ตอนที่ 4 เรื่องราวในโลกก่อน บทที่ 3



-- มุมมองของทัตสึยะ --

และเมื่อตัดสินใจได้แล้ว พวกเราก็เริ่มวางแผนการควบคุมเมืองโดยเริ่มจากการขอกำลังเสริมจากฐานที่มั่น....

เนื่องจากในตอนนั้นกลุ่มของพวกเราที่ออกเดินทางไปสำรวจเมืองเวลล่านั้นมีเพียงแค่ปาร์ตี้ของผม 6 คน ดังนั้นการที่จะบุกเข้าไปจัดการกับกองทหารมากกว่าพันคนที่มีพวกคนทรยศรวมอยู่ด้วยนั้นเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงเกินไป เพราะงั้นพวกเราจึงตัดสินใจติดต่อพวกเพื่อนๆที่รออยู่ในฐานที่มั่น

และเมื่อกำลังเสริมของพวกเราทั้งหมดเดินทางมาถึงกันครบแล้ว พวกเราก็เริ่มวางแผนการต่างๆอย่างรอบคอบ โดยพวกเราได้ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพวกอัศวินสาวเป็นอันดับแรก พวกเราแอบบุกเข้าโจมตีปราสาทเวลล่าในช่วงกลางดึกที่พวกทหารส่วนใหญ่เมาหลับกันหมด ซึ่งก็ทำให้พวกเราสามารถช่วยเหลือพวกอัศวินหญิงได้โดยไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นน่ะค่ะ

ในตอนนั้น เนื่องจากพวกเราไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกลอสตาเซียมากนัก พวกเราจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกอัศวินสาวซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพวกขุนนางและผู้ปกครองเมืองต่างๆเป็นอันดับแรก และนั่นก็เป็นตอนที่ผมได้กับเซลฟีน่าซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลโรเซนเบิร์กและพวกพ้องอัศวินสาวของเธออีกหลายคน

และก็ด้วยความร่วมมือของพวกอัศวินสาว พวกเราจึงสามารถเข้าทำการจับกุมพวกนายทหารระดับสูงของฝ่ายศัตรูเอาไว้ได้เป็นจำนวนมาก และพวกเราก็ใช้เจ้าพวกนั้นในการข่มขู่กองทหารส่วนใหญ่ที่คอยควบคุมกำแพงเมืองรวมถึงตามพื้นที่ต่างๆภายในตัวเมืองอย่างช้าๆ พวกเราดำเนินการต่างๆด้วยความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายให้มากที่สุด

เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น เมืองป้อมปราการเวลล่าทั้งหมดก็ได้ตกมาอยู่ใต้การปกครองของทัตสึยะซามะ แต่เนื่องจากพวกเรานั้นมีจำนวนน้อยมาก แถมอากิโอะซามะและพวกอื่นๆในกลุ่มของพวกเราส่วนใหญ่นั้นไม่ค่อยชอบงานบริหารดูแลเมืองที่ยุ่งยาก ดังนั้นกว่าพวกเราจะสามารถฟื้นฟูรูปแบบการปกครองรวมถึงคุณภาพชีวิตของชาวเมืองเวลล่าได้ก็เสียเวลาไปเดือนกว่าเลยล่ะค่ะ

ในตอนนั้น ถือว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่พวกเราได้รับความร่วมมือจากเซลฟีน่าซึ่งเป็นบุตรสาวขุนนางตระกูลโรเซนเบิร์กซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตทวีปออกัสเตรีย ตัวเธอนั้นแม้จะไม่มีความสามารถในด้านการเมืองและการปกครองมากนัก แต่ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังของตระกูลเธอนั้นก็ได้ทำให้ชาวเมืองเวลล่านั้นหันมาให้ความร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างดี

หลังจากการฟื้นฟูสภาพของตัวเมืองและชาวเมืองเสร็จสิ้นลง พวกเราก็ได้เริ่มทำการพัฒนาเมืองอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยสิ่งแรกที่ผมตัดสินใจทำนั้นก็คือการเพิ่มจำนวนผู้คนทำงานที่ผมสามารถไว้ใจได้

