ตอนที่ 27 ศักราชใหม่ของโลกลอสตาเซีย



-- มุมมองของทัตสึยะ --

ที่สามารถทำให้เทพธิดาอย่างชั้นกลายเป็นสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้เนี่ย ชั้นต้องขอชื่นชมจากใจ คุณช่างเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นถึงราชาแห่งเผ่าปีศาจจริงๆเลยค่ะ

หลังจากการเข้าปะทะและต่อสู้กันกับเทพธิดาเธโอเนียอย่างดุเดือดด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามียาวนานกว่า 30 นาที ในที่สุดพวกเราก็สามารถเอาชนะเธอลงไปได้ และในตอนนี้เทพธิดาเธโอเนียที่ถูกทำลายปีกทั้ง 6 และแขนทั้งสองข้างไปก็กำลังบอกลาผมด้วยพลังที่เธอยังคงเหลืออยู่อย่างน้อยนิด

ถึงเธอจะพูดชื่นชมผมแบบนั้นแต่ผมก็ไม่รู้สึกดีใจสักเท่าไหร่หรอกนะ เพราะถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากที่จะทำร้ายผู้หญิงที่แสนงดงามอย่างเธอแบบนี้ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เลยเนี่ย

ภายในห้องบัลลังก์ที่แสนจะงดงามซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของปราสาทเอลติซ ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปพร้อมกับโอบกอดและประคองร่างกายส่วนบนของเทพธิดาเธโอเนียที่กำลังค่อยๆเลือนรางเอาไว้ แต่ภาพวาระสุดท้ายของเทพธิดานั้นที่อยู่ตรงหน้าของผมในขณะนี้เรียกได้ว่าแตกต่างไปจากภาพที่เอริจังแสดงให้ผมได้เห็นในอาณาเขตแห่งพระเจ้ามากจริงๆ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะในครั้งนี้พวกเราไม่ได้มีสกิลกลืนกินวิญญาณเหมือนกับในโลกก่อนของเอริจัง

เป็นเช่นนั้นหรอกหรือคะ แต่คุณเนี่ยช่างเป็นชายหนุ่มแสนเจ้าชู้เหมือนกับข่าวลือที่ชั้นได้รับรู้มาจริงๆเลยนะคะ ทั้งๆที่พวกเราเป็นศัตรูที่ไม่มีทางคืนดีกันได้แท้ๆ แต่ทั้งๆแบบนั้นคุณก็ยังอยากจะได้ตัวชั้นเอาไว้ครอบครองอีกงั้นเหรอคะ ช่างโลภมากจริงๆเลยล่ะค่ะ

ก็ผมน่ะเกิดมาเป็นคนเจ้าชู้โดยสายเลือดนี่นา เพราะงั้นเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ ถึงแม้ว่าพวกสาวสวยหลายคนจะมีความผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้ก็เถอะ แต่อย่างน้อยการที่จะให้โอกาสหญิงสาวเหล่านั้นได้ชดใช้ความผิดไปทีละนิดน่ะ มันก็ดีกว่าการที่จะจบชีวิตพวกเธอลงไปโดยที่ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรใช่มั๊ยล่ะ

เล่นให้โอกาสกับแค่สาวสวยเป็นพิเศษเนี่ย ช่างเป็นความคิดที่ลำเอียงจริงๆเลยนะคะ แต่กับตัวคุณที่เป็นแบบนี้น่ะ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงไม่ทำให้ชั้นรู้สึกรังเกียจเลยสักนิด น่าเสียดายจริงๆที่เวลาของชั้นได้หมดลงแล้ว.....อ๊ะ......อย่างน้อยก่อนจะจากไปชั้นจะขอมอบพรของชั้นให้กับคุณเอาไว้เพื่อเป็นที่ระลึกก็แล้วกันค่ะ...พรสุดท้ายของเทพธิดาแห่งสีครามแห่งความโลภ....

