--
มุมมองของทัตสึยะ --
「ที่สามารถทำให้เทพธิดาอย่างชั้นกลายเป็นสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้เนี่ย
ชั้นต้องขอชื่นชมจากใจ
คุณช่างเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นถึงราชาแห่งเผ่าปีศาจจริงๆเลยค่ะ」
หลังจากการเข้าปะทะและต่อสู้กันกับเทพธิดาเธโอเนียอย่างดุเดือดด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามียาวนานกว่า
30 นาที ในที่สุดพวกเราก็สามารถเอาชนะเธอลงไปได้
และในตอนนี้เทพธิดาเธโอเนียที่ถูกทำลายปีกทั้ง 6
และแขนทั้งสองข้างไปก็กำลังบอกลาผมด้วยพลังที่เธอยังคงเหลืออยู่อย่างน้อยนิด
「ถึงเธอจะพูดชื่นชมผมแบบนั้นแต่ผมก็ไม่รู้สึกดีใจสักเท่าไหร่หรอกนะ
เพราะถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากที่จะทำร้ายผู้หญิงที่แสนงดงามอย่างเธอแบบนี้
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เลยเนี่ย」
ภายในห้องบัลลังก์ที่แสนจะงดงามซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของปราสาทเอลติซ
ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปพร้อมกับโอบกอดและประคองร่างกายส่วนบนของเทพธิดาเธโอเนียที่กำลังค่อยๆเลือนรางเอาไว้
แต่ภาพวาระสุดท้ายของเทพธิดานั้นที่อยู่ตรงหน้าของผมในขณะนี้เรียกได้ว่าแตกต่างไปจากภาพที่เอริจังแสดงให้ผมได้เห็นในอาณาเขตแห่งพระเจ้ามากจริงๆ
ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะในครั้งนี้พวกเราไม่ได้มีสกิลกลืนกินวิญญาณเหมือนกับในโลกก่อนของเอริจัง
「เป็นเช่นนั้นหรอกหรือคะ
แต่คุณเนี่ยช่างเป็นชายหนุ่มแสนเจ้าชู้เหมือนกับข่าวลือที่ชั้นได้รับรู้มาจริงๆเลยนะคะ
ทั้งๆที่พวกเราเป็นศัตรูที่ไม่มีทางคืนดีกันได้แท้ๆ แต่ทั้งๆแบบนั้นคุณก็ยังอยากจะได้ตัวชั้นเอาไว้ครอบครองอีกงั้นเหรอคะ
ช่างโลภมากจริงๆเลยล่ะค่ะ」
「ก็ผมน่ะเกิดมาเป็นคนเจ้าชู้โดยสายเลือดนี่นา
เพราะงั้นเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ
ถึงแม้ว่าพวกสาวสวยหลายคนจะมีความผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้ก็เถอะ
แต่อย่างน้อยการที่จะให้โอกาสหญิงสาวเหล่านั้นได้ชดใช้ความผิดไปทีละนิดน่ะ มันก็ดีกว่าการที่จะจบชีวิตพวกเธอลงไปโดยที่ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรใช่มั๊ยล่ะ」
「เล่นให้โอกาสกับแค่สาวสวยเป็นพิเศษเนี่ย
ช่างเป็นความคิดที่ลำเอียงจริงๆเลยนะคะ แต่กับตัวคุณที่เป็นแบบนี้น่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงไม่ทำให้ชั้นรู้สึกรังเกียจเลยสักนิด น่าเสียดายจริงๆที่เวลาของชั้นได้หมดลงแล้ว.....อ๊ะ......อย่างน้อยก่อนจะจากไปชั้นจะขอมอบพรของชั้นให้กับคุณเอาไว้เพื่อเป็นที่ระลึกก็แล้วกันค่ะ...พรสุดท้ายของเทพธิดาแห่งสีครามแห่งความโลภ....」
หลังพูดจบ
เทพธิดาเธโอเนียก็ยื่นใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอค่อยๆสัมผัสลงบนริมฝีปากของผมช้าๆอย่างอ่อนโยน
ซึ่งนั่นก็ทำให้ออร่าส่วนหนึ่งจากร่างกายของเธอได้หลั่งใหลเข้ามาในร่างกายของผม
หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็ค่อยๆสลายหายไป
「ลาก่อนนะคะ
ทัตสึยะซามะ」
「เธอพูดผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่ลาก่อนแต่เป็นแล้วพบกันใหม่ต่างหากล่ะ」
ก่อนที่เทพธิดาเธโอเนียจะหายไปผมก็ได้บอกกับเธอว่าพวกเราน่ะยังมีโอกาสที่จะได้พบกันใหม่อยู่
แต่เนื่องจากมันเป็นช่วงเสี้ยวเวลาสุดท้ายแล้ว
เพราะงั้นผมจึงไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่ผมพูดไหม แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังรู้สึกได้ว่าเธอนั้นได้ส่งยิ้มให้กับผมก่อนที่จะหายไป
「ที่เหลือก็ต้องช่วยเหลือเด็กสาวแสนสวยที่เป็นร่างทรงคนนี้.....เธอชื่อเอสเต้สินะ
นี่ยูเมะจัง
เด็กสาวคนนี้น่ะเป็นเพียงแค่ร่างทรงและไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะรักษาทุกส่วนในร่างกายของเธอให้กลับมาเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสกับผู้ชายคนไหนมาก่อน.....」
「กับเด็กสาวแสนสวยที่ไม่เกี่ยวข้องแบบนี้น่ะ
จะปล่อยให้ร่างกายเธอมีสภาพย่ำแย่แบบนี้โดยไม่รู้ตัวก็ดูจะใจร้ายเกินไป เพราะงั้นถึงแม้มันจะสิ้นเปรืองพลังของเทพธิดาไปสักหน่อย
แต่ชั้นจะขอใช้พลังของเทพธิดาสีน้ำตาลแห่งความเมตตาช่วยรักษาสภาพร่างกายและคืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอเอง
เพราะงั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ ทัตสึยะซัง」
「ขอบใจมากเลยนะ เธอช่างเป็นภรรยาที่แสนดีจริงๆ ยูเมะจัง....」
เมื่อพูดจบผมก็เข้าไปจูบที่ริมฝีปากของยูเมะจังอย่างอ่อนโยน.....ถึงแม้ว่าการต่อสู้กับเทพธิดาผู้ทรยศจะปิดฉากลงแล้ว
แต่หลังจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังจะต้องไปจัดการต่อให้สำเร็จ.....
--
มุมมองของเอสเต้ --
ชื่อของชั้นคือ
เอสเต้ วอน เอลติซ ชั้นเป็นบุตรสาวคนรองของท่านดยุคมาคัสแห่งตระกูลดยุคเอลติซ
ตระกูลขุนนางที่มีอำนาจอันดับ 2
ซึ่งมีฐานะเป็นรองเพียงแค่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เอลติซเท่านั้น
แต่ที่พูดไปนั่นมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องอดีต นั่นก็เพราะจักรวรรดิเอลติซที่ยิ่งใหญ่นั้นได้จบสิ้นลงไปแล้วหลังจากที่ประเทศของพวกเราได้แพ้สงครามให้กับพวกจอมเวทของอาณาจักรออร์ธรอส
และถึงแม้ชั้นจะไม่รู้ว่าทำไมจักรวรรดิเอลติซถึงได้พ่ายแพ้สงคราม
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกมากนั่นก็คือความทรงจำที่เลือนรางราวกับความฝัน ชั้นไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชั้นกันแน่
แต่สิ่งที่ชั้นรู้สึกได้ก็คือความทรงจำของชั้นในตอนนี้มันสับสนและปะปนกันเป็นอย่างมาก
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับชั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นมันเหมือนกับว่าไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวของชั้นเอง