และทางเลือกที่ผมเลือกนั้นก็คือการใช้งานพวกทาสต่างๆ ผมได้นำเงินที่พวกเราได้รับมาจากห้องสมบัติของราชาก๊อบลินออกมาใช้ซื้อตัวทาสทั้งหมดจากพวกพ่อค้าทาสในเมือง ซึ่งเมื่อนำมารวมกับพวกทาสเถื่อนที่กองทหารกบฏมีอยู่จึงทำให้กองกำลังของพวกเราเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยคนในทันที

พวกทาสสาวทั้งหลายเองก็ถูกซื้อตัวมาช่วยทำงานในด้านต่างๆด้วย โดยเฉพาะมาเรียจังนั้น เธอเรียนรู้ทั้งงานเอกสารและการต่อสู้ได้รวดเร็วมาก เพียงแค่เดือนเดียวเธอก็ขึ้นมาทำงานเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของผมแล้ว

และก็แน่นอนว่าผมไม่ได้ให้เธอช่วยเพียงแค่งานต่างๆเท่านั้น ด้วยความขยันและความน่ารักของเธอนั้นได้ทำให้ผมรู้สึกชอบเธอเป็นอย่างมาก เอริจังและพวกสาวๆคนอื่นในฮาเร็มของผมเองก็ชอบมาเรียจังมากไม่แพ้กันด้วย และจากนั้นเพียงไม่นาน มาเรียจังที่คอยดูแลรับใช้ผมในทุกเรื่องเป็นอย่างดีนั้นก็ได้กลายมาเป็นตัวตนที่ผมขาดไปไม่ได้

แต่แล้วความสงบสุขภายในเมืองเวลล่านั้นก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เมื่อข่าวการพ่ายแพ้ให้กับกองทัพกบฏของตระกูลโรเซนเบิร์กได้มาถึง เมืองเวลล่าที่พวกเราทุ่มเทดูแลพัฒนานั้นก็ได้ตกอยู่ในบรรยากาศที่วุ่นวาย สภาพจิตใจของพวกชาวเมืองเวลล่าในตอนนั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่สุดๆเลยล่ะค่ะ

เนื่องจากตระกูลโรเซนเบิร์กซึ่งเป็นตระกูลที่ทำการปกครองอาณาเขตทวีปออกัสเตรียของจักรวรรดิเอลติซมายาวนานหลายร้อยปีได้พ่ายแพ้ให้กับกองทัพกบฏที่ป่าเถื่อนและโหดร้าย พวกชาวเมืองเวลล่าจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้าหลังจากนั้น

และก็เป็นในตอนนั้นเองที่ทัตสึยะซามะได้ตัดสินใจประกาศจัดการตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาน่ะค่ะ ในตอนที่ทัตสึยะซามะออกมาประกาศก่อตั้งประเทศของตัวเองต่อหน้าพวกชาวเมืองเวลล่านั้นน่ะ เท่มากๆจนทำให้หัวใจของชั้นแทบจะละลายไปเลยล่ะค่ะ อุฟุฟุ!!

ในตอนแรกนั้นเนื่องจากพวกเราลงมือจัดการอย่างลับๆเพราะไม่อยากให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นพวกชาวเมืองจึงไม่ได้รับรู้ถึงพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเรา พวกชาวเมืองเวลล่านั้นคิดเพียงว่าพวกเรานั้นเป็นอัศวินของตระกูลโรเซนเบิร์ก

ดังนั้นพวกเราจึงได้ทำการแสดงเวทมนต์สุดอลังการให้กับพวกชาวเมืองเวลล่าได้เห็นในวันที่พวกเราได้ประกาศจัดตั้งประเทศด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกชาวเมืองเวลล่าที่ได้เห็นการแสดงเวทมนต์หลากหลายชนิดสุดอลังการของพวกยูเมะจังนั้นถึงกับตกตะลึงกันไป