หลังพูดจบ เทพธิดาเธโอเนียก็ยื่นใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอค่อยๆสัมผัสลงบนริมฝีปากของผมช้าๆอย่างอ่อนโยน ซึ่งนั่นก็ทำให้ออร่าส่วนหนึ่งจากร่างกายของเธอได้หลั่งใหลเข้ามาในร่างกายของผม หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็ค่อยๆสลายหายไป

ลาก่อนนะคะ ทัตสึยะซามะ

เธอพูดผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่ลาก่อนแต่เป็นแล้วพบกันใหม่ต่างหากล่ะ

ก่อนที่เทพธิดาเธโอเนียจะหายไปผมก็ได้บอกกับเธอว่าพวกเราน่ะยังมีโอกาสที่จะได้พบกันใหม่อยู่ แต่เนื่องจากมันเป็นช่วงเสี้ยวเวลาสุดท้ายแล้ว เพราะงั้นผมจึงไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่ผมพูดไหม แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังรู้สึกได้ว่าเธอนั้นได้ส่งยิ้มให้กับผมก่อนที่จะหายไป

ที่เหลือก็ต้องช่วยเหลือเด็กสาวแสนสวยที่เป็นร่างทรงคนนี้.....เธอชื่อเอสเต้สินะ นี่ยูเมะจัง เด็กสาวคนนี้น่ะเป็นเพียงแค่ร่างทรงและไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะรักษาทุกส่วนในร่างกายของเธอให้กลับมาเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสกับผู้ชายคนไหนมาก่อน.....

กับเด็กสาวแสนสวยที่ไม่เกี่ยวข้องแบบนี้น่ะ จะปล่อยให้ร่างกายเธอมีสภาพย่ำแย่แบบนี้โดยไม่รู้ตัวก็ดูจะใจร้ายเกินไป เพราะงั้นถึงแม้มันจะสิ้นเปรืองพลังของเทพธิดาไปสักหน่อย แต่ชั้นจะขอใช้พลังของเทพธิดาสีน้ำตาลแห่งความเมตตาช่วยรักษาสภาพร่างกายและคืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอเอง เพราะงั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ ทัตสึยะซัง

ขอบใจมากเลยนะ เธอช่างเป็นภรรยาที่แสนดีจริงๆ ยูเมะจัง....

เมื่อพูดจบผมก็เข้าไปจูบที่ริมฝีปากของยูเมะจังอย่างอ่อนโยน.....ถึงแม้ว่าการต่อสู้กับเทพธิดาผู้ทรยศจะปิดฉากลงแล้ว แต่หลังจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังจะต้องไปจัดการต่อให้สำเร็จ.....


-- มุมมองของเอสเต้ --

ชื่อของชั้นคือ เอสเต้ วอน เอลติซ ชั้นเป็นบุตรสาวคนรองของท่านดยุคมาคัสแห่งตระกูลดยุคเอลติซ ตระกูลขุนนางที่มีอำนาจอันดับ 2 ซึ่งมีฐานะเป็นรองเพียงแค่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เอลติซเท่านั้น แต่ที่พูดไปนั่นมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องอดีต นั่นก็เพราะจักรวรรดิเอลติซที่ยิ่งใหญ่นั้นได้จบสิ้นลงไปแล้วหลังจากที่ประเทศของพวกเราได้แพ้สงครามให้กับพวกจอมเวทของอาณาจักรออร์ธรอส

และถึงแม้ชั้นจะไม่รู้ว่าทำไมจักรวรรดิเอลติซถึงได้พ่ายแพ้สงคราม แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกมากนั่นก็คือความทรงจำที่เลือนรางราวกับความฝัน ชั้นไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชั้นกันแน่ แต่สิ่งที่ชั้นรู้สึกได้ก็คือความทรงจำของชั้นในตอนนี้มันสับสนและปะปนกันเป็นอย่างมาก

หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับชั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นมันเหมือนกับว่าไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวของชั้นเอง ราวกับว่ามีตัวชั้นอีกคนหนึ่งคอยควบคุมร่างกายของชั้นให้ทำสิ่งต่างๆมากมาย แต่ถึงแม้ว่าชั้นจะลองพยายามหวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากแค่ไหนชั้นก็ไม่สามารถจำได้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง

รู้สึกเสียใจที่แต่งงานกับผมหรือเปล่า ?