ราวกับว่ามีตัวชั้นอีกคนหนึ่งคอยควบคุมร่างกายของชั้นให้ทำสิ่งต่างๆมากมาย แต่ถึงแม้ว่าชั้นจะลองพยายามหวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากแค่ไหนชั้นก็ไม่สามารถจำได้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง
「รู้สึกเสียใจที่แต่งงานกับผมหรือเปล่า
?」
「เปล่าค่ะ ชั้นไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการแต่งงานกับทัตสึยะซามะหรอกนะคะ」
ชั้นยิ้มและหันกลับไปตอบทัตสึยะซามะผู้ที่ชั้นได้ตัดสินใจแต่งงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
กับบุตรสาวดยุคซึ่งเป็นขุนนางชั้นสูงของประเทศที่ล่มสลายอย่างตัวชั้นแล้วนั้น หากพูดถึงฐานะตามจริงของชั้นนั้นก็คงไม่ต่างไปจากเชลยในสงครามที่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกคู่แต่งงานด้วยตัวเอง
ทั้งๆแบบนั้นทัตสึยะซามะผู้ปกครองอาณาจักรออร์ธรอสกลับให้สิทธิชั้นตัดสินใจเลือกคู่แต่งงานด้วยตัวเอง
การแต่งงานกับทัตสึยะซามะในครั้งนี้นั้นแม้มันจะเป็นการแต่งงานการเมืองเพื่อปกป้องผู้คนและอาณาเขตของตระกูลดยุคเอลติซ
แต่สำหรับชั้นแล้ว การได้ทัตสึยะซามะเป็นสามีนั้นก็ทำให้ชั้นรู้สึกมีความสุขมาก
ทั้งๆที่เค้ามีทั้งพลังและอำนาจมากมายที่จะสั่งให้เด็กสาวไร้พลังอย่างชั้นเป็นทาสความใคร่ไปตลอดชีวิตก็ได้
แต่ทัตสึยะซามะก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น ในช่วงหลายวันนี้เค้าคอยพูดคุยปลอบชั้นอย่างอ่อนโยน
คอยให้คำแนะนำและยื่นทางเลือกให้กับชั้นมากมาย กับผู้ชายที่แสนดีอย่างเค้าแล้ว
การได้แต่งงานกับเค้ามันไม่ทำให้ชั้นรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
「ถ้าเธอว่างั้นล่ะก็
ถึงเธอจะมาเปลี่ยนใจหลังจากนี้ผมก็จะไม่ยอมหยุดแล้วนะ」
ชั้นทัตสึยะซามะพูดพร้อมกับยื่นมือใหญ่ๆของเค้ามาลูบไล้ที่แก้มข้างหนึ่งของชั้นอย่างอ่อนโยน
ทั้งๆที่ร่างกายของชั้นมันเป็นของของเค้าตั้งแต่ที่พวกเราให้คำสาบานในพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นในช่วงเช้าแล้วแท้ๆ
ทั้งๆแบบนั้นทำไมเค้าถึงได้รอให้ชั้นเตรียใจจนพร้อม
ทำไมเค้าถึงได้อ่อนโยนกับชั้นมากถึงขนาดนี้กันนะ
「ค่ะ ได้โปรดอ่อนโยนกับชั้นด้วยนะคะ คุณสามีของชั้น ทัตสึยะซามะ」
หลังจากนั้น
ทัตสึยะซามะก็ค่อยๆดึงริบบิ้นที่ผูกอยู่บนชุดเจ้าสาวของชั้นออกอย่างช้าๆทีละชิ้น
มือที่ใหญ่โตและอบอุ่นของเค้าค่อยๆสัมผัสลูบคลำไปตามส่วนโค้งเว้าตามร่างกายของชั้น
ทุกๆการสัมผัสของเค้าล้วนแล้วแต่ทำให้ชั้นรู้สึกเสียวซ่านไปทั่ว
และยิ่งตอนที่ทัตสึยะเริ่มจู่โจมช่วงล่างของชั้น เริ่มต้นจากอ่อนโยนไปจนถึงรุนแรง โดยในตอนแรกชั้นก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่พอสมควร
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ครู่เดียว เพราะหลังจากนั้นเค้าก็ได้ทำให้ชั้นรู้สึกดีจนอดกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ไหว....

「อ
อ๊า อร๊า!!!! ทัตสึยะซามะ!!! อ๊า ตรงนั้น!!! อร๊า รู้สึกดีจังเลยค่ะ อร๊า!!!