แต่เนื่องจากมีพวกที่คลั่งไคล้เวทมนต์คอยช่วยอธิบายอยู่เป็นจำนวนมาก สุดท้ายพวกชาวเมืองเวลล่าจึงให้การยอมรับพวกเราในฐานะกลุ่มจอมเวทที่แข็งแกร่ง ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้คิดจะให้มันจบลงไปเพียงแค่การแสดงเท่านั้น

เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้มากขึ้น พวกเราจึงได้นำของดรอบจากพวกมอนสเตอร์ระดับสูงจำนวนมากออกมาแสดงให้พวกชาวเมืองได้ดูกันด้วย ซึ่งนั่นจึงยิ่งทำให้พวกชาวเมืองมั่นใจว่าประเทศที่ก่อตั้งใหม่ของพวกเรานั้นจะมีความมั่นคงและไม่พ่ายแพ้ให้กับพวกกองทัพกบฏป่าเถื่อนที่ชอบรังแกผู้คนพวกนั้นง่ายๆแน่

หลังจากนั้นพวกเราก็พยายามสร้างชื่อเสียงให้ผู้คนทั่วได้รับรู้ พวกเราออกลาดตระเวนไปยังพื้นที่รอบๆและเข้าทำการช่วยเหลือผู้คนตามหมู่บ้านและเมืองเล็กๆที่กำลังเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ทั้งช่วยกำจัดพวกโจร ทำลายรังของพวกมอนสเตอร์ รวมทั้งจับตัวพวกคนทรยศทั้งหลายที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนมาลงโทษ

นอกจากนั้นแล้วพวกเราก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนด้านเสบียงอาหารและเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว ซึ่งก็เป็นเพราะเหตุผลนั้นเองที่ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาเข้าร่วมกับประเทศของเราเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง พวกเด็กสาวน่ารักๆตามเมืองต่างๆที่ฝันอยากจะมารับใช้ใกล้ชิดท่านจอมเวทผู้โด่งดังอย่างทัตสึยะซามะก็เพิ่มขึ้นมาไม่หยุดเลยเช่นเดียวกันนะคะ อุฟุฟุ!!

แน่นอนว่าการที่ชื่อเสียงของพวกเราจอมเวทและประเทศตั้งใหม่โด่งดังไปทั่วทวีปอากัสเตรียนั้นย่อมทำให้พวกกองทัพกบฏไม่พอใจ พวกขุนนางที่เป็นหัวหน้าของกองทัพกบฏจึงได้เริ่มรวบรวมกองทัพทหารจำนวนมากกว่าหมื่นนายบุกมาเผชิญหน้ากับพวกเรา

พวกมันใช้ทั้งพวกทาสเผ่าสัตว์และพวกทาสเผ่าอื่นๆที่ใช้เวทมนต์ได้เข้ามาต่อสู้กับพวกเรา โดยพวกที่สร้างปัญหาให้กับพวกเราเป็นอย่างมากนั้นก็คือจอมเวทจากเผ่าเอล์ฟและคนจากเผ่ามังกรทมิฬอย่างยูเอล่า แต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ยังสามารถเอาชนะมาได้ในที่สุด

และเมื่อสามารถจัดการกองทัพทหารกบฏลงไปได้แล้ว พวกเราจึงเริ่มทำการขยายอำนาจไปตามเมืองต่างๆ โดยเริ่มจากเมืองเอเกียซึ่งเป็นเมืองป้อมปราการที่มีท่าเรือขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเราสามารถเอาชนะกองทหารรักษาการณ์ที่เหลืออยู่ในเมืองเพียงไม่มากได้อย่างสบาย

นอกจากนั้นแล้วพวกเราก็ยังได้ช่วยเหลือน้องสาวของเซลฟีน่าซึ่งก็คือยูฟีน่าที่ถูกจับตัวเป็นเชลยออกมาได้ แล้วตัวผมเองก็ได้จับตัวเวลน่าซึ่งเป็นภรรยาของบารอนเอลเก้น เจอร์ราร์ดผู้ปกครองเมืองเอเกียมาเป็นเชลยส่วนตัวของผมด้วย

ทั้งๆที่ชั้นหาเด็กสาวน่ารักๆมาคอยปรนเปรอทัตสึยะซามะตั้งหลายสิบคนแล้วแท้ๆ แต่ทัตสึยะซามะก็ยังไปเอาเวลน่าซามะซึ่งมีสามีอยู่แล้วมาเป็นสัตว์เลี้ยงอีกเนี่ย ในตอนนั้นชั้นถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะค่ะ อุฟุฟุ!!

