ตอนที่ 53 บทส่งท้าย



วันที่ 14 เดือน 2 ศักราชเอลติซปีที่ 838

-- มุมมองของมาเรีย --

นี่ก็ผ่านไป 1 เดือนแล้ว นับตั้งแต่วันที่มากิซามะและโฮโนกะซามะได้นำกองทัพมอนสเตอร์ที่มีชื่อเรียกว่าโยวไคบุกเข้ามาโจมตีเมืองสเตรเชียจากทางโบราณสถานที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน

เนื่องจากโบราณสถานใต้ดินที่ว่านั้นเป็นสถานที่ลับซึ่งถูกพวกท่านจอมเวททำการปิดผนึกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่ชั้นจะถูกนายท่านซื้อตัวมา ดังนั้นจึงทำให้แม้แต่ตัวชั้นเองก็ไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลการมีอยู่ของโบราณสถานใต้ดินแห่งนี้มาก่อน เพราะเหตุนั้นจึงทำให้พวกเราไม่สามารถที่จะป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวล่วงหน้าได้

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น เมืองสเตรเชียที่ถูกพวกมอนสเตอร์บุกเข้าโจมตีก็ยังเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความสามารถเสียหายเลย ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ บวกกับเหล่าชาวเมืองที่ได้รับการฝึกฝนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ จึงทำให้พวกเราสามารถยับยั้งสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว

จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นเป็น 0 ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บนั้นแม้จะมีมากแต่ทุกคนก็ได้รับการรักษาเยียวยาจนสามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติได้ทั้งหมดแล้ว...ไม่สิ หากจะถึงผู้ที่ไดรับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้แล้วล่ะก็ ยังมีอยู่อีกสองคนที่ยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้

ทัตสึยะซามะนายท่านของชั้น และเอริซามะหนึ่งในเมดระดับอ๊อบซิเดียน ทั้งสองคนนั้นได้หมดสติไปอย่างสนิทตั้งแต่ในวันที่เกิดเรื่อง และจนถึงวันนี้เองทั้งสองคนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติกลับมาเลย

แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทั้งสองคนอย่างนั้นหรือคะ ? สำหรับเรื่องนี้แล้ว ตัวชั้นเองก็ไม่ได้ทราบรายละเอียดมากนัก แม้ว่าตัวชั้นเองจะอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุ แต่ในขณะที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น เมื่อชั้นรู้ตัวอีกที ทั้งนายท่าน เอริซามะและมากิซามะนั้นต่างก็ได้หมดสติลงไปพร้อมๆกัน

สิ่งที่ชั้นพอจะทราบจากมากิซามะที่ฟื้นคืนสติกลับมาก่อนนั้นก็มีเพียงแค่ เรื่องที่มากิซามะได้ถูกนายท่านและเอริซามะเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือเอาไว้ ส่วนเรื่องที่มากิซามะได้ความทรงจำกลับคืนมา และเรื่องที่คำสาปภายในร่างกายของเธอถูกล้างออกไปจนหมดนั้น เธอไม่ทราบเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

และถึงแม้มันจะฟังดูน่าสงสัยแบบนั้น แต่เรื่องที่นายท่านและเอริซามะมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือมากิซามะอยู่ตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องจริง ที่ตัวชั้นเองและพวกเราทุกคนรับรู้เป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงได้ยอมรับคำพูดของมากิซามะและ ไม่มีใครที่คิดจะไปต่อว่าหรือเอาผิดกับเธอ

มาเรียซามะ ชั้นนำช็อคโกแลตที่พวกเด็กสาวชาวเมืองสเตรเชียพากันนำมามอบให้กับทัตสึยะซามะมาแล้วนะคะ

ทูรี่ซังหนึ่งในเมดส่วนตัวของนายท่านขออนุญาตพร้อมกับค่อยๆเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยช็อคโกแลตวาเลนไทน์จำนวนมากเข้ามาภายในห้อง

ขอบคุณมากนะคะ ทูรี่จัง

ถะ ถ้าช็อคโกแลตวาเลนไทน์พวกนี้มันทำให้ทัตสึยะซามะฟื้นคืนสติกลับมาได้ก็คงจะดีนะคะ!!