เปล่าค่ะ ชั้นไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการแต่งงานกับทัตสึยะซามะหรอกนะคะ

ชั้นยิ้มและหันกลับไปตอบทัตสึยะซามะผู้ที่ชั้นได้ตัดสินใจแต่งงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กับบุตรสาวดยุคซึ่งเป็นขุนนางชั้นสูงของประเทศที่ล่มสลายอย่างตัวชั้นแล้วนั้น หากพูดถึงฐานะตามจริงของชั้นนั้นก็คงไม่ต่างไปจากเชลยในสงครามที่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกคู่แต่งงานด้วยตัวเอง

ทั้งๆแบบนั้นทัตสึยะซามะผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอสกลับให้สิทธิชั้นตัดสินใจเลือกคู่แต่งงานด้วยตัวเอง การแต่งงานกับทัตสึยะซามะในครั้งนี้นั้นแม้มันจะเป็นการแต่งงานการเมืองเพื่อปกป้องผู้คนและอาณาเขตของตระกูลดยุคเอลติซ แต่สำหรับชั้นแล้ว การได้ทัตสึยะซามะเป็นสามีนั้นก็ทำให้ชั้นรู้สึกมีความสุขมาก

ทั้งๆที่เค้ามีทั้งพลังและอำนาจมากมายที่จะสั่งให้เด็กสาวไร้พลังอย่างชั้นเป็นทาสความใคร่ไปตลอดชีวิตก็ได้ แต่ทัตสึยะซามะก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น ในช่วงหลายวันนี้เค้าคอยพูดคุยปลอบชั้นอย่างอ่อนโยน คอยให้คำแนะนำและยื่นทางเลือกให้กับชั้นมากมาย กับผู้ชายที่แสนดีอย่างเค้าแล้ว การได้แต่งงานกับเค้ามันไม่ทำให้ชั้นรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าเธอว่างั้นล่ะก็ ถึงเธอจะมาเปลี่ยนใจหลังจากนี้ผมก็จะไม่ยอมหยุดแล้วนะ

ชั้นทัตสึยะซามะพูดพร้อมกับยื่นมือใหญ่ๆของเค้ามาลูบไล้ที่แก้มข้างหนึ่งของชั้นอย่างอ่อนโยน ทั้งๆที่ร่างกายของชั้นมันเป็นของของเค้าตั้งแต่ที่พวกเราให้คำสาบานในพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นในช่วงเช้าแล้วแท้ๆ ทั้งๆแบบนั้นทำไมเค้าถึงได้รอให้ชั้นเตรียใจจนพร้อม ทำไมเค้าถึงได้อ่อนโยนกับชั้นมากถึงขนาดนี้กันนะ

ค่ะ ได้โปรดอ่อนโยนกับชั้นด้วยนะคะ คุณสามีของชั้น ทัตสึยะซามะ

หลังจากนั้น ทัตสึยะซามะก็ค่อยๆดึงริบบิ้นที่ผูกอยู่บนชุดเจ้าสาวของชั้นออกอย่างช้าๆทีละชิ้น มือที่ใหญ่โตและอบอุ่นของเค้าค่อยๆสัมผัสลูบคลำไปตามส่วนโค้งเว้าตามร่างกายของชั้น ทุกๆการสัมผัสของเค้าล้วนแล้วแต่ทำให้ชั้นรู้สึกเสียวซ่านไปทั่ว และยิ่งตอนที่ทัตสึยะเริ่มจู่โจมช่วงล่างของชั้น เริ่มต้นจากอ่อนโยนไปจนถึงรุนแรง โดยในตอนแรกชั้นก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่พอสมควร แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ครู่เดียว เพราะหลังจากนั้นเค้าก็ได้ทำให้ชั้นรู้สึกดีจนอดกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ไหว....


