพื่อเป้าหมาย
ผมก็รีบยื่นมือออกไปดึงคอเสื้อของฮารุกะจังเอาไว้ก่อน ฮารุกะจังนั้นเป็นจอมเวทระดับท็อปที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงเกือบที่สุดแล้วในหมู่พวกเรา
ดังนั้นผมจึงต้องการให้เธอบุกไปพร้อมกับผมเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียมานาไปกับพวกลูกกระจ๊อกอย่างอสูรต้องสาปโดยไม่จำเป็น
「เธอน่ะต้องไปพร้อมกับผมนะ ฮารุกะจังผู้แสนจะงดงาม」
「เอ๋!!! แม้แต่ในเวลาสำคัญแบบนี้ทัตสึยะซังก็ยังคิดจะมาทำเรื่องลามกอีกเหรอคะ....ฟุเคี๊ยะ!!!」
「เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว
เป้าหมายของพวกเราน่ะคือจักรพรรดิเลคซิอุสและเทพธิดาผู้ทรยศนะ กับฝ่ายตรงข้ามที่มี
2 คนน่ะ ผมไม่คิดว่าตัวผมเพียงคนเดียวจะสามารถจัดการได้ เพราะงั้นเธอจะต้องไปกับผมด้วย」
ผมไม่สนใจคำบ่นไม่พอใจของฮารุกะจังและลากเธอขึ้นไปบนหลังของคุโรโกะอสูรรับใช้แห่งความมืดของผม
จากนั้นพวกเราก็ออกบินไปจากดาดฟ้าเรือเหาะและมุ่งหน้าไปยังห้องบัลลังก์ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของปราสาทเอลติซ
โดยเจ้าปราสาทเอลติซที่ว่านี่น่ะ มันก็คือปราสาทสูงเสียดฟ้าที่พ่อและแม่ของไอโกะจังเป็นผู้สร้างซึ่งมีความสูงจากพื้นดินรวมแล้วมากกว่า
1 กิโลเมตรเสียอีก
และถึงแม้ผมจะไม่แน่ใจว่า
จักรพรรดิเลคซิอุสและเทพธิดาผู้ทรยศจะรอคอยพวกเราอยู่ในห้องบัลลังก์ที่อยู่ชั้นบนสุดนั่นหรือเปล่า แต่หากคิดไปตามเนื้อเรื่องของพวกไลท์โนเวลต่างโลกที่ผมเคยอ่านมาก่อนแล้วล่ะก็
โอกาสที่พวกนั้นจะวางกับดักและรอคอยพวกเราอยู่ที่นั่นก็มีค่อนข้างสูงล่ะนะ
「ทั้งสองคนอยู่ที่ห้องบัลลังก์กันจริงๆเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ทั้งหมดเลยนะเนี่ย ผมชื่อ มาเอคาวะ
ทัตสึยะ ชายเพียงคนเดียวผู้ที่พระเจ้าโลเลเชียแห่งโลกใบนี้หลงรักหมดหัวใจ」
「ส่วนชั้นก็คือ
หนึ่งในภรรยาของทัตสึยะซังจอมเจ้าชู้ไม่รู้จักพอที่คิดจะทำเรื่องลามกแม้แต่ในสงคราม
ท่านฮารุกะจังผู้แสนจะงดงามหาใครเทียบได้ยาก ยังไงก็ต้องขอฝากตัวด้วยนะ!!!」
เมื่อคุโรโกะบินเข้าไปถึงยังห้องบัลลังก์ผ่านทางช่องบนเพดาน
ผมและฮารุกะจังก็กระโดดลงไปและกล่าวแนะนำตัวออกไปต่อหน้าทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
เด็กหนุ่มหน้าตาเคร่งเครียดผู้มีผมสีม่วงอ่อนนั้นก็คือจักรพรรดิเลคซิอุส
ส่วนเด็กสาวผมสีทองหน้าตาน่ารักที่กำลังยิ้มแย้มอย่างนั้นก็คงจะเป็นราชีนีของเจ้าจักรพรรดิเลคซิอุสหน้าเครียดเอสเต้ซัง
「ทั้งๆที่ข้าอุส่าวางกับดักสำหรับทดสอบความสามารถของพวกเจ้าเอาไว้ทั้ง
100 ชั้นในปราสาทเอลติซแห่งนี้ แต่เจ้ากลับใช้วิธีขี้โกงทำลายบาเรียเวทมนต์ที่ปกป้องปราสาทแห่งนี้และยังบินขึ้นมาบนนี้โดยไม่ผ่านการทดสอบแม้แต่อย่างเดียวเลยเนี่ย
ช่างเป็นจอมเวทที่ไร้มารยาทสิ้นดีเลยนะ」
「อย่าพึ่งอารมณ์เสียไปแบบนั้นสิคะเลคซิอุสซามะ
เพราะหลายๆครั้งเรื่องราวมันก็มักจะไม่เป็นไปตามแผนอยู่แล้ว
ทัตสึยะซามะก็อย่าได้ถือสาคำพูดของสามีคนนี้ของชั้นเลยนะคะ เพราะเค้าก็เพียงแค่หงุดหงิดเล็กน้อยที่ทัตสึยะซามะไม่ยอมทำตามมารยาทของจักรวรรดิเราเท่านั้น
แต่ทัตสึยะซามะก็ไม่ใช่ผู้คนของจักรวรรดิเอลติซแห่งนี้อยู่แล้วด้วยล่ะนะคะ อุฟุฟุ」
เนื่องจากตัวผมนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปราสาทแห่งนี้มีบาร์เรียเวทมนต์คอยปกป้องอยู่
เพราะงั้นการที่อีกฝ่ายจะพูดออกแบบนั้นก็คงเรียกว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่จะว่าไปแล้วก็นั่นสินะ
เพราะการที่พวกเราสามารถเข้ามาที่นี่ได้โดยตรงโดยไม่พบอุปสรรคอะไรเลยมันก็ค่อนข้างแปลก
ซึ่งผู้ที่น่าสงสัยที่อยู่ในเรื่องนี้ก็คงจะไม่พ้นพระเจ้าของโลกใบนี้ซึ่งก็คือเลโลเชียหรือเอริจังในโลกก่อนนั่นล่ะนะ
「กับเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นผมไม่คิดจะสนใจอยู่แล้วล่ะ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังมีเรื่องร้ายแรงที่ไม่สามารถให้อภัยพวกเธอได้อยู่
พวกเธอเองก็คงจะเข้าใจว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไรงั้นสินะ」
「ถึงแม้มันจะมีหลายเรื่องที่พวกเราทำให้ทัตสึยะซามะไม่พอใจ
แต่หลักๆแล้วก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหลอกใช้มากิซามะกับเพื่อนๆของเธอใช่มั๊ยล่ะคะ
แต่สำหรับเรื่องนั้นแล้วต่อให้ชั้นเป็นฝ่ายขอโทษแทนไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะทัตสึยะซามะก็คงไม่คิดจะยกโทษให้พวกเราอยู่แล้วด้วย」
「ใช่แล้วล่ะ
กับเรื่องที่เจ้าเลคซิอุสนั่นทำกับมากิจังและพวกรูริโกะน่ะ
ผมไม่สามารถที่จะให้อภัยได้ ถ้าเจ้านั่นมันชอบมากิจังและทำให้เธอหลงรักได้ด้วยตัวเองโดยไม่ใช้คำสาปแบบนั้นผมก็พอจะยอมรับได้อยู่หรอก
ก็ตามนั้นล่ะ เพราะงั้นผมจะขอจบชีวิตเจ้านั่นลงในวันนี้」
ผมพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังจักรพรรดิเลคซิอุสที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วตัวผมในตอนนี้จะไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแค้นอะไรเหลืออยู่
ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะความรู้สึกด้านลบของผมทั้งหมดนั้นได้ถูกชำระล้างไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ในอาณาเขตแห่งพระเจ้า แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น
เรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ก็คือให้อภัยไม่ได้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องจบชีวิตของเจ้าจักรพรรดิเลคซิอุสนั่นลงในวันนี้
「โฮ่
ถ้าคิดว่าคนอย่างแกมีความสามารถมากพอที่จะเอาชนะตัวข้าได้จริงๆล่ะก็
เข้ามาเอาหัวของข้าไปได้เลย ฮ่าสสส์!!!!!」
พร้อมๆกับที่คำพูดนั้นได้จบลง
เจ้าเลคซิอุสนั่นก็ได้ปลดปล่อยมานาสีดำที่ให้ความรู้สึกกดดันมหาศาลออกมารอบตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งตัวผมและคุโรโกะซึ่งเป็นอสูรรับใช้ต่างก็ต้องพากันถอยห่างออกมา
แล้วผมก็ได้เร่งพลังมานาในร่างกายรวมทั้งพลังงานเทพที่ได้รับมาจากเลโลเชียขึ้นเพื่อทำการตั้งรับ
แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังระมัดระวังตัวและเตรียมความพร้อมอย่างที่สุดเพื่อต่อสู้นั้นเอง
มานาสีดำจำนวนมหาศาลที่ปกคลุมรอบตัวเจ้าจักรพรรดิเลคซิอุสนั่นก็ได้จางหายไป และสิ่งที่เหลืออยู่ภายในนั้นก็คือร่างกายของเจ้านั่นที่ทรุดลงไปกับพื้น
หลังจากนั้นชิ้นส่วนต่างๆของร่างกายเจ้านั่นก็ค่อยๆหลุดร่วงลงไปที่พื้นที่ละชิ้นราวกับถูกของมีคมตัดขาด….
「ว๊าววว!!!! ความคมของเคียวผสมโอริฮารูก้อนนี่สุดยอดไปเลยล่ะค่ะ!!! ดูสิคะทัตสึยะซัง ชั้นสามารถจัดการเจ้าจักรพรรดิบอสใหญ่นี่ได้ในเวลาแค่เพียงไม่กี่วินาทีเองนะคะ
ท่านฮารุกะจังคนนี้สุดยอดไปเลยใช่มั๊ยล่ะคะ โอ๊ะ โฮะ โฮะ!!!」
กับสิ่งที่ฮารุกะจังพูดออกมานั้น
มันน่าตกใจจนทำให้ผมต้องหยุดความคิดหลายๆอย่างที่กำลังอยู่ในหัวของผมไปในทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ? นี่ยัยนั่นจะบอกว่าตัวเองจัดการเจ้าเลคซิอุสที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยคำสาปหนาแน่นขนาดนั้นไปแล้วอย่างงั้นเหรอ....?
ซึ่งก็แน่นอนว่าคนที่กำลังมึนและตามไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ตัวผมคนเดียวเท่านั้น
เพราะเมื่อผมหันไปมองที่เด็กสาวแสนน่ารักอีกคนหนึ่ง ราชินีเอสเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของราชินีเองก็กำลังทำตาโตอ้าปากพะงาบๆ
ซึ่งมันเป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน.....
ว ไวมาก!! นี่บอสหรือคัวประกอบราคาค่าตัวสลึงเดียวเนี่ย!?
ตอบลบตัวประกอบล่ะมั้ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ลบ