เอริจังทำแก้มป่องและพูดออกมาด้วยสายตางอนๆ เธอยังใช้นิ้วชี้ข้างหนึ่งของเธอจิ้มมามาที่แก้มของผมต่อเนื่องอยู่หลายที

ถึงแม้เธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมชอบเด็กสาวซึนเดเระหน้าตาน่ารักๆอย่างยัยเวลน่ามากเลยนะ กับยัยนั่นแล้วน่ะ ผมไม่อยากจะให้เธอไปเป็นของคนอื่น...

แต่แล้วก่อนที่ผมจะพูดในสิ่งที่คิดออกได้จบ เอริจังก็ใช้นิ้วที่จิ้มแก้มของผมก่อนหน้านี้มาปิดปากของผมเอาไว้ไม่ให้พูดต่อ

ไอ้เรื่องนั้นชั้นเข้าใจดีแล้วอยู่ล่ะค่ะ!! ก็ทัตสึยะซามะน่ะ เป็นพวกเจ้าชู้ระดับติดเชื้อฝังลึกเข้าไปภายในกระแสเลือดแล้วนี่นา

ถ้าเธอเข้าใจดี งั้นผมก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ฟังแล้วล่ะนะ ฟุฟุ

ท่างอนแก้มป่องของเอริจังนั้นช่างน่ารักเย้ายวนใจมากจริงๆ ดังนั้นผมจึงทนไม่ไหวและดึงตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น แต่เนื่องจากตอนนี้พวกเรายังอยู่ในช่วงการพูดคุยในเรื่องสำคัญ เพราะงั้นผมจึงพยายามอดใจเอาไว้และหยุดเพียงแค่การโอบกอดเอริจังอย่างอ่อนโยน

พอพูดถึงเรื่องของเวลน่าจังแล้ว....ในตอนนั้นก็เป็นช่วงที่อากิโอะซามะได้ไปค้นพบหมู่บ้านลับของเผ่าพันธุ์โลลิเทีย หมู่บ้านของเผ่าผีเสื้อดำน่ะค่ะ....

หลังจากที่พวกเราสามารถยึดท่าเรือของเมืองเอเกียและเมืองแห่งการค้าเวริสได้แล้ว พวกเราก็ได้จ้อมูลข่าวสารจากทาสสาวเผ่าพันธุ์โลลิเทียคนหนึ่ง เพราะงั้นเจ้าอากิโอะจึงไม่รอช้าและรีบบุกไปค้นหาหมู่บ้านของเผ่าพันธุ์โลลิเทียในทันที ซึ่งผลที่ได้ก็คือหมู่บ้านของเผ่าผีเสื้อดำซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกับแม่น้ำทางเหนือ ห่างจากห้างเซย์ริเอนของพวกเราไปไม่ไกลมากนัก

เผ่าผีเสื้อดำนั้นเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์โลลิเทียที่มีผู้เชี่ยวชาญการใช้อสูรมายาอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการที่พวกเราได้โอลิเวียและพวกจอมเวทจากเผ่าผีเสื้อดำมาเข้าร่วมนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นประโยชน์กับพวกเราในตอนนั้นอย่างมาก

ด้วยการสานความสัมพันธ์กับเผ่าผีเสื้อดำ รวมถึงการที่พวกเราได้เข้าไปช่วยปลดปล่อยพวกทาสเผ่าสัตว์จากการถูกทารุน ภาพลักษณ์ของพวกเราเหล่าจอมเวทที่มีต่อเผ่าพันธุ์อื่นๆจึงเรียกได้ว่าโดดเด่นมาก

เพราะเหตุนั้นจึงเองทำให้เผ่าพันธุ์อื่นๆเริ่มทีจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้พวกเราสามารถยึดเอาพื้นที่ทั้งหมดภายในทวีปอากัสเตรียมาเป็นของพวกเราได้ในเวลาหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่ถึง 1 ปีเท่านั้นน่ะค่ะ