อ อ๊า อร๊า!!!! ทัตสึยะซามะ!!! อ๊า ตรงนั้น!!! อร๊า รู้สึกดีจังเลยค่ะ อร๊า!!! อื๊ออออ!! อ อ๊า อร๊างงง!!!!

ทุกๆจังหวะที่ทัตสึยะกระแทกสะโพกสอดใส่เข้ามา ความรู้สึกดีมันก็กระจายไปทั่วร่างกายของชั้น หน้าอกของชั้นถูกบีบคลำอย่างรุนแรง สะโพกของชั้นถูกเคล้าคลึงจนแดงก่ำ แผ่นหลังของชั้นถูกจูบไปทั่ว ซอกคอของชั้นถูกสูดดมและดูดเลียอย่างกระหาย ใบหูของชั้นก็ถูกขบกัดจนเสียวซ่าน ในหัวของชั้นตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด นี่สินะ คือสิ่งที่ท่านแม่เคยสอน สิ่งที่เรียกว่าความรักระหว่างหนุ่มสาว......


-- มุมมองของมาเลทโต้ --

ถึงแม้สงครามระหว่างอาณาจักรออร์ธรอสและจักรวรรดิเอลติซจะจบลงไปแล้ว แต่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมก็ยังคงยุ่งอยู่กับงานมากมายเกี่ยวกับการเจรจาและจัดการเรื่องราวสำคัญต่างๆอยู่ตลอด ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเหงามากๆเพราะแทบจะไม่มีโอกาสได้เล่นสนุกกับคุณแม่เลย

ส่วนคุณพ่อน่ะเหรอ สำหรับผมแล้วคิดว่าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจะเป็นการดีกว่า นั่นก็เพราะคุณพ่อนั้นพึ่งจะได้แต่งงานกับบุตรสาวขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งของจักรวรรดิเอลติซ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วน่ะ การที่คุณพ่อสามารถแต่งภรรยาไปถึง 36 คนภายในช่วงเวลาแค่ 2 ปีกว่าๆเนี่ย มันทำเอาผมพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ

ใช่แล้วล่ะค่ะ ชั้นเองก็ได้ยินมาว่าอาณาเขตตอนเหนือของทวีปเอโลเนียเองก็ตัดสินใจที่จะแยกเป็นอิสระแล้วตั้งเป็นประเทศใหม่เช่นเดียวกันค่ะ

อาณาเขตตอนเหนือสินะคะ พวกขุนนางที่นั่นเองก็เคยช่วยเหลือพวกเราเอาไว้หลายครั้ง หวังว่าพวกเค้าจะสามารถสร้างประเทศที่ดีได้นะคะ

และผู้ที่กำลังพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากจักรวรรดิเอลติซร่มสลายนั้นก็คือรูริโกะซังและพวกเพื่อนๆของเธอที่สามารถรอดชีวิตมาจากคำสาปได้ โดยตามที่ผมได้ยินมานั้น ดูเหมือนพวกขุนนางในต่างทวีปนั้นจะแยกตัวออกมาเป็นอิสระและตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด

ส่วนพวกขุนนางที่มีอาณาเขตอยู่ภายในทวีปเอโลเนียที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักนั้นดูเหมือนจะกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ นั่นก็เพราะในตอนนี้จำเป็นจะต้องฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมและเมืองต่างๆกลับมาเสียก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้ที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในการฟื้นฟูนั้นก็คือผู้คนจากอาณาจักรออร์ธรอสนั่นเอง

พวกรูริโกะจะคุยแต่เรื่องเครียดๆกันเกินไปแล้วน๊า ทั้งที่พวกเราอุส่ารอดชีวิตและได้กลับมาเจอกันทั้งที มาคุยเรื่องอะไรที่มาสร้างสรรค์อย่างเรื่องราวความรักของพวกเราหลายๆคนที่ได้แอบไปหลงรักทัตสึยะซังดีกว่าน๊า

อ๊ะร่ะโคโทริซัง ทั้งๆที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาแท้ๆแต่หูไวตาไวจริงๆเลยนะคะ แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ คงไม่มีใครที่จะน่าสนใจไปกว่ารูริโกะซังแล้วล่ะนะคะ

เอ๋!!!! ชะ ชั้นกับโอนี่ซามะน่ะ มะ ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นหรอกนะคะ พวกเราแค่รักกันแบบพี่น้องนะคะ!!!