ทูรี่ซังพูดพร้อมกับนำช็อคโกแลตวาเลนไทน์กล่องใหญ่เข้าไปให้นายท่านที่ยังไม่ได้สติดูด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ เนื่องจากพวกท่านจอมเวทไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ประกาศให้พวกชาวเมืองรับรู้ถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นกับนายท่าน

สิ่งที่พวกเราได้ประกาศให้ชาวเมืองได้รับรู้นั้น มีแค่นายท่านได้รับบาดเจ็บจากสงครามจนต้องกลับมานอนพักฟื้นอยู่ที่บ้านเพียงเท่านั้น ซึ่งนั่นจึงทำให้มีเด็กสาวได้นำช็อคโกแลตวาเลนไทน์มามอบให้กับนายท่าน เป็นจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วนเหมือนดังเช่นปีก่อน

นั่นสินะคะ ถ้านายท่านรู้ว่าได้ช็อคโกแลตวาเลนไทน์จากเด็กสาวจำนวนมากมายขนาดนี้ล่ะก็ นายท่านต้องรู้สึกดีใจมากแน่ๆเลยล่ะค่ะ!

แต่ถึงแม้ชั้นจะพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม ภายในจิตใจของชั้นก็ยังคงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าพวกท่านจอมเวททุกคนจะให้การยืนยันว่านายท่านจะต้องฟื้นสติกลับมาอย่างแน่นอน แต่นี่มันก็ผ่านไปตั้งเดือนกว่าแล้ว

ชั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากการกุมมือและคอยดูแลอยู่เคียงข้างนายท่าน และการที่ชั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากอดทนรอคอยอย่างเดียวนั้น มันก็ทำให้ชั้นรู้สึกทรมานและเจ็บปวดภายในใจเป็นอย่างมาก....แต่ถึงอย่างนั้น.....

….ไม่ว่าจะต้องอดทนรอคอยยาวนานสักแค่ไหน....แต่ชั้นก็จะรอคอยนายท่านเสมอนะคะ.....



-- มุมมองของทัตสึยะ --

….ที่นี่มัน.....ที่ไหนกันนะ.....

ท้องฟ้าสีเทาขาวไร้เมฆที่ให้ความรู้สึกอ้างว้างกว้างไกลไร้สิ้นสุด และแสงออโรร่าหลากสีสันที่เคลื่อนตัวสั่นไหวไปมาระยิบระยับเป็นจังหวะแสนงดงาม นั่นคือภาพที่ปรากฏอยู่ในสายตาของผมตอนนี้

ผมไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ และก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี ดังนั้นผมจึงได้ล้มตัวนอนลงไปกับพื้นใสๆที่ไม่สามารถแน่ใจได้ว่ามันเป็นพื้นดินหรือคืออะไรกันแน่

ตั้งแต่รู้สึกตัวขึ้นมาผมก็ได้มาอยู่ที่นี่โดยไม่รู้ตัว ไม่มีความหิว ไม่มีความง่วง ไม่มีความละคายตัว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่พบผู้คนหรือสิ่งมีชีวิต สิ่งของหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆเองก็ไม่มีเห็น แต่ถึงแม้มันจะเป็นโลกว่างเปล่า มันก็เป็นสถานที่ที่ทำให้จิตใจรู้สึกสงบเป็นอย่างมาก

ทั้งๆที่ก่อนจะมาถึงที่นี่ผมกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งสงคราม เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ไม่สามารถจะมานอนกลิ้งไปมาได้ นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องของยัยนั่นและเรื่องราวยุ่งยากอีกมากมายรอคอคอย แต่ทั้งๆแบบนั้นหัวใจของกลับรู้สึกสงบราวกับเรื่องพวกนั้นแทบจะไม่มีคุณค่าอะไรต่อจิตใจ

….หืมม...เสียงนี้มัน............!!

แต่แล้วในขณะที่กำลังกลิ้งไปมาอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นมา มันเป็นเสียงดนตรีที่ไพเราะนุ่มนวล มันเป็นเสียงที่ผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

และถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นทำให้เกิดเสียงนี้ขึ้น แต่ผมตัดสินใจลุกขึ้นและวิ่งไปยังต้นทางของเสียงนั้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้เสียงที่ไพเราะนุ่มนวลที่เหมือนกับกำลังร้องเรียกหาตัวผมแบบนี้น่ะ มันไม่มีทางเลยที่ผมจะทำเป็นไปไม่สนใจและนอนกลิ้งอยู่เฉยๆต่อไปได้อยู่แล้วใช่มั๊ยล่ะ!!

….นี่มัน.....ประตูงั้นรึ!!?