หลังจากได้รับความร่วมมือจากเผ่าผีเสื้อดำของโอลิเวีย พวกเราก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานในการเสริมกำลังทหารและบุกเข้าโจมตีเมืองต่างๆของจักรวรรดิเอลติซอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดพวกเราก็สามารถยึดเมืองใหญ่ๆทั้งหมดของจักรวรรดิเอลติซให้เข้ามาอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรออร์ธรอสของพวกเราได้

แต่การที่พวกเราร่วมมือกับทุกพันธุ์โดยไม่แยกแยะนั้นก็ไปทำให้พวกนักบวชของศาสนจักรเกิดความไม่พอใจขึ้นเป็นอย่างมาก สำหรับไอ้เจ้านักบวชลามกโรคจิตพวกนั้นที่นับถือแต่เพียงคำสอนของเทพธิดาสีครามเธโอเนียซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความโลภแล้วนั้น

ตัวตนของพวกเราที่ไปร่วมมือกับเผ่าวาลาร์ด(เผ่าพันธุ์อมตะ)และเผ่าเลอเฟีย(เผ่าพันธุ์ดาร์คเอล์ฟ)ซึ่งถือเป็นเผ่าแห่งความมืดนั้นถือได้ว่าเป็นพวกนอกรีด แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะออกมาพูดไปแบบนั้น ในความจริงแล้วพวกมันก็แค่อยากจะได้เงินทองและชื่อเสียงจากพวกเราเท่านั้น

เพราะแบบนั้นพวกมันจึงเข้ามาเรียกร้องเงินและสิ่งของบริจาคให้กับศาสนจักรเป็นจำนวนมาก แต่ที่แย่ที่สุดก็คือพวกมันถึงกับมาเรียกร้องให้ตัวชั้นและพวกเด็กสาวทุกคนไปเข้าพิธีชำระบาปเพื่อชำระล้างความไม่บริสุทธิ์อีก สายตาลามกโรคจิตของพวกมันในตอนนั้นน่ะทุเรศมากเลยล่ะค่ะ

แต่พอทัตสึยะซามะได้รับรู้ถึงความจริงของพิธีชำระบาปที่พวกมันเรียกร้องเข้า ทัตสึยะซามะก็โกรธเป็นอย่างมากและทำการลงโทษพวกมันไปอย่างรุนแรง ทัตสึยะซามะในตอนนั้นที่ออกมาปกป้องชั้นในทันทีโดยไม่สนใจว่าจะเป็นคำสอนของเทพธิดาหรืออะไรพวกนั้นน่ะเท่มากๆเลยนะคะ!! อุฟุฟุ!!!

เอริจังพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแสนงดงามเต็มใบหน้า แววตาของเธอลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงของเด็กสาวในห้วงความรัก แต่ถึงแม้ว่าผมจะเข้าใจอารมณ์ของตัวผมในตอนนั้นกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างดี ก็นะ เพราะตัวผมเองในตอนที่ได้ยินเรื่องพิธีชำระบาปจากมาเรียก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

แต่ถึงแบบนั้นผมก็รู้สึกได้เลยว่าการกระทำของตัวผมในโลกนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยรอบคอบเท่าไหร่นัก หลังจากนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราในโลกนั้นกันนะ ?

2 ความคิดเห็น:

  1. เหตุการณ์ก็ดูจะเหมือนกับตอ่เกิดเรื่องในช่วงปัจจุบันของเนื้อเรื่องนะ เพียงแต่ลำดับเหตุการณ์มันเปลี่ยนไปบ้างเท่านั้น แล้วตรงไหนที่มันเป็นจุดเปลี่ยนหรือจุดแตกต่างกับโลกที่แล้วล่ะเนี่ย? ยังเดาไม่ออกเลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ต่างกันตรงสาวๆที่ถูกข่มขืนครับ ฮา
      นอกจากนั้นแล้วก็คนที่ตายล่ะมั้ง.....อุฟุฟุ

      ลบ