อื๊ออออ!! อ อ๊า อร๊างงง!!!!」
ทุกๆจังหวะที่ทัตสึยะกระแทกสะโพกสอดใส่เข้ามา
ความรู้สึกดีมันก็กระจายไปทั่วร่างกายของชั้น หน้าอกของชั้นถูกบีบคลำอย่างรุนแรง
สะโพกของชั้นถูกเคล้าคลึงจนแดงก่ำ แผ่นหลังของชั้นถูกจูบไปทั่ว
ซอกคอของชั้นถูกสูดดมและดูดเลียอย่างกระหาย ใบหูของชั้นก็ถูกขบกัดจนเสียวซ่าน
ในหัวของชั้นตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด นี่สินะ คือสิ่งที่ท่านแม่เคยสอน
สิ่งที่เรียกว่าความรักระหว่างหนุ่มสาว......
--
มุมมองของมาเลทโต้ --
ถึงแม้สงครามระหว่างอาณาจักรออร์ธรอสและจักรวรรดิเอลติซจะจบลงไปแล้ว
แต่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมก็ยังคงยุ่งอยู่กับงานมากมายเกี่ยวกับการเจรจาและจัดการเรื่องราวสำคัญต่างๆอยู่ตลอด
ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเหงามากๆเพราะแทบจะไม่มีโอกาสได้เล่นสนุกกับคุณแม่เลย
ส่วนคุณพ่อน่ะเหรอ
สำหรับผมแล้วคิดว่าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจะเป็นการดีกว่า นั่นก็เพราะคุณพ่อนั้นพึ่งจะได้แต่งงานกับบุตรสาวขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งของจักรวรรดิเอลติซ
แต่พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วน่ะ การที่คุณพ่อสามารถแต่งภรรยาไปถึง 36 คนภายในช่วงเวลาแค่
2 ปีกว่าๆเนี่ย มันทำเอาผมพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ
「ใช่แล้วล่ะค่ะ
ชั้นเองก็ได้ยินมาว่าอาณาเขตตอนเหนือของทวีปเอโลเนียเองก็ตัดสินใจที่จะแยกเป็นอิสระแล้วตั้งเป็นประเทศใหม่เช่นเดียวกันค่ะ」
「อาณาเขตตอนเหนือสินะคะ
พวกขุนนางที่นั่นเองก็เคยช่วยเหลือพวกเราเอาไว้หลายครั้ง
หวังว่าพวกเค้าจะสามารถสร้างประเทศที่ดีได้นะคะ」
และผู้ที่กำลังพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากจักรวรรดิเอลติซร่มสลายนั้นก็คือรูริโกะซังและพวกเพื่อนๆของเธอที่สามารถรอดชีวิตมาจากคำสาปได้
โดยตามที่ผมได้ยินมานั้น ดูเหมือนพวกขุนนางในต่างทวีปนั้นจะแยกตัวออกมาเป็นอิสระและตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด
ส่วนพวกขุนนางที่มีอาณาเขตอยู่ภายในทวีปเอโลเนียที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักนั้นดูเหมือนจะกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ
นั่นก็เพราะในตอนนี้จำเป็นจะต้องฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมและเมืองต่างๆกลับมาเสียก่อน
ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้ที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในการฟื้นฟูนั้นก็คือผู้คนจากอาณาจักรออร์ธรอสนั่นเอง
「พวกรูริโกะจะคุยแต่เรื่องเครียดๆกันเกินไปแล้วน๊า
ทั้งที่พวกเราอุส่ารอดชีวิตและได้กลับมาเจอกันทั้งที มาคุยเรื่องอะไรที่มาสร้างสรรค์อย่างเรื่องราวความรักของพวกเราหลายๆคนที่ได้แอบไปหลงรักทัตสึยะซังดีกว่าน๊า」
「อ๊ะร่ะโคโทริซัง
ทั้งๆที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาแท้ๆแต่หูไวตาไวจริงๆเลยนะคะ
แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ คงไม่มีใครที่จะน่าสนใจไปกว่ารูริโกะซังแล้วล่ะนะคะ」
「เอ๋!!!! ชะ ชั้นกับโอนี่ซามะน่ะ มะ ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นหรอกนะคะ
พวกเราแค่รักกันแบบพี่น้องนะคะ!!!」
「อ๊ะร่ะ
อ๊ะร่ะ เล่นปฏิเสธทั้งๆที่หน้าแดงแบบนั้นน่ะมันสงสัยมากเลยนะคะนั่น และถึงจะบอกว่าเป็นพี่น้องแต่ก็ไม่ได้ร่วมสายเลือดกันนี่คะ
อุฟุฟุ」
「โม่!!! อย่าแกล้งกันสิคะ
ชั้นกับโอนี่ซามะไม่ได้เป็นแบบนั้นกันจริงๆนะคะ!!! แล้วโอนี่ซามะก็มีภรรยาตั้ง
36 คนแล้วด้วยนะคะ!!!」
พอพวกเด็กสาวมัธยมปลายเริ่มพูดคุยเรื่องความรักกันแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องที่หยุดลงไปไม่ได้ง่ายๆ
แต่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น การที่ได้มาฟังพวกเธอพูดคุยกันแบบนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงวันเก่าๆ
เพราะในสมัยที่ผมยังมีชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นก่อนที่จะเกิดสงครามเองก็ได้พบเจอเรื่องแบบนี้เวลาอยู่ในห้องเรียนบ่อยๆเช่นกัน
「ทุกคนคะ! พิธีกรรมสำคัญกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ถ้ายังไงก็รบกวนช่วยลดเสียงพูดคุยกันลงหน่อยนะคะ」
「「「「「วะ
ขะ ขอโทษค่ะ.....」」」」」
หลังจากได้รับคำพูดตักเตือนจากหนึ่งในคุณเมดที่มีบรรยากาศเฉียบคมเวลน่าซัง
พวกเด็กสาวมัธยมปลายทั้งหลายก็ขอโทษและรีบหันไปมองที่ลานพิธีหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ในทันที
โดยพิธีกรรมสำคัญที่กำลังจะเริ่มขึ้นที่ว่านั้นก็คือพิธีการขึ้นศักราชใหม่ของโลกลอสตาเซียที่มีคุณพ่อและเทพธิดาทั้ง
6 รวมถึงศาสนจักรลอสเตรียเป็นคนจัดขึ้น
หลังจากที่จักรวรรดิเอลติซได้ทำการประกาศยุติการเป็นประเทศลงอย่างสมบูรณ์
ศักราชเอลติซที่ได้ใช้งานมาอย่างยาวนานจึงได้ถูกตัดสินให้หยุดลงไปด้วย และในวันนี้ก็เป็นวันที่ทุกประเทศบนโลกลอสตาเซียแห่งนี้ได้มองข้ามอดีตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
ตัวแทนจากทุกประเทศและตัวแทนจากเผ่าพันธุ์ทั้ง
10 ได้มารวมตัวกันและทำการลงนามในสนธิสัญญาฉบับพิเศษ โดยเนื้อหาหลักนั้นก็คือการส่งคืนพื้นที่บางส่วนในทุกๆทวีปคืนให้แก่เผ่าพันธุ์ต่างๆที่เป็นเจ้าของพื้นที่นั้นๆ
ซึ่งก็แน่นอนว่าเนื้อหาภายในนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยและข้อตกลงต่างๆอีกมากมาย
วันที่ 1 เดือน 1 ศักราชลอสเตรียที่ 1 ได้ถูกบันทึกลงเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของทุกประเทศบนโลกใบนี้
แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่มีใครทราบได้ว่าในอนาคตหลังจากนี้จะมีเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนจากทั้ง
10 เผ่าพันธุ์ต้องกลับมาเผชิญหน้าเพื่อต่อสู้กันเองอีกหรือไม่....
ไม่ได้แอ้มเทพธิดาก็จัดร่างทรงแทนสินะ ยังคงเส้นคงวาเช่นเคยนะ บักทัต
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบแน่นอน จะปล่อยให้รอดไปได้อย่างไร -0-
ลบ