เมื่อผมวิ่งมาจนถึงจุดหนึ่งทีน่าจะเป็นต้นกำเนิดเสียง กำแพงใสๆที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงหน้าของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ค่อยๆแง้มเปิดออกมาช้าๆ และภายในนั้นผมก็ได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังแสดงท่าทางเหมือนกับการเล่นเปียโน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผมมองเห็นเพียงแค่ตัวเธอเท่านั้น ผมจึงไม่แน่ใจว่ามันเครื่องดนตรีที่เธอกำลังเล่นนั้นอยู่คือเปียโนหรือไม่

แต่เรื่องเครื่องดนตรีนั้นน่ะเอาไว้ทีหลัง ในตอนนี้ผมได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ แต่แล้วเมื่อได้เห็นใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้ามันก็ทำให้ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ใบหน้าแสนงดงามของเธอนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ไม่เคยลืม เรือนผมสีเงินเป็นประกายที่แสนจะยั่วยวนจนทำให้ผมอยากจะเข้าไปสัมผัสนั้นได้ปลิวไสวไปมาทั้งๆที่ไม่มีสายลมพัดผ่าน ชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์แสนงดงามนั้นก็ดูเข้ากันกับเธอเป็นอย่างมาก

….เธอคือ....เอริจัง ?

แต่ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กสาวที่คุ้นเคย แต่ผมก็เรียกชื่อเธอออกไปด้วยความไม่แน่ใจ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะบรรยากาศรอบๆตัวเธอนั้นมันแตกต่างออกไป หน้าอกของเธอเองก็ดูจะใหญ่กว่าเอริจังที่ผมรู้จักอยู่พอประมาณอีกด้วย

ยินดีต้อนรับสู่อาณาเขตแห่งพระเจ้านะคะ ทัตสึยะซามะ

เด็กสาวผมสีเงินที่ดูคล้ายกับเอริจังหันมาพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเธอเองนั้นก็เหมือนกันกับเอริจังที่ผมรู้จัก แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าเธอนั้นแตกต่างออกไป แล้วไอ้อาณาเขตแห่งพระเจ้ามันคืออะไรกันล่ะนั่น......



-- -- -- -- -- -- -- จบบทที่ 4 -- -- -- -- -- -- --

อุว๊า!! ในที่สุดก็เขียนบทที่ 4 จบจนได้แล้วนะคะ ท่านพ่อ!!

ในที่สุดก็เขียนจนจบได้สักที!! กินพลังงานชีวิตไปแทบจะหมดตัวเลยนะเนี่ย!!

สวัสดิ์ดีนะคะทุกคน!! เค้าเอเวลิเด้ เอเลคตร้า เอโดวีน่า เอฟีเล่ รอน เอเลนเดียร์ เองค่ะ วันนี้เค้าก็ยังคงเป็นเจ้าหญิงไอดอลโลลิสุดแสนน่ารักระดับเทพนิยายในหัวใจของทุกท่านเช่นเดิมนะคะ!!!

ทุกท่านไม่ต้องไปสนใจยัยเจ้าหญิงโลลิงี่เง่านี่มากก็ได้นะครับ

ทำไมท่านพ่อถึงได้พูดแบบนั้นกันล่ะคะ!!!

ก็เธอน่ะทำเงินแทบจะไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไงกัน!!!

นั่นเป็นเพราะไอ้คนพวกนั้นยังไม่รู้ถึงความสุดยอดของสุดยอดของเค้าต่างหากล่ะคะ!!!

เห้อ อยากจะทำอะไรก็ตามใจเถอะ แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนบทที่ 4 มากเลยนะครับ

อย่าตัดบทของเค้าทิ้งไปทั้งแบบนี้สิคะ!!

และถึงแม้ในบทที่ 4 นี้จะจบได้ค้างคาแบบงงๆกันไปเสียหน่อย แต่เนื่องจากในบทที่ 5 นั้นจะเป็นบทสุดท้ายซึ่งจะทำการเฉลยเนื้อเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เนื่องจากในตอนนี้ผมค่อนข้างจะขี้เกียจมาก ดังนั้นผมก็จึงอยากจะขอให้ทุกท่านช่วยอดทนรอกันไปก่อนนะครับ

ทำไมถึงได้พูดอะไรไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นล่ะคะ!!

เอาล่ะครับ เพราะคงไม่มีใครอยากจะพูดอะไรต่อให้มากมายแล้ว ดังนั้นผมจึงขอตัดจบแต่เพียงเท่านี้ละกันนะ

NOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO!!!!!!!!!

2 ความคิดเห็น:

  1. จบบทแล้ว? แต่ทำไมระดับความค้างมันเยอะกว่าตอนปกติซะอีกล่ะครับ
    รออ่านบทต่อไปอยู่นะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นั่นสินะครับ คงเพราะบทต่อไปเป็นบทสุดท้ายแล้วล่ะมั้ง
      แต่บทต่อไปก็คงต้องให้รอนานเลยนะครับ

      ลบ