อ๊ะร่ะ อ๊ะร่ะ เล่นปฏิเสธทั้งๆที่หน้าแดงแบบนั้นน่ะมันสงสัยมากเลยนะคะนั่น และถึงจะบอกว่าเป็นพี่น้องแต่ก็ไม่ได้ร่วมสายเลือดกันนี่คะ อุฟุฟุ

โม่!!! อย่าแกล้งกันสิคะ ชั้นกับโอนี่ซามะไม่ได้เป็นแบบนั้นกันจริงๆนะคะ!!! แล้วโอนี่ซามะก็มีภรรยาตั้ง 36 คนแล้วด้วยนะคะ!!!

พอพวกเด็กสาวมัธยมปลายเริ่มพูดคุยเรื่องความรักกันแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องที่หยุดลงไปไม่ได้ง่ายๆ แต่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น การที่ได้มาฟังพวกเธอพูดคุยกันแบบนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงวันเก่าๆ เพราะในสมัยที่ผมยังมีชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นก่อนที่จะเกิดสงครามเองก็ได้พบเจอเรื่องแบบนี้เวลาอยู่ในห้องเรียนบ่อยๆเช่นกัน

ทุกคนคะ! พิธีกรรมสำคัญกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้ายังไงก็รบกวนช่วยลดเสียงพูดคุยกันลงหน่อยนะคะ

「「「「「วะ ขะ ขอโทษค่ะ.....」」」」」

หลังจากได้รับคำพูดตักเตือนจากหนึ่งในคุณเมดที่มีบรรยากาศเฉียบคมเวลน่าซัง พวกเด็กสาวมัธยมปลายทั้งหลายก็ขอโทษและรีบหันไปมองที่ลานพิธีหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ในทันที โดยพิธีกรรมสำคัญที่กำลังจะเริ่มขึ้นที่ว่านั้นก็คือพิธีการขึ้นศักราชใหม่ของโลกลอสตาเซียที่มีคุณพ่อและเทพธิดาทั้ง 6 รวมถึงศาสนจักรลอสเตรียเป็นคนจัดขึ้น

หลังจากที่จักรวรรดิเอลติซได้ทำการประกาศยุติการเป็นประเทศลงอย่างสมบูรณ์ ศักราชเอลติซที่ได้ใช้งานมาอย่างยาวนานจึงได้ถูกตัดสินให้หยุดลงไปด้วย และในวันนี้ก็เป็นวันที่ทุกประเทศบนโลกลอสตาเซียแห่งนี้ได้มองข้ามอดีตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่

ตัวแทนจากทุกประเทศและตัวแทนจากเผ่าพันธุ์ทั้ง 10 ได้มารวมตัวกันและทำการลงนามในสนธิสัญญาฉบับพิเศษ โดยเนื้อหาหลักนั้นก็คือการส่งคืนพื้นที่บางส่วนในทุกๆทวีปคืนให้แก่เผ่าพันธุ์ต่างๆที่เป็นเจ้าของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าเนื้อหาภายในนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยและข้อตกลงต่างๆอีกมากมาย

วันที่ 1 เดือน 1 ศักราชลอสเตรียที่ 1 ได้ถูกบันทึกลงเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของทุกประเทศบนโลกใบนี้ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่มีใครทราบได้ว่าในอนาคตหลังจากนี้จะมีเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนจากทั้ง 10 เผ่าพันธุ์ต้องกลับมาเผชิญหน้าเพื่อต่อสู้กันเองอีกหรือไม่....


3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ได้แอ้มเทพธิดาก็จัดร่างทรงแทนสินะ ยังคงเส้นคงวาเช่นเคยนะ บักทัต

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    2. แน่นอน จะปล่อยให้รอดไปได้อย่างไร -0-

      ลบ